ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ย้อนกลับมาสู่ยุค70

    ลำดับตอนที่ #6 : คำเตือนจากหมอผี

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 66


    ภายในบ้านหลังเก่า บริเวณมุมอับของตัวบ้านมี ร่างของหญิงสูงวัย ผมเผ้ายุ่งเหยิงนั่งหมอบอยู่บนพื้น อีกทั้งมุมปากของเธอยังมีเลือดไหลซึม 

     

    นังหลิวต้าเม่ย มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ กล้าดียังไงมาลงไม้ลงมือกับฉัน แถมมือของมันก็หนักเอาเรื่อง ตัวฉันผอมแห้งแค่นี้จะไปสู้กับมันที่ตัวใหญ่อย่างกับหมีควายได้ยังไงกัน น่าเจ็บใจชะมัด! 

     

    " ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ต่อไปนี้ถ้าป้ายังกล้ารังแกน้องชายฉันอีก คราวหน้าไม่จบแค่ปากแตกแน่ แต่ป้าคงต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวอยู่ที่อนามัยหลายวันเชียวล่ะ" หลิวต้าเม่ยเดินเข้าไปหาแม่เลี้ยง พร้อมกับนั่งยองๆมองจ้องไปในตาของคนตรงหน้าอย่างไม่มีเกรงกลัว

     

    " แกมันบ้าไปแล้ว นังหลิวต้าเม่ย  คิดว่าแกทำกับฉันแบบนี้ แล้วเรื่องมันจะจบหรอ ฉันจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านเรื่องที่แกทำร้ายร่างกายฉัน" 

     

    " ก็เอาสิ ป้าไปแจ้งเลยฉันก็จะได้แจ้งเหมือนกัน ว่าป้าทุบทีและทารุณฉันกับน้องๆมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว ! ป้าปล่อยให้พวกฉันอยู่กันแบบอดๆอยากๆ เท่านั้นไม่พอแถมยังทุบตีทารุณ หากจะถามหาหลักฐาน ก็อยู่บนใบหน้า กับตามร่างกายของน้องชายฉันนี่ไง เอาสิ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าลุงผู้ใหญ่บ้านจะตัดสินยังไง "

    คำท้าของหลิวต้าเม่ยทำเอาแม่เลี้ยงใจร้ายถึงกับพูดไม่ออก ทำไมกันทำไมหนังหมูโสโครกตัวนี้มันถึงได้กล้าต่อปากต่อคำ ท่าทีโง่ๆขี้ขลาดของมันเมื่อก่อนหายไปไหน หรือว่ามันจะบ้าไปแล้ว

     

    " ตะ..ต้าเม่ย แม่แค่พูดเล่นน่ะ ใครจะไปกล้าเอาความกับลูกตัวเองล่ะ อะ เอาแบบนี้ดีไหมเรามาสงบศึกกันชั่วคราว ต่อไปนี้แม่จะไม่ยุ่งอะไรกับพวกเธออีก ต่างคนต่างอยู่ต่างทำงานต่างกิน เรื่องวันนี้ ก็ให้แล้วกันไปเถอะนะ"

    ใช่แล้วถ้าเกิดนังอ้วนนี่มันไปแจ้งลุงผู้ใหญ่บ้านแล้วสืบสวนกันขึ้นมาจริงๆเธอนั่นแหละคือคนที่จะต้องโดนเฉดหัวออก เรื่องอะไรจะไปยอมกันล่ะ แถมหากสืบไปสืบมา เกิดมันปากโป้งพูดถึงเรื่องเงินที่พ่อมันเก็บไว้ตั้งใจจะส่งพวกมันไปเรียนขึ้นมาจะทำยังไง แถมเงินก้อนนั้นฉันก็ใช้มันหมดไปแล้วด้วย โธ่เว้ย

     

    " ถ้างั้นก็ดี และหวังว่าจะรับปากคำพูดด้วย ไม่อย่างนั้น ฉันไม่ปล่อยป้าเอาไว้แน่ " 

     

    " ได้เลยฉันรับปากจะไม่ยุ่งกับพวกเธออีกฉันสาบานเลย"

    แม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ในใจของแม่เลี้ยงคนนี้คงกำลังวางแผนชั่วอยู่เป็นแน่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีทางไว้ใจยัยป้าคนนี้อยู่ดี นั่นคือสิ่งที่จูถิงๆคิดในตอนนี้

     

    รุ่งสางของวันใหม่มาเยือน หลังจากเฉินเยียนออกไปแปลงนาแล้ว

    หวังอันเล่อจึงตั้งใจว่าวันนี้เธอจะทำแปลงปลูกผักบริเวณรอบๆตัวบ้าน เมื่อจัดการป้อนอาหารบดให้แก่หลี่หมิง เจ้าตัวน้อยก็คลานเล่น อยู่พักหนึ่งก่อนจะผล็อยหลับไป หวังอันเล่อจึงได้โอกาสปลีกตัวออกมาถางหญ้าที่หน้าบ้าน เพราะมีเวลาไม่มากเธอจึงต้องเร่งทำงานให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

     ในขณะที่กำลังก้มๆเงยๆถางหญ้าหน้าบ้าน ก็เหลือบไปเห็นหลิวต้าเม่ยพร้อมกับน้องชาย 2 คนที่กำลังเดินลิ่วๆตรงมายังบ้านของเธอ

     

    " พี่อันเล่อ ฉันขอฝากน้องๆไว้ที่บ้านพี่ก่อนได้ไหม หากเสร็จงานแล้ว ฉันจะรีบมารับพวกเขาทันที " เพราะความจริงแล้วหลิวต้าเม่ยนั้นอายุน้อยกว่าหวังอันเล่อถึง 2 ปี หากจะให้เรียกเป็นกันเองก็ดูจะแปลกไปหน่อย ดังนั้นจูถิงถิงจึงต้องพยายามปรับตัวให้กลายเป็นหลิวต้าเม่ย เพื่อไม่ให้คนอื่นผิดสังเกตุเอาได้

     

    " ได้สิ " หวังอันเล่อ พยักหน้าพร้อมกับมองไปที่เด็กน้อย 2 คน ด้านหลัง ร่างกายของพวกเขา เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดูแล้วคงไม่พ้นถูกแม่เลี้ยงใจร้ายทารุณมา 

     

    " ถ้างั้นเย็นๆฉันมารับนะ ช่วงนี้คงต้องฝากพี่ดูแลน้องๆให้ก่อน ถ้าหากฉันปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่บ้านในตอนกลางวัน 2 คน ก็เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย" 

    อันเล่อไม่ได้ถามอะไรต่อเธอเพียงพยักหน้าเข้าใจเพราะรู้อยู่แล้วว่าครอบครัวนี้นั้นเป็นอย่างไร สมัยก่อนที่จูถิงๆจะมาอยู่ในร่างของหลิวต้าเม่ย พวกเขาก็มักโดนทุบตีรังแกเป็นประจำอีกทั้งยังอยู่กันแบบอดๆอยากๆ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าซอมซ่อ ช่างเป็นครอบครัวที่น่าสงสารเหลือเกิน

     

    " งั้นฉันไปก่อนนะ  "

    จูถิงถิงยามนี้กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลเด็กชายอีกทั้งสองคน เธอจึงไม่มีเวลามาโอ้เอ้ คุยเล่น เหมือนตอนเป็นยุวปัญญาชน อีกทั้งหากยังมัวชักช้า ค่าแรงแลกแต้มต่อวันก็จะหายไป 

     

    " เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งไป รอเดี๋ยว " หวังอันเล่อ รีบดึงแขนสาวร่างอ้วนเอาไว้พร้อมกับวิ่งเข้าไปในบ้าน ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมกับซาลาเปาอวบๆ2-3 ลูก 

     

    "เอานี่ พกไปกินด้วย ฉันรู้ว่าความเป็นอยู่ของเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นี่ก็คงจะยังไม่ได้กินอะไรกันมาใช่ไหม พกไปไว้กินด้วย จะได้มีแรงทำงาน พอเสร็จแล้วก็กลับมากินข้าวที่บ้านฉันนะ เดี๋ยวจะทำกับข้าวเผื่อไว้แล้วก็ไม่ต้องห่วงเด็กๆ 2 คนนี้ เดี๋ยวฉันหาอะไรให้พวกเขากินเอง ตั้งใจทำงานล่ะ " หลิวต้าเม่ย รับซาลาเปาลูกอวบๆมาไว้ในมือตากลมก็มองไปที่สหายรักด้านหน้า

    ฉับพลันน้ำใสๆก็ไหลรื้นขึ้นมา ไม่ว่าเมื่อไหร่สหายของเธอคนนี้ ก็มักจะคอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด ขนาดเธอเปลี่ยนมาอยู่ในร่างของหญิงอ้วนแปลกหน้า หวังอันเล่อ ก็ยังคงทำดีกับเธอไม่เว้นแม้แต่น้องชายของเจ้าของร่าง

    เพราะความใจดีของเธอจึงมักโดนคนอื่นเอารัดเอาเปรียบ

    ให้ตายสิ ยัยบ้าถ้าไม่มีฉันสักคนชีวิตของเธอจะเป็นยังไงเนี่ย จูถิงๆได้แต่คิดในใจพร้อมกับสายหัวน้อยๆ ก่อนจะโบกมือลาสหายรักและเด็กชาย 2 คน และตรงไปยังแปลงนาเพื่อทำงานเหมือนเช่นคนอื่นๆ

     

    " เอาล่ะเด็กๆในบ้าน บนโต๊ะมีกับข้าววางอยู่พวกเธอเข้าไปตักข้าวแล้วกินมันได้เต็มที่เลยนะไม่ต้องเกรงใจ พี่ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีก พวกเธอช่วยเหลือตัวเองกันได้ใช่ไหม" หวังอันเล่อพูดกับเด็กๆโดยในมือก็ยังถางหญ้าไปด้วย

     

    "  คือว่า พวกเราไม่มีเงินนะครับ กลัวว่าถ้ากินข้าวของพี่สาวไปแล้วพวกผมจะไม่มีจ่าย เดี๋ยวจะลำบากพี่ต้าเม่ย ต้องหาเงินมาจ่ายแทนดังนั้น พวกผมไม่กินหรอกครับ" หลิวซือน้องชายคนรองของหลิวตาเม่ย เหลือบตามองไปที่หวังอันเล่อเป็นระยะ ด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆ

    พวกเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานอีกทั้งยังหิวมาก จะได้กินก็มีเพียงแค่น้ำจากลำธารเท่านั้นที่ใช้ประทังความหิว  ตอนนี้พวกเขาจนมากไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอาหารแม้แต่ที่ซุกหัวนอนก็ยังอยู่แบบลำบาก ถ้าหากว่าเขากินข้าวบ้านพี่สาวคนนี้ไป แล้วเธอเรียกร้องหาเงินล่ะ เขาจะเอาที่ไหนมาให้กัน

     

    " ไม่ต้องมาจ่ายเงินพี่หรอกจ้ะ กินได้เลย พี่ไม่คิดเงิน พวกเธอผอมโซขนาดนี้ยังจะต้องกังวลเรื่องเงินอีกทำไม ถ้าเกรงใจ งั้นก็เอาแบบนี้ ในบ้านมีลูกชายของพี่นอนหลับอยู่ หากเขาตื่นก็ช่วยเลี้ยงน้องแทนพี่ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนสำหรับอาหารดีไหมจ๊ะ " 

     

    " ถ้างั้นให้น้องชายผมเป็นคนเฝ้าส่วนผมจะออกมาช่วยถางหญ้าที่หน้าบ้านแล้วกันนะครับ ผมเห็นพี่ทำคนเดียว วันนี้น่าจะไม่เสร็จให้ผมช่วยเถอะครับ" หลิวซือบอกกับหวังอันเล่อ ด้วยสายตามุ่งมั่นแม้จะเป็นเด็กอายุเพียง 7 ขวบ แต่เขากลับมีท่าทีเฉลียวฉลาด มีความคิดความอ่าน หากได้เรียนหนังสืออนาคตจะไปไกลแค่ไหนกันนะ

     

    " เอางั้นก็ได้จ้ะ รีบเข้าไปกินข้าวแล้วออกมาช่วยพี่ทำงานนะ " สิ้นเสียงพูดเด็กชาย 2 คนก็เดินหายกลับเข้าไปในบ้าน ภายในใจ ของหวังอัลเล่อก็นึกเวทนาเด็กๆพวกนี้ไม่น้อย

     

    ผ่านไปได้ครึ่งค่อนวัน บริเวณหน้าบ้านที่เคยมีหญ้ารกร้างก็ ดูสะอาดสะอ้าน เพราะได้หลิวซือช่วย ทำให้ทุ่นแรงไปได้เยอะ  เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลือ อันเล่อจึงรีบลงมือพรวนดินต่อ วันนี้เธออยากจะพรวนดินบริเวณหน้าบ้านให้เสร็จ วันพรุ่งจะได้ ย้ายไปทำงานบริเวณหลังบ้านต่อ

    ในระหว่างหยุดพัก หลิวซือก็สะกิดไหล่พี่สาวให้เงยหน้ามองกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่เดินมายังหน้าบ้าน

    หวังอันเล่อมองสังเกตเห็นป้าเฟยหม่า พร้อมกับลูกสาวของเธอ ถัดไปมีหญิงผู้เฒ่าผมขาวโพลน สวมชุดสีดำทาทางน่ากลัว อีกทั้งเธอยังมีคนติดตามเป็นชายฉกรรจ์อีก 2 นายด้านหลัง 

     

    คนพวกนี้เป็นใครกันทำไมถึงต้องมายืนที่หน้าบ้านของเธอด้วย หรือจะเป็นพรรคพวกของป้าเฟยหม่า เหอะ คงจะมาหาเรื่องเธออีกแล้วล่ะสิท่า !

     

    "นังนี่แหละแม่หมอ คนที่ฉันเล่าให้ฟัง  เมื่อวานมันจ้องฉันตาเขม็ง อย่างกับคนถูกผีเข้า " นางเฟยหม่าหันไปบอกกับหญิงผู้เฒ่านางนั้น พร้อมกับชี้นิ้วมายังหวังอันเล่อที่ยืนอยู่

     

    " มีเรื่องอะไรอีกคะป้า วันๆป้าจะอยู่เฉยๆไม่ได้เลยใช่ไหม ถึงได้หาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันไม่เว้นแต่ละวัน คราวนี้พาคนมาทำอะไรอีกล่ะคะ" หวังอันเล่อทิ้งจอบที่อยู่ในมือลงพื้นพร้อมกับหันไปบอกให้เด็กน้อยหลิวซือหลบเข้าไปอยู่ในบ้านก่อน

    เด็กชายพยักน่ารับอย่างว่าง่ายพร้อมกับรีบเดินเข้าไปและปิดประตูทันที

     

    "ทำเป็นปากดีเข้าไปเถอะ นังผีร้ายฉันรู้นะว่าแกไม่ใช่หวังอันเล่อ อย่าคิดว่าฉันจะกลัวแกนะวันนี้แหละแม่หมอจะมาปราบแก" เฟยหม่าเท้าสะเอว จ้องมายังหวังอันเล่อ แต่ทว่าเมื่อเห็นสายตาดุๆของเธอ นางเฟยหม่าก็รีบเบี่ยงตัวหลบไปอยู่ด้านหลังหญิงผู้เฒ่านางนั้นทันที

     

    "ฮ่าๆ ฉันว่าป้ามาผิดที่แล้วล่ะค่ะที่นี่ไม่มีผีร้ายอะไรทั้งนั้น อีกอย่างฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระกับป้าหรอกนะคะ ตอนนี้กำลังยุ่ง" 

     

    "หึ เดี๋ยวก็รู้ว่ามีหรือไม่มี" จู่ๆแม่หมอคนนั้นก็เอ่ยขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับถือวิสาสะเดินเข้ามาหาหวังอันเล่อใกล้ๆ

    เธอท่องคาถาบางอย่างพร้อมกับหลับตาลง ไม่นานเธอก็ลืมตาขึ้นจ้องมาที่ร่างบางด้านหน้าดวงตาของแม่หมอเฒ่าแดงกล่ำ เธอค่อยๆเอื้อมมือเหี่ยวย่นจับมาที่หวังอันเล่อแผ่วเบา

     ด้านหวังอันเล่อ เธอไม่ได้สะบัดมือออก แต่กลับมองจ้องไปที่หญิงชราด้านหน้าที่ยามนี้กำลังตัวสั่น ไม่นานก็มีลมแรงพัดกรรโชกมา  พริบตา แม่หมอเฒ่าก็ยืนตัวแข็งค้าง เธอรีบปล่อยมือเหี่ยวๆออกจากข้อมือของหวังอันเล่อทันที

     

    "พลังวิญญาณแรงกล้า เต็มไปด้วยความแค้น น่ากลัวอะไรขนาดนี้เกิดมาทั้งชีวิตฉันไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย " แม่หมอเฒ่าบ่นออกมาเสียงเบาพร้อมกับมองไปที่คนตรงหน้าอีกครั้ง ไม่นานแม่หมอคนนั้นก็หันหลัง และเดินออกไปจากบริเวณบ้านของหวังอันเล่อทันที

     

    " กลับเถอะที่นี่ไม่มีผีร้ายอะไรทั้งนั้น " 

     

    " จะไม่มีได้ยังไงแม่หมอ ฉันว่ายังไงนังนั่นมันก็ไม่ใช่หวังอันเล่อ แม่หมอก็เห็นท่าทางของมันแล้วนี่ เมื่อก่อนมันขี้ขลาดจะตายไป จู่ๆมันกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ไม่ให้เรียกว่าผีเข้าแล้วจะเรียกว่าอะไร แม่หมอลองดูให้ดีอีกทีก่อน อย่าเพิ่งไป" เฟยหม่า วิ่งตามหญิงผู้เฒ่านางนั้นออกไป พร้อมกับพยายามยื้อให้นางกลับไปที่บ้านของหวังอันเล่ออีกครั้ง

     

    " หุบปาก เธอไม่ใช่วิญญาณร้าย แต่เป็นเจ้าของร่างนั้น ! และเธอก็ไม่ได้ถูกผีสิงด้วย ดังนั้นแกก็ควรหุบปากและหยุดเห่าหอนได้แล้ว อีกอย่าง ฉันขอเตือนแกไว้อย่าง ถือว่าเรารู้จักกันมานาน แกอย่าได้ไปยุ่งกับเธอเชียว ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา หากแกไม่อยากให้ครอบครัวเดือดร้อนอย่าได้ไปหาเรื่องเธอเชียวล่ะ "

    พูดจบหมอหญิงผู้เฒ่าก็รีบเดินดุ่มๆออกไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงร้องของนางเฟยหม่าเลยแม้แต่น้อย

     

    ผู้หญิงคนนั้น ช่างน่ากลัว พลังวิญญาณแกร่งกล้าแถมยังเต็มไปด้วยความอาฆาต และความพยาบาท ช่างเป็นคนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยน่าจะดีที่สุด

    ว่าแต่เธอคนนั้นพบเจอกับเรื่องอะไรมาบ้างนะ เหตุใดเด็กอายุน้อยขนาดนี้ถึงได้มีพลังวิญญาณสะสมไปด้วยความแค้นมากมายขนาดนั้น  ให้ตายสิช่างเป็นคนที่หน้าขนลุกเสียเหลือเกิน! 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×