คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : chapter one
คุณเคยบอกชอบใครซักคนมั้ย? ประโยคที่ว่าถ้าไม่เคยได้ลองก็ไม่เคยได้รู้นั่นน่ะ ผมเข้าใจเป็นอย่างดีเลย
ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่หน้าโรงยิม สถานที่ที่ผมนัดกับใครคนหนึ่งมาเจอกัน ที่จริงแล้วไม่เชิงหน้าโรงยิมตรงๆหรอก ผมแอบมายืนหลบแถวๆด้านข้างมากกว่า ไม่อยากจะให้เขาคนนั้นคิดว่าผมมายืนรออย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งจริงๆแล้วผมกำลังยืนรออย่างใจจดใจจ่อ
ผมล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู 14.16… ผมยืนรอตั้งแต่ 14.09 นี่ผ่านมาแค่เจ็ดนาที ตั้งเจ็ดนาที! มันดูเหมือนเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่สำหรับการรอคอยเพื่อจะได้เจอหน้าคนที่แอบชอบ รอคอยเพื่อจะบอกความในใจกับเขาเนี่ย สำหรับผมเจ็ดนาทีมีค่ามากกว่าการนอนหลับสิบชั่วโมงซะอีก ผมสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ สายตาเหลือบจ้องไปที่เวลาอีกครั้ง ยังคง 14.16 ให้ตายเถอะ รีบๆมาไม่ได้รึไง!? ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา พวกเราคุยกันว่าจะเจอกันตอนบ่ายสองสิบห้า มีมาช้ามาบ้างก็คงไม่เป็นไร ใช่แล้ว ผมคิดอย่างนั้น แต่พอเจอกับตัวนี่สิ ผมอยากจะให้เขาเป็นคนยืนรอผมแทนด้วยซ้ำ!
แต่เขาไม่ได้ชอบผมซักแอะ เขาจะรู้สึกแบบที่ผมรู้สึกตอนนี้เหรอ?
ผมรู้ว่าเขาไม่ผิด แต่มันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้...
“คิดว่าหล่อแล้วจะทำอะไรเมื่อไหร่ก็ได้หรือไง...” ผมพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์
ขณะที่ผมกำลังยืนด่าคนที่ว่าอยู่ในใจ เสียงทุ้มแห้งคุ้นหูเรียกชื่อผมจากข้างหลัง ผมหมุนตัวไปมองคนตรงหน้าก็พบกับร่างสูงกำยำใส่เสื้อกล้ามสีขาวแนบชิดกับกล้ามเนื้อแน่นๆนั่น ใบหน้าหล่อเหลาของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยเหงื่อราวกับภาพวาดทรงคุณค่า ความคิดติดลบในหัวของผมถูกแทนที่ด้วยภาพรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่มุมปากและผมพนันได้เลยว่าภาพนี้คงติดอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน
“เฮ้ นิวท์” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยทักทาย ผมไม่รู้ว่าที่เสียงของเขาแหบเพราะมาจากการที่เขาตะโกนตอนแข่งบาสหรือเป็นเพราะเขาเสียงเซ็กซี่มาตั้งแต่เกิด
ผมเลียริมฝีปากล่าง มันเป็นนิสัยที่เกิดขึ้นประจำทุกครั้งที่ผมลนลาน
“อ่า...เออ...ไง เบน” ผมยิ้มให้อ่อนๆ
เบนเท้าส่ายเอวเลิกคิ้วให้ผม ผมเข้าใจทันทีว่านั่นหมายความว่ายังไง มันหมายความว่า นายเรียกชั้นมา นายมีธุระอะไรจะคุยกับชั้น?
ผมอ้าปากจะพูดแต่ลงท้ายปิดมันไว้อย่างเดิม ให้ตายเถอะ ตอนนี้ผมรู้สึกถึงหัวใจกำลังเต้นด้วยความเร็วสูง สูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ผมรู้สึกได้เลยว่าหน้าผมร้อนเอามากๆ ผมพยามตั้งสติตัวเองพูดย้ำกับตัวเองในใจ นายมาเพื่อสารภาพความในใจ นายมาเพื่อบอกมันออกไป ลุยเลยพวก!! ให้เรื่องนี้มันจบๆซักที
มือผมขย้ำชายเสื้อตัวเองแน่นในกำมือ เหงื่อเม็ดเล็กใหญ่ผลุดตามไรผมไหลลงตามซอกคอ ผมอยากจะปัดเช็ดมันไปให้พ้นๆ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมอยากจะทำไม่ใช่การเช็ดเหงื่อโง่ๆนี้
“เบน...คือ...ชั้นกำลังคิดดูว่า ถ้าหากนาย...” ผมรู้สึกถึงก้อนเหนียวหนืดในลำคอ ผมหลับตาแน่นพยายามไม่รู้สึกถึงมัน “ถ้าหากนายมีเวลาว่างล่ะก็...นายกับชั้น ชั้นหมายถึงพวกเราไปเที่ยวเดินเล่นกันมั้ย? ชั้นหมายถึงซื้อกาแฟสักถ้วย นั่งคุยกัน...” ผมก้มหน้างุด สายตาจ้องลงกับพื้นไม่ขยับไปไหนเหมือนมีอะไรน่าสนใจอยู่ตรงพื้นคอนกรีตนั่น
นี่นายโง่รึเปล่า!? นายมาเพื่อบอกความรู้สึกเขา! ไม่ใช่มาชวนเขาไปดื่มกาแฟสักแก้ว!
เบนขยับตัวเข้ามาใกล้ ผมตกใจเล็กน้อยแต่ไม่ได้ขยับไปไหน ผมได้กลิ่นโคโลญกับกลิ่นเหงื่อจากตัวของเขา ตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงอย่างกะพายุทอร์นาโดและมันยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อเบนโน้มตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเขาห่างจากหูข้างซ้ายผมไม่กี่เซน เสียงกระซิบแผ่วเบา ลมหายใจของเขาที่กระทบผมทำให้ผมคลั่งอยากจะทิ้งตัวในอ้อมแขนแกร่งของเขา และ...
“ชั้นขอโทษ นิวท์ ชั้นไม่ได้คิดกับนายแบบนั้น”
ดั่งกับสายฟ้าฟาดลงมาตัวผมอย่างจัง เสียงหัวใจผมที่เต้นกระหน่ำเมื่อครู่เงียบห่างไปเฉย ผมยืนตัวแข็งต่างจากเมื่อตะกี้ที่กำลังละลายในไอความร้อนจากคนตรงหน้า ผมรู้สึกทำอะไรไม่ถูก รู้สึกมีเส้นเหล็กมัดพันไว้รอบกาย รู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์แตกสลาย รู้สึกว่า...
โลกนี้มันดับวูบ
“นิวท์...นิวท์...”
ผมไม่รู้ว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่ แรงเขย่าที่ต้นแขนทำให้ผมรู้สึกตัวอีกครั้ง เบนจ้องตาผม มือข้างหนึ่งจับใบหน้าซีกขวา ส่วนอีกข้างจับที่ต้นแขนซ้าย สมองเบลอๆของผมประมวลผลว่าแขนกำยำที่กำลังเขย่าผมคงเป็นของเบน
“นาย...นายไม่ได้เป็นไรใช่มั้ย?”
เสียงแหบพร่าสุดเซ็กซี่จากคนที่ผมชอบถามแฝงความเป็นกังวลไว้ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาดุดันคู่นั้น พระเจ้า ผมอยากจะหยุดช่วงเวลาตอนนี้ ช่วงเวลาที่ผมเคยเข้าใกล้ชิดกับเขาที่สุดตลอดสามเดือนที่ผมคอยแอบมองมา ผมคงนอนตายตาหลับพร้อมกับยิ้มโง่ๆปะอยู่บนหน้า แต่ผมรู้ว่าผมจะหลอกตัวเองไปตลอดไม่ได้ ผมต้องตื่นแล้วอยู่ในความจริงที่ว่า เขาเพิ่งจะปฏิเสธผมไป
คุณคงเคยเห็นในหนังหรือละครบ่อยๆ ฉากที่พระเอกยื้อนางเอกไว้ไม่ให้ไปไหน ผมล่ะเคยคิดว่ามันเป็นฉากที่ทั้งโง่และงี่เง่าที่สุดที่ผมเคยดูมา แต่ตอนนี้ ผม นิวตัน เด็กปีหนึ่งมหาลัยM กำลังผละตัวออกจากหนุ่มสุดฮอตที่หมายตาของสาวๆ สองมือของผมผลักดันคนตรงหน้าออกห่าง เบนมองผมอย่าง-งง-งวยและแฝงความเจ็บปวดเล็กๆในนัยน์ตาคู่นั้น (โอเค ข้างหลังประโยคนั่นผมจินตนาการไปเอง) ผมมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าผมจะโง่ขนาดผลักโอกาสดีๆออกห่างจากตัว ผมแทบอยากจะกดปุ่มย้อนกลับไปอยู่ในสัมผัสเขาอีกรอบ ให้ตายเถอะ! ขาสองข้างออกแรงถีบตัวออกจากจุดตรงนั้น ผมต้องรีบออกจากที่นี่อย่างด่วนจี๋ก่อนที่ผมจะทำตัวขายหน้าไปมากกว่านี้
และตามสไตล์หนังรักที่ขาดไม่ได้ พระเอกต้องยื้อนางเอกไว้
“นิวท์!”
ผมหันกลับไปมอง เบนยังคงยืนอยู่ที่เดิมแต่เขาไม่ละสายตาออกจากผม สถานการณ์ตอนนี้ทำให้ผมนึกย้อนไปที่หนังเรื่องหนึ่งในลอนดอน ฝนกำลังตกโปรยปราย ความรักของพระนางที่ไปกันไม่ได้ นางเอกวิ่งผละจากพระเอกท่ามกลางสานฝน พระเอกเรียกชื่อหล่อนยื้อเธอเอาไว้ นางหน้าหนาหันกลับมาด้วยนัยน์ตาอันเศร้าหมองแล้วพูดว่า
ฟัคยู!! ฟัคยู!! โกดายอินเฮลล์!! เอ้ย ไม่ใช่ นั่นมันความคิดของผมในตอนนั้น
นางเอกพูดว่า
“ชั้นจะเลิกชอบนาย เบน! ชั้นจะเลิกชอบนายให้ได้!!”
ผมตะโกนบอกเบนด้วยถ้อยคำอันหนักแน่นดั่งหินผา แต่ข้างในใจของผมนั้น...กลับกลายเป็นฝุ่นผุยผงนับล้าน
ผมกลับมาอยู่ในหอตัวเอง เป็นเรื่องน่าแปลกที่ผมคิดว่าชีวิตเด็กมอ.มหาลัยน่าจะหนุกหนานไปกับปาร์ตี้-เล่น-กิน-เที่ยว ตลอดสัปดาห์ไม่รู้จบ แต่ที่ผมกำลังเผชิญอยู่กับกลายเป็นการนั่งจุ้มปลุ๊กอยู่คนเดียวในห้องซึ่งควรจะมีรูมเมทคอยคุยให้คำปรึกษา แต่ไ-อ้-รูมเมทที่ว่ากลับไม่เคยโผล่หน้ามาสักครั้งตั้งแต่ผมตั้งรากฐานมา ผมต้องใช้ชีวิตเหงาๆกับการมาเยี่ยมเยือนของโธมัสและแกลลี่ ถึงพวกเขาไม่ใช่รูมเมทของผมแต่พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมมี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมหันไปมองตามเสียงเคาะประตู เผยให้เห็นเด็กหนุ่มผมดำสั้นไม่เป็นทรงเดินรี่เข้ามาก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอนหลาบนเตียงที่ว่างอยู่ข้างๆผม
“เฮ้ งายยยย นิวท์” โธมัสถามอย่างไม่ใส่ใจ เขาเอาหน้าซุกลงกับหมอนที่ควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า
“งายยย” ผมตอบลากเสียงยานคางเลียนแบบมัน
โธมัสหันหน้ามามองผม ใบหน้าครึ่งซีกซ้ายยังจมอยู่ในหมอนใบนุ่มนิ่มนั่น “How was your Ben?”
“จะมาฮาววอสยัวบงวอสยัวเบนอะไรล่ะ กระแดะใช้ภาษาอังกฤษทำซาก’ไร” ผมว่าพลางหยิบหมอนบนหัวเตียงเขวี้ยงใส่ไอ้กระแดะตัวดี
“เอ้า! ผิดที่กู? กูกระแดะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณมึงเลยนะครับ ที่กูกระแดะเนี่ย เพื่อที่จะได้เอาไปกระแดะกับแฟนกูที่ไปแลกเปลี่ยนต่างหากเล่าครับ”
ผมเหล่มองอย่างไม่เชื่อปากมัน “หูย พวกนายคุยกันต้องใช้ภาษานอกเหรอวะ”
“เปล่า กูแค่อยากกวนตีน” โธมัสพูดหน้ายิ้มทะเล้น “ว่าแต่กับเบน เป็นไงบ้างวะ”
ผมถอนหายใจ คิดเรื่องเบนแล้วผมแทบอยากจะเอาหัวมุดดินให้รู้แล้วรู้รอด “ชั้นจะฟ้องแม่นาย ข้อหาพูดคำหยาบเกลื่อนกลาด”
“น้อยๆหน่อย” โธมัสลุกขึ้นจากเตียงซึ่งควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า แล้วกระโดดขึ้นมานั่งเตียงของผมข้างๆผมแทน
ปั๊ก อิโธมัสเพิ่งจะตบหัวผมทิ่มเตียง
“เฮ้ย อะไรวะ”
คนก่อเรื่องกอดอกมองผมอย่างระเหี่ยใจก่อนจะเปิดปาก “โตๆเป็นควายกันแล้วนะคร้าบ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องรู้ถึงหูแม่ผมก็ได้ แล้วอย่าเบี่ยงประเด็น เรื่องคุณมึงกับไอ้หน้าหล่อเบนเป็นไงบ้าง”
ผมถอนหายใจดังเฮ้อ ชันเข่าตัวเองขึ้นมากอดแนบอก “เขาไม่เอากุ”
“ห๊ะ นายพูดว่าอะไรนะ? ชั้นไม่ได้ยินเสียงนายเลยว่ะ”
“เขาไม่เอากุ”
“เขามิวาบุ มิวาบุอะไรวะ”
“เขา-ไม่-เอา-กุ”
ปั๊ก อิโธมัสตบหัวผมอีกรอบ
“เอ้า! ทำอะไรผิดอีกวะ”
“คำหยาบ นิวท์ คำหยาบ ชั้นเอาไปฟ้องแม่นายได้เลยนะ”
ผมผลักหัวโธมัสไปดอกหนึ่งแต่ไอ้เพื่อนคนดีกลับหัวเราะชอบอกชอบใจ ผมเลยจัดการกระโดดพุ่งตัวเข้าหามัน พวกเราแข่งกันพลิกตัวว่าใครอยู่เหนือกว่าใครอยู่สักพัก ผมกับมันหัวเราะร่าอย่างไม่มีท่าที่จะหยุด สุดท้ายลงเอยที่โธมัสชนะ มันอยู่เหนือผม แน่ล่ะ ดูแค่หุ่นก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์ออกมาจะเป็นยังไง
“เฮ้ พวก-”
พวกผมหันไปมองประตูที่เปิดออกให้เห็นแกลลี่พี่ใหญ่กำลังขมวดคิ้วมองแถมอ้าปากค้างตาโต
“What the ฟัค พวกนายได้กันแล้วเหรอวะ!?”
ผมจัดการเขวี้ยงหมอนข้างกายใส่คนตัวใหญ่ตรงทางเข้าประตู เรียกเสียงหัวเราะจากคนเหนือผมได้เป็นอย่างดี
แต่แกลลี่ไวกว่า เขาสามารถคว้าหมอนก่อนที่มันจะพุ่งเข้าหน้าเขาได้ “นี่ข้อหาอะไรกัน นิวท์”
“สองข้อเลยลูกพี่” โธมัสพูดพลางเปลี่ยนท่ามานอนข้างๆผมแทน “ข้อแรกกระแดะพูดอังกฤษทำไม ข้อสองคำหยาบครับคำหยาบ”
“ข้อสาม พวกชั้นไม่ได้ได้กัน แกลลี่” ผมเสริม หันไปแท็กมือกับโธมัส
แกลลี่กรอกตาอย่างหน่ายๆ ก้าวขาเข้ามาในห้องโดยไม่ลืมที่จะเตะประตูปิด คนที่ได้ชื่อว่าลูกพี่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงซึ่งควรจะเป็นของรูมเมทที่ว่า นัยน์ตาเหม่อลอยมองเพดานห้อง
แกลลี่ถอนหายใจออกมา “โธมัส คืนนี้นายจะไปมั้ย”
“ไปดิ จะพลาดได้ไง” โธมัสตอบพร้อมดีดตัวออกจากเตียงผม
ผมใช้ซอกทั้งสองข้างยันตัวเองขึ้นกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเตียงลูกฟูกแสนสบาย “พวกนายจะไปไหนกัน?”
“ปาร์ตี้” โธมัสบอกอย่างตื่นเต้น ผมหันไปมองแกลลี่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเอามือก่ายหน้าผาก “นายเคยไปแล้วนิวท์ ปาร์ตี้แรกและปาร์ตี้เดียวของนายในมหาลัย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมชีวิตนายถึงจมปลักอยู่ในหอ”
ผมพ่นหัวเราะออกมา “นั่นไม่ใช่ปาร์ตี้ แกลลี่ นั่นเรียกว่าแหล่งมั่วสุม”
แกลลี่กรอกตา “นิวท์ ถ้านายคิดว่าปาร์ตี้มหาลัยจะเหมือนงานปาร์ตี้วันเกิดแล้วล่ะก็ มันไม่ใช่” แกลลี่พูดหน้าตาย
“เพียงแค่เพราะมีคนมาบีบก้นนายหรือชวนนายมีเซ็กซ์ด้วย มันไม่ใช่แหล่งมั่วสุมหรอกนะ” โธมัสพูดแทรกกระโดดไปทั่วห้อง พฤติกรรมที่มันอธิบายให้ว่าวอร์มก่อนสนุก
“ทอมมี่!!” ผมตะโกนใส่คนที่ทำตัวร่าเริงเกินเหตุจนน่าหมั่นไส้
“โธมัสพูดถูก นิวท์ นายอายุสิบแปดแล้ว ปาร์ตี้เด็กมหาลัยไม่มีอะไรที่มันอินโนเซนท์ ถ้านายไม่อยากจะจมปลักคนเดียวในห้องเหมือนพวกเด็กเนิร์ดแล้วล่ะก็ นายก็ต้องเข้าร่วมปาร์ตี้”
“ถ้าชั้นต้องไปเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้น ชั้นขอเป็นเด็กเนิร์ดใช้ชีวิตคนเดียวในห้องที่ไม่มีแม้แต่รูมเมทยังดีกว่า!”
ปั๊ก โธมัสตบหัวผมเป็นรอบที่สาม
ผมเงยหน้าขึ้นกะจะด่าและถามมันว่าจะตบหัวอะไรนักหนา แต่สีหน้าของคนลั้ลลากลับขรึมและดูจริงจังจนผมกลับใจไม่เปิดปากออกไป “ขอโทษ” ผมพูดเบาๆ
แกลลี่ลุกจากเตียงรูมเมท มือใหญ่หนาขยี้หัวผมเบาๆ “ฟังนะนิวท์” แกลว่าพลางนั่งข้างๆ “นายอยู่ในห้องนี้ตลอดสามเดือน ไม่เคยเข้าปาร์ตี้ครั้งไหนเลย ยกเว้นครั้งแรก ชั้นกับโธมัสก็แค่อยากให้นายเปิดหูเปิดตาบ้าง” ผมพ่นลมออกจากจมูก
“เอางี้ ครั้งนี้ครั้งเดียว ถ้านายไม่โอก็จบ ชั้นกับโธมัสจะเลิกไปงานปาร์ตี้ด้วย”
“เฮ้ย! ไหงลากชั้นเข้-” โธมัสโวยวายทันทีแต่หยุดเมื่อเห็นแกลลี่ส่งสายตามา “...ก็ได้วะ”
“...แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว?” ผมถามออกไปอย่างเคลือบแคลงใจ ลองคิดดูสิ ตลอดสามเดือนที่เกือบครึ่งหนึ่งผมต้องใช้ชีวิตคนเดียว แต่ถ้าปาร์ตี้ครั้งนี้ผมไม่โอเคกับมัน เพื่อนผมไอ้แห้งแรงอึดกับลูกพี่หมีใหญ่ก็จะเลิกงานสันสรรค์ทั้งหมดแล้วใช้เวลาอยู่กับผม แต่ถ้าปาร์ตี้ครั้งนี้โอ ผมโอ แห้งโอ ลูกพี่โอ ก็มีแต่บวกๆ เพราะฉะนั้นคำตอบก็แจ่มแจ้งในใจผมอยู่แล้ว
แกลลี่พยักหน้าผายมือทั้งสองทำท่าโน-บิ๊ก-ดีล “ใช่ ครั้งเดียว”
“ตกลง” ผมยื่นมืออกไป
ตามมาด้วยแกลลี่ “โอเค”
“DEAL MAN” และโธมัส
จะพูดอังกฤษทำซากอะไร
แกลลี่หมีใหญ่ก้มดูนาฬิกาก่อนจะสะกิดโธมัสให้ออกจากห้องพักของผม “เตรียมตัวให้พร้อมนิวท์ หกโมงจะมีคนมารับนาย”
“อาฮะ โอเค...เดี๋ยวก่อนพวกเราไม่ได้ไปด้วยกันเหรอ?”
“ไม่” โธมัสสวนทันควัน “เพราะนายจะอยู่ที่นี่ ส่วนชั้นกะพี่บึ้มจะกลับไปห้องเรากัน ฟรายแพนน์กับอัลบี้จะเป็นคนขับรถไปส่ง ชิลเพื่อน”
“แล้วชั้นล่ะ?” ผมรีบถามทันทีที่โธมัสเดินออกไป แกลลี่จับลูกบิดค้างไว้ กรอกตาอีกรอบพร้อมอธิบาย
“นายไม่ต้องห่วง นิวท์ หมอนี่เป็นเพื่อนกรุ๊ปเดียวกับเรา อีกอย่างเขาเป็นเจ้าของปาร์ตี้ด้วย” แกลลี่ปิดประตู แต่คำถามในหัวผมยังไม่หมด
“เฮ้! แล้วชื่อหมอนั่นล่ะ!”
ครืด ครืด
From Tommy กังวลทำหะ-เอี้ย อะไรล่ะคร้าบ มินโฮ หมอนั่นชื่อมินโฮ!
หลังจากที่ผมอ่านข้อความสุดฮาเอี้ยของโธมัสจบ ผมก็ลุกขึ้นจากเตียงหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
บางครั้งนิวท์ก็คิดนะ ว่าคนบ้าอะไรชื่อมินโฮ
มุมคนเขียน '3'/
ไม่เคยจะชินกับการลงในเด็กดีแม้แต่ครั้งเดียว 55 แต่งแบบงงๆ พิมพ์แบบงังๆ
หวังว่าจะเข้าใจที่ม้าเต่อเขียน คอมเม้นท์ตามสบาย อิคนเขียนไม่เคยกัดใคร
ช่วงนี้ไม่รู้จะอ่านอะไร ใครใจดีเรคคอมเมนให้หน่อย 55
วันนี้วันสงกรานต์หลายคนก็เปียกชุ่ม ม้าเต่อก็ชุ่ม ชุ่มอยู่ในอ่าง...
ไม่ว่ายังไงก็ตาม จะพยายามลงและจะพยายามไม่ดองนะจ๊ะ ;3;
รัก
ม้าเต่อโค้งแว่นเหลืองดำ (/หรือเปลี่ยนเป็นดำเหลืองดี?)
ความคิดเห็น