คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : คำเตือนจากหมอผี
ภายในบ้านหลังเก่า บริเวณมุมอับของตัวบ้านมี ร่างของหญิงสูงวัย ผมเผ้ายุ่งเหยิงนั่งหมอบอยู่บนพื้น อีกทั้งมุมปากของเธอยังมีเลือดไหลซึม
นังหลิวต้าเม่ย มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ กล้าดียังไงมาลงไม้ลงมือกับฉัน แถมมือของมันก็หนักเอาเรื่อง ตัวฉันผอมแห้งแค่นี้จะไปสู้กับมันที่ตัวใหญ่อย่างกับหมีควายได้ยังไงกัน น่าเจ็บใจชะมัด!
" ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ถ้าป้ายังกล้ารังแกน้องชายฉันอีก คราวหน้าไม่จบแค่ปากแตกแน่ แต่ป้าคงต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวอยู่ที่อนามัยหลายวันเชียวล่ะ" หลิวต้าเม่ยเดินเข้าไปหาแม่เลี้ยง พร้อมกับนั่งยองๆมองจ้องไปในตาของคนตรงหน้าอย่างไม่มีเกรงกลัว
" แกมันบ้าไปแล้ว นังหลิวต้าเม่ย คิดว่าแกทำกับฉันแบบนี้ แล้วเรื่องมันจะจบหรอ ฉันจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่แกทำร้ายร่างกายฉัน"
" ก็เอาสิ ป้าไปแจ้งเลยฉันก็จะได้แจ้งเหมือนกัน ว่าป้าทุบทีและทารุณฉันกับน้องๆมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ! ป้าปล่อยให้พวกฉันอยู่กันแบบอดๆอยากๆ เท่านั้นไม่พอแถมยังทุบตีทารุณ หากจะถามหาหลักฐาน ก็อยู่บนใบหน้า กับตามร่างกายของน้องชายฉันนี่ไง เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าลุงผู้ใหญ่บ้านจะตัดสินยังไง "
คำท้าของหลิวต้าเม่ยทำเอาแม่เลี้ยงใจร้ายถึงกับพูดไม่ออก ทำไมกันทำไมหนังหมูโสโครกตัวนี้มันถึงได้กล้าต่อปากต่อคำ ท่าทีโง่ๆขี้ขลาดของมันเมื่อก่อนหายไปไหน หรือว่ามันจะบ้าไปแล้ว
" ตะ..ต้าเม่ย แม่แค่พูดเล่นน่ะ ใครจะไปกล้าเอาความกับลูกตัวเองล่ะ อะ เอาแบบนี้ดีไหมเรามาสงบศึกกันชั่วคราว ต่อไปนี้แม่จะไม่ยุ่งอะไรกับพวกเธออีก ต่างคนต่างอยู่ต่างทำงานต่างกิน เรื่องวันนี้ ก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ"
ใช่แล้วถ้าเกิดนังอ้วนนี่มันไปแจ้งลุงผู้ใหญ่บ้านแล้วสืบสวนกันขึ้นมาจริงๆเธอนั่นแหละคือคนที่จะต้องโดนเฉดหัวออก เรื่องอะไรจะไปยอมกันล่ะ แถมหากสืบไปสืบมา เกิดมันปากโป้งพูดถึงเรื่องเงินที่พ่อมันเก็บไว้ตั้งใจจะส่งพวกมันไปเรียนขึ้นมาจะทำยังไง แถมเงินก้อนนั้นฉันก็ใช้มันหมดไปแล้วด้วย โธ่เว้ย
" ถ้างั้นก็ดี และหวังว่าจะรับปากคำพูดด้วย ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ปล่อยป้าเอาไว้แน่ "
" ได้เลยฉันรับปากจะไม่ยุ่งกับพวกเธออีกฉันสาบานเลย"
แม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ในใจของแม่เลี้ยงคนนี้คงกำลังวางแผนชั่วอยู่เป็นแน่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางไว้ใจยัยป้าคนนี้อยู่ดี นั่นคือสิ่งที่จูถิงๆคิดในตอนนี้
รุ่งสางของวันใหม่มาเยือน หลังจากเฉินเยียนออกไปแปลงนาแล้ว
หวังอันเล่อจึงตั้งใจว่าวันนี้เธอจะทำแปลงปลูกผักบริเวณรอบๆตัวบ้าน เมื่อจัดการป้อนอาหารบดให้แก่หลี่หมิง เจ้าตัวน้อยก็คลานเล่น อยู่พักหนึ่งก่อนจะผล็อยหลับไป หวังอันเล่อจึงได้โอกาสปลีกตัวออกมาถางหญ้าที่หน้าบ้าน เพราะมีเวลาไม่มากเธอจึงต้องเร่งทำงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิม
ในขณะที่กำลังก้มๆเงยๆถางหญ้าหน้าบ้าน ก็เหลือบไปเห็นหลิวต้าเม่ยพร้อมกับน้องชาย 2 คนที่กำลังเดินลิ่วๆตรงมายังบ้านของเธอ
" พี่อันเล่อ ฉันขอฝากน้องๆไว้ที่บ้านพี่ก่อนได้ไหม หากเสร็จงานแล้ว ฉันจะรีบมารับพวกเขาทันที " เพราะความจริงแล้วหลิวต้าเม่ยนั้นอายุน้อยกว่าหวังอันเล่อถึง 2 ปี หากจะให้เรียกเป็นกันเองก็ดูจะแปลกไปหน่อย ดังนั้นจูถิงถิงจึงต้องพยายามปรับตัวให้กลายเป็นหลิวต้าเม่ย เพื่อไม่ให้คนอื่นผิดสังเกตุเอาได้
" ได้สิ " หวังอันเล่อ พยักหน้าพร้อมกับมองไปที่เด็กน้อย 2 คน ด้านหลัง ร่างกายของพวกเขา เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูแล้วคงไม่พ้นถูกแม่เลี้ยงใจร้ายทารุณมา
" ถ้างั้นเย็นๆฉันมารับนะ ช่วงนี้คงต้องฝากพี่ดูแลน้องๆให้ก่อน ถ้าหากฉันปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่บ้านในตอนกลางวัน 2 คน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย"
อันเล่อไม่ได้ถามอะไรต่อเธอเพียงพยักหน้าเข้าใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าครอบครัวนี้นั้นเป็นอย่างไร สมัยก่อนที่จูถิงๆจะมาอยู่ในร่างของหลิวต้าเม่ย พวกเขาก็มักโดนทุบตีรังแกเป็นประจำอีกทั้งยังอยู่กันแบบอดๆอยากๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าซอมซ่อ ช่างเป็นครอบครัวที่น่าสงสารเหลือเกิน
" งั้นฉันไปก่อนนะ "
จูถิงถิงยามนี้กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลเด็กชายอีกทั้งสองคน เธอจึงไม่มีเวลามาโอ้เอ้ คุยเล่น เหมือนตอนเป็นยุวปัญญาชน อีกทั้งหากยังมัวชักช้า ค่าแรงแลกแต้มต่อวันก็จะหายไป
" เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งไป รอเดี๋ยว " หวังอันเล่อ รีบดึงแขนสาวร่างอ้วนเอาไว้พร้อมกับวิ่งเข้าไปในบ้าน ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับซาลาเปาอวบๆ2-3 ลูก
"เอานี่ พกไปกินด้วย ฉันรู้ว่าความเป็นอยู่ของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นี่ก็คงจะยังไม่ได้กินอะไรกันมาใช่ไหม พกไปไว้กินด้วย จะได้มีแรงทำงาน พอเสร็จแล้วก็กลับมากินข้าวที่บ้านฉันนะ เดี๋ยวจะทำกับข้าวเผื่อไว้แล้วก็ไม่ต้องห่วงเด็กๆ 2 คนนี้ เดี๋ยวฉันหาอะไรให้พวกเขากินเอง ตั้งใจทำงานล่ะ " หลิวต้าเม่ย รับซาลาเปาลูกอวบๆมาไว้ในมือตากลมก็มองไปที่สหายรักด้านหน้า
ฉับพลันน้ำใสๆก็ไหลรื้นขึ้นมา ไม่ว่าเมื่อไหร่สหายของเธอคนนี้ ก็มักจะคอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด ขนาดเธอเปลี่ยนมาอยู่ในร่างของหญิงอ้วนแปลกหน้า หวังอันเล่อ ก็ยังคงทำดีกับเธอไม่เว้นแม้แต่น้องชายของเจ้าของร่าง
เพราะความใจดีของเธอจึงมักโดนคนอื่นเอารัดเอาเปรียบ
ให้ตายสิ ยัยบ้าถ้าไม่มีฉันสักคนชีวิตของเธอจะเป็นยังไงเนี่ย จูถิงๆได้แต่คิดในใจพร้อมกับสายหัวน้อยๆ ก่อนจะโบกมือลาสหายรักและเด็กชาย 2 คน และตรงไปยังแปลงนาเพื่อทำงานเหมือนเช่นคนอื่นๆ
" เอาล่ะเด็กๆในบ้าน บนโต๊ะมีกับข้าววางอยู่พวกเธอเข้าไปตักข้าวแล้วกินมันได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ พี่ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก พวกเธอช่วยเหลือตัวเองกันได้ใช่ไหม" หวังอันเล่อพูดกับเด็กๆโดยในมือก็ยังถางหญ้าไปด้วย
" คือว่า พวกเราไม่มีเงินนะครับ กลัวว่าถ้ากินข้าวของพี่สาวไปแล้วพวกผมจะไม่มีจ่าย เดี๋ยวจะลำบากพี่ต้าเม่ย ต้องหาเงินมาจ่ายแทนดังนั้น พวกผมไม่กินหรอกครับ" หลิวซือน้องชายคนรองของหลิวตาเม่ย เหลือบตามองไปที่หวังอันเล่อเป็นระยะ ด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ
พวกเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานอีกทั้งยังหิวมาก จะได้กินก็มีเพียงแค่น้ำจากลำธารเท่านั้นที่ใช้ประทังความหิว ตอนนี้พวกเขาจนมากไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอาหารแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังอยู่แบบลำบาก ถ้าหากว่าเขากินข้าวบ้านพี่สาวคนนี้ไป แล้วเธอเรียกร้องหาเงินล่ะ เขาจะเอาที่ไหนมาให้กัน
" ไม่ต้องมาจ่ายเงินพี่หรอกจ้ะ กินได้เลย พี่ไม่คิดเงิน พวกเธอผอมโซขนาดนี้ยังจะต้องกังวลเรื่องเงินอีกทำไม ถ้าเกรงใจ งั้นก็เอาแบบนี้ ในบ้านมีลูกชายของพี่นอนหลับอยู่ หากเขาตื่นก็ช่วยเลี้ยงน้องแทนพี่ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับอาหารดีไหมจ๊ะ "
" ถ้างั้นให้น้องชายผมเป็นคนเฝ้าส่วนผมจะออกมาช่วยถางหญ้าที่หน้าบ้านแล้วกันนะครับ ผมเห็นพี่ทำคนเดียว วันนี้น่าจะไม่เสร็จให้ผมช่วยเถอะครับ" หลิวซือบอกกับหวังอันเล่อ ด้วยสายตามุ่งมั่นแม้จะเป็นเด็กอายุเพียง 7 ขวบ แต่เขากลับมีท่าทีเฉลียวฉลาด มีความคิดความอ่าน หากได้เรียนหนังสืออนาคตจะไปไกลแค่ไหนกันนะ
" เอางั้นก็ได้จ้ะ รีบเข้าไปกินข้าวแล้วออกมาช่วยพี่ทำงานนะ " สิ้นเสียงพูดเด็กชาย 2 คนก็เดินหายกลับเข้าไปในบ้าน ภายในใจ ของหวังอัลเล่อก็นึกเวทนาเด็กๆพวกนี้ไม่น้อย
ผ่านไปได้ครึ่งค่อนวัน บริเวณหน้าบ้านที่เคยมีหญ้ารกร้างก็ ดูสะอาดสะอ้าน เพราะได้หลิวซือช่วย ทำให้ทุ่นแรงไปได้เยอะ เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลือ อันเล่อจึงรีบลงมือพรวนดินต่อ วันนี้เธออยากจะพรวนดินบริเวณหน้าบ้านให้เสร็จ วันพรุ่งจะได้ ย้ายไปทำงานบริเวณหลังบ้านต่อ
ในระหว่างหยุดพัก หลิวซือก็สะกิดไหล่พี่สาวให้เงยหน้ามองกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เดินมายังหน้าบ้าน
หวังอันเล่อมองสังเกตเห็นป้าเฟยหม่า พร้อมกับลูกสาวของเธอ ถัดไปมีหญิงผู้เฒ่าผมขาวโพลน สวมชุดสีดำทาทางน่ากลัว อีกทั้งเธอยังมีคนติดตามเป็นชายฉกรรจ์อีก 2 นายด้านหลัง
คนพวกนี้เป็นใครกันทำไมถึงต้องมายืนที่หน้าบ้านของเธอด้วย หรือจะเป็นพรรคพวกของป้าเฟยหม่า เหอะ คงจะมาหาเรื่องเธออีกแล้วล่ะสิท่า !
"นังนี่แหละแม่หมอ คนที่ฉันเล่าให้ฟัง เมื่อวานมันจ้องฉันตาเขม็ง อย่างกับคนถูกผีเข้า " นางเฟยหม่าหันไปบอกกับหญิงผู้เฒ่านางนั้น พร้อมกับชี้นิ้วมายังหวังอันเล่อที่ยืนอยู่
" มีเรื่องอะไรอีกคะป้า วันๆป้าจะอยู่เฉยๆไม่ได้เลยใช่ไหม ถึงได้หาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันไม่เว้นแต่ละวัน คราวนี้พาคนมาทำอะไรอีกล่ะคะ" หวังอันเล่อทิ้งจอบที่อยู่ในมือลงพื้นพร้อมกับหันไปบอกให้เด็กน้อยหลิวซือหลบเข้าไปอยู่ในบ้านก่อน
เด็กชายพยักน่ารับอย่างว่าง่ายพร้อมกับรีบเดินเข้าไปและปิดประตูทันที
"ทำเป็นปากดีเข้าไปเถอะ นังผีร้ายฉันรู้นะว่าแกไม่ใช่หวังอันเล่อ อย่าคิดว่าฉันจะกลัวแกนะวันนี้แหละแม่หมอจะมาปราบแก" เฟยหม่าเท้าสะเอว จ้องมายังหวังอันเล่อ แต่ทว่าเมื่อเห็นสายตาดุๆของเธอ นางเฟยหม่าก็รีบเบี่ยงตัวหลบไปอยู่ด้านหลังหญิงผู้เฒ่านางนั้นทันที
"ฮ่าๆ ฉันว่าป้ามาผิดที่แล้วล่ะค่ะที่นี่ไม่มีผีร้ายอะไรทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระกับป้าหรอกนะคะ ตอนนี้กำลังยุ่ง"
"หึ เดี๋ยวก็รู้ว่ามีหรือไม่มี" จู่ๆแม่หมอคนนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับถือวิสาสะเดินเข้ามาหาหวังอันเล่อใกล้ๆ
เธอท่องคาถาบางอย่างพร้อมกับหลับตาลง ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นจ้องมาที่ร่างบางด้านหน้าดวงตาของแม่หมอเฒ่าแดงกล่ำ เธอค่อยๆเอื้อมมือเหี่ยวย่นจับมาที่หวังอันเล่อแผ่วเบา
ด้านหวังอันเล่อ เธอไม่ได้สะบัดมือออก แต่กลับมองจ้องไปที่หญิงชราด้านหน้าที่ยามนี้กำลังตัวสั่น ไม่นานก็มีลมแรงพัดกรรโชกมา พริบตา แม่หมอเฒ่าก็ยืนตัวแข็งค้าง เธอรีบปล่อยมือเหี่ยวๆออกจากข้อมือของหวังอันเล่อทันที
"พลังวิญญาณแรงกล้า เต็มไปด้วยความแค้น น่ากลัวอะไรขนาดนี้เกิดมาทั้งชีวิตฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย " แม่หมอเฒ่าบ่นออกมาเสียงเบาพร้อมกับมองไปที่คนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่นานแม่หมอคนนั้นก็หันหลัง และเดินออกไปจากบริเวณบ้านของหวังอันเล่อทันที
" กลับเถอะที่นี่ไม่มีผีร้ายอะไรทั้งนั้น "
" จะไม่มีได้ยังไงแม่หมอ ฉันว่ายังไงนังนั่นมันก็ไม่ใช่หวังอันเล่อ แม่หมอก็เห็นท่าทางของมันแล้วนี่ เมื่อก่อนมันขี้ขลาดจะตายไป จู่ๆมันกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ไม่ให้เรียกว่าผีเข้าแล้วจะเรียกว่าอะไร แม่หมอลองดูให้ดีอีกทีก่อน อย่าเพิ่งไป" เฟยหม่า วิ่งตามหญิงผู้เฒ่านางนั้นออกไป พร้อมกับพยายามยื้อให้นางกลับไปที่บ้านของหวังอันเล่ออีกครั้ง
" หุบปาก เธอไม่ใช่วิญญาณร้าย แต่เป็นเจ้าของร่างนั้น ! และเธอก็ไม่ได้ถูกผีสิงด้วย ดังนั้นแกก็ควรหุบปากและหยุดเห่าหอนได้แล้ว อีกอย่าง ฉันขอเตือนแกไว้อย่าง ถือว่าเรารู้จักกันมานาน แกอย่าได้ไปยุ่งกับเธอเชียว ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา หากแกไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนอย่าได้ไปหาเรื่องเธอเชียวล่ะ "
พูดจบหมอหญิงผู้เฒ่าก็รีบเดินดุ่มๆออกไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของนางเฟยหม่าเลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงคนนั้น ช่างน่ากลัว พลังวิญญาณแกร่งกล้าแถมยังเต็มไปด้วยความอาฆาต และความพยาบาท ช่างเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยน่าจะดีที่สุด
ว่าแต่เธอคนนั้นพบเจอกับเรื่องอะไรมาบ้างนะ เหตุใดเด็กอายุน้อยขนาดนี้ถึงได้มีพลังวิญญาณสะสมไปด้วยความแค้นมากมายขนาดนั้น ให้ตายสิช่างเป็นคนที่หน้าขนลุกเสียเหลือเกิน!
ความคิดเห็น