ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ย้อนกลับมาสู่ยุค70

    ลำดับตอนที่ #3 : เธอมาจนได้

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 66


    หลังจากเฉินเยียนกลับมาจากแปลงนา ทันทีที่เห็นกับข้าวมากมายตรงหน้า ร่างสูงก็ถึงกับคิ้วขมวด

    ไม่ใช่ว่าบ้านเรายากจนถึงขั้นไม่มีแม้แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อหรอกหรือ แล้วข้าวของพวกนี้มาได้ยังไงกัน เฉินเยียนยืนมองกับข้าวบนโต๊ะ พร้อมกับเสียงท้องที่ร้องประท้วงดัง จ๊อกๆ

    ไม่นานภรรยาคนสวยก็เดินออกมาจากครัวด้านหลัง เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มเบื้องหน้า  ความรู้สึกหลากหลายก็อัดแน่นปะทุออกมา

    คิดถึงเหลือเกิน หวังอันเล่อมองไปที่สามีด้านหน้า พร้อมกับพยายามสกัดกั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

     

    " คุณครับ บ้านเรามีข้าวสารตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ใช่ว่ามันหมดไปแล้วหรอกหรือครับ " เสียงทุ้มเอ่ยถามภรรยาพร้อมกับมองไปที่เธอสลับกับข้าวสวยร้อนๆบนโต๊ะ

     

    "ยังมีเหลืออยู่บ้างค่ะ  มาเถอะค่ะ มากินข้าว กลับมาเหนื่อยๆ คุณคงจะหิวแย่แล้ว" 

     

    "ครับผม ว่าแต่วันนี้หลี่หมิงเป็นยังไงบ้าง เขากวนคุณหรือเปล่า หากคุณเหนื่อยเดี๋ยววันพรุ่งผมเอาลูกไปเลี้ยงที่แปลงนาเอง" ชายหนุ่มมองไปยังใบหน้าของภรรยาที่ซีดเซียว พร้อมกับนั่งลงยังเก้าอี้ที่ว่างอยู่

    ตั้งแต่อันเล่อคลอดลูก เธอก็แทบไม่มีเวลาได้พัก ไหนจะต้องทำงานบ้านงานเรือนรวมถึงเลี้ยงลูก เพราะเขาตัวคนเดียวตั้งแต่เล็ก ไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติ ทำให้บ้านเล็กๆหลังนี้มีแค่เขากับภรรยาเพียง 2 คน จึงทำให้การใช้ชีวิตของเธอค่อนข้างลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการดูแลลูกเล็กลำพัง สำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์อย่างพวกเขา ถือว่าทุลักทุเลมาก กว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันไม่ง่ายเลย

     

    "ไม่เอาหรอกค่ะ คุณเหนื่อยกว่าฉันอีก แค่เลี้ยงลูกอย่างเดียว ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ควรเกิดเป็นแม่คนแล้ว อีกอย่างไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หลี่หมิงของเราเป็นเด็กดีมาก ไม่ค่อยร้องกวน ฉันมีเวลาพักมากกว่าคุณอีก" 

     

    "ได้ยินแบบนี้ผมก็สบายใจ ว่าแต่ทำไมวันนี้พูดเยอะกว่าปกติ มีเรื่องอะไรดีๆอย่างนั้นหรอครับ" เขาเอ่ยแซว พลางหัวเราะขบขัน รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของชายหนุ่มทำเอาคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

     

    "เรื่องดีๆก็คือการที่ฉันได้อยู่กับคุณยังไงล่ะคะ ต่อไปนี้ในทุกๆวัน ฉันอยากพูดอยากคุยกับคุณให้มากขึ้น ที่ผ่านมาฉันใช้เวลาอยู่ร่วมกับคุณโดยแทบไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย รู้สึกว่าเป็นภรรยาที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยน่ะคะ"

     

    " ใครบอก คุณเป็นภรรยาที่แสนดีสำหรับผมเป็นแม่ที่ดีของลูก คุณอย่าว่าตัวเองแบบนี้อีกนะครับ คนที่ไม่ได้เรื่องคือผมมากกว่า ผมเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง เป็นแค่คนบ้านนอก ไม่มีความรู้ การที่คนอย่างคุณลดตัวลงมาแต่งงานกับผม ก็ถือว่าเป็นเกียรติมากแล้ว ดังนั้นคุณใช้ชีวิตได้อย่างที่ต้องการ อย่าได้คิดมากเลยนะครับคุณเป็นภรรยาที่ดีสำหรับผมเสมอ "

    หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจกันคืนนั้นหวังอันเล่อก็เข้านอนพร้อมกับภาวนาว ขอให้วันพรุ่งนี้เธอยังตื่นมาและมีเขาอยู่ข้างกาย เธอหวังว่าเรื่องราวในวันนี้จะไม่ใช่ความฝัน

     

    เสียงไก่ขันร้องปลุกในยามเช้า หวังอันเล่องัวเงียตื่นขึ้นมาและพบว่ายังคงอยู่ในบ้านหลังเก่าเช่นเดิม ร่างบางถอนหายใจออกมาอย่างโล่ง

     ค่อยยังชั่ว คิดว่าตื่นมาแล้วเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ความฝันไปเสียอีก

    เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกขึ้นไปจัดแจงกวาดบ้านถูบ้านเหมือนเช่นปกติ ไม่นานกับข้าวร้อนๆก็ถูกผัดจนหอมฉุยปลุกชายหนุ่มตัวโตที่นอนหลับอุตตุให้ตื่นขึ้น

     

    "ทำอะไรกินครับเนี่ยกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้านเชียว"

     

    "ทำข้าวผัดไข่ค่ะ ตื่นแล้ว ก็ไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็มากินข้าว วันนี้จะได้มีแรงทำงานแลกแต้มมาได้เยอะๆ ฉันกับลูกจะได้ไม่อดตาย คิก คิก "

     

    " หึ้ย รู้จักพูดหยอกล้อเป็นด้วยหรอครับเนี่ย  ยังไงผมก็ไม่มีวันปล่อยให้คุณกับลูกอดตายหรอกครับ "พูดจบ จมูกโด่งๆก็จรดไปที่แก้มนุ่มๆของภรรยาพร้อมกับเดินไปนั่งรอยังเก้าอี้เหมือนเช่นทุกที 

     

    "ว่าแต่ ทำกับข้าวสิ้นเปลืองแบบนี้มันจะดีหรอครับ อีกไม่นานหน้าหนาวก็จะมาถึงแล้วควรเก็บออมไว้ถึงตอนนั้นจะดีกว่าไหม" 

     

    "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หน้าหนาวนี้เราไม่อดตายหรอก คุณสบายใจได้ ฉันกักตุนอาหารบางส่วนเอาไว้แล้ว ดังนั้นกินให้อิ่มและไม่ต้องถามมาก มีหน้าที่ทำงานก็ทำไปเถอะค่ะ" คำพูดหยอกล้อของภรรยาทำเอาเฉินเยียนถึงกับยิ้มกว้างออกมา

    ไม่นึกเลยว่าเธอจะมีมุมขี้เล่นแบบนี้ด้วยช่างน่ารักเสียจริง

     

    หลังจากเฉินเยียนออกไปทำงานแล้ว หวังอันเล่อก็กระเตงลูกน้อยขึ้นมาที่เอว พร้อมกับออกเดินไปทางโรงเรือนนอนของพวกยุวปัญญาชน

    เธอตั้งใจจะนำข้าวผัดบางส่วนมาแบ่งให้กับ จูถิงๆ แต่ทว่าเมื่อมาถึง กลับได้รับข่าวจากเพื่อนยุวปัญญาชนคนอื่นว่าจูถิงๆ ออกไปจากเรือนนอนตั้งแต่เช้า เห็นว่าจะไปแถวๆฝายกั้นน้ำ

    เพราะเมื่อเช้าพวกเธอได้รับข่าวว่ามีปลา จำนวนมาก ลอยขึ้นมาติดอยู่เต็มฝาย และเมื่อได้ยิน คำบอกเล่าจากเพื่อนยุวปัญญาชน หวังอันเล่อก็กระเตงลูกน้อยพร้อมกับวิ่งหน้าตั้ง ไปยังฝายกั้นน้ำทันที

     อย่าบอกนะว่าเป็นวันนี้ เพราะช่วงเวลาผ่านมาเนิ่นนาน ทำให้เธอเองไม่แน่ใจว่าวันไหนกันแน่เป็นวันที่สะพานถล่ม

    ร่างเล็กวิ่งกระหืดกระหอบ มาหยุดยังบริเวณแถวสะพานฝายกั้นน้ำ เมื่อเห็นหญิงสาวร่างเล็กคุ้นตาอยู่ใกล้ๆกับขอบสะพาน อีกทั้งบนสะพานยังมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยืนอยู่ สะพานเก่าเริ่มโงนเงน อีกไม่นานมันจะต้องถล่มลงมาแน่   ไม่นะเธอต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง จะปล่อยให้จูถิงๆเดินไปบนนั้นไม่ได้เด็ดขาด

    เมื่อคิดได้ดังนั้น หวังอันเล่อก็ตะโกนกู่ร้องจนสุดเสียง แต่ทว่าจูถิงๆกลับไม่สนใจเสียงเรียก เธอเพียงหันมามองแวบนึง พร้อมกับเดินไปยังสะพานเบื้องหน้า ยามนี้หวังอันเล่อเหนื่อยเกินกว่าจะวิ่งออกไป อีกทั้งเฉินหลี่หมิงก็ร้องงอแงทำให้เธอต้องอุ้มเด็กทารกน้อยขึ้นมาไกวเอาไว้ในอ้อมแขน

    "คุณมาทำอะไรที่นี่"  เฉินเยียน เดินมาหยุดด้านหลังภรรยาพร้อมกับสะกิดไปที่ไหล่ของเธอเบาๆ

    " คุณ ! เจอคุณก็ดีแล้ว ฉันไม่มีเวลาอธิบายแล้วค่ะ คุณช่วยพาจูถิงมาหาฉันทีนะคะ ลากเธอมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเธอ"

     

    "ตอนนี้เลยหรอครับ" ให้ตายสิเขาเอง ก็อยากเข้าไปดูปลาที่สะพานเห็นว่ามันลอยมาตายเป็นจำนวนมาก บางทีเราอาจจะได้ปลาติดไม้ติดมือไป 2-3 ตัว แต่เมื่อเห็นท่าทีอ้อนวอนของภรรยาเขาจะกล้าขัดได้อย่างไรกัน

     

    ไม่นานเฉินเยียน ก็เดินดุ่มๆเข้าไปหาจูถิงๆ พร้อมกับคว้าแขนเล็กๆของเธอลากลงมาจากสะพานไม้ด้วยความเร็ว ก่อนที่ทั้งคู่จะมาหยุดอยู่ที่หน้าหวังอันเล่อ

    จูถิงถิง เดินตามเขามาโดยไม่พูดอะไรตากลมก็มองไปยังมือหนาที่ปล่อยออกจากข้อมือเล็กๆของตนด้วยความงุนงง

     

    "จูถิง ฉันเคยบอกห้ามเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปที่สะพานนั่นมันเก่ามากแล้ว ถ้ามันถล่มลงมา จะทำอย่างไรเธอเองก็ว่ายน้ำไม่เป็นนี่"  เมื่อถูกเพื่อนรักเอ่ยดุ จูถิงๆ เพียงแค่ส่งยิ้มแห้งๆพร้อมกับ พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย 

     

    "ขอโทษที ฉันลืมไปน่ะ"

     

    " เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วไม่ต้องขอโทษหรอก ไปกันเถอะรีบไปจากที่นี่กันเถอะ" หวังอันเล่อพูดยังไม่ทันขาดคำ สะพานไม้ก็ถล่มลงมา เสียงดังโครม ทำให้ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปทางแม่น้ำด้วยความตกตะลึง

     

    ไม่นานเสียงร้องของเหล่าชายหญิง ก็ดังระงมขึ้น เขาบอกว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งจมน้ำ แต่ก็ถูกช่วยเอาไว้ได้ คนๆนั้นคือ หลิวต้าเม่ย หญิงสาวตัวอ้วนจากบ้านสกุลหลิว ทันทีที่พวกเขาช่วยกันลากเธอขึ้นมาจากน้ำ หลิวต้าเม่ยก็ค่อยๆลืมตาตื่นพร้อมกับสำลักน้ำไอค๊อกแค๊กออกมาด้วยท่าทีมึนงง

    เธอค่อยๆหันมองรอบๆ แต่ทว่าตาคมคู่นั้นก็ต้องเบิกโพลงตกใจ เมื่อเธอเห็นจูถิงถิงและหวังอันเล่อที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล

     

    ด้านหวังอันเล่อเมื่อเห็นแบบนั้น เธอก็รับรู้ได้ทันทีว่านั่นต้องเป็นดวงวิญญาณจากโลกอนาคตไม่มีผิด เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงกึ่งลากกึ่งจูงสหายของตนให้เดินตามมา

    ขอเพียงแค่วิญญาณดวงนั้นไม่มายุ่งย่ามกับเธอ กับร่างกายของสหายเธอก็เป็นพอ หากอยู่ในร่างของหวังต้าเม่ย เธอคนนั้นคงไม่มีทางเข้ามาวุ่นวายกับเธอและครอบครัวได้แน่ 

     

    " เธอจะพาฉันไปที่ไหนหรอ" จูถิงๆเอ่ยถามสหายคนสนิทด้วยความสงสัย เวลานี้เธอกำลังถูกลากโดยผู้หญิงตัวเล็กด้านหน้า

     

    " ก็ไปที่บ้านของฉันยังไงล่ะ พอดีฉันทำข้าวผัดเผื่อไว้ให้ ตั้งใจจะเอาไปให้ที่โรงนอน แต่พวกสหายบอกว่าเธอมาที่นี่ ฉันเลยมาตามหาน่ะ" 

     

    "อ๋อ งั้นเธอเองก็เป็นยุวปัญญาชนเหมือนกันกับฉันหรอ" คำถามของจูถิงถิง ทำเอาขนหัวของหวังอันเล่อถึงกับลุกซู่ ฝ่ามือที่เคยอบอุ่นกับเย็นยะเยือกขึ้นมาเฉียบพลัน ร่างเล็กที่กำลังก้าวขาฉับๆถึงกับหยุดนิ่ง และมองไปยังจูถิงที่อยู่ด้านหลัง 

     

    " เมื่อครู่เธอถามฉันว่าอะไรนะ" 

     

    " ขอโทษนะพอดีฉันจำอะไรไม่ได้เลย รู้แค่เมื่อคืนเกิดอุบัติเหตุขึ้นนิดหน่อย เลยทำให้ความทรงจำหายไปบางส่วนน่ะ อีกทั้งตอนนี้ฉันก็จำไม่ค่อยได้ว่าเธอเป็นใคร " สิ้นเสียงพูด หวังอันเล่อก็ถอยหลังออกไป 2 ก้าว ตากลมก็มองมาที่จูถิงๆตั้งแต่หัวจรดเท้า

    โกหกผู้หญิงคนนี้กำลังโกหก! เธอไม่ใช่จูถิงตัวจริง ประโยคพวกนี้เธอเคยได้ฟังมันแล้ว เป็นประโยคคำพูดเดียวกัน กับเมื่อครั้งสมัยก่อนไม่มีผิด

    มาแล้ว เธอมาแล้ว ต่อให้ร่างนี้ไม่จมน้ำ ดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนั้นก็ยังต้องข้ามผ่านมาอยู่ดี ! เธอคงจะหลีกหนีมันไม่พ้น คงมีแต่ต้องเผชิญหน้าเท่านั้นสินะ

     

    "หรอ ถ้างั้นก็แย่เลยนะ ฉันว่าเราแยกกันตรงนี้ดีกว่า ตอนนี้ฉันรู้สึกไม่สะดวกใจจะให้เธอไปที่บ้านสักเท่าไหร่น่ะ " 

     

    "ทำไมล่ะเราไม่ได้สนิทกันหรอ หรือเป็นเพราะฉันความจำเสื่อม " คำถามและท่าทีใส่ชื่อของคนตรงหน้าทำเอาหวังอันเล่อถึงกับแทบควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ เธออยากจะฟาดฝ่ามือลงไปที่แก้มคู่นั้นเสียจริงๆ 

     เสแสร้ง ผู้หญิงคนนี้ช่างเสแสร้ง สายตาและท่าทางแบบนี้เธอไม่มีวันลืมเด็ดขาด

     

    "สนิทสิ เราสองคนเคยสนิทกันมาก มากเสียจนลืมไม่ลงเชียวล่ะ แต่ว่าโทษทีนะ ฉันลืมไปว่าตอนนี้ฉันแต่งงานแล้ว จะให้หญิงสาวคนอื่นมาวุ่นวายในบ้านก็คงจะดูไม่งามเท่าไหร่ " 

     

    " นั่นสินะ ก็เธอมีครอบครัว มีลูกด้วยนี่ แล้วใครคือสามีของเธอหรอ หรือว่าผู้ชายที่ฝายกั้นน้ำคนนั้น " จูถิงๆมองมายังหวังอันเล่อด้วยสายตาคาดคั้นราวกับต้องการคำตอบ 

     

    " ใช่แล้ว คนนั้นแหละจ้ะ สามีของฉันเอง" คำตอบประกาศชัดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นสามี ทำเอา แววตากลมของจูถิงๆเบิกโพลงตกใจขึ้นมาเล็กน้อย

     

    " โชคดีจังเลยที่ได้แฟนหนุ่มหน้าตาหล่อๆเช่นนั้น ในหมู่บ้านห่างไกลแบบนี้คงจะหาคนหน้าตาดีๆแบบนี้ยากเลยนะจ๊ะเนี่ย ถ้างั้นวันนี้ฉันไม่รบกวนก็แล้วกันนะจ้ะ เธอจะได้เอาเวลาไปดูแลลูกต่อ "

     

    "อืม " 

     

    "จริงสิ ว่าแต่เธอชื่ออะไรหรอ ตอนนี้ฉันเองก็ความจำเสื่อม ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ฉันเองก็อยากจะสนิทกับเธอน่ะจ้ะ "

     

    "หวังอันเล่อ คือชื่อของฉัน " เสียงใสตอบออกมาห้วนๆ 

     

    "งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ หวังอันเล่อ " พูดจบผู้หญิงคนนั้นก็หมุนตัวเดินหันหลังกลับไป ทิ้งให้หวังอันเล่อยืนนิ่งมองตามแผ่นหลังนั้นไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย 

     

    สุดท้ายฉันก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้ จูถิงๆ ฉันขอโทษ ! 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×