คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
Chapter 1
เสียงคลื่นซัดเข้าชายฝั่ง กลิ่นอายของทะเล ท้องฟ้าที่มืดสลัว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความเงียบสงัด มีเพียงฉันที่ยืนมองท้องทะเลอยู่ในความมืด ลมที่พัดจากฝั่งไปสู่ทะเลทำให้ผมสีน้ำตาลที่ดัดเป็นลอนของฉันยุ่งกระเซิง ฉันค่อยยกมือขึ้นจับผมที่ปกใบหน้าไปเกี่ยวไว้ที่หู แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ที่นี่คือที่ไหนกันนะ ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อนและอะไรพาฉันมาอยู่ที่นี่ อาจจะฟังหน้ากลัว วังเวง แต่ความรู้สึกของฉันในตอนนั้นคือกำลังรอใครสักคน ใครสักคนที่สำคัญกับฉันมาก ราวกับว่าชีวิตของฉันไม่สามารถขาดเข้าได้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครกันเกี่ยวข้องกับฉันอย่างไร น้ำตาเริ่มคลอบนใบหน้าที่สิ้นหวังของฉัน ฉันเดินเข้าไปใกล้ชายหาดมากขึ้น มากขึ้น จนเท้าของฉันสัมผัสกับน้ำทะเล จะมองตรงไปไกลสุดขอบฟ้าในยามค่ำคืน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวสว่างไหวเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดไม่มีดวงจันทร์ ทันใดนั้นเองฉันก็เห็นอะไรบางอย่างกำลังคลืบคลานเข้ามาจากท้องทะเล มันเป็นเงาดำของอะไรสักอย่างที่มีหางเหมือนปลาหรือนั่นเป็นสิ่งที่ฉันกำลังรอคอย มันเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น ไม่ใช่มัน เขาต่างหาก เป้นไปได้ยังไงกันในเมื่อฉันเห็นหางของปลาแต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว มีเพียงชายคนนึงที่กำลังย่างเท้าเข้ามาสู่ฝั่ง ใครน่ะหรอ? ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าในตอนนี้เขากำลังเดินตรงมาที่ฉัน เขามีผมสีบลอนด์ รูปร่างสูง ฉันเห็นหน้าตาของเขาไม่ค่อยชัดเท่าไรเพราะอยู่ไกลเกินไป แต่ท่าทางที่เขาเดินดูเหนื่อยล้ามากและดูเหมือนเขาจะบาดเจ็บ เนื้อตัวของเขาโชกไปด้วยเลือด ร่างกายของเขาอ่อนแอจนเหมือนจะล้มลงไปในตอนนั้น และแล้วเขาก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ตอนนี้ฉันเห็นหน้าตาของเขาชัดเจนขึ้น ฉันใช้มือของฉันสัมผัสใบหน้าเข้า เช็ดคราบเลือดบนใบหน้าของเขา เขาเป็นผู้ชายที่หล่อ หล่อมากทีเดียวล่ะ ดวงตาสีเหมือนน้ำทะเลในตอนกลางวัน จมูกโด่งเป็นสัน เข้ากับริมฝีปากที่เรียวบางได้รูป แต่ดวงตาของเขาดูเศร้าเหลือเกิน ใบหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อยราวกับว่าว่ายน้ำมาหลายวันหลายคืน เขามองหน้าฉัน ฉันรู้สึกราวกับว่าเรารู้จักกันมานานแสนนาน น้ำตาของฉันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ
ฟุบ!
เขาล้มลงไปต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันเอื้อมมือไปดึงแขนเขาเอาไว้ไม่ได้ล้มลงไป แต่ฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆมีแรงอยู่เพียงน้อยนิดไปสามารถดึงร่างของผู้ชายขึ้นมาได้ เขาล้มลงไปจึงดึงให้ตัวฉันล้มตามไปด้วย
'ช่วยด้วยยยยย!!!!'
ฉันตกใจมากและตะโกนจนสุดเสียง ฉันมองไปรอบๆอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่มีใครตอบรับ แน่สิ เพราะที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย ฉันก้มลงมองดูเขามี่ดวงตาสีน้ำทะเลนั้นปิดสนิท แล้วฉันจะทำยังไง แล้วยกศีรษะของเขาให้หนุนบนตักของฉัน น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มแบบไม่หยุด ไม่ๆๆ ฉันต้องเข้มแข็ง แม่ฉันสอนเสมอว่าเราสามรถแก้ไขปัญหาไม่ว่าอะไรก็ตาม
เปรี้ยงงงงงง!!! ฟิ้ววว~ เสียงฟ้าร้องดังลั่น ท้องทะเลปั่นป่วนราวกับจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งลงไป
'ฮะๆๆๆๆ พวกแกต้องตายยยยย!!!'
ฉันได้ยินเสียงนั่นดังก้องแต่ไม่รู้ว่าต้นเสียงนั้นมาจากไหน ฉันพยายามมองไปรอบๆแต่ไม่มีแม้แต่ว่แววของสิ่งมีชีวิต น้ำเสียงนั่นเหมือนกับจะเอาชีวิตเราให้ได้ ฉันพยายามปลุกเขาที่สลบอยู่ที่ตักของฉัน แต่ไม่สำเร็จ ไม่มีวี่แววที่เขาจะตื่นขึ้นมาเลย ฉันเหลือบไปมองที่ทะเลอีกครั้ง สิ่งที่ฉันเห็นคือ คลื่นยักษ์ขนาดมหึมาสูงประมาณตึก5ชั้น มันเข้าใกล้ฝั่งเรื่อยๆ สีหน้าของฉันซีดเผือก ตัวแข็งทื่อไม่หมด ขยับไปไหนไม่ได้ น้ำตาไหลเป็นทาง และแล้ว....
'กรี๊ดดดดดดดดดดดด'
"มารีน มารีน เป็นอะไรลูก ?"
ฉันลืมตาขึ้นบนเตียง เห็นหน้าแม่ของฉัน ชั้นโผลเข้ากอดแม่ด้วยความกลัว แต่ก็ดีใจที่ทั้งหมดนั่นเป็นแค่ความฝัน ความฝันที่เหมือนความจริงมากก็เท่านั้นเอง
"หนูแค่ฝันร้ายน่ะค่ะ"
"แม่ได้ยินลูกกรี๊ดดังลั่น เลยขึ้นมาดู ไม่เป็นก็ดีแล้ว แม่เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว ลงไปทานด้วยนะลูก"
"ค่ะ แม่"
ทันทีที่แม่ของฉันปิดประตูห้อง ฉันก็คว้าโทรศัพท์รีบส่งข้อความไปบอกทิชาเพื่อนรักของฉัน
‘ทิชา วันนี้แกออกไปข้างนอกกับฉันหน่อยนะ เจอกันบ่ายโมง’
‘โอเค เจอกัน’
ทิชาตอบกลับมาในเวลาไม่ถึง1นาที ฉันวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงความฝันที่เกิดขึ้น
“เขาเป็นใครกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะลงบันไดไปทานอาหารเช้าที่แม่เตรียมไว้ให้
"มารีน ตื่นแล้วเหรอลูก มานั่งข้างๆพ่อมา"
….
“มารีน!!”
“คะ พ่อ?”
“พ่อบอกให้มานั่งข้างๆพ่อ ลูกคิดอะไรอยู่น่ะ ยังคิดเรื่องฝันนั้นอยู่เหรอ ลืมๆมันไปเถอะลูก คนเราก็ฝันร้ายกันได้ทั้งนั้นแหละ”
ถูกของพ่อคนเราก็ฝันร้ายกันได้ทั้งนั้น ตั้งแต่จำความได้ฉันเองก็เคยฝันร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ตรงที่มันเหมือนความจริงมาก มากจนฉันไม่อยากจะเชื่อ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขา มันไม่สามารถอธิบายได้เลยจริงๆ
"ค่ะ"
ฉันเดินไปนั่งข้างๆพ่อ พ่อของฉันเป็นหมอ ท่านเลยอยากให้ฉันเป็นเหมือนท่าน และตอนนี้ฉันก็เป็นนักศึกษาแพทย์กำลังจะขึ้นปี2 ฉันมีชื่อว่า 'มารีน' เป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับทะเล แม่ของฉันบอกว่าตอนที่ท้องฉัน แม่ฉันอยากไปทะเลตลอดเวลา จนพ่อต้องซื้อบ้านพักตากอากาศติดทะเลเป็นของขวัญต้อนรับฉันเลยทีเดียว ฉันก็รักทะเลตั้งแต่ยังจำความได้ แม่บอกว่าฉันวิ่งเข้าหาทะเลตั้งแต่เด็กๆ ฉันก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่ฉันรู้สึกผูกพันกับท้องทะเลอย่างบอกไม่ถูก
"อีกไม่ถึงอาทิตย์ลูกก็จะบินแล้ว เตรียมจัดของแล้วยัง?" แม่ของฉันถามพร้อมกับวางตานอาหารเช้าลงบนโต๊ะ
"ยังเลยค่ะแม่ วันนี้หนูว่าจะออกไปข้างนอกหน่อยน่ะค่ะ"
"อ้าว แล้วจะไปไหนและกับใคร" แม่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ไปกับทิชาค่ะ น่าจะไปซื้อของที่ห้าง ประมาณบ่ายโมงทิชาจะมาที่นี่ค่ะ"
"อื้ม แต่อย่าลืมกลับมาจัดของล่ะ"
"ค่าาา คุณแม่สุดที่รัก "
"พ่อกับแม่ไปทำงานก่อนนะลูก" พ่อพูดพลางลุกขึ้นจากโต๊ะ สายตาพ่อกับแม่มองมองที่ฉันอย่างห่วงใย
"ค่ะ"
พ่อกับแม่ของฉันเป็นห่วงฉันตลอดเวลา แน่นอนว่าฉันเป็นลูกคนเดียวของพวกท่าน เป็นความหวังเดียวของพวกท่าน ฉันไม่อยากทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวัง ฉันจึงตั้งใจเรียนจนสอบเข้าคณะแพทย์ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นหมอเลยซะทีเดียว จริงอยู่ที่ฉันเรียนสายวิทย์มาตลอด แต่ฉันเป็นคนรักในภาษามาก ฉันฝันไว้ตั้งแต่เด็กว่าอยากจะท่องเที่ยวรอบโลก ไปทุกที่ที่มีทะเลอยู่ อีกไม่ถึงสัปดาห์ ฉันจะไปเที่ยวอเมริกากับทิชา เพื่อนของฉันเอง ทิชามีพี่ชายทำธุรกิจด้านร้านอาหารอยู่ที่อเมริกา เรียกว่าเที่ยวคงไม่ถูกซะทีเดียว เราจะไปทำงานpart-timeกันที่นั่น ไปเป็นเด็กเสิร์ฟสัก4เดือน ฉันคิดว่าเราคงได้ประสบการณ์อย่างมากเลยล่ะ เพราะฉันกับทิชาเรียกได้ว่าเป็นลูกคุณหนู ไม่ค่อยทำอะไรเพื่อใครสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะเราเห็นแก่ตัวหรอกนะ แต่พอเราอาสาจะทำโน่นทำนี่ก็ไม่มีใครยอมให้เราทำ เราถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ ฉันเลยอยากเป็นตัวของตัวเองบ้าง อยากทำอะไรด้วยตัวเอง นี่ก็ถือเป็นโอกาสนึง ดีที่ทิชาชวนฉันไป แต่แปลกใจไหมว่าทำไมพ่อกับแม่ฉันถึงให้ไป ก็เพราะว่าพ่อกับแม่ฉันกับทิชาเป็นเพื่อนสนิทกัน พวกท่านเลยไว้ใจและยอมให้ฉันไปเพราะถึงยังไงพี่ของทิชาก็อยู่ที่นั่น แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่แค่นั้น พวกท่านเห็นพี่คณิณพี่ชายของทิชามาตั้งแต่เด็ก แล้วพี่คณิณเขาก็ไปเรียนต่อต่างประเทศตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม อันที่จริงฉันก็รู้ว่าทั้งพ่อแม่ของฉันและทิชา ก็อยากให้ฉันลงเอยกับพี่คณิณ ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรได้หรอกเพราะพี่คณิณก็เป็นคนดี แต่เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว นับตั้งแต่....
กริ้งๆ~
เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
"ฮัลโหล"
"มารีน ฉันอยู่หน้าบ้านแกแล้วเปิดประตูให้หน่อย" เสียงแหลมเล็กที่ปลายสาย ทิชานั่นเอง ฉันเปิดผ้าม่านจากห้องนอนแล้วมองลงไปที่ประตูรั้ว เห็นรถโฟล์คสีเหลืองของทิชาจอดอยู่หน้าบ้าน
"อื้ม โอเค รอแป๊ปนะแก ชั้นแต่งตัวเสร็จแล้ว เดี๋ยวลงไป"
ฉันคว้ากระเป๋ายีนส์ใบเก๋ ข้างในก็มีเพียงแว่นกันแดด ชุดสำหรับเปลี่ยน และของใช้ส่วนตัว แล้วเดินลงไปเปิดประตูให้ทิชาทันที ทิชาใส่ชุดเดรสสีฟ้าแขนกุดแต่งด้วยลูกไม้ ผมสีดำดัดลอนตรงปลาย เข้ากับใบหน้าหวาน ตากลมโตของเธอมากเลยทีเดียว
"นี่แก บอกชั้นได้รึยัง วันนี้เราจะไปไหนกัน"
"ไปบ้านชายทะเล"
ความคิดเห็น