ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fix My Heart [Minho/Newt]

    ลำดับตอนที่ #1 : chapter one

    • อัปเดตล่าสุด 21 เม.ย. 58



    คุณเคยบอกชอบใครซักคนมั้ย? ประโยคที่ว่าถ้าไม่เคยได้ลองก็ไม่เคยได้รู้นั่นน่ะ ผมเข้าใจเป็นอย่างดีเลย

    ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าโรงยิม สถานที่ที่ผมนัดกับใครคนหนึ่งมาเจอกัน ที่จริงแล้วไม่เชิงหน้าโรงยิมตรงๆหรอก ผมแอบมายืนหลบแถวๆด้านข้างมากกว่า ไม่อยากจะให้เขาคนนั้นคิดว่าผมมายืนรออย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งจริงๆแล้วผมกำลังยืนรออย่างใจจดใจจ่อ

    ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู 14.16… ผมยืนรอตั้งแต่ 14.09 นี่ผ่านมาแค่เจ็ดนาที ตั้งเจ็ดนาที! มันดูเหมือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับการรอคอยเพื่อจะได้เจอหน้าคนที่แอบชอบ รอคอยเพื่อจะบอกความในใจกับเขาเนี่ย สำหรับผมเจ็ดนาทีมีค่ามากกว่าการนอนหลับสิบชั่วโมงซะอีก ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ สายตาเหลือบจ้องไปที่เวลาอีกครั้ง ยังคง 14.16 ให้ตายเถอะ รีบๆมาไม่ได้รึไง!? ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา พวกเราคุยกันว่าจะเจอกันตอนบ่ายสองสิบห้า มีมาช้ามาบ้างก็คงไม่เป็นไร ใช่แล้ว ผมคิดอย่างนั้น แต่พอเจอกับตัวนี่สิ ผมอยากจะให้เขาเป็นคนยืนรอผมแทนด้วยซ้ำ!

    แต่เขาไม่ได้ชอบผมซักแอะ เขาจะรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกตอนนี้เหรอ?

    ผมรู้ว่าเขาไม่ผิด แต่มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้...

    “คิดว่าหล่อแล้วจะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง...” ผมพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์

    ขณะที่ผมกำลังยืนด่าคนที่ว่าอยู่ในใจ เสียงทุ้มแห้งคุ้นหูเรียกชื่อผมจากข้างหลัง ผมหมุนตัวไปมองคนตรงหน้าก็พบกับร่างสูงกำยำใส่เสื้อกล้ามสีขาวแนบชิดกับกล้ามเนื้อแน่นๆนั่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยเหงื่อราวกับภาพวาดทรงคุณค่า ความคิดติดลบในหัวของผมถูกแทนที่ด้วยภาพรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่มุมปากและผมพนันได้เลยว่าภาพนี้คงติดอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน

    “เฮ้ นิวท์” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยทักทาย ผมไม่รู้ว่าที่เสียงของเขาแหบเพราะมาจากการที่เขาตะโกนตอนแข่งบาสหรือเป็นเพราะเขาเสียงเซ็กซี่มาตั้งแต่เกิด

    ผมเลียริมฝีปากล่าง มันเป็นนิสัยที่เกิดขึ้นประจำทุกครั้งที่ผมลนลาน

    “อ่า...เออ...ไง เบน” ผมยิ้มให้อ่อนๆ

    เบนเท้าส่ายเอวเลิกคิ้วให้ผม ผมเข้าใจทันทีว่านั่นหมายความว่ายังไง มันหมายความว่า นายเรียกชั้นมา นายมีธุระอะไรจะคุยกับชั้น?

    ผมอ้าปากจะพูดแต่ลงท้ายปิดมันไว้อย่างเดิม ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมรู้สึกถึงหัวใจกำลังเต้นด้วยความเร็วสูง สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ผมรู้สึกได้เลยว่าหน้าผมร้อนเอามากๆ ผมพยามตั้งสติตัวเองพูดย้ำกับตัวเองในใจ นายมาเพื่อสารภาพความในใจ นายมาเพื่อบอกมันออกไป ลุยเลยพวก!! ให้เรื่องนี้มันจบๆซักที

    มือผมขย้ำชายเสื้อตัวเองแน่นในกำมือ เหงื่อเม็ดเล็กใหญ่ผลุดตามไรผมไหลลงตามซอกคอ ผมอยากจะปัดเช็ดมันไปให้พ้นๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำไม่ใช่การเช็ดเหงื่อโง่ๆนี้

    “เบน...คือ...ชั้นกำลังคิดดูว่า ถ้าหากนาย...” ผมรู้สึกถึงก้อนเหนียวหนืดในลำคอ ผมหลับตาแน่นพยายามไม่รู้สึกถึงมัน “ถ้าหากนายมีเวลาว่างล่ะก็...นายกับชั้น ชั้นหมายถึงพวกเราไปเที่ยวเดินเล่นกันมั้ย? ชั้นหมายถึงซื้อกาแฟสักถ้วย นั่งคุยกัน...” ผมก้มหน้างุด สายตาจ้องลงกับพื้นไม่ขยับไปไหนเหมือนมีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงพื้นคอนกรีตนั่น

    นี่นายโง่รึเปล่า!? นายมาเพื่อบอกความรู้สึกเขา! ไม่ใช่มาชวนเขาไปดื่มกาแฟสักแก้ว!

    เบนขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขยับไปไหน ผมได้กลิ่นโคโลญกับกลิ่นเหงื่อจากตัวของเขา ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงอย่างกะพายุทอร์นาโดและมันยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเบนโน้มตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเขาห่างจากหูข้างซ้ายผมไม่กี่เซน เสียงกระซิบแผ่วเบา ลมหายใจของเขาที่กระทบผมทำให้ผมคลั่งอยากจะทิ้งตัวในอ้อมแขนแกร่งของเขา และ...

    “ชั้นขอโทษ นิวท์ ชั้นไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น”

    ดั่งกับสายฟ้าฟาดลงมาตัวผมอย่างจัง เสียงหัวใจผมที่เต้นกระหน่ำเมื่อครู่เงียบห่างไปเฉย ผมยืนตัวแข็งต่างจากเมื่อตะกี้ที่กำลังละลายในไอความร้อนจากคนตรงหน้า ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมีเส้นเหล็กมัดพันไว้รอบกาย รู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์แตกสลาย รู้สึกว่า...

    โลกนี้มันดับวูบ

    “นิวท์...นิวท์...”

    ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ แรงเขย่าที่ต้นแขนทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง เบนจ้องตาผม มือข้างหนึ่งจับใบหน้าซีกขวา ส่วนอีกข้างจับที่ต้นแขนซ้าย สมองเบลอๆของผมประมวลผลว่าแขนกำยำที่กำลังเขย่าผมคงเป็นของเบน

    “นาย...นายไม่ได้เป็นไรใช่มั้ย?”

    เสียงแหบพร่าสุดเซ็กซี่จากคนที่ผมชอบถามแฝงความเป็นกังวลไว้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาดุดันคู่นั้น พระเจ้า ผมอยากจะหยุดช่วงเวลาตอนนี้ ช่วงเวลาที่ผมเคยเข้าใกล้ชิดกับเขาที่สุดตลอดสามเดือนที่ผมคอยแอบมองมา ผมคงนอนตายตาหลับพร้อมกับยิ้มโง่ๆปะอยู่บนหน้า แต่ผมรู้ว่าผมจะหลอกตัวเองไปตลอดไม่ได้ ผมต้องตื่นแล้วอยู่ในความจริงที่ว่า เขาเพิ่งจะปฏิเสธผมไป

    คุณคงเคยเห็นในหนังหรือละครบ่อยๆ ฉากที่พระเอกยื้อนางเอกไว้ไม่ให้ไปไหน ผมล่ะเคยคิดว่ามันเป็นฉากที่ทั้งโง่และงี่เง่าที่สุดที่ผมเคยดูมา แต่ตอนนี้ ผม นิวตัน เด็กปีหนึ่งมหาลัยM กำลังผละตัวออกจากหนุ่มสุดฮอตที่หมายตาของสาวๆ สองมือของผมผลักดันคนตรงหน้าออกห่าง เบนมองผมอย่าง-งง-งวยและแฝงความเจ็บปวดเล็กๆในนัยน์ตาคู่นั้น (โอเค ข้างหลังประโยคนั่นผมจินตนาการไปเอง) ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าผมจะโง่ขนาดผลักโอกาสดีๆออกห่างจากตัว ผมแทบอยากจะกดปุ่มย้อนกลับไปอยู่ในสัมผัสเขาอีกรอบ ให้ตายเถอะ! ขาสองข้างออกแรงถีบตัวออกจากจุดตรงนั้น ผมต้องรีบออกจากที่นี่อย่างด่วนจี๋ก่อนที่ผมจะทำตัวขายหน้าไปมากกว่านี้

    และตามสไตล์หนังรักที่ขาดไม่ได้ พระเอกต้องยื้อนางเอกไว้

    “นิวท์!

    ผมหันกลับไปมอง เบนยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่เขาไม่ละสายตาออกจากผม สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปที่หนังเรื่องหนึ่งในลอนดอน ฝนกำลังตกโปรยปราย ความรักของพระนางที่ไปกันไม่ได้ นางเอกวิ่งผละจากพระเอกท่ามกลางสานฝน พระเอกเรียกชื่อหล่อนยื้อเธอเอาไว้ นางหน้าหนาหันกลับมาด้วยนัยน์ตาอันเศร้าหมองแล้วพูดว่า

    ฟัคยู!! ฟัคยู!! โกดายอินเฮลล์!!  เอ้ย ไม่ใช่ นั่นมันความคิดของผมในตอนนั้น

    นางเอกพูดว่า

    “ชั้นจะเลิกชอบนาย เบน! ชั้นจะเลิกชอบนายให้ได้!!

    ผมตะโกนบอกเบนด้วยถ้อยคำอันหนักแน่นดั่งหินผา แต่ข้างในใจของผมนั้น...กลับกลายเป็นฝุ่นผุยผงนับล้าน

     

     

     

     

    ผมกลับมาอยู่ในหอตัวเอง เป็นเรื่องน่าแปลกที่ผมคิดว่าชีวิตเด็กมอ.มหาลัยน่าจะหนุกหนานไปกับปาร์ตี้-เล่น-กิน-เที่ยว ตลอดสัปดาห์ไม่รู้จบ แต่ที่ผมกำลังเผชิญอยู่กับกลายเป็นการนั่งจุ้มปลุ๊กอยู่คนเดียวในห้องซึ่งควรจะมีรูมเมทคอยคุยให้คำปรึกษา แต่ไ-อ้-รูมเมทที่ว่ากลับไม่เคยโผล่หน้ามาสักครั้งตั้งแต่ผมตั้งรากฐานมา ผมต้องใช้ชีวิตเหงาๆกับการมาเยี่ยมเยือนของโธมัสและแกลลี่ ถึงพวกเขาไม่ใช่รูมเมทของผมแต่พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมมี

    ก๊อก ก๊อก ก๊อก

    ผมหันไปมองตามเสียงเคาะประตู เผยให้เห็นเด็กหนุ่มผมดำสั้นไม่เป็นทรงเดินรี่เข้ามาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนหลาบนเตียงที่ว่างอยู่ข้างๆผม

    “เฮ้ งายยยย นิวท์” โธมัสถามอย่างไม่ใส่ใจ เขาเอาหน้าซุกลงกับหมอนที่ควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า

    “งายยย” ผมตอบลากเสียงยานคางเลียนแบบมัน

    โธมัสหันหน้ามามองผม ใบหน้าครึ่งซีกซ้ายยังจมอยู่ในหมอนใบนุ่มนิ่มนั่น “How was your Ben?”

    “จะมาฮาววอสยัวบงวอสยัวเบนอะไรล่ะ กระแดะใช้ภาษาอังกฤษทำซากไร” ผมว่าพลางหยิบหมอนบนหัวเตียงเขวี้ยงใส่ไอ้กระแดะตัวดี

    “เอ้า! ผิดที่กู? กูกระแดะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณมึงเลยนะครับ ที่กูกระแดะเนี่ย เพื่อที่จะได้เอาไปกระแดะกับแฟนกูที่ไปแลกเปลี่ยนต่างหากเล่าครับ”

    ผมเหล่มองอย่างไม่เชื่อปากมัน “หูย พวกนายคุยกันต้องใช้ภาษานอกเหรอวะ”

    “เปล่า กูแค่อยากกวนตีน” โธมัสพูดหน้ายิ้มทะเล้น “ว่าแต่กับเบน เป็นไงบ้างวะ”

    ผมถอนหายใจ คิดเรื่องเบนแล้วผมแทบอยากจะเอาหัวมุดดินให้รู้แล้วรู้รอด “ชั้นจะฟ้องแม่นาย ข้อหาพูดคำหยาบเกลื่อนกลาด”

    “น้อยๆหน่อย” โธมัสลุกขึ้นจากเตียงซึ่งควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า แล้วกระโดดขึ้นมานั่งเตียงของผมข้างๆผมแทน

    ปั๊ก อิโธมัสเพิ่งจะตบหัวผมทิ่มเตียง

    “เฮ้ย อะไรวะ”

    คนก่อเรื่องกอดอกมองผมอย่างระเหี่ยใจก่อนจะเปิดปาก “โตๆเป็นควายกันแล้วนะคร้าบ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องรู้ถึงหูแม่ผมก็ได้ แล้วอย่าเบี่ยงประเด็น เรื่องคุณมึงกับไอ้หน้าหล่อเบนเป็นไงบ้าง”

     ผมถอนหายใจดังเฮ้อ ชันเข่าตัวเองขึ้นมากอดแนบอก “เขาไม่เอากุ”

    “ห๊ะ นายพูดว่าอะไรนะ? ชั้นไม่ได้ยินเสียงนายเลยว่ะ”

    “เขาไม่เอากุ”

    “เขามิวาบุ มิวาบุอะไรวะ”

    เขา-ไม่-เอา-กุ

    ปั๊ก อิโธมัสตบหัวผมอีกรอบ

    “เอ้า! ทำอะไรผิดอีกวะ”

    “คำหยาบ นิวท์ คำหยาบ ชั้นเอาไปฟ้องแม่นายได้เลยนะ”

    ผมผลักหัวโธมัสไปดอกหนึ่งแต่ไอ้เพื่อนคนดีกลับหัวเราะชอบอกชอบใจ ผมเลยจัดการกระโดดพุ่งตัวเข้าหามัน พวกเราแข่งกันพลิกตัวว่าใครอยู่เหนือกว่าใครอยู่สักพัก ผมกับมันหัวเราะร่าอย่างไม่มีท่าที่จะหยุด สุดท้ายลงเอยที่โธมัสชนะ มันอยู่เหนือผม แน่ล่ะ ดูแค่หุ่นก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์ออกมาจะเป็นยังไง

    “เฮ้ พวก-”

    พวกผมหันไปมองประตูที่เปิดออกให้เห็นแกลลี่พี่ใหญ่กำลังขมวดคิ้วมองแถมอ้าปากค้างตาโต

    What the ฟัค พวกนายได้กันแล้วเหรอวะ!?

    ผมจัดการเขวี้ยงหมอนข้างกายใส่คนตัวใหญ่ตรงทางเข้าประตู เรียกเสียงหัวเราะจากคนเหนือผมได้เป็นอย่างดี

    แต่แกลลี่ไวกว่า เขาสามารถคว้าหมอนก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหน้าเขาได้ “นี่ข้อหาอะไรกัน นิวท์”

    “สองข้อเลยลูกพี่” โธมัสพูดพลางเปลี่ยนท่ามานอนข้างๆผมแทน “ข้อแรกกระแดะพูดอังกฤษทำไม ข้อสองคำหยาบครับคำหยาบ”

    “ข้อสาม พวกชั้นไม่ได้ได้กัน แกลลี่” ผมเสริม หันไปแท็กมือกับโธมัส

    แกลลี่กรอกตาอย่างหน่ายๆ ก้าวขาเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมที่จะเตะประตูปิด คนที่ได้ชื่อว่าลูกพี่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซึ่งควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า นัยน์ตาเหม่อลอยมองเพดานห้อง

    แกลลี่ถอนหายใจออกมา “โธมัส คืนนี้นายจะไปมั้ย”

    “ไปดิ จะพลาดได้ไง” โธมัสตอบพร้อมดีดตัวออกจากเตียงผม

    ผมใช้ซอกทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเตียงลูกฟูกแสนสบาย “พวกนายจะไปไหนกัน?”

    “ปาร์ตี้” โธมัสบอกอย่างตื่นเต้น ผมหันไปมองแกลลี่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอามือก่ายหน้าผาก “นายเคยไปแล้วนิวท์ ปาร์ตี้แรกและปาร์ตี้เดียวของนายในมหาลัย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชีวิตนายถึงจมปลักอยู่ในหอ”

    ผมพ่นหัวเราะออกมา “นั่นไม่ใช่ปาร์ตี้ แกลลี่ นั่นเรียกว่าแหล่งมั่วสุม

    แกลลี่กรอกตา “นิวท์ ถ้านายคิดว่าปาร์ตี้มหาลัยจะเหมือนงานปาร์ตี้วันเกิดแล้วล่ะก็ มันไม่ใช่” แกลลี่พูดหน้าตาย

    “เพียงแค่เพราะมีคนมาบีบก้นนายหรือชวนนายมีเซ็กซ์ด้วย มันไม่ใช่แหล่งมั่วสุมหรอกนะ” โธมัสพูดแทรกกระโดดไปทั่วห้อง พฤติกรรมที่มันอธิบายให้ว่าวอร์มก่อนสนุก

    “ทอมมี่!!” ผมตะโกนใส่คนที่ทำตัวร่าเริงเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้

    “โธมัสพูดถูก นิวท์ นายอายุสิบแปดแล้ว ปาร์ตี้เด็กมหาลัยไม่มีอะไรที่มันอินโนเซนท์ ถ้านายไม่อยากจะจมปลักคนเดียวในห้องเหมือนพวกเด็กเนิร์ดแล้วล่ะก็ นายก็ต้องเข้าร่วมปาร์ตี้”

    “ถ้าชั้นต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้น ชั้นขอเป็นเด็กเนิร์ดใช้ชีวิตคนเดียวในห้องที่ไม่มีแม้แต่รูมเมทยังดีกว่า!

    ปั๊ก โธมัสตบหัวผมเป็นรอบที่สาม

    ผมเงยหน้าขึ้นกะจะด่าและถามมันว่าจะตบหัวอะไรนักหนา แต่สีหน้าของคนลั้ลลากลับขรึมและดูจริงจังจนผมกลับใจไม่เปิดปากออกไป “ขอโทษ” ผมพูดเบาๆ

    แกลลี่ลุกจากเตียงรูมเมท มือใหญ่หนาขยี้หัวผมเบาๆ “ฟังนะนิวท์” แกลว่าพลางนั่งข้างๆ “นายอยู่ในห้องนี้ตลอดสามเดือน ไม่เคยเข้าปาร์ตี้ครั้งไหนเลย ยกเว้นครั้งแรก ชั้นกับโธมัสก็แค่อยากให้นายเปิดหูเปิดตาบ้าง” ผมพ่นลมออกจากจมูก

    “เอางี้ ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้านายไม่โอก็จบ ชั้นกับโธมัสจะเลิกไปงานปาร์ตี้ด้วย”

    “เฮ้ย! ไหงลากชั้นเข้-” โธมัสโวยวายทันทีแต่หยุดเมื่อเห็นแกลลี่ส่งสายตามา “...ก็ได้วะ”

    “...แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว?” ผมถามออกไปอย่างเคลือบแคลงใจ ลองคิดดูสิ ตลอดสามเดือนที่เกือบครึ่งหนึ่งผมต้องใช้ชีวิตคนเดียว แต่ถ้าปาร์ตี้ครั้งนี้ผมไม่โอเคกับมัน เพื่อนผมไอ้แห้งแรงอึดกับลูกพี่หมีใหญ่ก็จะเลิกงานสันสรรค์ทั้งหมดแล้วใช้เวลาอยู่กับผม แต่ถ้าปาร์ตี้ครั้งนี้โอ ผมโอ แห้งโอ ลูกพี่โอ ก็มีแต่บวกๆ เพราะฉะนั้นคำตอบก็แจ่มแจ้งในใจผมอยู่แล้ว

    แกลลี่พยักหน้าผายมือทั้งสองทำท่าโน-บิ๊ก-ดีล “ใช่ ครั้งเดียว”

    “ตกลง” ผมยื่นมืออกไป

    ตามมาด้วยแกลลี่ “โอเค”

    DEAL MAN” และโธมัส

    จะพูดอังกฤษทำซากอะไร

    แกลลี่หมีใหญ่ก้มดูนาฬิกาก่อนจะสะกิดโธมัสให้ออกจากห้องพักของผม “เตรียมตัวให้พร้อมนิวท์ หกโมงจะมีคนมารับนาย”

    “อาฮะ โอเค...เดี๋ยวก่อนพวกเราไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ?”

    “ไม่” โธมัสสวนทันควัน “เพราะนายจะอยู่ที่นี่ ส่วนชั้นกะพี่บึ้มจะกลับไปห้องเรากัน ฟรายแพนน์กับอัลบี้จะเป็นคนขับรถไปส่ง ชิลเพื่อน”  

    “แล้วชั้นล่ะ?” ผมรีบถามทันทีที่โธมัสเดินออกไป แกลลี่จับลูกบิดค้างไว้ กรอกตาอีกรอบพร้อมอธิบาย

    “นายไม่ต้องห่วง นิวท์ หมอนี่เป็นเพื่อนกรุ๊ปเดียวกับเรา อีกอย่างเขาเป็นเจ้าของปาร์ตี้ด้วย” แกลลี่ปิดประตู แต่คำถามในหัวผมยังไม่หมด

    “เฮ้! แล้วชื่อหมอนั่นล่ะ!

     

    ครืด ครืด

     

    From Tommy กังวลทำหะ-เอี้ย อะไรล่ะคร้าบ มินโฮ หมอนั่นชื่อมินโฮ!

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมอ่านข้อความสุดฮาเอี้ยของโธมัสจบ ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ


    บางครั้งนิวท์ก็คิดนะ ว่าคนบ้าอะไรชื่อมินโฮ





    มุมคนเขียน '3'/
    ไม่เคยจะชินกับการลงในเด็กดีแม้แต่ครั้งเดียว 55 แต่งแบบงงๆ พิมพ์แบบงังๆ 
    หวังว่าจะเข้าใจที่ม้าเต่อเขียน คอมเม้นท์ตามสบาย อิคนเขียนไม่เคยกัดใคร
    ช่วงนี้ไม่รู้จะอ่านอะไร ใครใจดีเรคคอมเมนให้หน่อย 55 
    วันนี้วันสงกรานต์หลายคนก็เปียกชุ่ม ม้าเต่อก็ชุ่ม ชุ่มอยู่ในอ่าง...
    ไม่ว่ายังไงก็ตาม จะพยายามลงและจะพยายามไม่ดองนะจ๊ะ ;3;

    รัก
    ม้าเต่อโค้ง
    แว่นเหลืองดำ (/หรือเปลี่ยนเป็นดำเหลืองดี?)

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×