คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
Chapter2
'ฮะๆๆๆๆ พวกแกต้องตายยยยย!!!'
เสียงราวกับปีศาจในความฝัน ยังคงดังก้องอยู่ในหูของฉัน มันน่ากลัวมากราวกับว่ามันจะเอาชีวิตฉันให้ได้ แต่บางทีพ่ออาจพูดถูกฉันอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ เพราะถึงยังไงความฝันมันก็คือจิตใต้สำนึกของเรานั่นแหละ ช่วงนี้ฉันอาจจะคิดมาเกินไปเลยเก็บไปฝัน ฉันไม่เชื่อเรื่องที่เหนือธรรมชาติหรอก ทุกเรื่องเราสามารถพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ได้ทั้งนั้น แต่อย่างเดียวที่ตอนนี้ฉันไม่สามารถพิสูจน์ได้คือ...ใจของฉันเอง ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขามันช่างมาย ทั้งๆที่เราไม่เคยพบกันมาก่อน ไม่ใช่สิเราพบกันในความฝันต่างหาก ทุกครั้งที่ฉันได้พบเขา ฉันอยากอยู่ในความฝันตลอดไปไม่ว่าฉันจะพบเจอกับเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม ความคิดเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉันไม่จบไม่สิ้น
“มารีน!! แกคิดอะไรอยู่ แกนั่งเงียบมาตลอดทางเลย เป็นอะไรรึปล่าว” ทิชาตะโกนเรียกฉัน ฉันจึงหลุดออกจากพวังค์ แล้วหันหน้าไปมองทิชาที่กำลังขับรถอยู่
“ปล่าวหรอกแก คิดเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“อื้ม แกก็รู้ไม่ว่าเรื่องอะไร แกปรึกษาฉันได้เสมอนะ.... เอ้าถึงแล้ว บ้านชายทะเลของแก”
ฉันรีบเปิดประตูรถ รองเท้าของฉันสัมผัสกับทรายที่เนียนละเอียด ฉันค่อยๆเดินออกมาจากรถแล้วมองไปรอบๆ ลมทะเลที่มาปะทะบนใบหน้าของฉันทำให้ผมน้ำตาลยุ่งกระเซิงไปหมด ฉันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายของทะเลแตะเข้าจมูก เสียงคลื่นที่กระทบกับชายฝั่ง ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นที่นี่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ฉันยังจำความได้ ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านอาจเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ส่วนตัวของฉันและครอบครัวก็ว่าได้ ฉันมักจะมาที่นี่บ่อยๆเวลาไม่สบายใจ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
ฉันค่อยๆเดินไปที่บ้านหลังเล็กๆ ที่ประดับไปด้วยดอกไม้สดนานาชนิดที่เพิ่งจัดใหม่ๆ มันเป็นบ้านที่มีระเบียงอยู่หน้าบ้าน มีโต๊ะตัวเล็กๆกับเก้าอี้อีก3ตัววางอยู่ที่ระเบียง ฉันจำได้ว่าตอนเด็ก พ่อ แม่และฉันมานั่งทานอาหารเย็นชมพระอาทิตย์ตกด้วยกันอยู่บ่อยๆ ฉันเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับทิชา ทุกอย่างในบ้านยังคงเหมือนเดิม ทั้งโซฟา รูปถ่ายของเรา3คน ผ้าม่านสีขาว ดูเหมือนว่ามีคนทำความสะอาดบ้านเพิ่งเสร็จ เพราะพื้นยังคงเปียกน้ำอยู่เล็กน้อย ฉันมองเข้าไปในห้องครัว หญิงสูงอายุคนหนึ่งกำลังล้างจานอยู่
“แม่นมคะ” ฉันเรียกหญิงคนนั้น ใช่ เธอเป็นแม่นมของฉันเอง แม่นมเลี้ยงฉันมาตั้งแต่เกิดเวลาพ่อกับแม่ไปทำงาน ฉันมักมาพักกับแม่นมที่นี่เสมอตอนสมัยเด็ก ท่านรักฉันเหมือนลูกคนนึง เอาอกเอาใจเป็นห่วงฉันตลอดเวลา
“อ้าวว คุณหนู คุณทิชา จะมาที่นี่ทำไมไม่บอกนมก่อนล่ะคะ จะได้เตรียมของว่างไว้ให้ อย่าบอกนะคะว่าคุณหนูมาโดยไม่บอกคุณพ่อ คุณแม่ก่อนอีกแล้ว” แม่นมทำหน้าเอือมระอากับพฤติกรรมของฉัน แต่ใบหน้านั้นก็แฝงไปด้วยรอยยิ้มที่มีความเมตตา ซึ่งฉันก็รับรู้ได้
“เอ่อ...คือ.... หนูว่าจะโทรไปบอกพวกท่านตอนค่ำน่ะค่ะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่นม” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนเล็กน้อย เพื่อให้แม่นมเห็นใจ
“คุณหนูนี่จริงๆเลย เมื่อไหร่จะโตกับเค้าซักที เฮ้อออ” แม่นมส่ายหน้าพลางถอนหายใจ
“เราโตแล้วนะคะแม่นม เนอะทิชา” ฉันหันไปมองทิชาเพื่อขอความเห็น
“ใช่ค่ะ หนูโตแล้ว แต่มารีนนี่สิยังไม่รู้จักโต” ทิชาหัวเราะพร้อมกับแม่นม
“แหม ได้ทีรุมกันใหญ่เลยนะคะ” ฉันรู้สึกงอนเล็กน้อย นี่ฉันไม่รู้จักโตจริงเหรอเนี่ย
“อย่างอนไปเลยค่ะคุณหนู พวกคุณหนูจะค้างที่นี่มั้ยคะคืนนี้ นมจะได้เตรียมอาหารเย็นไว้ให้”
“แน่นอนค่ะ หนูคิดถึงอาหารทะเลฝีมือแม่นมจะแย่อยู่แล้ว” ฉันพูดพร้อมกับเข้าไปโอบกอดแม่นม
“ไม่รู้จักโตจริงๆ” ทิชาส่ายหน้า
“หืม ยัยทิชา แม่นมดูสิคะ” ฉันเอามือไปตีที่ไหล่ทิชาเบาๆ
“เอาล่ะๆ อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ นมขอไปเตรียมอาหารก่อนนะคะ” แม่นมพูดพลางหันหลังกลับเข้าไปในครัว
ฉันจูงมือทิชาให้ไปนั่งที่เก้าอี้ตรงระเบียง
“เฮ้อ เราไม่ได้มานั่งดูพระอาทิตย์ตกทะเลแบบนี้มานานมากแล้วเนอะ5555” ฉันหัวเราะโดยที่สายตามองไปยังพระอาทิย์ที่กำลังจะตกลับขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้าและผืนน้ำทะเลกลายเป็นสีส้ม มันเป็นภาพที่ติดตาฉันตั้งแต่เด็ก และจะไม่มีวันจางหายไป
“5555 ใช่นึกถึงสมัยเด็กๆเลย ตอนที่เราวิ่งไล่จับกันที่ชายหาด ฉันคิดถึงพี่คณิณจัง” ใบหน้าของทิชาบ่งบอกถึงความคิดถึงที่มีต่อพี่ชาย
“อีกไม่กี่วันก็ได้เจอกันแล้ว เอ้อ ฉันลืมไปเลย ฉันยังไม่ได้โทรบอกพ่อกับแม่เลยว่ามาที่นี่ แปปนึงนะแก” ฉันพูดพลางลุกจากเก้าอี้ แล้วไปหยิบโทรศัพท์ในบ้านเพื่อโทรหาแม่ทันที
“ฮัลโหล แม่คะ หนูอยู่บ้านชายทะเล กะว่าจะนอนที่นี่ซักคืนน่ะค่ะ”
“อะไรนะ นี่ลูกไปโดยไม่บอกแม่ซักคำ” แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
“หนูขอโทษค่ะ หนูแค่อยากมาผ่อนคลาย ไหนๆก็สอบเสร็จแล้ว”
“เอาเถอะ ยังไงพรุ่งนี้ต้องกลับมาจัดของนะลูก เดี๋ยวจะไม่ทัน ฝันดีนะลูก”
“ค่ะ ฝันดีค่ะแม่” ทันที่ที่ฉันวางสายจากแม่ แม่นมก็กำลังถืออาหารออกมาจากครัวพอดี
“อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะคุณหนู”
“เดี๋ยวหนูถือเองค่ะ แม่นมพักเถอะค่ะ เราดูแลตัวเองได้” ฉันส่งยิ้มให้แม่นม และรับจานจากมือของแม่นมไปวางบนโต๊ะที่ระเบียง
“โห น่าทานจังเลยค่ะแม่นม” ทิชาพูดพร้อมกับวางโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ
“น่าทานก็ทานเยอะๆนะคะ”
“รับรองไม่เหลือค่ะ ฝีมือแม่นมอร่อยที่สู้ดเลย แม่นมไปพักเถอะค่ะ เดี๋ยวทานเสร็จพวกเราจะไปเข้านอน” ทิชาบอกแม่นม พลางรินน้ำใส่แก้ว
“ค่ะ ว่าแต่คุณหนูมาที่นี่มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึปล่าวคะ” แม่นมหันหน้ามามองฉันที่ดูแปลกไป
“เออนั่นสิ แกเป็นอะไรรึปล่าว ดูแปลกๆไปนะ ใจลอยยังไงชอบกล” ทิชาเสริม
“ปล่าวหรอก หนูแค่อยากมาผ่อนคลายเฉยๆน่ะค่ะ อีกอย่างหนูก็คิดถึงแม่นมด้วย” ฉันส่งยิ้มให้กับทิชาและแม่นม แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าในใจฉันคิดอะไรอยู่
“ค่ะ ถ้ามีอะไรขาดเหลือเรียกนมได้เลยนะคะ นมขอตัวก่อนนะคะคุณหนู” แม่นมเดินกลับเข้าไปในบ้าน เหลือแค่เพียงฉันกับทิชานั่งอยู่ที่ระเบียงท่ามกลางความมืด
พอเราทานอาหารเย็นกันเสร็จ เราก็ไปเข้านอนทันที เพราทิชาเหนื่อยจากการขับรถมาหลายชั่วโมง นี่มันก็ดึกมากแล้ว แต่ฉันพยายามข่มตาเท่าไหร่ก็ยังไม่หลับ ในหัวฉันมีเรื่องฝันร้ายของเมื่อคืน ฉันเหลือบไปมองทิชาที่หลับสนิทอยู่บนเตียง ฉันตัดสินใจเปิดหน้าต่างบนห้องเพื่อสูดอากาศภายนอก ทันใดนั้นเองลมจากข้างนอกหน้าต่างก็พัดกระหน่ำเข้ามา ทำให้ฉันเซจนเกือบจะล้มลงไป
‘ฮะๆๆๆ นี่น่ะเหรอ เด็กสาวผู้ถูกเลือก ฉันจะมาเอาชีวิตแกและคนที่เกี่ยวข้องกับแกทั้งหมด จำไว้!!’
‘กร๊ดดดดดดดดดดดด’
ฉันกรี๊ดจนสุดเสียงด้วยความตกใจ ฉันทำอะไรไม่ถูก ไม่ได้! ฉันต้องมีสติ
‘ฮะๆๆๆๆๆ’ เสียงหัวเราะราวกับเสียงปีสาจนั่นยังคงดังก้องเรื่อยๆ ฉันใช้มีทั้งสองข้างปิดหู แต่ดูเหมือนว่าไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ปีสาจตนนั้นหัวเราะไม่หยุด ฉันรีบวิ่งไปที่เตียงของทิชาและปลุกเธอ
‘ทิชา ทิชา ตื่นเร็ว!!!’ ฉันตะโกนปลุกและเขย่าตัวทิชาแต่ไม่เป็นผล ไม่มีการตอบรับเลย ทิชายังคงหลับสนิทอยู่อย่างนั้น เสียงหัวเราะนั่นยังคงดังไม่หยุด และมีเสียงฟ้าลั่นเข้ามาเสริม มันยิ่งกระตุ้นความกลัวในใจฉันมากขึ้น มากขึ้น ฉันเร่งฝีเท้าลงบันไดอย่างสุดชีวิต ฉันพยายามปลุกแม่นม
‘แม่นมคะ แม่นม ตื่นค่ะ!!!’ ฉันเสียงสั่นน้ำตาเริ่มคลอ แม่นมไม่ต่างอะไรกับทิชา ไม่ว่าจะปลุกเท่าไหร่ก็ไม่มีอาการตอบสนองเลย น้ำตาของฉันไหลอาบแก้ม ฉันเอามือทั้งสองข้างปิดหูเอาไว้ เพราะเสียงไอ้ปีสาจนั่นมันยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนหูของฉันแทบจะทนไม่ได้แล้ว ฉันรีบวิ่งออกไปจากบ้านอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปตามทางริมชายหาดไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย เสียงนั่นเริ่มเบาลงเสียงท้องฟ้าเริ่มสงบ ทันใดนั้น...
‘โอ๊ย...!!’ ฉันชนเข้ากับใครบางคน จนร่างของฉันเซ แต่เขาใช้มือทั้งสองข้างโอบเอวฉันเอาไว้ ตอนนี้ใบหน้าฉันกับเขาห่างกันเพียงนิดเดียวเท่านั้น ดวงตาสีน้ำทะเลคู่นั้นที่ฉันจำมันได้ดี เขานั่นเอง เขาคนนั้นที่เมื่อคืนฉันฝันถึง เขามาอยู่ที่ได้อย่างไร เรามองตากันอยู่พักใหญ่ เขายิ้มให้ฉัน รอยยิ้มของเขาแทบทำให้ร่างกายของฉันแทบแหลกละเอียดเป็นเม็ดทรายในอ้อมกอดของเขา ใบหน้าของฉันแดงก่ำ เขาเองก็เช่นกัน
‘มารีน...ไม่ต้องกลัวนะ ไม่ต้องกลัว’
“มารีน ตื่นได้แล้ว!!” ฉันได้ยินเสียงแหลมเล็กของทิชา ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น แสงแดดในยามเช้าผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ทิชากำลังมองหน้าฉันอยู่ นี่ฉันฝันไปอีกแล้วเหรอเนี่ย เขาเป็นใครกันแน่ แล้วเขารู้จักชื่อฉันได้ยังไงกัน แต่น้ำเสียงของเขาช่างอบอุ่นเหลือเกิน อ้อมกอดนั่นก็ด้วย เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะตกหลุมรักใครคนนึงที่อยู่ในฝัน โดยที่เขาไม่มีตัวตัวอยู่จริง แล้วไอปีสาจตนนั้นล่ะ มันคือใคร แล้วที่มันบอกว่า เด็กสาวที่ถูกเลือกหมายถึงฉันงั้นหรอ ตอนนี้ในหัวของฉันสับสนไปหมด มีคำถามมากมายที่ฉันก็ยังไม่สามรถตอบตัวเองได้
“หืม” ฉันตอบทิชาด้วยอาการงัวเงียของคนเพิ่งตื่น
“กลับบ้านได้แล้ว แม่แกโทรมาตาม พ่อแกโดนทำร้าย”
ความคิดเห็น