คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เรื่องบังเอิญ 50%
บรรยากาศในโรงพยาบาลตอนนี้ยังเช้าเกินกว่าที่ทุกคนจะเริ่มทำงานกัน แต่ก็พอมีคนไข้ที่เริ่มทยอยมาจับจองคิวเพื่อหวังที่จะได้ตรวจเป็นคิวแรกๆกันบ้างแล้ว
แรกรักเดินช้าๆซึมซับบรรยากาศรอบๆ ปกติเธอก็ไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้หรอก แต่วันนี้มีนัดรับหนังสือกับพี่รหัสชั้นคลินิกเสียก่อน เลยรีบมาเช้าหน่อย กลัวจะผิดเวลา ทว่ายังไม่ทันจะเดินถึงจุดนัดหมาย สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างเสียก่อน
“เฮียเรน เฮียเรนจริงๆด้วย” เสียงพูดปนหอบของคนวิ่งตาม ทำเอาทิวาหันกลับไปมองด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นว่าเป็นใคร เขาก็ทำแค่เพียงมองนิ่งๆ
“เฮียเรน มาได้ยังไง”
“มาเรียนต่อไง ถามได้”เขาตอบกลับไปนิ่งๆ
“แล้วทำไมไม่บอกรักว่าเรียนที่เดียวกัน นี่ถ้ารักไม่บังเอิญเจอ เฮียเรนก็จะไม่ยอมบอกใช่มั๊ย” เธอถามกลับมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ใช่ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องบอก” เขาหยักไหล่อย่างขอไปที ทำเอาคนฟังหน้าหงอลงไปถนัดตา ความดีใจที่ได้เจอถูกแทนที่ด้วยความน้อยใจแทน เขาคงไม่รู้หรอกว่าเธอดีใจขนาดไหนที่ได้เจอเขาในวันนี้
ตั้งแต่วันที่เขาหายไปโดยไม่ร่ำลา เธอพยายามติดต่อทุกวิธีทาง แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ความหมาย แรกๆ เธอทั้งโกรธ น้อยใจ เสียใจที่เขาไม่เห็นความสำคัญของเธอเลย แต่พอเขาหายไปนานๆ ความรู้สึกเหล่านั้น กลับกลายเป็นความเป็นห่วงแทน เธอกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป มันกังวลไปหมด แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย
“ใจร้าย” เธอพูดพร้อมกับส่งสายตาตัดพ้ออย่างไม่คิดจะปิดบัง จนกลายเป็นเขานั่นเองที่ต้องเสหลบตา
“ไม่มีอะไรแล้วใช่มั๊ย พี่ไปนะ เดี๋ยวจะไปเข้าเคสแล้ว”
“ไม่ รักไม่ยอมให้ไป เฮียเรนหายไปไหน ทำไมไม่บอกกัน รักโทรหาไป ไลน์ไป ส่งข้อความไป ไปดักรอที่โรงพยาบาลทุกวัน แต่ก็ไม่เห็นเลย สุดท้ายก็มีคนบอกรักว่าเฮียไปแล้ว รักทำอะไรให้เฮีนเรนโกรธหรอ” เธอปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่อาย ความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจถูกปล่อยออกมาเสียจนหมด
ทิวาไม่ตอบ เขามองนิ่งๆ ตาคู่ใสตรงหน้าที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ทำเอาเขาเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจ
“เฮียเรนใจร้ายมากเลยรู้มั๊ย รักเป็นห่วงไปหมด กลัวว่าเฮียเรนจะเป็นอะไรไป” เธอสะอื้นจนตัวโยก โชคดีที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา ไม่อย่างนั้น ทุกคนต้องคิดว่าเขากำลังหักอกคนตัวเล็กอยู่เป็นแน่
“พี่สบายดี ไม่มีอะไรแล้วใช่มั๊ย งั้นพี่ไปนะ” เขาเมินหน้าหนี เขายอมรับว่าภาพคนตัวเล็กที่น้ำตานองหน้าสะเทือนใจเขาไม่น้อย แต่เพราะอะไรบางอย่าง ทำให้ตัดสินใจเดินหันหลังกลับไปโดยไม่คิดจะหันกลับมาเหลียวแล
“ใจร้าย รักไม่รักเฮียเรนแล้ว ไม่รักแล้ว” แรกรักปาดน้ำตา ก่อนจะตะโกนไล่หลังเขาไป คนตรงหน้าไม่ใช่เฮียเรนของเธอไม่ใช่เลยสักนิด
กว่าแรกรักจะดึงสติกลับมาได้ก็ปาไปครึ่งค่อนวัน วิชา basic science ในตอนเช้า ไม่เข้าสมองเธอแม้แต่น้อย ภาพผู้ชายตัวสูงเมื่อเช้าวนเวียนอยู่ในหัว จนแล้วจนรอดเธอก็หาสาเหตุของท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขาไม่ได้สักที
“รัก ไปกินขนมกัน หลัง ม. มีร้านเปิดใหม่ แกได้ยินฉันมั้ย” มะยม เพื่อนสาวร่างอวบเจ้าแม่ขนมหวานเรียกเสียงดัง เมื่อเพื่อนเอาแต่เหม่อลอย ไม่สนใจเสียงเรียกแม้แต่น้อย
“ห่ะ ว่าอะไรนะ”
“นี่แกเป็นอะไรไปรัก ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว เอาแต่ถอนหายใจ แล้วก็นั่งเหม่อ หน้าตาก็เหมือนเพิ่งร้องไห้มา ถ้าแกมีแฟน ฉันคงคิดว่าแกอกหักแน่ๆ นี่มะยมมันเรียกตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นแกสนใจมันเลย” ต้น เพื่อนสาวประเภทสองเอ่ยขึ้นสนับสนุน หลังจากที่สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของเพื่อนเหมือนกัน
“พวกแกคิดมาก ฉันก็ปกติดี สงสัยเรียนหนักมั้ง เบลอ จะไปไหนกันนะ ไปกินขนมใช่มั๊ย ไปกัน” พูดจบ แรกรักก็ออกแรงลากเพื่อนๆไปทันที ก่อนที่จะถูกซักไซ้ไปมากกว่านี้
ร้าน Rainy coffee shop ร้านเบเกอรี่เปิดใหม่ที่ว่า ตั้งอยู่หลังมหาวิทยาลัย ใกล้ๆกันกับโรงพยาบาล ทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเหล่าบุคลากรทางการแพทย์มากกว่าเหล่านักศึกษาเสียอีก
“คนเยอะจังแก จะมีที่นั่งมั๊ยเนี้ย” ต้นจีบปากจีบคอ พลางชะเง้อหาที่ว่าง ก่อนจะลากทุกคนไปยังโต๊ะในสุดที่ว่างอยู่พอดี
“ขอโทษนะคะ พอดีโต๊ะนี้มีคนจองแล้ว” เสียงผู้หญิงหน้าตาน่ารักเอ่ยขึ้น ในมือเธอถือเมนูอาหารอยู่ ทว่าการแต่งตัวต่างจากพนักงานคนอื่นมากโข ถ้าให้เดาคงเป็นผู้จัดการร้านหรือไม่ก็เจ้าของร้านเป็นแน่
“อ้าว แล้วมีที่ว่างที่อื่นมั๊ยคะ” มะยมเอ่ยปากถาม
“ตอนนี้เต็มทุกโต๊ะเลยค่ะ ถ้ายังไง รบกวนรอก่อนได้มั๊ยคะ เดี๋ยวจะรีบหาโต๊ะให้”
“ให้เขานั่งไปเถอะฝน เดี๋ยวเฮียแวะมาวันหลัง”
“เฮียเรน” เสียงที่เรียกออกไปไม่ใช่เสียงของแรกรัก ทว่ามันดังมาจากผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนนั้นต่างหาก
“เปิดร้านวันแรก ต้องบริการลูกค้าดีๆ เดี๋ยวเฮียแวะมาวันหลังก็ได้ ไม่ซีเรียส” เขาพูดพร้อมส่งรอยยิ้มกว้างที่ทำเอาคนแอบมองอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้
ทีเมื่อเช้าไม่เห็นจะพูดกับเธอแบบนี้เลย เลือกปฏิบัติชัดๆ แรกรักคิดในใจ โดยไม่รู้เลยว่าแอบเผลอมองบนเสียหลายที
“งั้น เดี๋ยวฝนห่อเค้กกับอเมริกาโน่ของโปรดให้เฮียแล้วกัน รอสักครู่นะคะ เชิญนั่งก่อนนะคะ ขอโทษที่ทำให้เสียเวลา” ท้ายประโยค คุณเจ้าของร้านหันมาพูดกับพวกเรา ก่อนจะยื่นเมนูให้ แล้วหายไปหลังร้านทันที
“พวกหนูแย่งที่พี่หรือเปล่าคะ ถ้าไม่รังเกียจ พี่นั่งด้วยกันก็ได้นะคะ” มะยมเอ่ยปากชวน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องกินกันเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้มตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี ไม่ได้มีท่าทีขุ่นมัวแม้แต่น้อย
“คนไม่อยากนั่งก็อย่าไปชวนเขาเลย เสียเวลา” แรกรักเอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ รู้สึกหงุดหงิด เหม็นขี้หน้าอย่างไรบอกไม่ถูก ความเสียใจเมื่อเช้าถูกแทนที่ด้วยความโกรธเรียบร้อยแล้ว
“รัก ทำไมไปพูดกับพี่เขาแบบนั้น เขาอุตส่าห์ใจดีให้เรานั่งนะ” ต้นกระซิบเตือนเพื่อนรักด้วยความหวังดี
“ทำไม ไม่นั่งก็ได้นะ กลับกันเลยก็ได้” แรกรักเริ่มตีรวน ทำเอาคนแอบมองเผลออมยิ้ม
“ทำไมทำตัวแบบนี้เนี้ย ไม่น่ารักเลย” มะยมเอ่ยปากเอ็ด
“ก็เป็นแบบนี้เนี้ยแหละ แกจะกินก็กินเลย กลับแล้ว” พูดจบ แรกรักก็คว้ากระเป๋าสะพายข้างเดินออกจากร้านมาทันที
เพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทำเอาเธอลืมว่าเมื่อสักครู่ทิ้งรถไว้ที่คณะแล้วติดรถมากับเพื่อน ทว่าจะวกกลับไปในร้านก็กลัวจะเสียหน้า เธอเลยเลือกเดินออกไปหารถประจำทางเอาข้างหน้าดีกว่า
“เรื่องอะไรจะกลับไป เหม็นขี้หน้าชะมัด” เธอบ่นกับตัวเอง พร้อมก้าวเท้ายาวๆ จำได้ว่าข้างหน้ามีป้ายรถประจำทาง ที่บริการรับส่งคนในมหาวิทยาลัยฟรี เธอจำได้ว่ามีสายนึง ผ่านคณะพอดี
ทว่ายังไม่ทันจะถึงที่หมาย เม็ดฝนเม็ดใหญ่ก็โปรยปรายลงมาเสียก่อน
“จะมีคนซวยซ้ำซวยซ้อนแบบฉันมั้ยเนี้ย” แรกรักวิ่งเข้ามาหลบตรงมุมตึก แต่ความแรงของสายฝนที่กระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่วทำให้พื้นที่แค่นั้น ไม่สามารถกำบังได้แม้แต่น้อย
ปรี้นๆ เสียงแตรรถดังขึ้น พร้อมกับรถสปอร์ทสีดำขับมาเทียบตรงหน้า กระจกที่ค่อยๆลดลง ทำให้เห็นหน้าเจ้าของรถชัดขึ้น
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวไปส่ง” ทิวาเอ่ยปากเรียกคนตัวเล็กที่ตอนนี้เปียกปอนสภาพไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำให้ขึ้นมาบนรถ
“ไม่ เชิญคุณไปเถอะค่ะ ฉันหาทางกลับเองได้”
“ขึ้นมาสิ ข้างหลังบีบแตรไล่แล้ว หรือจะให้บอกพี่นายว่ามีคนเกเร” เขาเอ่ยประโยคเด็ด แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อเธอได้ยินชื่อพี่ชาย ก็รีบก้าวขึ้นรถทันที
ความคิดเห็น