คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : วันซวยอะไรกันนี่!!!
“พิมพ์สิการย์ รายงานวิทยาศาสตร์ของครูเธอส่งรึยัง”
เสียงประกาศิตของอาจารย์รัตติกาลดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่ออย่างฉันสะดุ้งโหยงเลยทีเดียว แหงล่ะ ก็ฉันยังไม่ได้ส่งนี่นาT_T
“ค่ะ...ยะ..ยังไม่ได้ส่งค่ะอาจารย์” O.O
“แล้วเมื่อไหร่เธอจะส่ง”
อึก!!อาจารย์ตะคอกเสียงดัง ทำให้นักเรียนในห้องหลายคนผวาและรวมถึงฉันด้วย
“วันศุกร์หน้าได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้”
อ้าว!! แล้วจะถามทำแปะยิ้มกาลามังตั้งเฉียงเพื่ออะไรล่ะอาจารย์ ลูกศิษย์ไม่ปลื้ม O^O
“ครูให้โอกาสเธอส่งวันจันทร์หน้า” =_=
“วันจันทร์!! มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะอาจารย์”
“หรือเธออยากได้เกรด F”
“แต่ว่า”
“เข้าเรียนวิชาต่อไปได้”
ทำไมอาจารย์ทำกับช้าน..อย่างนี้!!ฉันยังพูดไม่ทันจบ อาจารย์รัตติกาลก็เดินออกจากห้องไปอย่างไม่ใยดี ฉันว่าอาจารย์เหมาะกับชื่อ รัฐเผด็จกาล มากกว่านะ หลุดออกมาจากยุคคอมมิวนิสส์รึไงกัน โหดร้ายที่สุด T^T
“ไง..อาจารย์ทวงงานรู้สึกยังไงบ้าง”
น้ำเสียงฟังดูเยาะเย้ยมากกว่าเห็นใจดังขึ้นข้างตัวฉัน ผู้ชายหน้าตาหล่อลากไส้ปานเทพส่งมาเกิดนั่งกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กๆที่ทำให้สาวๆละลายแต่สำหรับฉันไม่ได้พิศวาสมันเลยสักนิดเดียว
“รู้สึกดีที่อาจารย์จำหน้าฉันได้”
“ก็เพราะว่าเธอไม่ส่งงานไง ให้ตายเถอะ งานก็ไม่ส่ง มาโรงเรียนก็สาย แอบหลับในห้องเรียน แถมยังเป็นเด็กหัวไม้อีก เธอรอดมาอยู่ห้อง A ได้ไงฟระ”
แอลฟาบ่นยาวเหยียดใส่ฉันเหมือนพ่อบ่นลูก แต่รู้สึกที่พูดมานั้นมันจะไม่พ้นตัวนายเองเลยนะ ฉันว่ามันจะเป็นหนักกว่าฉันอีก
“เฮ้ย!!...แกก็พูดไปไอ้แอล ยัยนี่เคยได้เกรด A วิทยาศาสตร์ที่ไหน ตั้งแต่อยู่เกรด 7 ตอนนี้อยู่เกรด 12 แล้วก็ยังไม่เคยได้เลย”
ซีลอนพูดแทรกขึ้น เหมือนจะช่วยฉันเถียงนะ แต่ไหงมาตอกย้ำกันล่ะนี่ ฉันมีเพื่อนอย่างพวกนายได้ไงวะ นึกแล้วหดหู่ใจชะมัด
“ก็ยัยนี่มันโง่นี่ พวกแกก็รู้ =_=”
คอสมิกถ้านายจะช่วยสงบปากสงบคำเหมือนเดิมก็จะดีไม่น้อย อยู่เงียบๆอ่ะดีแล้ว ผู้ชายอะไรปากจัดยิ่งกว่าผู้หญิงอีกแบบนี้จะมีแฟนกับคนอื่นเขามั้ยเนี่ย
“ฉันเห็นด้วย ยัยนี่โง่ชะมัด”
ไลก้าก็เข้าร่วมขบวนการด่าฉันอีกคนนึง พระเจ้า! O.o นี่หรือคือบรรดาเพื่อนรักของฉันทั้ง 4 คน ฉันควรดีใจใช่มั้ยT_T ที่มีเพื่อนหน้าตาหล่อดั่งเทพบุตรซาตาลบวกด้วยนิสัยอันไม่พึงประสงค์
++ พักกลางวัน ++
ฉันลงมาซื้อข้าวกลางวันกินเป็นคนสุดท้ายเนื่องจากไม่อยากเถียงกับเพื่อนนรก!! เลยหลับในห้องเรียนซะเลย ตื่นมาอีกทีเกือบหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว พวกนั้นก็ไม่คิดจะปลุกฉันเลยสักนิด โฮก...ToT
ดีนะที่ลงมาทันเหลือข้าวอยู่แค่จานเดียวจานสุดท้ายและท้ายที่สุดพอดี ฉันค่อยๆเดินมานั่งโต๊ะประจำแต่ยังไม่ทันที่จะได้นั่งก็มีไอ้หน้าปลาไหลที่ไหนไม่รู้เดินมาชน O[]O จานข้าวล่องลอยอยู่บนอากาศช้าๆเหมือนภาพสโลว์โมชั่นแล้วล่วงลงพื้นต่อหน้าต่อตาฉัน
ข้าวกลางวานของช้านนนน.......อ้ายยยย....
ฉันหันขวับไปหวังจะเอาเรื่องแต่ไอ้หน้าปลาไหลนั่นวิ่งหายไปแล้ว ฉันเลยนั่งมองเศษซากข้าวน้อยของฉันที่กลืกกลิ้งคลุกเคล้าอยู่กับฝุ่นบนพื้นด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
หลังเลิกเรียนฉันเดินเดินดุ่ยๆไปที่ลานจอดรถของโรงเรียน เมื่อถึงรถสปอตจากัวว์สีดำหรูคู่ใจฉัน ฉันจึงขับออกจากโรงเรียนด้วยอัตราความเร็วช้ากว่าปกติ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
~ อีกไม่นานแล้ววันนี้เราต้องจาก...จากกันไป อยู่ที่มุมไหนล่องเหนือหรือขึ้นใต้ ทะเลทะเล ทุกเรื่องราวต่อไปจากนี้ จะร้ายหรือดีอย่างไร
เสียงริงโทนมือถือของฉันดังขึ้น เบอร์ที่บ้านของฉันนี่นา เมื่อเห็นดังนั้นฉันจึงกดรีบทันที
“.........” ฉันเงียบ
/ฮัลโหลค่ะ คุณหนูใช่มั้ยคะนี่ป้าป้อมเองนะคะ/
“ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะป้า เนสกำลังขับรถอยู่ค่ะ”
/อ๋อ...คือคุณผู้หญิงให้ป้าโทรมาตามคุณหนูกลับบ้านก่อนค่ะ/
“ทำไมคะมีเรื่องอะไรเหรอ”
/ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณหนูกลับมาเร็วๆนะคะ/
“ค่ะ เนสจะรีบกลับไปนะคะ หวัดดีค่ะ”
ฉันวางสายแล้ววางมือถือที่ห้อยจี้ไม้กางเขนสีเงินสวยวางลงข้างตัว แม่ให้ฉันกลับบ้านทำไมต้องมีเรื่องอะไรอีกแน่ๆเลย ร้อยวันพันปีแม่ไม่เคยให้คนโทรมาตามฉันกลับบ้านเลยนี่นา
ภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถสปอตจากัวว์สีดาคันงามของฉันก็เคลื่อนตัวมาถึงคฤหาสหลังใหญ่ที่คุ้นเคยพร้อมกับคำสาปแช่งตลอดทางที่ฉันขับรถคันนี้มา นี่ถ้าฉันขับรถคว่ำตายนะจะตามไปหลอกหลอนพวกนั้นให้ดู บังอาจมาแช่งฉัน =_=
ปึง!!!
ฉันปิดประตูรถอย่างเบามือที่สุด(เหรอ) แล้วเดินไปที่ห้องรับแขกทันที
ผู้หญิงวัยสี่สิบกว่าที่ไม่บอกอายุก็คงไม่มีใครรู้ว่าอายุเทาไรกันแน่ ในใบหน้าที่อ่อนวัยกว่า เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทันทีที่เห็นฉัน ใช่ ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของฉันเอง
“ลูกมาเร็วจังเลยนะจ๊ะ”
แม่พูดหลังจากที่ฉันนั่งบนโซฟาตัวหนึ่งไม่ไกลจากแม่มากนักเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะ...แม่มีอะไรหรอคะถึงให้ป้าป้อมโทรไปตามเนสมาถึงนี่”
“แม่มีเรื่องสำคัญจะบอกน่ะ” ^^
“หือ...เรื่องอะไรเหรอค่ะ” =_=
ฉันเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“ลูกก็จะเรียนจบแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ”
อย่าเพิ่งงงนะค่ะทุกคน คือฉันเรียนซ้อนอ่ะนะ เรียนไฮสคูลไปพร้อมๆกับมหาวิทยาลัยฯ แล้วฉันก็เรียนอยู่เกรด 12 อาทิตย์ก็สอบปิดภาคเรียน ส่วนมหาวิทยาลัยฉันก็เรียนต่ออีกสักเดือนกว่าถึงจะจบการศึกษา สรุปฉันจะจบไฮสคูลพร้อมๆกับมหาวิทยาลัยในเวลาเดียวกันนั่นเอง
“ใช่ค่ะแม่ทำไมเหรอค่ะ” -_-
“แม่เคยเล่าเรื่องคู่หมั่นของลูกให้ฟังแล้วใช่มั้ยจ๊ะ”
ฉันมีคู่มั่นตั้งแต่ยังอยู่ในท้องแม่อ่ะนะ รู้สึกว่าจะเป็นลูกของเพื่อนแม่ของฉันเองแหละ แต่ฉันไม่เคยเห็นหรอกนะผู้ชายที่โชคดีคนนั้น(หรือโชคร้ายกันแน่)ที่ได้มาเป็นคู่หมั่นของฉันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ลูกเคยสัญญาอะไรกับแม่เอาไว้จำได้ไหม!!!”
สัญญาอะไรฟร่ะจำไม่ได้เลย ฉันนั่งคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกดูเหมือนแม่จะรู้จึงสายหัวไปมาเบาๆ
“ลูกสัญญากับแม่ว่าลูกจะแต่งงานกับคู่หมั่นของลูกตอนลูกเรียนจบเพื่อแลกกับรถสปอตจากัวว์คันเหยียบสิบล้านที่ลูกขับอยู่ไงจ้ะ”
ฉันเคยสัญญาแบนั้นด้วยเหรอไม่จริงมั้ง ฉันทำหน้าไม่เชื่อสุดๆ แหงล่ะ นี่มันเรื่องใหญ่นะ จะให้ฉันไปแต่งงานกับใครไม่รู้ที่ไม่เคยเห็นหน้าเนี่ยนะ ม่ายยยอาวววว.....
“ยังไงลูกก็ต้องแต่ง”^^
“ไม่เอา เนสไม่แต่งยังไงเนสก็ไม่ยอม”
“เงินสินสอดเยอะมากๆเลยนะ แถมยังเป็นของลูกคนเดียวล้วนๆ”
“เยอะแค่ไหนเนสก็ไม่แต่ง”
เยอะแค่ไหนฉันก็ไม่แต่งหรอก ถ้าต้องแลกกับชีวิตที่ไม่เป็นอิสระฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าจะไม่แต่ง เชอะ
“ก็แค่เงินสิบล้าน รถสปอตอีก 2 คัน เรือนหออีกต่างหาก...”
“โอเค เนสจะแต่ง”
“ดีมากจ้ะ ลูกรัก”
แหมก็ได้ทั้งขึ้นทั้งร่องแบบนี้มีหรือฉันจะไม่แต่ง เอาไว้เจอตัวคู่หมั่นก่อนแล้วกันค่อยคิดวิธีเลิก จากนั้นฉันก็จะเป็นอิสระอีกครั้งโดยไม่เสียอะไรเลย
“แต่งปีหน้านะคะ เนสยังมาพร้อมเท่าไหร่”
“ไม่
ได้จ้ะ ลูกจะต้องแต่งหลังเรียนจบเดือนนึง”
“ห๊ะ!! แค่เดือนเดียวเองเหรอ”
“อืม ^^+”
“แต่ว่า..เนส..เนสยังมาพร้อมเลยนะคะ”
“แม่ก็ให้เวลาลูกเตรียมตัวเดือนนึงไงจ้ะ”
แม่ฉันตอบหน้าตายไร้ซึ่งอารมณ์มาก เดือนเดียวเองมันไม่น้อยไปหน่อยเหรอ แต่งงานนะไม่ได้ไปทำบุญถึงต้องรีบทำอ่ะ
“เนสว่ามัน..”
“ไม่มีอะไรแล้วลูกจะไปทำอะไรก็ไปเถอะจ้ะ แม่ไม่อยากกวน”
ฉันยังพูดได้ไม่ทันจบแม่ก็ถีบหัวฉันส่งอย่างนิ่มนวล(จะยังไงกันแน่)ฉันจึงเดินคอตกกลับไปนั่งรถสปอตเฮงซวยคันเดิม ฉันไม่น่าไปสัญญาอะไรบ้าๆนั่นเลย
ฉันขับรถออกจากคฤหาสหลังใหญ่ด้วยความเร็วสูงมาก พร้อมกับคำสาปแช่งอีกตามเคยของคนที่อยู่ระแวกนั้นอยู่ในบ้านก็มีเรื่องเครียด ออกจากบ้านยังมีคนสาปส่งอีก ฉันไปขโมยขี้ของแกรึไงฟ่ะแช่งฉันอยู่ได้
เอาแล้วไง ซวยอีกแล้ว ฉันมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนขับรถไปสอยท้ายรถเก๋งคันงามที่จอดถูกระเบียบตามกฎหมายเข้าแล้ว แต่ฉันว่าฉันชนไปเบาๆนะ(เหรอ)ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก
ฉันลงจากรถเพื่อไปดูผลงานชิ้นโบว์แดงที่ไม่ตั้งใจก่อขึ้น โดยมีไทยมุงนับสิบคนร่ายล้อมไว้ โฮก..พวกแกตั้งใจจะมาเป็นพยานรู้เห็นด้วยใช่มั้ยเนี่ย!!
“รถของฉัน นี่เธอขับรถภาษาอะไรเนี่ยรถฉันพังหมดแล้ว”
ผู้ชายหน้าตาดูดีมีภูมิฐานร้องโวยวายขึ้น ฉันจึงถึงบางอ้อเลยว่าหมอนี่เป็นเจ้าของรถเก๋งที่ฉันชน แต่ขับรถมันต้องมีภาษาด้วยเหรอ
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจไฟท้ายของฉันแตกระเอียดเลยเนี่ยนะ แล้วถ้าตั้งใจรถของฉันคงจะยับทั้งคันแน่ๆ”
“เอ่อ...คือฉันขอโทษ..แบบว่าบ๊ายบายนะ” พูดจบฉันก็หันหลังจะขึ้นรถแต่ก็ไม่ทันถูกคว้าตัวไว้ได้ก่อน
“บ๊ายบายเหรอ...งั้นเราคงต้องไปคุยกันที่โรงพักแล้วมั้ง”
“โอเค ฉันจ่ายค่าเสียหายให้ก็ได้”
“ดี ค่อยพูดกันรู้เรื่องหน่อย”
วันนี้มันวันซวยอะไรกันเนี่ย ตั้งแต่เช้าแล้วอาจารย์ทวงงาน ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน กลับบ้านก็มีเรื่องน่าปวดหัวอีก ออกจากบ้านก็ขับรถสอยไฟท้ายชาวบ้านเสียไปหลายหมื่นแถมยังมีคนสาปแช่งด้วยสายตาอีก ตกลงวันนี้มันวันนรกเปิดรึไงซวยซ้ำซวยซ้อนซวยจนขี้นสมองแล้วนะ
ความคิดเห็น