คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สั่งสอนคนแก่ปากเสีย
หลังจากหลิวต้าเม่ยกลับไปแล้ว ก็เป็นเวลาเกือบเย็น
หวังอันเล่อเดินออกมาส่งสาวน้อยตัวอ้วน และเมื่อเห็นเธอเดินหายลับตาไป ในขณะที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน ก็มีเสียงแหบพร่าของหญิงชราพูดแทรกขึ้นมาในระหว่างนั้น
" นึกว่าใคร ที่แท้ก็นังผู้ดีตีนแดงนี่เอง ไม่มีคนคบแล้วหรือไงถึงได้ไปยุ่งกับหนังหมูโสโครกตัวนั้น ระวังเถอะเชื้อโรคตัวขี้เกียจจะติดมา แต่จะว่าไป ต่อให้ไม่คบหานังคนนั้น แกมันก็ขี้เกียจอยู่แล้วนี่ฉันลืมไป "
เมื่อได้ยินคำดูถูกมาจางนางเฟยข้างบ้าน หวังอันเล่อก็กรอกตามองบนด้วยความรำคาญ
ใช่แล้วยัยคนนี้ก็คือป้าข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟยหม่า เธอมีนิสัยชอบสอดรู้สอดเห็น อีกทั้งยังมักสรรหาคำพูดมาดูถูก และจิกกัดเธอได้ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ยัยป้าคนนี้ถึงตามจองล้างจองผลาญไม่เลิก
" ป้าเฟยมีธุระอะไรคะ ? " หวังอันเล่อยกมือขึ้นมากอดอก พร้อมกับมองจ้องไปที่หญิงแก่ข้างบ้านด้วยสายตาเอาเรื่อง
" ฉันจะไปมีธุระกับผู้ดีแบบเธอได้ยังไงกัน จะว่าไป ฉันล่ะสงสาร ลูกผัวเธอจริงๆที่ต้องมีเมียมีแม่แบบนี้ วันๆขี้เกียจไม่ทำการทำงาน เอาแต่ล้างผลาญ ให้สามีหาเงินงกๆๆ น่าสมเพช "
หึ้ย หากไม่ใช่เพราะนังหวังอันเล่อ ป่านนี้ลูกสาวคนเล็กของเธอคงได้เฉินเยียนเป็นสามีเขาทั้งขยันทำมาหากิน สามารถลงแรง ได้ถึง 8 แต้มต่อวัน แถมยังตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวฝ่ายเขามากวนใจ หากลูกสาวของเธอได้แต่งงานกับเขา ป่านนี้คงสุขสบายกันไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะนังยุวปัญญาชนคนนี้โผล่มา ป่านนี้เขาคงจัดการรวบหัวรวบหางเฉินเยียนได้สำเร็จไปแล้ว หึ้ยย แค่คิดก็เจ็บใจนัก !
" ป้ากำลังว่าฉันอยู่นะคะ ป้ามีสิทธิ์อะไรถึงมาตัดสินคนอื่น? อีกอย่างฉันก็ไม่เคยทำไม่ดีกับป้า ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าป้าไม่ชอบฉันด้วยเรื่องอะไร แต่ป้าไม่ควรจะมาพูดจาดูถูกคนอื่นแบบนี้"
"โอ๊ะตายจริง เปล่าเลย ฉันไม่ได้ว่าเธอแล้วก็ไม่ได้ดูถูกด้วย ฉันก็แค่พูดออกไปลอยๆ ใครอยากรับก็รับ ใครไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ! " ป้าเฟยข้างบ้าน แสยะยิ้มร้าย มองมาที่หวังอันเล่อด้วยความสะใจ
ให้ตายสิ ที่ผ่านมาในอดีต ฉันอดทนต่อการถูกกลั่นแกล้งรังแกจากยัยแก่คนนี้ได้ยังไงกันนะ หากเป็นเมื่อก่อนหวังอันเล่อคงไม่กล้าแม้แต่จะสบตา แต่ทว่าตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอจะไม่มีวันให้ใครมาพูดจาดูถูกและรังแกเธอได้อีก แม้ว่าคนๆนั้นจะแก่กว่าก็ตาม
" เฮ้ออ ให้ตายสิ อีแก่เอ้ย แก่จนจะลงโลงยังไม่รู้จักอยู่เฉยๆ เที่ยวแกว่งปากหาเสี้ยน ระวังเถอะตายไปจะไม่มีใครเผาผี "
" นั่น กะ..แกพูดว่ายังไงนะ เมื่อกี้แกด่าฉันหรอ หะ นังสารเลว แกเรียกใครว่าอีแก่ แถมยังแช่งให้ฉันตายอีก นะนังแพศยา แกกล้าดียังไง"
"เอ้า !! ฉันไม่ได้ว่าป้าสักหน่อย ฉันก็แค่พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับ ใครไม่อยากรับก็ไม่ต้องรับ แล้วป้าจะมาเดือดร้อนอะไรหรอคะ" ท่าทีกวนประสาทของหวังอันเล่อ ทำเอานางเฟยถึงกับตัวสั่นราวกับเป็นเจ้าเข้า
"นังอันเล่อแก...แกกล้าพูดกับฉันแบบนี้ฉันจะไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้มาจัดการแก ! "
"ไปสิคะ ไปเลย แบกสังขารเหี่ยวๆเดินไปเลยค่ะ อยากทำอะไรก็เชิญทำได้เต็มที่เลยนะคะ อีกหน่อยพอตายไปแล้ว เดี๋ยวจะไม่ได้ทำ " สิ้นเสียงพูดร่างเล็กก็ปิดประตูบ้านดังปั้ง
การกระทำของเธอทำเอาเฟยหม่าถึงกับกรีดร้องเสียงหลงดังลั่นไปทั่วหมู่บ้าน
" กรี๊ด แกจะหนีไปไหนกลับมานี่เดี๋ยวนี้นะมาคุยกับฉันให้รู้เรื่อง นังหญิงสาระเลว นังกาลกิณี ชาตินี้ฉันกับแกคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะออกมาสิวะ" เสียงของหญิงแก่ตวาดดังลั่น ทำเอาเหล่าชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาถึงกับอดไม่ได้ที่จะมองเข้ามาด้วยความสอดรู้สอดเห็น
และเพราะเสียงกรีดร้องที่น่ารำคาญของหญิงแก่ หวังอันเล่อจึงหยิบสำลีออกมาจากช่องทำบุญและอุดไปยังหูทั้งสองข้าง พร้อมกับเอาลูกน้อยเข้าเต้าดูดนม
ชาติก่อน เธอยอมให้คนพวกนั้นรังแก และเป็นฝ่ายกระทำมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรจะตอบโต้เสียบ้าง และถ้าหากว่ายายแก่ข้างบ้านยังไม่หยุดวุ่นวายกับเธอและครอบครัวอีก ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องพูดดีด้วย! นี่สินะเขาถึงเรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟัน
" คุณ..คุณครับ เป็นอะไรหรือเปล่า" เฉินเยียนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้าน เขาค่อยๆเดินเข้ามาสะกิดไหล่ภรรยาเบาๆ
ตั้งแต่เดินเข้ามาเขาตะโกนเรียกหาเธอแต่ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับ และเมื่อเดินมาดูในห้องนอน กลับเห็นอันเล่อกำลังนั่งเอาลูกน้อยดูดนมเข้าเต้าราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเขา
หวังอันเล่อ เมื่อสัมผัสได้ถึงสามีที่อยู่ด้านหน้าเธอก็ค่อยๆหยิบเอาสำลีออกจากหูพร้อมกับส่งยิ้มแห้งๆ มองไปที่เฉินเยียนตาปริบๆ
" โทษทีค่ะเมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ แล้วนี่กลับมานานแล้วหรือคะเนี่ย ตายจริงฉันลืมเตรียมอาหารเย็นไว้เลย" เธอพูดพลางทำทีจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกสามีห้ามเอาไว้
" ไม่เป็นไรครับ วันนี้แม่ของเสียวอู่แบ่งกับข้าวมาให้ คุณไม่ต้องทำหรอกครับ พวกเขาได้ปลามาหลายตัว เลยแบ่งให้เรามาตัวนึงแถมยังย่างมาให้เรียบร้อยแล้วด้วย ...ว่าแต่ทำไมคุณถึงต้องเอาสำลีอุดหูไว้ด้วยล่ะครับเนี่ย แถมสำลีนั่นยังมีราคาแพง ไปเอามาจากไหนครับ"
"อ๋อ..คือฉันได้มาจากเพื่อน ที่เป็นยุวปัญญาชนเหมือนกันนะค่ะ พอดีครอบครัวเธอส่งข้าวของมาให้ เลยนำมาแบ่งให้ฉันน่ะค่ะ ! และที่เอามาอุดหูไว้ ก็เพราะรำคาญเสียงป้าเฟยข้างบ้านนิดหน่อย..เห้อ ไม่รู้ว่าแกเป็นอะไรนักหนา ถึงชอบหาเรื่องแซะฉันได้ตลอด พอแกเห็นว่าฉันไม่ตอบโต้เข้าหน่อยก็ได้ใจ วันนี้ฉันก็เลยด่าแกกลับไปเสียชุดใหญ่เลยล่ะค่ะ"
"จริงหรอครับเนี่ย นี่ผมไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมครับ ภรรยาของผมด่าคนเป็นแล้ว" เฉินเยียนเอ่ยแซว พลางเอามือไปหยอกล้อกับลูกชายที่นอนอยู่บนตัก
" คุณก็พูดเกินไป ฉันด่าเป็นสิคะ แต่เมื่อก่อนเลือกที่จะไม่ด่ามากกว่า เพราะไม่อยาก สร้างปัญหาและเป็นศัตรูกับใคร อีกอย่างตอนนั้นฉันก็โกรธมากด้วย เลยเผลอพ่นคำหยาบคายออกไปซะเยอะ ป่านนี้ป้าเฟยคงจะโกรธแล้วก็สาปแช่งฉันอยู่เป็นแน่ แล้ว..คุณล่ะคะโกรธไหมที่จู่ๆฉันก็เปลี่ยนไป ไม่ได้เรียบร้อยอ่อนหวานเหมือนเมื่อก่อน"
"ไม่เลย ผมกลับชอบเสียอีก คุณน่ะหัดสู้คนบ้าง รู้ไหมครับเวลาผมไปทำงาน ผมก็กังวลกลัวว่าคุณจะถูกเป้าเฟยรังแก แต่ถ้าคุณเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะครับผมชอบ" เสียงหัวเราะของสามีภรรยาดังลั่นอยู่ในบ้านหลังน้อย ทำเอาป้าข้างบ้านที่ได้ยินเสียงหัวเราะแห่งความสุข ถึงกับแทบสำลักความอิจฉาตาย
เฟยหม่า มองไปยังบ้านหลังน้อยด้านข้าง ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เธอสั่งให้ลูกๆเดินไปปิดประตูหน้าต่าง ส่วนตนเองก็เเทะเมล็ดแตงด้วยอารมณ์หงุดหงิด
"พวกแกรู้อะไรไหม ว่าวันนี้นังหวังอันเล่อ มันด่าฉันเสียๆหายๆแถมยังแช่งให้ฉันตาย เห็นทำตัวหงิมๆต่อหน้าผัว แต่พอลับหลังมันกลับร้ายเอาเรื่อง พูดแล้วก็โมโห "
" เธอออกจะดูเรียบร้อย แน่ใจหรอครับว่าแม่โดนเธอด่ามาจริงๆ ไม่ใช่ว่าแม่เป็นคนไปหาเรื่องเธอก่อนหรอกหรือ" ลูกชายคนโตของนางเฟย ที่กลับมาจากทำงาน เอ่ยขัดคนเป็นแม่พร้อมกับทิ้งกายนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
" ทำไมแกถึงชอบขัดฉันนักหะ ไอ้ลูกคนนี้ เอะอะก็เข้าข้างมันเข้าไป ใช่สิ ! ฉันมันเป็นนัง ตัวร้ายในสายตาแกอยู่แล้วนี่"
"โธ่ ผมก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้น แม่ก็หยุดไปหาเรื่องเธอสักวันเถอะ อย่าลืมสิครับว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆต้องพลัดจากบ้านเกิดเมืองนอน แถมยังต้องมาอยู่ในหมู่บ้านห่างไกล ผมว่าเธอน่าสงสารนะครับ "
" น่าสงสารกับผีน่ะสิ ! เหอะแกยังไม่รู้จักมันดี นังนั่นมันมารยา เสแสร้งเก่งจะตาย แกไม่ต้องมาออกตัวแทนมันเลยนะจะไปไหนก็ไปไป๊ " นางเฟยโบกมือไล่ลูกชายด้วยท่าทีหงุดหงิด ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็มักจะออกตัวแทนผู้หญิงคนนั้นตลอด ไม่รู้ว่าคนแบบนั้นมันมีอะไรดีกัน เหอะ
"หึ แม่ยังไม่ชินอีกหรอคะ ! พี่ใหญ่น่ะ อะไรๆก็เข้าข้างนังหวังอันเล่อ นี่ไม่แน่นะคะ ถ้าหากมันไม่แต่งงานกับพี่เฉินเยียน ป่านนี้ลูกชายคนโปรดของแม่ อาจจะไปคว้ามันมาเป็นสะใภ้ก็ได้นะคะ" ลูกสาวคนเล็กของนางเฟยที่นั่งเงียบอยู่นานก็พูดขัดขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
" โอ๊ยให้ตาย ฉันก็ไม่เอาคนอย่างนังนั่นมาทำพันธุ์หรอก วันๆไม่เห็นทำงานทำการ ดีแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ คนแบบนั้นใช้ได้ที่ไหน! "
" โถ่แม่ครับ ถึงต่อให้ผมอยากได้เธอมากขนาดไหน แต่ก็ไม่มีวันมองผมหรอกครับ เธอทั้งสวยแถมฐานะก็ดี เป็นนักศึกษา มีความรู้ ชาวบ้านอย่างเราๆเทียบกับเธอแทบไม่ได้ ต่างกันราวฟ้ากับเหว แม่รู้อะไรไหมครับ ว่าคนแบบเธอนั่นแหละ ที่ใครๆต่างก็อยากได้มาเป็นสะไภ้ ! ทุกวันนี้ผมยังรู้สึกอิจฉาเจ้าเฉินเยียนมันเลย ที่มันวาสนาดี ได้แต่งกับหวังอันเล่อ "
" โอ๊ยแกหุบปาก เดี๋ยวสักวันคนอย่างนังนั่นมันก็ต้องทิ้งลูกทิ้งผัวกลับเมืองหลวงไปสักวัน เห้อะ ฉันละเบื่อไม่อยากคุยกับแกแล้ว จะไปไหนก็ไป "
หญิงชราโบกมือได้ลูกชายอีกครั้ง และเมื่อเห็นว่าลูกชายคนโตเดินกลับเข้าห้องไปแล้ว ยามนี้ก็เหลือแค่ 2 แม่ลูกที่กำลังนั่งแทะเมล็ดแตงกันอยู่
"นี่ อวี๋เหนียน แกว่าช่วงนี้นังหวังอันเล่อมันดูแปลกๆไปบ้างหรือเปล่า แม่ว่าวันนี้ท่าที มันดูไม่ค่อยปกติ มันมองจ้องแม่ตาขวาง แถมยังทำท่าทางโกรธเกรี้ยว...ดูเปลี่ยนไปราวกลับเป็นคนละคน หรือว่าบางทีมันอาจจะถูกผีเข้า ! "
" แม่ ! พูดแบบนี้หนูกลัวนะ บ้านเราอยู่ติดกับบ้านมันด้วย ถ้ามันถูกผีสิงจริงๆล่ะ จะทำยังไง ถ้าเกิดว่ามันโมโห แล้วออกมาหักคอพวกเราตายหมดบ้านล่ะแม่ !! " หญิงสาวร่างเล็กกระเถิบเข้าไปใกล้ๆแม่ของตนพลางกวาดสายตามองไปรอบๆบ้านอย่างระแวดระวัง
" ไอ้หยา ! ไม่ได้การแล้ว แม่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่ามันถูกผีเข้าจริงๆ อวี๋เหนียน พรุ่งนี้แกไปกับแม่ แม่จะไปตามแม่หมอที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านให้มาตรวจดู หากนางหวังอันเล่อ มันถูกผีเข้าจริงๆคนในหมู่บ้านคงได้พากันรังเกียจ และหวาดกลัวมันแน่ๆ หากเป็นแบบนั้นจริง แม่คงหาทางเฉดหัวมันออกไปจากที่นี่ได้ "
"แม่แต่แบบนั้นมันผิดกฎหมายนะ ถ้ามันไปแจ้งพวกทหารแดงล่ะเราจะทำยังไง"
"คนขี้ขลาดอย่างมันน่ะหรือจะกล้า ! ขอเพียงไล่นังวิญญาณร้ายตัวนั้นออกไปได้ ส่วนนางหวังอันเล่อ แม่จะจัดการกับมันเอง "
หึ แล้วมันจะได้รู้ว่าไม่ควรมาลองดีกับคนอย่างเฟยหม่า
ตัดมาทางด้าน จูถิงถิง
หญิงสาวตัวอ้วนเดินเข้ามาในบ้านหลังเก่าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เธอกวาดสายตามองไปรอบๆก็เห็นน้องชาย 2 คนที่กำลังยืนกอดอก ด้านหน้ามีหญิงสูงวัยถือไม้เรียวนั่งท้าวสะเอว
" ทำอะไรกันน่ะ ทำไมต้องตีน้องๆแบบนั้นด้วย" จูถิงๆในร่างของหลิวต้าเม่ย เดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับรีบเข้ามาดูขาของเด็กชายทั้งสองที่ขึ้นริ้วเป็นแนวยาว อีกทั้งยังมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมาเล็กน้อย
"มาแล้วหรอนังตัวดี ไหนล่ะปลาที่ฉันให้แกไปเอา ได้มาสักตัวไหม " แม่เลี้ยงของหลิวต้าเม่ย ท้าวสะเอวมองมาที่หญิงสาวตัวอ้วนด้านหน้าด้วยสายตารังเกียจ แต่ทว่าเมื่อไม่เห็นเธอถือของติดมือมา ก็รู้แน่ชัดแล้วว่าหลิวต้าเม่ยไม่ได้เอาปลากลับมาด้วย
" นี่แกไม่ได้ไปที่ฝายกั้นน้ำใช่ไหม บ้านอื่นเขาได้ปลากลับมากันตั้งหลายตัว แต่แกกลับเดินตัวเปล่ากลับบ้านมาแบบนี้น่ะหรอ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าวันนี้แกหายหัวไปไหนมาทั้งวัน หะ ! หรือว่านี่คงไปแอบอู้งานอีกแล้วใช่ไหม นังหมูโสโครก ดีล่ะ วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวของแกออก โทษฐานที่แกกล้าขัดคำสั่งฉัน " พูดจบแม่เลี้ยงของหลิ่วต้าเมย ก็พุ่งตัวพร้อมกับยกไม้เรียวขึ้นหมายจะฟาดลงมาใส่ร่างกายอ้วนๆของเธอ
แต่ทว่าจูถิงๆก็ยกมือคว้าไม้เรียวเอาไว้ด้วยความเร็วพร้อมกับหักมันออกเป็น 2 ท่อน ตาคมก็มองไปที่แม่เลี้ยงตรงหน้า
"ถ้าอยากกินก็ออกไปจับเองสิ ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่ต้องกิน เพราะต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำอะไรให้ป้าอีกแล้ว"
"นังตาเม่ยแกเป็นบ้าไปแล้วรึไง กล้าดียังไง ถึงได้พูดจาแบบนี้กับฉัน นี่.. แกอยากตายนักใช่ไหม หะ ! "
" ฉันว่าป้าถอยออกไปห่างๆฉันจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะมาหาว่าฉันรังแกคนแก่ไม่ได้นะ แล้วต่อไปนี้ ถ้าฉันยังเห็นว่าป้ากล้าทุบตีน้องชายของฉันอีก ก็อย่ามาหาว่าฉันไม่เตือน"
" ทำไม ถ้าฉันทำแล้วแกจะทำไม " พูดไม่ทันขาดคำ หญิงสูงวัยก็ฟาดฝ่ามือลงไปที่ใบหน้าของจูถิงๆจนเต็มแรง สาวตัวอ้วนรับรู้ถึงรสคาวเลือดในปาก ก็หันมองมาที่คนตรงหน้าตาขวาง
"เห็นทีถ้าวันนี้ฉันไม่เอาเลือดหัวป้าออกบ้าง ก็คงจะนอนไม่หลับ "
ปึก ปัก โป้ก !!
ความคิดเห็น