ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รักหมดใจยัยล่าแต้ม : หวาน
“เชื่อหรือไม่ว่า ภายในเวลาแค่ 90 วินาที ถึง 4 นาที ของการพูดคุยกัน ระบบภายในร่างกายจะช่วยเราตัดสินได้ว่า จะรุกต่อหรือจะชิ่งดี เพราะว่าในการพูดคุยอย่างสวีทหวานแหววกับบุคคลเป้าหมาย ความประทับใจและการรับรู้ข้อความจากการสื่อสารนั้น ร้อยละ 55 มาจากภาษากาย ร้อยละ 38 มาจากน้ำเสียงและความเร็วในการพูด และแค่ร้อยละ 7 จากสาระที่เราพูดออกไป ซึ่งหมายความว่าเพียงแค่ลีลาดีก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว” จาก ชายนิรนาม
“หวาน” หญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับผม เธอเกิดในครอบครัวคนจีนจากทางใต้ ทำให้ผิวเธอขาวแตกต่างจากคนใต้โดยทั่วไป แต่สำเนียงการพูดของเธอก็ยังคงออกทางใต้ไม่ผิดเพี้ยน ใบหน้าเธอกลม ขาว ตาเรียวเล็กประดุจเมล็ดข้าวที่เพิ่งออกจากรวง หน้าผากกว้างดังภูผาแสดงถึงวาสนาและเงินทอง ปากสีชมพู จมูกที่โด่งมีสันจมูกแสดงถึงบารมี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ลักษณะภายนอกของเธอ เธอเปลี่ยนจากผมยาวประบ่าเป็นผมสั้นซอย เปลี่ยนจากใส่แว่นเป็นคอนแทกเลนส์ การแต่งกายที่แสนจะฉูดฉาดในวันวานถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีโทนขาวดำแบบผู้ใหญ่ กางเกงขาสั้นที่เธอชอบใส่บัดนี้ได้กลายเป็นกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูปดูกระฉับกระเฉง
ผมและหวานนั่งมองหน้ากันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนด้านหน้าผับ ถึงแม้จะอยู่ด้านนอกเสียงดนตรียังคงเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่อาจทำให้สมาธิของผมสั่นคลอนไปได้เลย ผมนั่งคนละฝั่งกับเธอ เราทั้งสองมองหน้ากัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สายลมที่พัดผ่าน ความเงียบในหัวใจ ทำให้ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเส้นผมกระทบกัน มันช่างคล้ายกับบรรยากาศที่ผมบอกชอบเธอครั้งแรกมาก จะต่างกันก็ตรงที่ คราวนี้ใจของผมไม่ได้เต้นแรงเหมือนครั้งนั้น และผมไม่ได้มีความรู้สึกเขินอะไรเลย แต่ที่ไม่พูดอะไรไป เป็นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเพียงเท่านั้น
“สวัสดีเป้ก” หวานพูดขึ้น เพื่อเริ่มต้นบทสนทนาของสองเราที่ห่างหายไปนานถึง 5 ปี
คำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดเรื่องหนึ่งแต่ไม่กล้าถาม เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมเคยจีบหวานอยู่แต่หลังจากจบ ม.6 เธอก็หายไป ไม่มีประวัติเธอในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย บ้านของเธอก็ย้ายไปจังหวัดอื่น ข่าวลือบอกว่าเธอท้องแล้วหนีตาม “พัฒน์” แฟนหนุ่มของเธอไปอยู่ด้วยกัน
“เรื่องในอดีต อะไรเหรอ??? หวาน” ผมถาม
ผมเจอคริสครั้งแรกก็ตอนที่เรานอนด้วยกัน ในวันนี้ก็เช่นกัน เธอก็มาหลับใส่ผม แถมยังให้ผมเป็นเตียงนอนอีก แต่เธอตอนนอนก็น่ารักมากทีเดียว ผมเพิ่งสังเกตว่าคริสให้ความสำคัญกับสร้อยคอหัวใจรูปทองคำนั้นมากขนาดไหน แม้ขณะเธอไปเที่ยวเธอก็ยังใส่มันไปด้วย ด้านในคงจะเป็นของที่สำคัญกับเธอมากๆ ผมพาคริสเดินผ่านฟุตบาตที่ปูด้วยอิฐบล็อกสีแดงและเทาสลับกันด้านข้างเป็นกำแพง มีหลอดไฟเรียงรายตามทาง ระหว่างทางที่ผมเดินจะมีนกค่อยๆบินมาเกาะที่หลอดไฟที่ละตัว ทีละตัว เหมือนเป็นเพื่อนตลอดการเดินทาง ผมเดินไปพลางนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน มันทำให้ผมอดยิ้มเล็กๆ ออกมาไม่ได้ ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว คริสชอบผมบ้างไหม หรือหลอกผมหรือเปล่า แต่ถึงแม้เธอจะหลอกผมหรือไม่ชอบผมมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะ ผมทำมันออกไปด้วยความจริงใจและไม่ได้คาดหวัง อะไรอยู่แล้ว
ผมเริ่มอ่านประโยคนี้จากเว็บจีบสาวชื่อดัง เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน 5 ปีที่ผ่านไป 5 ปีที่ไม่มีวันลืม 5 ปีแห่งความทรงจำ 5 ปีแห่งความเปลี่ยนผ่าน และ 5 ปีของรักแรก หลายๆคนคงจะมีรักครั้งแรกหรือเรียกให้เท่ห์ๆว่า puppy love หลายคนบอกว่ามันคือความเจ็บปวด ความสุข หรือความทรงจำ แต่ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามแต่ puppy love ของผมกำลังนั่งอยู่ต่อหน้าผมในขณะนี้แล้ว
“หวาน” หญิงสาวอายุไล่เลี่ยกับผม เธอเกิดในครอบครัวคนจีนจากทางใต้ ทำให้ผิวเธอขาวแตกต่างจากคนใต้โดยทั่วไป แต่สำเนียงการพูดของเธอก็ยังคงออกทางใต้ไม่ผิดเพี้ยน ใบหน้าเธอกลม ขาว ตาเรียวเล็กประดุจเมล็ดข้าวที่เพิ่งออกจากรวง หน้าผากกว้างดังภูผาแสดงถึงวาสนาและเงินทอง ปากสีชมพู จมูกที่โด่งมีสันจมูกแสดงถึงบารมี ทุกอย่างยังเหมือนเดิมกับเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ลักษณะภายนอกของเธอ เธอเปลี่ยนจากผมยาวประบ่าเป็นผมสั้นซอย เปลี่ยนจากใส่แว่นเป็นคอนแทกเลนส์ การแต่งกายที่แสนจะฉูดฉาดในวันวานถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีโทนขาวดำแบบผู้ใหญ่ กางเกงขาสั้นที่เธอชอบใส่บัดนี้ได้กลายเป็นกางเกงยีนส์ขายาวเข้ารูปดูกระฉับกระเฉง
ผมและหวานนั่งมองหน้ากันอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนด้านหน้าผับ ถึงแม้จะอยู่ด้านนอกเสียงดนตรียังคงเล็ดลอดออกมาไม่ขาดสาย แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่อาจทำให้สมาธิของผมสั่นคลอนไปได้เลย ผมนั่งคนละฝั่งกับเธอ เราทั้งสองมองหน้ากัน ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ สายลมที่พัดผ่าน ความเงียบในหัวใจ ทำให้ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงของเส้นผมกระทบกัน มันช่างคล้ายกับบรรยากาศที่ผมบอกชอบเธอครั้งแรกมาก จะต่างกันก็ตรงที่ คราวนี้ใจของผมไม่ได้เต้นแรงเหมือนครั้งนั้น และผมไม่ได้มีความรู้สึกเขินอะไรเลย แต่ที่ไม่พูดอะไรไป เป็นเพราะไม่รู้จะพูดอะไรเพียงเท่านั้น
“สวัสดีเป้ก” หวานพูดขึ้น เพื่อเริ่มต้นบทสนทนาของสองเราที่ห่างหายไปนานถึง 5 ปี
“สวัสดีหวาน” ผมพูดขึ้น
“เป้ก ยังพูดไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ” หวานพูด ถึงแม้หลายๆอย่างในตัวเธอจะเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมมั่นใจได้ว่านี้คือหวาน คือเธอยังเป็นคนที่เก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ดีเหมือนเดิม
“หวาน จะไปหาอะไรดื่ม เป้กจะดื่มอะไรไหม” หวานถาม
“อ๋อ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราไปซื้อให้ไหม??” เป้กถาม
“ไม่เป็นไร เราเป็นเจ้าถิ่น เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง ^^” หวานพูดพลางลุกขึ้นยืนจากโต๊ะ และเดินอย่างสง่าผ่าเผยไป ที่ร้านสะดวกซื้อข้างๆ ผับ ผมนั่งรอเธออยู่ พลันเหลือบดูโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลา ขณะนี้เวลา ตีหนึ่งครึ่ง เหลืออีกเพียงครึ่งชั่วโมงผับจะปิด ผมร้อนรน เพราะคิดถึงคริส ไม่รู้ว่าป่านนี้เธอจะเป็นอย่างไรบ้าง ?????? *-*
“เค้ามาแล้ว” เธอตะโกนมาจากด้านหลัง ทำเอาผมตกใจโทรศัพท์มือถือหล่นตกพื้น
“หวาน” ผมพูดขึ้น
“เราขอโทษ เดี๋ยว เราช่วยเก็บ” หวานเก็บชิ้นส่วนของโทรศัพท์ที่ตกขึ้นมา เธอประกอบมันได้รวดเร็วมาก หากผมไม่รู้จักเธอมาก่อนคงจะนึกว่าเธอเป็นช่างซ่อมเป็นแน่ /></ เธอกดเปิดเครื่องดูเพื่อเช็คดูความเรียบร้อยอีกครั้ง แล้วเธอก็พบกับรูปของคริสขึ้นอยู่หน้าแรกของมือถือผม
“เป้ก ใครอ่ะ แฟนเหรอ???” หวานถาม
“ป๊าววว(เสียงสูง)” ผมตอบ พลางหลบตาและหน้าแดง
“เธอยังโกหก ไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะ^^” ชอบเขาทำไมไม่ไปบอกเขาล่ะ” หวานถาม พลางยิ้ม
“บอกแล้ว แต่ดูเธอจะไม่ชอบเรา เราทำใจละล่ะ” เป้กตอบ
“เป้ก นะ เป้ก ชอบคิดไปเองตลอด เราขอดูรูป แฟนเธออีกทีสิ” หวานพูด เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง
“เราว่า เรารู้จักแฟนเธอ เธอชื่อคริสใช่ไหม????” หวานพูด พลางทำหน้าเคร่งเครียด
“ใช่ คริสเป็นเด็กของเสี่ย มันคงไม่แปลกหรอกที่เธอจะรู้จัก แต่เราว่าคริสต้องมีเหตุผล เราไม่เชื่อหรอกว่าคริสจะเป็นคนแบบนั้น” เป้กพูด
หลังผมพูดจบ สีหน้าเธอเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจากท่าทางที่ตลกเขาสู่ความเงียบขรึม
“เป้ก อยากรู้ไหม 5 ปี เราหายไปไหนมา” หวานพูด
คำถามที่ผมอยากรู้มากที่สุดเรื่องหนึ่งแต่ไม่กล้าถาม เมื่อ 5 ปีที่แล้วผมเคยจีบหวานอยู่แต่หลังจากจบ ม.6 เธอก็หายไป ไม่มีประวัติเธอในการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัย บ้านของเธอก็ย้ายไปจังหวัดอื่น ข่าวลือบอกว่าเธอท้องแล้วหนีตาม “พัฒน์” แฟนหนุ่มของเธอไปอยู่ด้วยกัน
ดวงตาของเธอฉายแววเศร้า เธอมองขึ้นไปบนดวงจันทร์ สิ่งที่ให้แสงสว่างแก่ทุกสิ่งบนโลกในยามค่ำคืน เธอค่อยๆพูดออกมา
“เราท้องตามที่ข่าวลือบอก และหนีไปอยู่กับพัฒน์” หวานกล่าว ถึงแม้ผมจะรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง แต่การได้ยินจากคำพูดของเธอก็ทำให้ผมตกใจไม่น้อย
ทุกๆ สิ่งเงียบไปชั่วขณะ ……
“ไม่เป็นไร เป้ก เราทำใจได้แล้ว ” หวานกล่าว
เธอเป็นผู้ใหญ่ขึ้นจริงๆ ทั้งคำพูดและการกระทำ ผมมั่นใจว่าเธอต้องผ่านมันไปได้
หวานคนที่ผมเคยรู้จักจะไม่พูดหรือถกเถียงกับใครเลย เธอมักจะถูกเพื่อนแกล้งเสมอ ผมคงเป็นผู้ชายคนเดียวที่ถูกเธอแกล้ง และบ่น(จะดีใจดีไหมเนี่ย?) ก่อนที่เธอจะหายไป ผมเคยมีโอกาสคุยกับเธอครั้งหนึ่ง แต่เธอก็ไม่พูดอะไร เธอบอกว่า เธอเลือกทางเดินชีวิตแล้ว ผมทำทุกวิถีทางที่จะรั้งเธอไว้แต่ไม่สำเร็จ วันนี้เธอคงจะดีใจมากที่ได้พูดความจริงที่เก็บไว้มาตลอดให้ผมได้ฟัง แต่ว่า คริส เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์นี้?
เธอเล่าว่า หลังจากที่เธอท้อง พ่อ แม่ เธอก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวของพัฒน์ที่ต่างประเทศ ทุกๆอย่างดูจะสดใสในระยะแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไป เธอรู้สึกว่า เธอและพ่อแม่ ถูกผลักไสให้ไปเป็นคนงาน ลูกของเธอ ก็ไม่ได้ทานอาหารที่ดีๆ บางครั้งพ่อกับแม่เธอต้องช่วยงานที่โรงงานครอบครัวพัฒน์ที่ต่างประเทศจนดึกดื่น แต่เธอยังต้องอดทนเพราะไม่มีทางเลือก จนกระทั่งพัฒน์พาผู้หญิงอื่นเข้าบ้านและบอกกับทุกคนว่า เขาจะแต่งงานกับเธอ พ่อแม่ของพัฒน์ต่างสนับสนุนเรื่องนี้ เธอ พ่อ แม่ ได้แต่เงียบเพราะเป็นเพียงผู้อาศัย เธอทนกับเหตุการณ์แย่ๆ แบบนี้มาถึง 4 ปี จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า คริส
เธอเจอกับคริสโดยบังเอิญขณะที่เธอช่วยงานธุรกิจร้านอาหารของพ่อแม่พัฒน์อยู่ที่ต่างประเทศ ขณะนั้นเธอถูกภรรยาของพัฒน์ตบหน้ากลางร้านอาหารเพราะเธอทำขวดไวน์ราคาแพงแตก คริสที่เห็นเหตุการณ์เดินเข้าไปช่วยเธอ และบอกว่าจะจ่ายเงินค่าเสียหายทั้งหมดให้ คริสถามประวัติของหวานอย่างละเอียด บอกว่าจะหาทนายและช่วยฟ้องร้องเรื่องค่าเลี้ยงดู หวานเองยังไม่กล้าที่จะฟ้อง แต่หลังจากที่คริสเล่าเรื่องในอดีตของตนให้ฟัง หวานก็ตัดสินใจทันทีที่จะสู้คดี
“เรื่องในอดีต อะไรเหรอ??? หวาน” ผมถาม
“สักวันหนึ่ง คริสจะเล่าให้เธอฟังแน่นอน เป้ก” หวานพูด หวานเล่าต่อว่า
“เป้กเธอรู้ไหมว่าค่าทนายรวมกับค่าขึ้นศาล แพงกว่าค่าเลี้ยงดูรวมกัน 20 ปีเสียอีก” หวานกล่าว
ท้ายที่สุด หวานชนะคดี เธอได้รับค่าเลี้ยงดูรวมถึงสินไหมทดแทน ถึงแม้เธอจะดีใจ แต่ขณะนี้ เธอก็ไม่มีบ้าน มีลูกน้อยต้องเลี้ยง วุฒิแค่ ม.6 ทำงานที่ไหนก็ไม่ได้ ญาติก็ไม่มี คริสเสนอที่อยู่ให้เธอที่ประเทศไทย โดยให้ผ่อนจ่ายค่าที่ดินและบ้านเป็นรายเดือน พร้อมทั้งช่วยวิ่งเต้นเรื่องงานให้เธอ ทำให้เธอได้เป็นผู้จัดการที่ผับนี้
“เป้ก รู้ไหมถ้าวันนั้น ไม่มีคริส เรายังไม่รู้เลยว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรต่อไป” หวานกล่าวพลางน้ำตาซึม
ผมแทบจะไม่อยากเชื่อ ผู้หญิงที่ชื่อคริส สาวสวยสุด sexy นะหรือที่เป็นแม่พระ ช่วยเหลือหวาน ผมจิตนาการภาพตอนที่เธอไปช่วยเหลือหวานไม่ออกจริงๆ เธอจะไปจุ๊บหวานเหมือนที่จุ๊บผมรึเปล่านะ ><5555
“เป้กจำนี้ได้หรือเปล่า” หวานพูดพลางโชว์พวงกุญแจรูปตุ๊กตาหมีสีขาว ให้ผมดู
“เป็นของที่เราให้ใช่ไหม” ผมถาม พลางหน้าแดง
เธอพยักหน้า “ใช่ เราเก็บมันไว้ตลอดเลยรู้ไหม เวลาที่เราท้อ เราจะเอามันออกมาดู มันทำให้เรายิ้มได้ตลอดเลย”
ผมยิ้มและดีใจลึกๆ เพราะ ในอดีต ผมเคยจีบเธอและมอบพวงกุญแจนี้ให้เธอ เธอโยนมันทิ้งลงที่พื้นและบอกผมว่าเราเป็นเพื่อนกันอย่าทำแบบนี้ได้ไหม เหตุการณ์นั้นยังติดในใจผมมาถึงวันนี้ แต่ตอนนี้เธอเก็บมันไว้ ผมรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
“ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้ เราอยากจะลองคบกับเธอดูนะ เป้ก” หวานกล่าว
“แล้วถ้าเป็นตอนนี้ล่ะ ผมกล่าว พลางมองตาหวาน
เธอยิ้ม “ไม่ได้หรอกเป้ก เราตั้งใจว่าเราจะดูแลลูกและทำงานให้ดีที่สุดก่อน อีกอย่างเธอมีคนที่ต้องไปดูแลเขาไม่ใช่เหรอ อย่าลืม!!! สู้ๆ ล่ะ เอาชนะใจ คริสให้ได้ จำไว้นะเป้ก เข้าใจเธอให้มากๆ เธอไม่ได้เป็นเหมือนที่นายเห็นหรอก เชื่อเรา” หวานกล่าว
“รับทราบ!!!!!” ผมตอบ พร้อมทำความเคารพเหมือนตำรวจ ถึงแม้จะงงๆ กับคำพูดหวาน แต่ผมก็เชื่อแน่ว่า คริสต้องไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ผมรู้จักหวานดี เธอไม่ใช่คนพูดประจบใคร
คริสช่างเป็นผู้หญิงที่ตายยากเสียจริงๆ เมื่อพูดถึงเธอ เธอก็มา เธอเปิดประตูออกมาจากด้านหลังของผับ หวานชี้ไปที่เธอ แล้วพูดกับผมว่า
“สู้ๆ นะเป้ก ถ้าเธอปล่อยคริสไป ฉันโกรธเธอแน่!!!! ฮึฮึ ” หวานกล่าว พร้อมหยีตาใส่
“ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว^^ ไปล่ะ แล้วเจอกัน” เป้กกล่าว พลางวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ถนนซีเมนต์ลาดยางสองเลน ด้านข้างมีเสาไฟฟ้าตลอดทาง ตรงกลางมีหลอดไฟให้ความสว่างตลอดทาง สาวสวยผมสั้นในชุดกระโปรงสั้นสีน้ำเงิน เข้ารูป เดินกอดอกคนเดียวไปตามทาง ผมรีบวิ่งตามไปด้านหลัง พร้อมทั้งถอดเสื้อหนังสีดำเข้ารูปออก พร้อมทั้งปกที่บ่าของคริส
“ผู้หญิงมาเดินกลางดึกคนเดียวมันอันตราย นะ รู้เปล่า คุณคริส” ผมพูด
“เหรอ ฉันจะอันตรายก็เพราะนายนั้นแหล่ะ ไอ้อ่อน!” คริสพูด ถึงแม้น้ำเสียงเธอจะดูเซ็งๆ แต่ในแววตาของเธอกลับบอกผมเป็นนัยๆ ว่าดีใจเหลือเกินที่ได้เจอกับผม
“เธอช่วยหวานไว้เหรอ” ผมถามคริส พร้อมมองไปที่หน้าเธอ
“ถ้าใช่ แล้วทำไม พอล่ะ นายกลับไปได้แล้ว” คริสตอบ
“แหม เจอปุ๊บก็ไล่ ไม่เอาอ่ะ อยากอยู่ใกล้คนสวย” ผมตอบ
“บ้า!!!ใหญ่ล่ะนาย” คริสตอบ
คริสเขิน พร้อมทั้งรีบสาวเท้าเดินห่างผมไปแต่เพราะส้นสูงสีขาวที่เธอใส่ทำให้เธอเดินไม่สะดวกนัก เพราะเหตุนี้ส้นสูงของเธอจึงไปเกี่ยวกับขอบฟุตบาตรจนหักและล้มลง ผมรีบวิ่งเข้าไปพยุงเธอไว้ แต่เธอก็ผลักผมออก
“ฉันช่วยตัวเองได้!!!” คริสพูด
เธอพยุงตัวเองขึ้นยืนแต่ก็พบกับปัญหาเมื่อเดินต่อโดยปราศจากรองเท้า ข้อเท้าของเธอแพลงจนบวมเป่งและเดินต่อไม่ไหว แต่เธอก็พยายามเดินต่อ ผมพยายามที่จะเดินเข้าไปพยุงตัวเธอ แต่เธอก็ผลักผมออกอีกครั้ง
“จะให้ผมช่วยดีๆ หรือจะให้ผมหาวิธีช่วยโรคจิตๆ เอาเอง” ผมพูด พลางทำหน้าบ้ากามใส่เธอและมองไปที่ขาขาวของเธอ
“ไอ้บ้า!!! ช่วยดีๆ ก็ได้ ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น ถ้าทำอีกฉัน ปล่อยคลิปนายแน่” คริสกล่าว พลางหน้าแดง
“เกือบลืมเรื่องคลิปเลยนะ ฮ้า ฮ้า ฮ้า” ผมพูดพลางหัวเราะ
เธอเดินตรงมาหาผมอย่างเซ็ง
“ขอขี่หลังหน่อยสิ” คริสกล่าว
“ครับ เจ้าหญิง ราชรถพร้อมแล้ว^^” ผมกล่าว
ผมให้คริสขี่หลัง วันนี้ผมได้รู้ประโยชน์ของการยกเวทที่เพื่อนผู้บ้าพลังของผมฝึกให้ผมทุกวัน นอกจากมันจะใช้ในการต่อสู้ มันยังใช้เป็นที่พัก(ใจ)ให้คนที่เรารักได้อีกด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว 5555
“เดินดีๆ นะ หลบๆ ที่มันเป็นหลุมข้างหน้าด้วย” เธอพูด พลางเอื้อมแขนทั้งสองมาไว้ที่คอของผมเพื่อคล้องไว้ส่วนผมก็ใช้แขนอันทรงพลังทั้งสองข้างจับขาเธอไว้ เธอค่อยๆเอียงศีรษะมาพิงที่บ่าผม
“เดินดีๆนะ ยืมหลังเป็นที่นอนหน่อย” คริสพูด
ผมเจอคริสครั้งแรกก็ตอนที่เรานอนด้วยกัน ในวันนี้ก็เช่นกัน เธอก็มาหลับใส่ผม แถมยังให้ผมเป็นเตียงนอนอีก แต่เธอตอนนอนก็น่ารักมากทีเดียว ผมเพิ่งสังเกตว่าคริสให้ความสำคัญกับสร้อยคอหัวใจรูปทองคำนั้นมากขนาดไหน แม้ขณะเธอไปเที่ยวเธอก็ยังใส่มันไปด้วย ด้านในคงจะเป็นของที่สำคัญกับเธอมากๆ ผมพาคริสเดินผ่านฟุตบาตที่ปูด้วยอิฐบล็อกสีแดงและเทาสลับกันด้านข้างเป็นกำแพง มีหลอดไฟเรียงรายตามทาง ระหว่างทางที่ผมเดินจะมีนกค่อยๆบินมาเกาะที่หลอดไฟที่ละตัว ทีละตัว เหมือนเป็นเพื่อนตลอดการเดินทาง ผมเดินไปพลางนึกถึงเรื่องราวตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน มันทำให้ผมอดยิ้มเล็กๆ ออกมาไม่ได้ ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว คริสชอบผมบ้างไหม หรือหลอกผมหรือเปล่า แต่ถึงแม้เธอจะหลอกผมหรือไม่ชอบผมมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะ ผมทำมันออกไปด้วยความจริงใจและไม่ได้คาดหวัง อะไรอยู่แล้ว
" ผมเคยคุยกับเพื่อนว่าจะมีใครสักคนไหมที่เป็นเหมือนในเพลงแค่รู้ว่ารัก ในเมื่อปัจจุบันโลกของเราแม้แต่ความรักก็ถือเป็นการลงทุน เมื่อไม่ได้รักตอบก็ไม่มีประโยชน์ที่จะมอบรักให้ เพื่อนผมตอบมาว่ามีว่ะ มีเยอะด้วย แต่ก็น่าแปลกที่เราทุกคนอาจมองข้ามคนสำคัญคนนั้นไป วันไหนที่เราไม่เหลือใคร วันไหนที่เราตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตของชีวิต มีคนคนนั้นรออยู่เป็นคนสุดท้ายเสมอ ที่พร้อมจะโอบกอดเราด้วยความรัก แม้ในวันที่คนทั้งโลกหันหลังให้กับเรา... " cutto
ไม่นานนักผมก็เดินมาจนถึงหน้าประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ เมื่อมองเข้าไปด้านในก็พบกับบ้านสีขาวหลังใหญ่ ด้านหน้า มีโรงรถเต็มไปด้วยรถสปอร์ตสุดหรูมากมายทั้ง Lamborghini benz audi lotus bmw เป็นต้น แต่สิ่งที่น่าตระหนกกว่า คือ ด้านหน้าของผม มีผู้หญิงวัยประมาณสัก 50 ปี ผมขาวโพลน ใส่ชุดสีขาว กระโปรงสีน้ำตาลถึงข้อเท้ายืนหน้าบึ้งอยู่หน้าบ้าน เธอหรี่ตามองมาที่ผม และเดินตรงเข้ามา.........
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น