คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ไม่ชัดเจน 100%
ทว่าอีกฝากนึงของร้าน ทิวาที่เพิ่งเสร็จเคสถูกอาจารย์และน้องๆลากมาดริ้งต่อจนได้ เมื่อปฏิเสธไม่ได้ เขาเลยจำยอมต้องมา แล้วค่อยหาทางชิ่งทีหลัง
“เฮียเรนจริงๆด้วย” เสียงใสเอ่ยทัก
“อ้าว ฝน มาได้ยังไง” ทิวาหันไปเจอหญิงสาวที่ยืนยิ้มจนตาหยี เธอยังเป็นคนที่ยิ้มแล้วทำให้ทุกอย่างดูสดชื่นได้เหมือนชื่อของตัวเองจริงๆ
“มากับเพื่อน นั่งตรงโน้น เฮียมากับใคร สาวๆหรอ” เธอเอ่ยเย้า
“เปล่า สาวที่ไหน ไม่มีหรอก มากับอาจารย์แล้วก็น้องๆที่คณะ ว่าแต่เรา เป็นเด็กเป็นเล็กหัดมาร้านแบบนี้ เดี๋ยวเฮียจะฟ้อง…”
“อย่าพูดนะเฮีย” ยังไม่ทันที่ทิวาจะพูดจบ คนตรงหน้าก็กระโดดกอดคอแล้วปิดปากเขาไว้ก่อน ทว่าส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมาก พอถูกโน้มตัวลงมา เขาเลยเสียหลักเซจนเกือบล้ม ดีที่คว้าตัวคนตรงหน้าไว้ทัน ไม่อย่างนั้นต้องล้มคว่ำไปแน่ๆ
“ทำอะไรเนี้ย เฮียเกือบล้มแล้ว เล่นอะไรเป็นเด็กๆ”
“ก็เฮียขี้ฟ้อง ไม่คุยด้วยแล้ว ไปดีกว่า คิดถึงนะคะ ว่างๆอย่าลืมมาหาฝนด้วย” พูดจบ เธอก็โน้มคอคนตรงหน้าลงมา พร้อมกับฝังจมูกลงไปบนแก้มสากหนึ่งที
“เซี้ยวใหญ่แล้วนะเรา” เขาพูดพร้อมหัวเราะ ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ คนตรงหน้าก็หายวับไปกับฝูงคนแล้ว
ทิวาส่ายหน้าแล้วอมยิ้มเบาๆ โดยไม่รู้เลยว่า การกระทำของเขาทั้งหมดอยู่ในสายตาของใครบางคนตั้งแต่ต้นจนจบ
แรกรักยกมือขึ้นปาดน้ำตา เธอคือผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่ร้านเค้กวันนั้น จากการกระทำของทั้งสองคน ดูสนิทกันพอตัว แรกรักเห็นภาพตัวเองที่ซ่อนทับกับผู้หญิงคนนั้น หรือว่าจริงๆแล้วที่เฮียเรนทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน แต่เป็นเธอที่คิดไปเอง
แรกรักกลั้นสะอื้น เธอเคยคิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด แต่ลืมคิดไปว่า บางครั้งเราก็คิดเองเออเองจากการกระทำนั้นไม่ได้ ภาพผู้หญิงคนนั้นหอมแก้มเขา ภาพที่เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ยังคงติดตา เธอปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาหวังว่ามันจะลบภาพเหล่านั้นได้บ้าง ทว่าความเป็นจริงไม่ใช่เลย มันยิ่งชัดเจนเสียจนเธอเจ็บปวดไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
“อ้าว กลับมาแล้วหรอแก พี่เรนว่ายังไงบ้าง” มะยมเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนเดินกลับมาที่โต๊ะคนเดียว
“ไม่ได้ว่ายังไง ช่างเถอะ อยากกินเบียร์ ฉันสั่งเพิ่มนะ น้องๆขอเบียร์ทาวน์นึง” ท้ายประโยค เธอหันไปสั่งพนักงานให้เอาเครื่องดื่มมาเพิ่ม
“เฮ้ย ทาวน์นึงเลยหรอ ไหวหรอรัก” มะยมเอ่ยปากเตือน รู้สึกผิดสังเกตตั้งแต่เพื่อนเดินกลับมาแล้ว แม้ในร้านอาหารจะมืด แต่ตาบวมๆที่เพิ่งผ่านการร้องไห้มาของคนตรงหน้าก็ชัดเจน เสียจนคนเป็นเพื่อนอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไหว ถ้าแกอยากกลับก่อน ได้นะ ฉันกลับเองได้”
“บ้า ใครจะปล่อยให้แกกลับเอง อยากกินก็กินเลย เมาก็ได้นะ เดี๋ยวฉันลากไปส่งเอง แล้วก็เลิกทำตาเศร้าแบบๆนั้นได้แล้วรัก มันไม่เหมาะกับแกสักนิดเลย” มะยมพูดพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวเพื่อน แบบที่เคยทำเวลาที่เธอรู้สึกไม่ดี
“ขอบใจมากนะแก” แรกรักฝืนยิ้มตอบกลับไป
เครื่องดื่มสีเหลืองใสในทาวน์ยาวลดลงเรื่อยๆ สวนทางกับระดับแอลกอฮอลล์ในเลือกของคนในโต๊ะที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้นเคาะนิ้วตามจังหวะดนตรีบนเวที หน้าแดง ตาเยิ้มๆของเขาดูมีเสน่ห์ดึงดูดคนรอบข้างให้เข้ามาทักทายอยู่หลายครั้ง
“แหม เสน่ห์แรงจริงๆนะ” มะยมแซวเพื่อน หลังจากผู้หญิงคนที่สามเดินออกไปจากโต๊ะ
“เลิกพูดเลยนะ ฉันเบื่อแอ๊บแมนแล้ว ทำไมไม่มีผู้ชายมาทักทายบ้างนะ อุ๊ย” ท้ายประโยคต้นหยุดพูดไป เพราะมีใครบางคนเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะ
“สวัสดีครับ ขอนั่งด้วยคนได้มั๊ยครับ” ผู้ชายผิวขาวหน้าตาสไตล์เกาหลีเอ่ยขึ้น
“เชิญครับ” ต้นเอ่ยชวนพร้อมกับส่งยิ้มสายตาเยิ้ม ต่างจากการกระทำที่ทำกับผู้หญิงที่เข้ามาทักอย่างสิ้นเชิง
“พี่ชื่อกอล์ฟนะครับ น้องๆชื่ออะไรกันบ้าง”
“ชื่อต้นครับ ส่วนนั้นก็รักแล้วก็มะยม” ต้นแนะนำตัวบ้าง
“น้องรักหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เขาส่งสายตาสื่อความหมายอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“รักมีพี่คนเดียว เชิญคุณกลับไปที่โต๊ะคุณดีกว่า พอดีเรามากันสามคน ต้องการความเป็นส่วนตัว” เธอตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอย่างเซ็งๆ
“ไอ้รัก ทำไมพูดอย่างนั้น” มะยมสะกิดเพื่อนเบาๆ
“ฉันพูดเรื่องจริง เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ถือว่าขอร้อง”
ชายหนุ่มเอ่ยลาด้วยสีหน้าเจือนๆ ก่อนจะกลับลากลับไปยังโต๊ะ ทันทีที่เขานั่งลง เสียงหัวเราะเย้ยหยันจากสมาชิกโต๊ะก็ดังขึ้นทันที
“ไหนว่าจะเอาสาวกลับมาอวดไงวะ ทำไมกลับมาคนเดียว” เสียงอาจารย์หนุ่มเอ่ยทักลูกศิษย์ หลังจากที่รับคำท้าจะออกไปหาสาวกลับมาอวดอาจารย์
“แห้วครับ เห็นหน้าใสๆ ไม่นึกว่าจะแอบดุเหมือนกัน” กอล์ฟตอบกลับไปอย่างเซ็งๆ
“สาวที่ไหน ทำไมกล้าหักอกพี่กอล์ฟได้” เสียงรุ่นน้องเอ่ยถามต่อ
“ก็น้องหลีดทันตะไง เห็นหน้าใสๆ ดุชิบหายเลย น้องๆขอเหล้าอีก ดื่มแก้เซ็งหน่อย” ท้ายประโยคเขาหันกลับไปสั่งพนักงานในร้าน ก่อนที่หัวข้อการจีบสาวจะหายไปจากบทสนทนา ทว่าใครอีกคนที่ได้ฟังกลับนั่งไม่ติดแทน
ทิวากดโทรศัพท์หาใครบางคนทันที เสียงสัญญาณดังขึ้นไม่นาน ปลายสายก็กดตัดสายไป เขาพยายามอยู่อีกสองครั้ง เมื่อผลลัพธ์ยังเป็นเหมือนเดิม เขาก็ตัดสินใจ บอกลาจากทุกคนแทน
“อ้าว ทำไมรีบกลับละพี่เรน”
“มีธุระนิดหน่อย ไว้ครั้งหน้าค่อยมากันใหม่ ผมขอตัวนะครับอาจารย์” พูดจบเขาก็ขอตัวออกมาทันที
“รัก พอแล้วมั๊ย ฉันว่าแกเริ่มเมาแล้วนะ” มะยมแย่งแก้วเครื่องดื่มมาจากเพื่อน เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าเริ่มทรงตัวไม่อยู่
“ใครว่าฉันเมา ไม่ได้เมาสักหน่อย”
“ไม่เมาอะไร นั่งไม่ตรงแล้ว พอกลับบ้าน”
“ไม่กลับ ไม่อยากกลับไปเจอคนใจร้าย”
“ใครกันวะ คนใจร้าย พี่ชายแกนั่นหรอ”
“คอยดูนะ ต่อไปฉันจะไม่สนใจ จะไปจูบไปกอดใครก็ช่าง ฉันจะทำบ้าง แกมีเพื่อนที่ยังโสดๆบ้างมั๊ย แนะนำให้ฉันที” แรกรักยกแก้วขึ้นดื่ม แต่ยังไม่ทันได้สัมผัสที่ริมฝีปาก มันกลับถูกดึงไปเสียก่อน
“กลับบ้าน” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงแก้วออกไปจากมือ
“เอาคืนมานะ นั่นใคร ทำไมหน้าตาเหมือนเฮียเรนเลย” เธอพูดพร้อมชี้หน้าคนมาใหม่
“แกๆ นั่นพี่เรน” มะยมพยายามเรียกสติเพื่อนกลับมา แววตาผู้ชายตรงหน้าที่มองมาทำเอาเธอรู้สึกเสียวสันหลัง
“แกอย่ามาหลอกฉันให้ยากเลยมะยม เฮียเรนจะมาโผล่ตรงนี้ได้ไง เขาไปกับคนรักเขาแล้ว เอาแก้วมานะ” เธอพูดจบก็เอื้อมมือไปแย่งแก้วคืนจากคนตรงหน้า
“ทำไมปล่อยให้ตัวเองเมาขนาดนี้ เลิกกินได้แล้ว กลับบ้าน” พูดจบเขาก็ฉุดให้เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่ดูจะไม่เป็นผลเท่าไหร่
“ปล่อยนะ ไม่กลับ รักจะกินต่อ”
“ดื้อนักใช่มั๊ย พี่ฝากจ่ายตังค์ด้วยนะ เดี๋ยวพี่ขอพารักกลับก่อน” เขายื่นเงินสดจำนวนหนึ่งให้กับมะยม ก่อนจะถือวิสาสะอุ้มคนขี้เมาออกไป
“รักนะรัก ไม่น่าเลย แกว่ามันจะรอดเปล่าวะ” มะยมแอบกระซิบกับเพื่อนสาว สายตาราวกลับมีลูกไฟนับร้อยอยู่ข้างในยังสร้างความสะพรึงกลัวให้ไม่หาย
“เอาจริง ฉันว่าไม่น่ารอดว่ะ พี่เรนดูโกรธมากๆ”
“นั่นสิ ไหนว่ารักบอกเขาไม่ได้คิดอะไรกับมันวะ แบบนี้ไม่ใช่แค่คิดแล้วมั้ง” มะยมมองตามหลังเพื่อนไปด้วยความเป็นห่วง
ความคิดเห็น