ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THE DIAMOND OF GOD

    ลำดับตอนที่ #2 : ใต้ร่มโฆตมะ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 51


    วจักรห่อพระโอรสน้อยด้วยผ้าห่มแล้วผูกไขว้ไว้เบื้องหน้าตรงอกก่อนจักกระโดดขึ้นม้าพร้อมทหารกล้าในสังกัด

    ตีฝ่ามันออกไป  นำเสด็จพระโอรสให้พ้นราชภัยครั้งนี้ให้จงได้

    ขุนพลกล้าแห่งอโยธยาออกคำสั่งเหล่าทหารกล้าใต้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นกองทหารม้าราชองค์รักษ์อันเกรียงไกรแห่งอโยธยา

    กองทหารที่กอปรขึ้นด้วยขุนทหารกล้าที่คัดสรรแล้วกว่าร้อยชีวิต แต่ละคนเชี่ยวชาญเชิงอาวุธ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนหลังม้า จนได้รับขนานนามว่า อาชาพยัคฆ์

    สิ้นเสียงคำสั่งจากขุนพลกล้า ทหารในสังกัดก็เปิดฉากขวบม้าทะลวงฟันเปิดช่องเพื่อนำพระโอรสน้อยเสด็จหนี

    และในทุกทางที่ขุนพลวจักรและทหารในสังกัดบ่ายหน้าไป  ทหารของฝ่ายกบฏก็ถูกตีแหวกออกเป็นช่องด้วยเชิงอาวุธที่เหนือชั้นกว่า

    §         

    ด้านองค์สุริยะทิตย์และอทิตยา หลังขุนพลวจักรนำเสด็จพระโอรสหนีได้ไม่นาน  ทหารของฝ่ายกบฏก็บุกเข้าถึงท้องพระโรง  สองพระองค์ประทับรออยู่ยังพระแท่นยรรยงโดยมิครั้นครามในภัยอันตรายที่กำลังจักมาถึง

    ว่ายังไง สุริยะทิตย์น้องเราหริวัสมีรับสั่งทักผู้อนุชา

    เหตุใดพี่ท่านต้องกระทำเช่นนี้ด้วย

    กระแสรับสั่งตัดพ้อย่างไม่พอพระทัย 

    ทำไมนั่นเหรอ  ก็เพราะความลำเอียงของพระบิดาและไอ้กฎมณเฑียรบาลบ้าๆพวกนั้นไง พี่ถึงต้องทำเช่นนี้

    ก็มิน่าทรงต้องให้เลือดเหล่าชาวอโยธยาต้องประหัตถ์ประหารกันเองเช่นนี้

    แล้วถ้าพี่มาขอแผ่นดินนี้จากเจ้า เจ้าจะยอมอย่างนั้นหรือ

    สุริยะทิตย์นิ่งอึ้งไป  ด้วยรู้แก่ใจว่า  พระองค์ก็มิทรงยอมให้ทำตามคำขอของพระเชษฐาเช่นกัน ด้วยพระราชบิดารับสั่งกำชับหนักแน่นว่า ห้ามให้หริวัสเชษฐาครอบบัลลังค์ มิฉะนั้นแผ่นดินจักร้อนเป็นไฟ

    จงยอมจำนนเสียเทอด   เพราะถึงอย่างไรเสียเราก็เลือดพ่อเดียวกันหริวัสพยายามเกลี่ยกล่อม

    ไม่พระเจ้าข้า  ในเมื่อพระบิดามอบศรีอโยธยาให้หม่อมชั้นดูแล  หม่อมชั้นก็ต้องสนองพระกระแสรับสั่งให้ถึงที่สุด

    ไอ้โง่  หริวัสตวาดลั่น  โง่ติดพ่อไม่มีผิด งั้นเจ้าก็เตรียมตัวตายได้แล้วสุริยะทิตย์

    สุริยะทิตย์ชักพระแสงดาบประจำพระองค์ออกมาเพื่อเตรียมประจัญบาน  เมื่อองค์หริวัสย่างสามขุมเข้าไปหา

    ทหารเหล่าราชองค์รักษ์ที่ล้อมองค์อยู่เบื้องหน้าก็กรูกันเข้าสกัดกั้นหริวัส  เมื่อนั้นดาบมรกตก็ปรากฏขึ้นยามเมื่อหริวัสคว้ามือขึ้นไปกลางเวหาหาว

    รัศมีเขียวส่องเจิดจรัส ยามเมื่อหริวัสวาดดาบนั้นออกไป  รัศมีเขียวมรกตนั้นก็แล่นเข้าตัดร่างเหล่าองค์รักษ์ที่ดาหน้าเข้ามาตัวขาดเป็นสองท่อนในชั่วพริบตา 

    เหล่าองค์รักษ์ที่อยู่แนวหลังประจักษ์ในฤทธิ์แห่งดาบพากันตัวสั่นเทาเพราะความกลัว

    องค์สุริยะทิตย์ที่ยืนทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์โดยตลอดถึงกับตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ  พระองค์เคยได้ยินข่าวลือเรื่องพระเชษฐากระทำบัตรพลีถวายองค์มหาเทพเพื่อขอพระราชทานมหาอาวุธ 

    แลนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ข่าวลือนั่นเป็นจริง

    §         

    แม้นจะรู้อยู่เต็มอกว่าสู้ไม่ได้  แต่เมื่อเห็นทหารองค์รักษ์กำลังเสียขวัญ  สุริยะทิตย์จึงจำต้องออกเรียกขวัญด้วยการเข้าสัปยุทธ์กับองค์พระเชษฐาแห่งตน

    แม้นพระแสงดาบจะตีขึ้นจากเหล็กน้ำพี้ชั้นดี แต่เมื่อเทียบชั้นกับดาบมรกตแล้ว อุปมาเหมือนไม้ซีกงัดไม้ซุง เพียงแค่ปะทะคมของดาบมรกต  พระแสงดาบประจำราชวงค์ก็หักสะบันเป็นสองท่อน ก่อนที่องค์สุริยะทิตย์จะกระเด็นถอยหลังไปด้วยอานุภาพแห่งประกายเขียวส่องแห่งดาบมรกตนั้น

    เมื่อนั้นเหล่าทหารกบฏที่ค่อยท่าอยู่ก็ถึงตัวพระองค์และพระชายา สองพระองค์จึงถูกจับกุมตกเป็นเชลย

    §         

    ด้านขุนพลวจักรแม้นจะหักตีหนีออกจากพระนครมาได้  แต่ก็มีกองกำลังของทหารกบฏกลุ่มใหญ่ภายใต้การนำของนฤบาล  ขุนพลใต้สังกัดหริวัส พร้อมหน่วยล่าสังหารไล่ตามล่ามาติดๆ 

    นำไปก่อนเถิดพระคุณท่าน  พวกกระผมจะรั้งพวกมันให้เอง

    สมิงสามพรายผู้รั้งตำแห่งพระนายกองหัวหน้าหมู่ทะลวงฟันในสังกัดขุนพลวจักรร้องบอกเมื่อเห็นว่าหน่วยล่าสังหารของนฤบาลไล่หลังมาติดๆ 

    ขุนพลวจักรมองสบตาผู้อยู่ใต้สังกัดอย่างซึ้งใจ 

    มิน่าโบราณถึงกล่าวไว้ว่า มิตรแท้หาได้เมื่อ ยามยาก

    คนเป็นขุนพลรีบเร่งควบม้าเพื่อนำหน้าออกไป ขณะที่ทหารในสังกัดที่เหลือกลับม้าตั้งแถวเตรียมประจัญบานกับหน่วยล่าสังหารที่กระชั้นมา...

    เสียงคมดาบปะทะกันทำให้ วจักรที่ควบม้านำห่างออกไปหันกลับมามอง  และสิ่งที่อยู่ในจักษุของเค้ายามนี้ก็คือ กองทหารในสังกัดของเขากำลังถูกกลืนโดยหน่วยล่าสังหารที่โถมกำลังเข้าใส่

    และนั้นเป็นภาพสุดท้ายที่วจักรได้เห็น  เหล่าทหารหาญในสังกัดของตน

    §         

    นานเท่านานที่วจักรขวบม้าพาพระโอรสน้อยเสด็จหนี  แต่หน่วยล่าสังหารของนฤบาลก็หาได้ยอมลดละในการติดตาม

    ม้าที่ถูกควบตะบึงห้อมาทั้งวันโดยไม่มีการหยุดพัก  ก็ได้มาขาดใจตาย ณ ริมฝั่งแม่น้ำอโยธยาตอนบนซึ่งรั้งอาณาเขตติดกับเขตคีรีศรีอันเป็นที่ประดิษฐานแห่งมหาฤษีนาม โฆตมะ ซึ่งมีอาศมสถานอยู่เหนือลำน้ำขึ้นไปอีกกึ่งเดือนขวบม้า

    วจักรเร่งพาพระโอรสน้อยแล่นเข้าหาลำน้ำ หวังจะข้ามฟากนทีเพื่อหนีไป แต่อนิจจาลำน้ำที่อยู่เบื้องหน้านั้นกลับกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  ซ้ำยังเชียวกรากเกินกว่าจะข้ามได้

    พอหันกลับหน่วยล่าสังหารภายใต้การนำของนฤบาลก็กระชั้นเข้ามาถึงตัว

    จะหนีไปไหนวจักร ยอมจำนนซะ แล้วมอบพระโอรสมา

    ให้กูตายเสียดีกว่า ที่จะยอมจำนนกบฏเยี่ยงมึงไอ้นฤบาล

    ขาดคำ ขุนท่านก็ชักเอาดาบสองมือที่ขัดไขว้อยู่ข้างหลังออกตีฟันหมายจะหักฝ่าวงล้อมออกไป  แม้นเชิงชั้นขุนท่านจะเหนือชั้นด้วยฝีมือดาบ  แต่ด้วยกำลังทหารของหน่วยล่าสังหารที่นำได้เหนือกว่าชนิดหนึ่งต่อห้าสิบ ย่อมเป็นการยากที่จะหาญหักเอาชนะได้

    ไม่นานดาบที่เคยขวัดแขว่งรวดเร็วก็ค่อยๆ อ่อนแรงลง 

    ยิ่งปะทะยิ่งรับดาบมากขึ้นเท่าไร  เรี่ยวแรงที่มีก็ลดน้อยถอยลงเพียงนั้น  ซ้ำยังมีพระโอรสน้อยถ่วงรั้งให้ห่วงหน้าพะวงหลังด้วย

    ไม่นานขุนท่านก็เสียท่าต่อคมอาวุธของศัตรูที่แผ่นหลัง ทำให้สายผ้าที่คล้องรั้งพระโอรสน้อยเอาไว้ขาดลง พระกุมารตกลงกับพื้นแม่ธรณี ขุนท่านประจักษ์เช่นนั้นก็รีบหักตีหวังเข้าถวายอารักขา  แต่อนิจจาขุนท่านมิอาจทำให้สมดังเจตนา ด้วยพิษสงของธนูที่ปลิวมาจากนฤบาลบนหลังม้าแล่นเข้าแผงอก

    ขุนท่านพลัดหงายหลังตกน้ำตรงตลิ่งนั้นจมหายไป

    นฤบาลควบม้าตรงเข้าไปหาร่างของพระโอรสน้อยที่ยังนอนนิ่งเป็นดุษฎีอยู่ในห่อผ้า หาได้ทรงกรรณ์แสงเฉกเช่นทารกผู้อื่นไม่  ยังความประหลาดใจให้นฤบาล ขุนทหารเจนศึกผู้นี้เป็นอย่างมาก

    พระคุณท่านจักให้กระทำเช่นไรกับพระโอรสน้อยขอรับ

    เสียงนายทหารในสังกัดของมันถามขึ้น

    สังหารเสีย  ขุดรากแล้วต้องถอนโคน

    นฤบาลออกคำสั่งก่อนจะหันหัวม้าควบจากไป พร้อมหน่วยล่าสังหารคนอื่นๆ  มีเพียง  นายทหารผู้ซึ่งรับคำสั่งให้ปลงพระชนม์พระโอรสรั้งอยู่เพื่อกระทำการตามคำสั่งนั้น

    อโหสิเทิดพระเจ้าข้า ข้าพุทธเจ้าเป็นเพียงไพร่ทหารยอมต้องกระทำตามคำสั่งขัดเสียมิได้

    นายทหารนายนั้นกล่าวขออโหสิกรรมต่อพระโอรสน้อย 

    และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งเมื่อพระโอรสน้อยนั้นกลับแย้มพระโอษฐ์ให้อย่างไร้เดียวสา

    ดาบที่เงื้อล่าขึ้นสุดแขนชะงักมิอาจหักใจลงดาบได้  เพราะบัดนี้ความไร้เดียวสานั้นได้เข้าไปจับอยู่ในใจให้นึกเอ็นดูขึ้นมาอย่างกะทันหัน

    §         

    ครั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบุญญาบารมีแห่งพระองค์แล้วล่ะพระกุมาร  หม่อมชั้นเองมิอาจนำพาพระองค์ไปทะนุบำรุงให้เจริญชันษาสืบไปได้  คงทำได้แต่เพียงนำพระองค์ฝากลอยไปกับแม่คงคา  หวังใจว่าด้วยบุญญาธิการแห่งพระองค์จักช่วยให้พระองค์พ้นราชภัยในครั้งนี้

    ว่าแล้วนายทหารท่านนั้นก็วางร่างพระโอรสน้อยลงบนกองฟางที่นำมาต่อเป็นแพ ก่อนจะปล่อยให้ลอยไปกลับสายนที  

    §         

    แลการที่พระกุมารน้อยรอดจากวิบัติภัยอันตรายในครั้งนี้ได้ก็การดลบัลดาลขององค์มหาเทวีนั่นเอง ด้วยพระองค์มิพอพระทัยที่องค์มหาเทพมอบ ยอดศาตราวุธเยี่ยง สัตอาวุธให้คนใจบาปหยาบช้าเยี่ยง หริวัส

    ด้ายทิพย์ญาณจึงทรงล่วงรู้ว่าพระกุมารน้อยแล ฤษีโฆตมะมีบุพกรรมร่วมกันมาแต่ปางบรรพ์ 

    เมื่อนั่นจึงทรงสำแดงอภินิหารให้พระกุมารน้อยลอยทวนลำนทีขึ้นไปยังถิ่นป่าอรัญยิกาซึ่งอยู่เหนือลำน้ำขึ้นไปเป็นระยะเวลาเจ็ดทิวาราตรี

    หากแต่โอรสน้อยยังเป็นเพียงมนุษย์ปุตุชนธรรมดา ย่อมต้องเสพภักษาหารเป็นเครื่องเลี้ยงชีพ   ดั้งนั้นพระนางจึงมีรับสั่งให้ นางพญาเงือกสาวแม่ลูกอ่อนนางหนึ่งนามว่า วิจิตราค่อยตามถวายน้ำนมแก่พระโอรสไปตลอดทั้งเจ็ดทิวาและราตรี จนกว่าพระโอรสน้อยจักถึงซึ่งใต้ร่มบุญแห่งโฆตมะฤษี

    §         

    กล่าวฝ่ายโฆตมะฤษี ซึ่งมีถิ่นพำนักอยู่ยัง ณ ป่าอรัญยิกา ได้สละซึ่งเพศฆราวาสถือเพศบรรพชิตนับแต่อายุเพียงสิบขวบปี  เพราะ โฆสิตะผู้บิดานั้นก็ถือเพศฤษีนั่นเอง

    ความที่มีมารดาเป็นนางยักษา จึงทำให้ โฆตมะเรืองฤทธิ์ด้วยเดชแห่งฤษีเพศและเดชแห่งยักษ์พงศ์ 

    โฆตมะเฝ้าบำเพ็ญเพียร เจริญสมาธิภาวนา จนตบะกสินแก่กล้า อีกทั้งยังไดรับการถ่ายทอด ตรีสุปัญญะวิชาสุดยอดวิชาจากโฆสิตะผู้บิดาอันประกอบด้วย

    วิชาในเชิงอาวุธหนึ่ง

    วิชาในเชิงเวทย์หนึ่ง

    และ  วิชาในเชิงกสินอีกหนึ่ง

    เหล่านี้ล้วนเป็นเลิศวิชาในสามภพ

    เมื่อรวมสามเป็นหนึ่ง  ชื่อของฤษีเฒ่าแห่งป่าอรัญยิกา จึงระบือลือสั่นเป็นที่ครั้นคร้ามแก่เทพ แลอสูรทั้งปวง    

    แม้นองค์อินทราธิราชเจ้าผู้เป็นใหญ่ในหมู่เทวดาทั้งปวง ยังต้องให้การเคารพในมหาตบะและฤทธิ์ของมหาฤษีตนนี้

    §         

    แลในราตรีนั้นเอง...

    ฤษีโฆตะได้จำเริญญาณสมาบัติแต่ย่ำค่ำ  ครั้นพอสองยามก็ลุเข้าอนัตตสัญญาสมาธิ อันมีอรูปเป็นสรณะ  เมื่อนั้นก็บังเกิดทิพย์ญาณ รับรู้ถึงกาลที่จำจะเป็นไปในเบื้องหน้า 

    เมื่อนั้นฤษีเฒ่าแห่งป่าอรัญยิกาก็ได้ประจักษ์ด้วยทิพย์ญาณว่า

    บัดนี้พระกุมารน้อยผู้เคยมีบุพกรรมอุปถัมภ์ค้ำชูกันมาแต่บางบรรพ์ กำลังลอยทวนพระแม่คงคาขึ้นมาหาตน

    กราบนมัสการพระคุณเจ้าเพคะสุรเสียงอันทรงอำนาจรับสั่งถวายคำสาธุการ ก่อนที่พระวรกายอันเป็นทิพย์จักค่อยๆ ปรากฏองค์ขึ้น

    เจริญพรมหาบพิตร

    พระคุณท่านคงแจ้งแล้วถึงเจตนาที่หม่อมชั้นมาเฝ้านมัสการพระคุณเจ้าถึงยังอาศรมสถาน

    ข้าพุทธเจ้าแจ้งแล้วด้วยทิพย์ญาณ

    หม่อมชั้นขอฝากกุมารน้อยแสงสุรีย์ไว้ในการอุปถัมภ์ของพระคุณท่าน  ขอได้โปรดช่วยชูชุบอุปถัมภ์พระโอรสน้อยให้เจริญชันษา เพื่อสืบไปเบื้องหน้าจักได้กลับไปทวงขอบขันฑสีมาของพระองค์คืน

    ข้าพุทธเจ้าขอน้อบรับกระแสรับสั่งของพระองค์

    หม่อมชั้นขอขอบน้ำใจในความกรุณาของพระคุณท่านเพคะ  หม่อมชั้นขอนมัสการลา

    เจริญพรมหาบพิตร

    §         

    พระโอรสน้อยลอยทวนพระแม่คงคาเป็นเวลาเจ็ดทิวาแลราตรี  ก็ลุถึงบริเวณป่าอรัญยิกา  เล่าสรรพสัตร์น้อยใหญ่สำเนียกถึงการเสด็จของผู้มีบุญญาก็พากันมาเฝ้าถวายการต้อนรับ พร้อมกันนั้นได้นำมาซึ่งภักษาหารอันเป็นสิ่งดำรงชีพแก่พระกุมารน้อยมาถวาย

    ฤษีเฒ่าออกดำเนินจากอาศรมสถานตรงไปรับพระกุมารขึ้นจากแพฟางที่ลอยอยู่ในพระแม่คงคา

    แลบัดนี้ แสงสุรีย์กุมารได้ยังถึงซึ่งใต้ใบบุญโฆตมะฤษีสมเจตนาองค์มหาเทวีเจ้า

    §         

    แลการเพื่อจะเลี้ยงดูให้กุมารน้อยเจริญวัยขึ้นตามวิวัฒนาการอันควรจักเป็น  ฤษีเฒ่าแห่งป่าอรัญยิกาจึงมอบให้พระกุมารอยู่ในความดูแลของนางเสือแม่ลูกอ่อนนาม มิสาถาที่เพิ่งตกลูกโทนเมื่อมิกี่ราตรีที่ผ่านมา

    หนึ่ง ลูกเสือหนึ่ง ลูกคนจึงร่วมดื่มน้ำนมจากอุทรแม่เดียวกัน

    ครั้นเมื่อเจริญวัยขึ้น พระโอรสจึงเรียกขนานแม่เสือสาว  มิต่างกับ แม่ตัว  แลเรียกพี่เสือผู้ร่วมอุทรเป็น พระพี่เสือเป็นพระญาติสนิทเฉกเช่นกัน

    แลเพื่อให้สะดวกดายในการเจรจาระหว่างลูกมนุษย์กับเหล่าบรรดาสรรพสัตร์ทั้งหลายในละแวกป่าอรัญยิกา  พระฤษีเฒ่าจึงเปิดโอษฐ์พระกุมารให้เจรจาได้สารพัดภาษาสัตว์เท่าที่จะพึ่งมีในเขตป่าอันเป็นอาณัติแห่งตน

    §         

    หนึ่งลูกเสือหนึ่งลูกคนซุกซนมิผิดกัน... วันๆ แม่เสือสาวมิสาถา ต้องคอยออกตระเวนหาว่า หนึ่งลูกเสือหนึ่งลูกคนพากันไปซุกซนอยู่ ณ ที่ใด 

    แสงสุรีย์...  วสิน...

    เสียงแม่เสือสาวเรียกหา หนึ่งลูกคน หนึ่งลูกเสือในอุทร

    หากมิมีเสียงตอบทั้งๆ เจ้าหล่อนเพิ่งจะได้กลิ่นกายของลูกคนโชยมาจากเหนือลมเมื่อครู่

    แสงสุรีย์  วสิน

    นางเสือสาวเรียกซ้ำอีกครั้ง  หากแต่ป่าทั้งป่ายังคงเงียบสงัดอยู่เช่นเดิม  นางเสือสาวจึงค่อยๆใช้จมูกที่ไวต่อกลิ่นสัมผัสยื่นขึ้นไปในอากาศ  แลกลิ่นสารพัดที่โชยตามลมมาก็ปะทะเข้าโสตการรับรู้ของเจ้าหล่อน แว๊บหนึ่งกลิ่นลูกเสือและลูกคน ลอยมามาเต๊ะปลายจมูก  ก่อนที่เจ้าตัวจะลอยละลิ่งลงมาจากกิ่งไม้ซึ่งอยุ่เหนือขึ้นไปข้างบนนางเสือสาว  ด้วยหวังจะกระโดดเลงยังหลังของแม่เสือ

    หากแต่ความว่องไวและความปราดเปรียวนั้นผิดกัน  พอจะใกล้ลงเป้า นางผู้เป็นแม่ก็ฉากหลบทำให้ทั้งลูกเสือและลูกคนพลาดเป้าไปด้วยกันทั้งคู่ 

    แลเมื่อรู้ตัวว่าพลาดลูกเสือและลูกคนก็ทำท่าจะแล่นหนี  หากแต่นางเสือสาวหันไปคว้าเอาชายพกโจงกระเบนของลูกคนเอาไว้ทัน  ลูกคนเลยหมดทางหนีต่อไปได้

    เจ้าหล่อนเอาหัวดันให้ลูกคนให้ล้มลงกับพื้น แล้วตะบบจับไว้ด้วยปลายอุ้มเท้าอย่างแผ่วเบา

    ออกมาเดี๋ยวนี้เจ้าวสิน

    เจ้าเสือน้อยที่บัดนี้เติบโตเป็นหนุ่มใหญ่ฉกรรจ์ค่อยๆ ย่องออกมาจากพงรกข้างๆ ตัวแม่เสือสาว

    ตัวดีนักนะเรา วันๆ เอาแต่พาน้องเที่ยว

    เปล่านะจ้ะแม่จ้า  น้องต่างหากบังคับให้เค้าพาเที่ยว

    เอ้า... ไงมาขายอย่างนี้ล่ะพี่เสือคนที่เป็นน้องคนต่อว่าพี่ที่เป็นเสือ  ตอนไปก็ไปด้วยกัน แต่พอแม่จับได้ก็โทษชั้นทุกที

    พี่ที่เป็นเสือกุมหน้างุด  เพราะได้ตอนที่น้องมนุษย์มันมาเล่าว่าที่นั้นสนุกที่นี่สนุก  มันเองนั้นแหละที่เป็นคนชวนน้องแล่นออกไปดูให้เห็นกับตาทุกที

    ไม่ต้องมาโทษกัน  วันนี้ต้องโดนทำโทษด้วยกันทั้งพี่ทั้งน้อง

    พี่เสือกับน้องคนพากันจ๋อยไปตามระเบียบ 

    ลองแม่มิสาถาออกปากเช่นไรแล้ว จะต้องกระทำเช่นนั้น 

    แม่เสือเจ้าข้า...  ปล่อยแสงสุรีย์ก่อนซิเจ้าค่ะ  เล็บคุณแม่ทะลุผ้าโดนหลังลูกเจ็บหมดแล้ว

    เจ้าลูกมนุษย์มันอ้อนให้แม่ที่เป็นเสือถอยกรงเล็บออกจากแผ่นหลังของมัน  

    จักทำยังไงได้นอกจากตามมัน  ก็แม่เสือดันมาหลงรักลูกมนุษย์เข้าให้แล้วนี่

    ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณแม่เจ้าขา

    มันยังอ้อนไม่ยอมเลิก  ก่อนสะบัดหน้าหันไปเล่นงานพี่ผู้เป็นเสือของมัน

    เพราะพี่คนเดียวแท้ๆ  บอกแล้วว่าให้หนีให้หนี ก็เอาแต่จะซ่อน  แล้วเป็นไงล่ะคราวนี้ โดนจับเลยเห็นมั้ย

    คนที่เป็นน้องโทษส่งหน้าตาเฉย  ทั้งที่ตัวเองนั้นแหละเป็นคนออกแผนว่าแหย่แม่เล่นก่อนแล้วค่อยหนีก็ทัน

    ถามคำ ใครเป็นคนออกหัวคิดแผนนี้กันแน่

    คนเป็นน้องจ๋อย ค้อนตาเป็นจวัก พี่ซึ่งเป็นเสือแลแล้วให้หมั่นไส้มันจัง  คราไหนแม่ออกไปหากินไกลๆ แล้วทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง  พ่อจะตะปบให้กลิ้งสักที

    หากแต่ก็ทำได้เพียงแต่คิด  เพราะวสินนั่นรักและเอ็นดูน้องมนุษย์ผู้นี้ดังชีวิตตน

    จงตามแม่กลับไปเดี๋ยว  หลวงตาท่านเรียกให้หา

    แม่เสือบอกเหตุผลที่ต้องออกตามหา

    §         

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×