ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ซ่อนรอยรัก...กับดักร้าย

    ลำดับตอนที่ #5 : สาเหตุที่เปลี่ยนไป 100%

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 63


    ประชุดหลีดวันนี้ดูเคร่งเครียดกว่าทุกวัน ตารางซ้อมออกมาเรียบร้อยแล้ว ทว่าติดปัญหาเรื่องจำนวนคนที่ยังไม่ครบ เพราะมีเพื่อนคนนึงเกิดอุบัติเหตุระหว่างซ้อม ถึงแม้จะไม่ได้รุนแรง แต่คงหายไม่ทันวันโชว์แน่ๆ การคัดเลือกตัวแทนหลีดใหม่จึงต้องทำขึ้นอย่างเร่งด่วน และด้วยวาระพิเศษนี้ เลยทำให้การประชุมยืดเยื้อยาวนานกว่าปกติ

    Rain : พี่เสร็จแล้ว เดี๋ยวไปรับนะ

    เสียงแจ้งเตือนของแชทดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของเธอกับรุ่นพี่ ที่กำลังคุยกันเรื่องแผนการซ้อมใหม่

    First_love : เฮียเรน รักยังไม่เสร็จเลย น่าจะอีกชั่วโมงได้ เฮียเรนพักรอไปก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวรักโทรหา

    Rain : โอเค เสร็จแล้วโทรมานะ

    เขาตอบกลับมาแค่นั้น ก่อนจะส่งสติกเกอร์เป็นรูปหมีสวมชุดผ่าตัดชูสองนิ้วมาให้ ทำเอาเธออดอมยิ้มไม่ได้

    “แหม ใครไลน์มากัน ยิ้มไม่หุบเลยนะ” ต้น เพื่อนสาวที่โดนคัดมาเป็นตัวแทนหลีดฝ่ายชาย เอ่ยปากแซว

    “ยิ้มอะไรกัน ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”

    “โกหก ไหน ขอดูหน่อยสิ คุยกับหนุ่มที่ไหนหรือเปล่า” ต้นพยายามจะแย่งมือถือมาดู แรกรักรีบเก็บมือถือมาซ่อนไว้ข้างหลัง แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวจะไม่ยอมลดละความพยายาม ยังคงยื่นมือมาแย่งจะดูให้ได้

    “ทำอะไรกันน่ะ” เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้น ทำเอาการเคลื่อนไหวหยุดนิ่งลงทันที และพอเห็นว่าต้นกำเนิดเสียงมาจากที่ไหน แรกรักก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นอีกคนที่เอ่ยปากทักทายขึ้นก่อนแทน

    “พี่หมอใจดีที่ร้านวันนั้นนี่ครับ สวัสดีครับ” ต้นแอ๊บเสียงเป็นผู้ชายแล้วยกมือไหว้ ทว่ากลับได้แววตาคมจ้องเขม่นกลับมาแทน

    “ใกล้เสร็จหรือยัง พี่มารับ” เขาเอ่ยขึ้นนิ่งๆ 

    “ใกล้แล้วค่ะ เหลือเก็บของตรงนั้นก็เสร็จแล้ว” แรกรักชี้มือไปยังอุปกรณ์ซ้อมเชียร์ที่วางอยู่บนพื้น

    “งั้นเดี๋ยวพี่ช่วยเก็บ จะได้รีบไป” พูดจบเขาก็ปลายตาไปมองหนุ่มหน้าใสตรงหน้าเสียหนึ่งที่ ทำเอาคนถูกมองเสียวสันหลังวาบ จนต้องรีบออกปากไล่เพื่อนแทน

    “ไม่ต้องเก็บแล้ว เดี๋ยวตรงนั้น ฉันเก็บเอง แกไปเถอะ” 

    “ไม่ได้ เดี๋ยวช่วยกันเก็บ จะได้รีบเสร็จ” แรกรักปฏิเสธ โดยไม่สังเกตเห็นแววตาอำมหิตที่ส่งจากคนข้างๆมายังเพื่อนตัวเองแม้แต่น้อย เดือดร้อนต้นต้องออกปากไล่อีกครั้ง

    “ไปเหอะ ฉันเก็บเอง ถือว่าขอร้อง แฟนแกจะกินหัวฉันอยู่แล้ว” ท้ายประโยค ต้นตั้งใจกระซิบให้ได้ยินกันสองคน ทว่ามันยิ่งเหมือนเติมเชื้อไฟให้ทิวามากขึ้นไปอีก

    “แฟนบ้าอะไร เพ้อเจ้อ” แรกรักแอบตีเพื่อนรักไปหนึ่งที ก่อนที่จะโดนขัดจังหวะอีกครั้ง

    “ถ้ารักยังไม่เสร็จธุระ พี่ไปก่อนนะ” พูดจบ เขาก็เดินหันหลังออกไปทันที ทิ้งแรกรักให้ยืนงง ปรับอารมณ์ตามไม่ทัน

    “เจองอนเข้าให้แล้ว บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าแอบไปมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่” ต้นเอ่ยปากซักไซ้

    “งอนอะไรกัน แล้วนั่นก็ไม่ใช่แฟนด้วย พี่ชายต่างหาก”

    “แหม ตอบแบบดาราชะมัด พี่ก็พี่ รีบตามไปเหอะ เดี๋ยวทะเลาะกันมาจะหาว่ากระเทยอย่างฉันเป็นต้นเหตุอีก เบื่อจะฟัง”

    “งั้นฉันไปก่อนนะ ฝากเก็บต่อด้วย รีบไปไหนของเขานะ” ท้ายประโยคแรกรักบ่นกับตัวเอง ก่อนจะรีบวิ่งตามคนตัวสูงไป

    “เฮียเรน รอรักก่อนสิ จะรีบไปไหน” เธอวิ่งตามจนมาทันเขาตรงใกล้ๆลานจอดรถของคณะ

    “ไม่ได้รีบไปไหน ก็เห็นรักมีธุระ ไม่อยากขัดจังหวะ” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ยอมผ่อนฝีเท้าลง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน

    “ธุระอะไรกัน แล้วเฮียเรนเป็นอะไรไปเนี้ย อยู่ดีๆก็เดินออกมา หยุดเดินแล้วหันมาคุยกันให้รู้เรื่องเลยนะ รักวิ่งตามจนเหนื่อยแล้ว” พูดจบ เธอก็ถือวิสาสะคว้าแขนแกร่งเอาไว้ ก่อนจะดึงให้เขาหันกลับมาคุยกันดีๆ

    “เหนื่อยแล้วใครบอกให้ตาม” เขายังคงตีรวนต่อ 

    “ไม่ได้มีใครบอกให้ตาม ตามเอง พอใจมั๊ย แล้วเฮียเรนเป็นอะไร อยู่ดีๆก็เดินหนีออกมาเฉยเลย บอกเหตุผลมาเลยนะ ถ้าฟังไม่ขึ้น รักโกรธเฮียเรนแน่ๆ” เธอเอ่ยปากคาดโทษ แก้มป่องที่ซับสีเลือดกับอาการหอบน้อยๆที่วิ่งตามเขา ทำเอาคนขี้งอนใจอ่อนลงได้อย่างประหลาด

    “ไม่ได้เป็นอะไร แค่เห็นรักยุ่งๆ เห็นกำลังคุยติดพันอยู่กับผู้ชายคนนั้นอยู่ ก็เลยไม่อยากกวน”

    “ผู้ชายคนไหน ต้นหรอ”

    “ไม่รู้ ไม่ได้อยากรู้จักด้วย”

    “นี่เฮียเรนเป็นอะไร นิสัยไม่ดีเลย ต้นเขาเป็นผู้ชายที่ไหน สาวกว่ารักอีก เฮียเรนดูไม่ออกหรอ เขามองเฮียเรนเยิ้มออกซะขนาดนั้น”

    “อะไรนะ รักอย่าบอกนะว่าเขาเป็น”

    “เป็นอย่างที่เฮียเรนคิดนั้นแหละ ถูกต้องเลย ต้นเป็นเพื่อนสนิทรักเอง กลุ่มเดียวกันด้วย ไว้ใจได้” 

    “อย่างนั้นก็แล้วไป” เขาถอดหายใจด้วยความโล่งอก ความขุ่นมัวเมื่อสักครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง 

    “อย่าบอกนะว่าเฮียเรนงอนเรื่องแค่นี้” 

    “ใครว่าพี่งอน เปล่างอนสักหน่อย”

    “ไม่ได้งอนแล้วเป็นอะไร บอกมาเลยนะ ไม่งั้นรักไม่ยอมด้วย เฮียเรนไม่มีเหตุผล” เธอพยายามคาดคั้นต่อ ไม่เข้าใจท่าทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนตรงหน้า

    “สงสัยคงจะโมโหหิว นี่ตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวจนไส้จะขาดแล้ว” พูดจบเขาก็ถือวิสาสะจูงมือเธอไปยังรถตัวเองทันที ปิดโอกาสไม่ให้คนตัวเล็กถามอะไรต่อทั้งนั้น

     

     

     

    “เฮียเรนอยากกินอะไร เห็นบ่นว่าหิว แต่ไม่เห็นเลือกซักร้านเลย” แรกรักเอ่ยทักขึ้นเมื่อเดินผ่านอาหารมาสามร้านแล้วยังไม่ถูกใจคนตรงหน้าสักที

    “แล้วรักอยากกินอะไร พี่ให้รักเลือก” 

    “อ้าว คิดไม่ออกแล้วมาโยนให้เป็นหน้าที่รักได้ไง เฮียเรนเลือกสิ” 

    “งั้นกินอาหารญี่ปุ่นแล้วกัน” เขาจงใจเลือกร้านอาหารของโปรดของตัวเล็ก ทันทีที่เธอได้ยินคำว่าอาหารญี่ปุ่นตาก็เป็นประกายขึ้นทันที

    “ก็ได้ เฮียเรนเลี้ยงนะ ช่วงนี้รักจน” เธอเกาะแขนเขาอย่างอารมณ์ดี โดยไม่รู้เลยว่าสัมผัสอุ่นทำจิตใจของคนบางคนหวั่นไหว แถมเต้นแรงขึ้นมาเสียดื้อๆ

    “ถามมาแบบนี้ แล้วพี่จะปฏิเสธอะไรได้ล่ะ ไปกัน เดี๋ยวห้างปิดก่อน อดกินนะ”

    ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในเวลานี้ เหลือลูกค้าในร้านเพียงไม่กี่โต๊ะ อาจจะเป็นเพราะเวลาล่วงเลยเวลาอาหารค่ำมานานแล้ว หรืออาจจะเป็นเพราะกระแสโควิดที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ก็เป็นได้

    พนักงานต้อนรับกล่าวทักทาย พร้อมกับเดินพาเราไปยังโต๊ะในสุดที่ยังว่างอยู่

    “ตอนนี้มีโปรโมชั่นอะไรแนะนำมั๊ยคะ” แรกรักเอ่ยถามหลังจากยื่นมือรับเมนูจากพนักงาน

    “ช่วงนี้เรามีโปรโมชั่นแนะนำ set คู่รัก เป็นสเต็กปลาแซลม่อนทานคู่กับสลัดมันฝรั่ง กับข้าวหน้าปลาไหลทานคู่ยำสาหร่าย”

    “แต่เฮียเรนไม่กินปลาไหลหนิ” เธอพึมพำพูดกับตัวเอง ตายังคงจ้องอยู่ที่เมนูอาหาร

    “ถ้าลูกค้าไม่ชอบจานหลัก สามารถเปลี่ยนจากข้าวหน้าปลาไหลหรือสเต็กปลาแซลม่อน เป็นหมูย่างคุโรบุตะปลาซาบะย่างซีอิ๋วหรือไก่เทอริยากิได้ครับ” 

    “งั้นเอา set นี้มั๊ยเฮียเรน” เธอเงยหน้า เอียงคอถามความเห็น

    “รักเลือกเลย พี่กินได้หมด”

    “งั้นของรักเอาเป็นสเต็กปลาแซลม่อนกินคู่สลัดมันฝรั่ง ของเฮียเรนเอาเป็นหมูย่างคุโรบุตะกับยำสาหร่ายแล้วกัน” 

    “ได้ครับ ลูกค้ารับเป็น set คู่รักนะครับ รออาหาร 15 นาทีนะครับ” พูดจบพนักงานก็ขอตัวไปรับเมนู เหลือแค่ทิวาที่นั่งอมยิ้มมองดูคนตรงหน้าอย่างอารมณ์ดี

    “ยิ้มอะไรเฮียเรน” เมื่อถูกจ้องเยอะๆ แรกรักเลยอดปากที่จะถามไม่ได้

    “เปล่า แค่คิดว่าร้านเข้าใจตั้งชื่อ set เมนูดี”

    “เมนูอะไร ที่สั่งไปเมื้อกี้อะนะ”

    “อืม set คู่รัก น่ารักดีเนาะ” เขาพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มพราวมาให้ ทำเอาคนฟังถึงกับไปไม่ถูก ไอร้อนๆที่ข้างแก้มบ่งบอกความรู้สึกของเธอตอนนี้ได้ดีกว่าคำพูดเสียอีก

    “เขาก็ตั้งไปอย่างนั้นละ ไม่เห็นจะน่ารักเลย” เธอแถกลบเกลื่อน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเขินเพราะเรื่องแค่นี้ หรืออาจจะเป็นเพราะแววตาวิบวับของคนตั้งหน้าที่ทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเอาเสียเลย

    “ไม่น่ารักก็ไม่น่ารัก แต่หน้ารักตอนนี้น่ารักดีนะ” เขายังคงแซวต่อ แก้มนวลที่ซับสีเลือดน่ามองยิ่งหนัก 

    “ไม่คุยกับเฮียเรนแล้ว” พอทำอะไรไม่ถูก แรกรักเลยได้แต่ส่งค้อนไปให้เขา

    โชคดีที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟห้ามทัพพอดี แล้วพออาหารเข้าปาก แรกรักก็ลืมทุกอย่างไปจนหมดสิ้น แล้วยิ่งเขาแบ่งอาหารในจานมาให้ชิม คนไม่เห็นแก่กินอย่างเธอยิ่งอารมณ์ดี

    “ของหวานมั๊ย” เขาถามขึ้นหลังจากอาหารจานหลักหมดเกลี้ยงทุกจาน

    “ไม่เอาแล้ว รักอิ่มจนตัวจะแตกแล้ว” 

    “งั้นเรียกเก็บเงินเลยแล้วกัน”

     

     

    “สรุปเฮียเรนจะให้รักช่วยอะไร ไม่เห็นบอกสักที” เธอเอ่ยปากถาม เพราะตั้งแต่เดินออกจากร้านอาหารมา เขาก็ชวนเธอเดินซื้อของ ไม่ยอมบอกสาเหตุของการมาในครั้งนี้เสียที

    “ก็นี่ไง กำลังให้ช่วยอยู่นี่ไง” 

    “ช่วยอะไร เห็นแต่เดินเล่นอยู่เนี้ย”

    “เดินเล่นที่ไหน กำลังเดินดูของขวัญต่างหาก” เขาพูดพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายข้างสีเหลืองพาสเทลสไตล์ทันสมัยขึ้นมาดู

    “ของขวัญหรอ” ให้ใคร คำถามนั้นเธอได้แต่ถามอยู่ในใจ ทว่าจากข้าวของที่เขาหยิบขึ้นมาดู ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ ทำไมคิดแล้ว ใจที่เคยพองฟูกลับห่อเหี่ยวลงถนัดตา

    “รักว่า ใบสีชมพูกับใบสีเหลือง อันไหนสวยกว่ากัน” เขาหยิบกระเป๋าสองใบขึ้นมาให้เธอช่วยออกความเห็น

    “ขึ้นกับว่าเฮียเรนจะซื้อให้ใคร ถ้าเป็นรัก รักชอบสีเหลืองมากกว่า สไตล์มันดูใช้ในชีวิตประจำวันได้มากกว่า แต่ถ้าผู้หญิงส่วนใหญ่ คงชอบใบสีชมพูมากกว่า” 

    “ใจตรงกันเลย งั้นเอาทั้งสองใบเลยครับ” พูดจบ เขาก็ยื่นกระเป๋าใบสีเหลืองให้กับพนักงาน

    “ไม่ทราบว่า ลูกค้าจะให้ห่อของขวัญมั๊ยคะ ที่เรามีบริการห่อให้ฟรี” เสียงพนักงานสาวเอ่ยถามขึ้น

    “ห่อเลยครับ รักอยากได้ใบไหนมั๊ย พี่ยังไม่ได้ให้รางวัลที่รักชอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เลย”

    “ไม่เป็นไร รักมีเยอะแล้ว ว่าแต่เฮียเรน จะซื้อของขวัญให้ใครหรอคะ” เธอเอ่ยปากถามสิ่งที่อยู่ในใจออกไป

     “คนสำคัญน่ะ นี่ถ้าไม่ได้รักช่วย พี่คงแย่” เขาตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี โดยไม่รู้เลยว่าคำว่าคนสำคัญทำให้คนฟังยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก

     “รักไม่เห็นได้ช่วยอะไรเลย เฮียเรนเลือกเองทั้งนั้น” เธอตอบกลับไป พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแค่ได้ยินว่าเขาจะซื้อของขวัญให้คนสำคัญ ความรู้สึกน้อยใจมันถึงพรั่งพรูมามากมายขนาดนี้ มากเสียจนเธอรู้สึกร้อนพร่าวที่หัวตาเหมือนน้ำตาพลานจะไหลลงมาเสียให้ได้

    “แค่มาด้วยกันก็พอแล้ว” เขาหันมาส่งยิ้มให้ โดยไม่ได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของคนข้างๆ

    “งั้นรักขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” ไม่รอให้เขาตอบ แรกรักรีบหันหลังเดินหนีออกไปทันที เวลานี้ ขอแค่ไปที่ไหนก็ได้ ให้ไกลจากเขาก็พอ 

    ไม่รู้ทำไม แค่คิดว่าคนสำคัญของเขา ไม่ใช่เธอ เธอก็ไม่อยากรับรู้อะไรต่อไปแล้ว 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×