คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่9 เส้นทางสู้ระดับ10
บทที่9 เส้นทางสู่ระดับ10
เช้าวันรุ่งขึ้น ลูมิเอลได้ตื่นมาออกกำลังกายยามตี4 พร้อมๆกับเพื่อนร่วมกระโจมทั้ง4คน ทั้งหมดดูตกใจมากที่ลูมิเอลแค่วันเดียวก็ถึงระดับ9แล้ว ซึ่งพวกเขาต้องใช้เวลานานถึง2สัปดาห์ด้วยกัน
หลังจากออกกำลังกายเสร็จ ลูมิเอลและเพื่อนทั้ง4ก็กลับมายังกระโจมเพื่อทานอาหาร เมื่อมาถึงกระโจมลูมิเอลก็เห็นปลอกดาบทำจากไม้ ที่หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล และมีสายหนังสีเดียวกันร้อยไว้เพื่อใช้คาดเอว พร้อมมีจดหมายวางอยู่กับปลอกดาบว่า
‘ ปลอกนี้เอาไปใช้ก่อนแล้วกัน ดีกว่าถือดาบเปล่าๆล่อนไปล่อนมาในค่าย ถือว่าเป็นของขวัญจากข้า ซิมเมอร์ ’
ลูมิเอลก็หยิบปลอกดาบไปเก็บในห้องก่อน เพราะการออกกำลังกายตอนเช้า และต่อจากนั้นยังไม่ต้องใช้อาวุธ จนถึงเวลาแยกซ้อมเท่านั้นถึงใช้อาวุธ ดังนั้นทุกคนจึงเก็บเอาไว้ในกระโจมของตนก่อน จะได้ไม่เกะกะ
“โห มีปลอกดาบส่งมาจากท่านนายกองเลยหรอลูมิเอล แต่ก็สมควรแหละ วันแรกเล่นมาก็เลเวล9เลย เก่งจริงๆ”
เมื่อลูมิเอลกลับออกมา ซิกนัสชายร่างใหญ่ที่ใช้ขวานเป็นอาวุธทักขึ้น
“จริงสิ เดียวกินข้าวเสร็จนายก็ไปซ้อมกับพวกเราต่อหนิ ว้า น่าสงสารยาสฟา เลเวลน้อยที่สุดเลย ต้องออกกำลังกายฝึกพื้นฐานยาวเลยสิ”
ไพรอสเสริมขึ้นในขณะที่ทุกคนกำลังทานข้าวกันอยู่ ประโยคหลังทำให้แทบทุกคนในโต๊ะหัวเราะอย่างสนุกสนาน ยกเว้นคนที่โดนพาดพิงนั่งหน้ามุ้ยอยู่คนเดียว
“เอาน่าๆ คนเรามันมีพื้นฐานมาต่างกัน ฝึกไปเยอะๆเดียวก็ตามทันเองน่า”
ลูคัสพูดขึ้นก่อนจะขอตัวลุกเข้าห้องไปเพื่อเตรียมตัวไปฝึกต่อ
“อืมพยายามเข้าหละยาสฟา เรารู้ว่ายิงธนูมันยากแค่ไหน แถวเป็นสายระยะไกลด้วย ร่างกายก็ต้องไม่แข็งแรงอยู่แล้ว ทนๆหน่อยแล้วกัน ผ่านระดับ5ไปได้ก็ได้ฝึกธนูมากขึ้น ระดับก็พุ่งไวแล้วหละ”
ไพรอสกล่าวก่อนลุกจากไปอีกคน หลังจากนั้น ทุกคนก็ทยอยออกลุกจากโต๊ะ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับช่วงต่อไป
ไม่นานหลังจากนั้น ยาสฟาก็แยกออกไป ส่วนที่เหลือก็รวมกลุ่นกันไปที่ฝึกรวมของระดับ9 เมื่อมาถึง กลุ่มของลูมิเอลก็ได้เข้าไปรวมกันคนอีก8คน โดยมีผู้เล่นสวมชุดเกราะดูมีระดับคนหนึ่งยืนคุมอยู่
“สวัสดีทุกคน ผมชื่อ ดาบเดี่ยวสังหาร จะเป็นคนฝึกร่างกายพื้นฐานให้แก่ระดับ9 และเป็นคนสอบในสายดาบระดับ9ถึง15ด้วย
เอาหละครับ สำหรับคนที่มาใหม่อยู่ก่อน คนเก่าก็ไปฝึกตามตารางเดิมได้เลยครับ หวังว่าวันนี้คงจะมีคนสามารถผ่านไปถึงระดับ10ได้นะครับ อ้อ ผมเกือบลืมไป เบื้องบนแจ้งมาว่า หลังจากนี้ ผู้เล่นระดับ9ขึ้นไป สามารถเลือกตารางฝึกเองได้นะครับ โดยที่ไครคิดว่าพื้นฐานร่างกายพร้อมแล้ว จะเน้นไปทางด้านฝึกอาวุธและพลังพิเศษเลยก็ได้ครับ แยกย้ายกันได้ครับ”
เมื่อส่วนหนึ่งแยกออกไปแล้ว ก็เหลือแต่ลูมิเอล กับผู้เล่นอีก2คน ดาบเดี่ยวสังหารเริ่มอธิบายเรื่องพลังในสายต่างๆ สรุปโดยคล่าวๆได้ใจความว่า
พลังพิเศษ แบ่งได้หลายประเภท พลังจิต เวทย์ ปราณ และศาสตร์อื่นๆ เนื่องจากกองทัพเทมปร้า สร้างขึ้นโดยผู้เล่น ข้อมูลจึงไม่ครอบคลุมเหมือนที่เนธานได้รับที่หมู่บ้านผู้ฝึกตน
พลังจิต ออกมาในแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นควบคุมสิ่งของ สร้างอาณาเขต ควบคุมธาตุ สร้างธาตุ ติดต่อทางจิต เคลื่อนย้าย แต่จะมีพื้นฐานเหมือนกันคือการควบคุมจิตให้เกิดเป็นออร่า ออร่าสามารถใช้ในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ร่างกาย ออร่าในขั้นแรกจะออกมามีสีคล้ายความสามารถจิต ถ้าเป็นพวกที่มีพลังจิตแต่ไร้รูปแบบ คือไม่สามารถใช้จิตทำอะไรได้นอกจากก่อเกิดออร่า ก็จะเป็นสีใส
แต่พอพวกที่มีรูปแบบของพลังจิต เมื่อฝึกถึงระดับหนึ่งแล้วออร่าที่ออกมาจะเป็นสีใสเหมือนกัน เพราะสามารถควบคุมสิ่งที่เรียกว่าจิตแท้ได้ จิตแท้คือพลังขับเคลื่อนให้ก่อนเกิดรูปแบบของจิตอีกที เมื่อไม่ต้อวสร้างออร่าผ่านรูปแบบของจิต ออร่าที่ได้ก็จะแข็งแกร่งมากกว่า และกินแรงน้อยกว่า
ต่อมาคือเวทย์มนต์ .
.
.
..
(ขอละไว้เนื่องจากข้อมูลคล้ายที่ลงไปแล้ว ถ้าลงอีกจาเบื่อกันได้ ในส่วนของปราณก็เช่นกัน)
หลังอธิบายจบ ลูมิเอลก็ถามถึงเหตุการที่นายกองฟันหุ่นขาดจากระยะไกล แล้วมีไฟลุก ว่านั่นคือข้อกำหนดความเก่งจากระดับสิบหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่า สิ่งที่เห็นคือการผสานออร่าเข้ากับอาวุธ และใส่ธาตุเข้าไปด้วย ในกรณีนี้ คือความสามารถของระดับ20กว่า
ที่นายกองบอกว่าเป็นพื้นฐานของระดับ10 อาจเป็นเพราะนายกองไม่ได้ดูแลผู้เล่นระดับล่างมานาน จึงไม่สามารถกะพลังได้ถูก แต่ไม่มีไครรู้หรอกว่า ที่นายกองทำเช่นนี้เพื่อกระตุนความสนใจของนักดาบอัจฉริยะ ที่นายกองไม่ได้เจอมานานมากแล้ว
ดาบเดี่ยวสังหารบอกว่า เงื่อนไขระดับ10ก็แค่ ฝึกพลังพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งให้ได้ในขั้นแรกก็พอแล้ว แต่แน่นอน นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ...สำหรับคนทั่วไป
หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลพอสมควรแล้ว ลูมิเอลได้ตัดสินใจที่จะเลือกฝึกพลังจิตก่อน โดยจะมุ่งเน้นฝึกที่เนื้อพลังจิตที่เรียกว่าอนุภาคจิต
ดาบเดี่ยวสังหารให้คำแนะนำในการฝึกว่า จงเปิดใจรับรู้ถึงพลัง อนุภาคจิตเป็นศาสตร์ขั้นพื้นฐานของผู้ใช้พลังจิต แต่ใจขณะเดียวกันก็เป็นศาสตร์ที่สูงส่งที่สุดของผู้ใช้พลังจิตเช่นกัน
ในหมู่ผู้ใช้พลังจิตทั้งหมด มีกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่าพวกไร้รูปแบบ คือไม่สามารถเชื่อโยงอนุภาคจิตเพื่อทำให้เกิดสิ่งอื่นได้ ได้แต่ใช้เนื้อจิตในรูปของออร่า หรือพลังอื่นๆ
แต่ในเมื่ออนุภาคจิตคือพื้นฐานของพัลงจิตทั้งหมด ผู้ที่ควบคุมอนุภาคจิตได้ และสร้างกำแพงจิตที่แข็งแกร่งขึ้นได้ ย่อมสามารถป้องกันพลังจิตที่อ่อนกว่าได้ทุกรูปแบบ
และหากมีอนุภาคแห่งจิตที่แข็งแกร่งพอ ย่อมทำลายพลังจิตได้ทุกรูปแบบเช่นกัน ในขั้นสูงของอนุภาคจิต เมื่อเราควบคุมมันได้จนเหมือนส่วนหนึ่งของร่างกาย จนเพียงแต่คิด มันก็มีพลังพอที่จะทำได้ทุกอย่างที่เราต้องการ เมื่อถึงขั้นนั้น ก็จะเรียกว่า “เจต”
ในการค้นหาอนุภาคจิตนั้น ให้เริ่มทำความรู้จักกับร่างกายตัวเองทั้งข้างใน ข้างนอกให้ดีก่อน ในกายของหนึ่งคนจะประกอบไปด้วยพลังหลายสาย พลังชีวิต ปราณ เวทย์ วิญญาณ จิต และอื่นๆ
พลังชีวิต จะเคลื่อนไปตามเส้นเลือดในร่างกาย ไปสู่ทุกๆส่วนในร่าง
ปราณ จะเคลื่อนตามจุดพลังต่างๆ วนเวียนสะสม แต่ในตอนแรก มันจะยังไม่เคลื่อนที่ เราต้องผลักดันให้มันเคลื่อนที่เอง จนก่อเกิดเป็นลมปราณ
วิญญาณ เป็นสิ่งที่หาพบยากที่สุดในกาย นั่นเพราะมันอยู่ในทุกๆส่วน ซ้อนทับพลังทุกสาย และร่างกายทั้งร่าง พลังนี้หล่อเลี้ยงชีวิต แม้หมดพลังชีวิต แต่วิญญาณยังคงอยู่ ก็จะไปถือกำเนิดใหม่ได้ หากแต่ แม้ร่างคงอยู่ แต่วิญญาณแหลกสลาย ย่อมไม่พ้นที่จะต้องไปเริ่มต้นที่1ใหม่ทั้งสิ้น
เวทย์ พลังสายนี้ล่องลอยอยู่ทุกหนแห่ง อยู่ที่ว่า ร่างของเราจะเป็นที่ลองรับพลังเวทย์ได้ดีแค่ใหนก็เท่านั้นเอง
พลังจิต หากต้องการพบอนุภาคจิต ต้องเริ่มที่ใจ หากใจเชื่อ พลังย่อมเกิด อนุภาคจิตจะวนเวียนในร่าง ไม่สามารถหาจุดกำเนิดได้แน่ชัด ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่พลังใจ การวนเวียนของอนุภาคจิตต่างจากปราณและพลังชีวิต มันจะวนเวียนแบบไรแบบแผน คละคลุ้งอยู่ในการรอการปลดปล่อย
จงหาทางสัมผัสจิตแห่งตน เส้นทางนี้แนะนำได้เพียงแนวทาง เพราะจิตแห่งแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป
ในขณะที่ลูมิเอลกำลังฝึกฝนเพื่อก้าวไปถึงอีกระดับ มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่ไม่รู้อยู่ห่างกันเท่าไหรในเกมอันกว้างใหญ่นี้ กำลังก้าวขึ้นไป ฉายแววโดดเด่นในทางของตนเช่นกัน
ลูมิเอลนั่งสมาธิมาได้ซักพัก ก็เริ่มสัมผัสถึงพลังชีวิตของตนที่ไหลวนไปพร้อมสายโลหิต จากนั้นไม่นานก็สัมผัสถึงพลังสายหนึ่งที่หลับไหลอยู่ตามจุดต่างๆของร่างกาย
ลูมิเอลยังไม่ได้สนใจพลังเหล่านั้น มุ่งตามหาสิ่งที่เขาต้องการ “จิต” เขาเริ่มกำหนด “ใจ” ให้รับรู้ถึงพลัง เปิดใจของเขาออก ทำความเข้าใจซะว่านี่คือเกม ไม่ใช่โลกแห่งความจริง ที่ๆเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนที่เคยอ่าน ดู เล่นมาตลอดชีวิตของเขา
ไม่นานนัก เขาก็พบแล้วว่าร่างของเขาประกอบด้วยคลื่นพลังมหาศาล กำลังหมุนเวียนอยู่ทั่วร่าง พลังเหล่านั้น ค่อยเคลื่อนตัวไปช้าๆ แบบไม่มีรูปแบบ เมื่อลูมิเอลสัมผัสกับพลังงานเหล่านั้น มันก็กระจายออกเป็นวง สะท้อนไปมาในร่าง
ลูมิเอลใช้จิต ตั้งมั่น และเชื่อ สั่งมันให้เคลื่อนที่ตามที่เขาต้องการ ไม่นาน พลังนั้นก็รับฟังคำสั่งของเขา ถึงจะติดขัดบ้าง แต่เขาก็พบจิตแห่งตนแล้ว
ในขณะที่ลูมิเอลกำลังลองเคลื่อนกระแสแห่งจิตอยู่นั้นเอง สายจิตก็เกิดการปั่นป่วนขึ้นมา กระแสแห่งจิตหลุดออกจากการควบคุมของลูมิเอล และเคลื่อนตัวอัดกระแทกอย่างบ้าคลั่งในกายรูมิเอล
“อั๊ก”
ลูมิเอลครางออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาตอนนี้เหมือนกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ดาบเดี่ยวสังหารที่ดูแลกลุ่มผู้เล่นอยู่ใกล้รีบพุ่งเข้ามา
“จงรีบตั้งสติ บังคับให้มันจิตทั้งหมดรวมตัวกันเร็วเข้า ไม่งั้นแย่แน่ๆ”
ดาบเดี่ยวสังหารรีบบอก ลูมิเอลพยายามตั้งสติ นึกถึงรูปวงกลมที่หว่างมือทั้งสองข้าง แต่มันก็ไม่เป็นผล พลังจิตที่คลุ่มคลั้งยังอัดกระแทกลูมิเอลจากภายในกาย
“อั๊ก ไม่...ไหว...แล้ว อ๊าก”
ลูมิเลอทรุดลงกับพื้น พร้อมร้องออกมาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนในบริเวณเริ่มหันมาสนใจ ดาบเดี่ยวสังหารเห็นท่าไม่ดี จึงยิงพลูสัญญาณขึ้นฟ้าอย่ารวดเร็ว จากนั้นจึงใช้ปราณที่ตนเองถนัดสร้างเป็นกำแพงล้มลูมิเอลไว้
“อดทนไว้ อีกไม่นานผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตจะมา”
ใช่แล้ว ค่ายทหารเทมปร้า รวบรวมผู้เล่นหลากหลายแนวทาง ทุกคนย่อมรู้พื้นฐานของแต่ละแนวทาง หากแต่ไม่รู้ในเชิงลึก เพราะมุ่งศึกษาในแนวทางแห่งตนให้แต่กฉาน ดาบเดี่ยวสังหารเป็นผู้ฝึกทางสายปราณ ถึงมีความรู้พื้นฐานทางจิต แต่ก็ใช้ได้ไม่ดีนัก
ไม่นานนัก นายกองซิมเมอร์ก็ปรากฎตัวขึ้น พร้อมออกคำสั่ง
“เดี่ยวสังหาร สร้างเกราะปราณให้แกร่งที่สุด ล้อมบริเวณไว้ พวกผู้เล่นใหม่ ถอยไป500เมตร”
หลังจากสังการเสร็จนายกองก็พุ่งเข้าประชิดลูมิเอล ฝ่ามือเรืองแสงสีแดงขึ้นพร้อมอัดกระแทกเข้าที่กลางหลังของลูมิเอล
นายกองถ่ายกระแสจิตของตัวเองเข้าไปในร่างลูมิเอล แต่ก็ต้องโดนกระแสจิตที่ปั่นป่วนกระแทกกลับมา
นายกองถอยไปสองก้าว ด้วยสีหน้าตกใจ จากนั้นจึงรวบรวมพลังขึ้นอีกครั้งคราวนี้ผ่านมือถึงกับมีไฟลุกขึ้นมา
นายกองฟาดฝ่ามือลงที่กลางหลังอีกครั้ง เสื้อตรงนั้นถึงกับไหม้ไฟหายไป แต่เนื้อของลูมิเอลกลับไม่เป็นอะไรเลย นายกองเร่งพลังผลักพลังจิตเข้าไปในกระแสที่สับสนและเกรี้ยวกราด และรีบถอนออกมา จากนั้นจึงฟาดลงที่หน้าอก ขมับทั้งสองข้าง ท้องน้อย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
จากนั้นจึงรีบถอยปราดออกไปและสร้างกำแพงจิตเสริมกำแพงปราณของดาบเดี่ยวสังหารทันที จากนั้นตะโกนด้วยเสียงอันดังก้องไปทั่วค่าย
“ระดับ30ขึ้นไปมารวมตัวและช่วยสร้างกำแพงป้องกันโดยด่วน ระดับต่ำกว่านั้นรีบถอยไปให้ไกลกว่า500เมตร”
จติที่คลุ่มคลั่งของลูมิเอล เมื่อโดนอัดด้วยจิตของนายกอง ก็มีความรุนแรงมากขึ้น หากแต่เมื่อนายกองถอนจิตออกไป บริเวณที่จิตนายกองพุ่งเข้ามาได้ จิตที่คลุ่มคลั่งก็ยอมออกไปได้
ตอนนี้ร่างของลูมิเอลกำลังลอยขึ้น และเกิดเป็นสนามจิตที่มีความรุนแรงมหาศาลก่อตัวขึ้น โดยมีลูมิเอลเป็นจุดศูนย์กลาง ส่วนลูมิเอลนั้นสลบไปแล้ว
เนื่องจากลูมิเอลค้นพบจิตและสัมผัสมันได้เร็วเกินไป ทั้งยังสั่งควบคุมมันแบบไม่รู้วิธีปลดปล่อย ก็เหมือนน้ำอยู่ในโอ่ง เมื่อสัมผัสหลายๆที ระลอกที่เกิดขึ้นก็ยอมสะท้อนไปมาและทวีความรุนแรงขึ้นอยู่ในโอ่งนั้นเอง
เมื่อมันมีทางออก พลังจึงทะลักออกอย่างรวดเร็ว จากทางออกแต่ฝ่ามือนายกอง ก็เหมือนทำนบกันน้ำ แรกเป็นรอยเพียงนิดเดียว สุดท้ายด้วยแรงของน้ำก็ทำลายทำนบที่เหลือจนสิ้น
ตอนนี้ทั่วร่างของลูมิเอลมีพลังจิตมากมายกระจายออกมา ผืนดินแตก เศษหินลอยไปมาท้ายที่สุด อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างในบริเวณเริ่มแข็งตัว กำแพงปราณชั้นแรกของเดี่ยวสังหารแตกไปแล้ว
พลังจิตยังคงแผ่ออกไปเรื่อยๆเกิดเป็นพายุหิมะหมุนวนอยู่ในโดมซึ่งเกิดจากการที่เหล่าระดับสูงของค่ายเริ่มต้นกองทัพเทมปร้าสร้างขึ้น
นายกองต้องเปลี่ยนกำแพงพลังของตนให้เป็นอัคคี เพียงแต่อัคคีที่อยู่ติดกับจิตของลูมิเอล เปลวของอัคคีถึงกับกลายเป็นน้ำแข็งแล้วร่วงลง
“นี่ถึงกับแช่แข็งจิตได้ พลังจิตของเจ้านี่ไม่ธรรมดา น่าจะมีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับเจตแล้ว ทุกคนเพิ่มพลังเข้าไปอีก ถ้ามันหลุดออกมาได้ละก็ ได้แข็งตายกันทั้งค่ายแน่”
ว่าแล้วก็เกิดโดมเพลิงอีกหลายชั้นครอบ
บรึ้ม
โดมพลังงานทั้งหมดแตกกระจาย พร้อมควันสีขาวคละคลุ้งไปทั่ว เมื่อฝุ่นควันจางลง ก็ปรากฏดินแดนน้ำแข็งที่มีร่างหนึ่งนอนสลบอยู่ตรงกลาง
เปรี้ย
เพร้ง
เกิดเสียงดังขึ้น เมื่อใบหญ้าใบหนึ่งพัดเข้าไปเหนือเขตแดนน้ำแข็งนั้น มันก็จับตัวแข็งแล้วลั่วหลนแตกกระจากที่พื้นทันที
“ร้ายกาจนัก หวังว่าถ้าเจ้านี่ผ่านระดับ20 คงอยู่ที่ค่ายเราต่อ ไม่เช่นนั้น ก็ขอให้มันเป็นพันธมิตรกับเราเถอะ พลังระดับนี้ ไม่ใช่อะไรที่พบได้ทั่วไป ถึงจะเป็นการระเบิดพลังทั้งหมดก็เถอะ แต่ครั้งแรกยังสาหัสขนาดนี้ ถ้าฝึกต่อไป พลังต้องเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน”
ว่าแล้วนายกองก็สร้างอัคคีล้อมเขตแดนน้ำแข็ง เมื่อเขตแดนน้ำแข็งที่ไม่มีจิตหล่อเลี้ยงเจอพลังระดับนี้ก็ย่อมต้องสลายไปเอง
“พาเขาไปพัก พรุ่งนี้ให้ส่งไปฝึกกับข้า ข้าจะดูแลเขาเอง แยกย้ายได้”
นายกองสั่ง จากนั้นก็เกิดอัคคีเผาไหม้ร่างนายกอง เมื่อไปมอด นายกองก็จากไปแล้ว
ความคิดเห็น