ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหมดใจยัยล่าแต้ม

    ลำดับตอนที่ #3 : รักหมดใจยัยล่าแต้ม : เด็กเสี่ย

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 56


            ท้องฟ้ายามค่ำคืนช่างดูมืดมิดและน่ากลัว เหตุที่ฟ้ายังสว่างอยู่เป็นเพราะดวงดาวและพระจันทร์ ชีวิตมนุษย์ทุกคนก็เช่นกัน ย่อมต้องการแสงสว่างโดยเฉพาะยามที่ตนมืดมนและหมดหวัง ผมขี่มอเตอร์ไซค์คันโปรดของผมอย่างไร้จุดหมายไปตามเส้นทางถนนลาดยาวที่มืดมิด มีเพียงแสงจากหลอดไฟข้างทางพี่ติดบ้างดับบ้าง ผมหวังว่าหวึ่งคงจะหารถtaxi กลับไปได้แล้ว เป็นเพราะเธอคนเดียวเลย คริสที่เป็นลมจนผมต้องรีบปลีกตัวออกจากงานมาก่อน แก้มอันบอบบางของคริสซบอยู่บนเสื้อหนังสีดำตัวโปรดของผม เธอคงเพลียจากเหตุการณ์ต่างๆ จนเผลอหลับไป ผมแอบมองไปที่หน้าของเธออยู่บ่อยครั้ง มอเตอร์ไซค์ยังคงวิ่งตามทาง ดูเธอจะหลับลึกจริงๆ จนเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
            “ลูกระนาด” ผมกล่าวพลางชี้ไปที่ลูกระนาดกว่า 10 ลูกเรียงกัน
    เพราะผมขี่มาด้วยความเร็วสูงจึงไม่อาจที่จะเหยียบเบรกได้ทัน ทำเอารถบิ๊กไบท์ของผมที่แม้จะมีตัวซับแรงกระแทกที่ดียังสั่นสะเทือน คริสกอดเอวผมไว้แน่น หน้าอกของเธอชนที่แผ่นหลังของผม ทำเอาผมหายใจไม่ทั่วท้อง
            “ช่วยด้วยค่ะ พ่อ” เธอกล่าวขึ้น และหลับตาเอาหน้าซบที่หลังของผม ผมหยุดรถมอเตอร์ไซค์ และลงไปคุยกับเธอ
            “เป็นอะไรมากไหม คริส” ผมพูด
            “ไม่ ฉันไม่เป็นไร นายไปต่อเถอะ ใกล้จะถึงบ้านฉันแล้ว” คริสพูด คำนี้ทำเอาเจ็บหัวใจผมเลย ใกล้จะถึงบ้านเธอก็แสดงว่า  ใกล้จะหมดเวลาที่เราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วสินะT^T 
            “ได้สิ” ผมกล่าวขึ้น ในขณะที่ขี่มอเตอร์ไซค์ต่อไป สาวน้อยในชุดราตรีสั้นสีดำ กอดผมไว้แน่นกว่าเมื่อครั้งก่อน 
    ผมได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของเธอที่สั่นรัว ร่างกายที่สั่นเทา ผมใช้มือข้างซ้ายเข้าจับที่มือเธอเบาๆ และลูบไปมาที่แขนของเธออย่างทะนุถนอม 
            “นายทำไรอ่ะ” คริสพูด
            “ก็เธอหนาวไม่ใช่เหรอ ตัวสั่นเชียว ถูกันจะได้อุ่นขึ้น^^” ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอก แต่มันก็พอจะแก้ขัดไปได้ 
            “อืม ก็ฉลาดดีนิ” เธอพูด
    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หญิงแกร่งอย่างเธอจะมากลัวอะไรกับลูกระนาดแค่ 10 ลูก ผมยังคงลูบแขนเธอต่อไป เธอค่อยๆ ใช้มือเรียวยาวของเธอทั้งสองข้างค่อยๆ ถอดหมวกกันน๊อคออกจากศีรษะของผม นำไปวางที่ตักของเธอ พร้อมทั้งยื่นริมฝีปากไปที่ข้างหูของผมอย่างแผ่วเบา
            “ได้ยินไหม” เธอกล่าว
            “ได้ยินสิ ชัดเลย” ผมกล่าวในขณะที่ใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ นี้คงเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่มีคนถอดหมวกกันน๊อคผมตอนขี่มอเตอร์ไซค์
            “ขี่ช้าๆ หน่อย ฉันอยากคุยด้วย” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่น่ารัก
            “เริ่มมีหวังแล้วเรา” ผมคิดในใจ ผมไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วในตอนนี้ ทุกๆสิ่งเงียบลง ได้ยิน

            เพียงเสียงหัวใจของผมกับเธอที่เริ่มเต้นสอดประสานเป็นทำนองเดียวกัน
    เธอยื่นหน้าของเธอมาซบที่บ่าของผมแล้วเล่าถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ ชายคนนั้นเป็นชายที่เข้ามาจีบเธอเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เธอรู้ตั้งแต่แรกว่า เขาไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่โม้ไว้ เป็นเพียงคนขับรถของบริษัท แต่ที่เธอยังคบเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นคนดี ไม่คิดว่าสุดท้ายก็จะเป็นแบบนี้ เธอบอกว่า ในชีวิตเธอเจอผู้ชายมาแค่สามประเภท คือ แย่ แย่มาก และโคตรๆๆๆแย่ ทุกคนเข้ามาในชีวิตเธอเพื่อหวังจะกอบโกยจากเธอ 
            “มันอาจจะเป็นเพราะฉันเป็นแค่ผู้หญิงที่มีตำหนิก็ได้ ถึงไม่มีใครรักฉันจริง” เธอพูด
            “ไม่หรอก ของมีตำหนิก็ยังเป็นที่ต้องการของร้านขายของเก่านะ ให้เราเป็นร้านขายของเก่าไหมล่ะ อิ อิ><” ผมกล่าวพลางยิ้ม
            “บ้า!!! นายว่าฉันแก่เหรอ” เธอกล่าว พลางเอามือทุบหลังผม แล้วใช้ปากของเธอกัดบ่าผม
            “โอ๊ย เจ็บนะ” ผมกล่าว
            “เจ็บเป็นด้วยเหรอนาย นึกว่าไม่มีความรู้สึก” เธอพูด
            “อย่างนี้ต้องเอาคืน” ผมพูด พลางเอามืออีกด้านซ้ายซึ่งเย็นเฉียบมาจับที่ต้นขาเธอ เธอสะดุ้ง แล้วกัดผมต่อ เราสองคนเราหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ไม่นานมอเตอร์ไซค์ของผมก็มาหยุดที่ประตูรั้วเหล็กบานใหญ่ เธอค่อยๆลงจากรถมอเตอร์ไซค์อย่างระมัดระวัง แล้วเดินไปกดออด ไม่นานก็มีคนมาเปิดประตูให้
            “ขอบคุณนะ ที่มาส่ง”เธอกล่าว พลางส่งยิ้มให้ผม
    เธอหันหลังและเดินจากผมไปประมาณ 2-3 ก้าว ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดเธอ สิ่งเดียวที่มันอยู่ในใจของผมมานาน ผมต้องบอกก่อนที่จะไม่ได้บอกเธออีก
            “ฉันชอบเธอนะ คริส” ผมกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าพูดไปได้อย่างไรเหมือนกัน แต่พูดไปแล้ว

            เธอหันกลับมา หรี่ตาลงต่ำและมองลึกเข้ามาในดวงตาผม เธอรีบสาวเท้าเดินเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมตกใจหรือว่าจะไปกระตุกต่อมโกรธของเธอเข้าอีกล่ะสินะ เธอหยุดตรงหน้าผม ตอนนี้ผมกับเธอยืนประจันหน้ากัน ผมก้มลงเล็กน้อยเพื่อมองเธอ ความรู้สึกที่เรียกว่าเขินจนทำอะไรไม่ถูกเกิดขึ้นกับผม ผมได้แต่ส่ายหน้าไปมาเพื่อหลบสายตาเธอ
           “เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ เป้ก พูดชัด ชัด” คริสกล่าว พลางใช้มือทั้งสองข้างจับที่ศีรษะของผมให้ตรง และจ้องมองที่ตาของผม
          “เอ่อ เอ่อ อ๋อนี้ สร้อยเกือบลืมคืน” ผมกล่าว
          “ขอบคุณมาก” เธอกล่าวตอบ สีหน้าของเธอดีใจมาก แล้วเธอก็หันหลังกลับไป
          “คริส แปบนะ คือ คือ” ผมกล่าว 
          “คืออะไร รีบพูดมา” เธอกล่าว พลางหันกลับมา
    ผมหลับตาสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอดแล้วพูดออกไปอย่างสุดเสียง “ฉัน ชอบ เธอ คริส” เธอหันหน้าไปทางขวาพร้อมนำมือมาปิดไว้ที่ปากเพราะความเขิน
          “แน่นะ ไอ้อ่อน” เธอกล่าว
          “อืม” ผมกล่าว 
          ไม่ทันจะจบคำว่าอืม เธอนำมือทั้งสองข้างโน้มศีรษะผมลงมาจูบที่ปากเธอ oh my god!!!!!! นี้หรือที่เขาเรียกว่าจูบใต้แสงจันทร์ มันช่างหวานหอมอะไรเช่นนี้ ความรู้สึกหยุ่นๆตรงแก้ม และแปลบๆตรงใจ มือผมทั้งสองข้างยกขึ้นมาจับศีรษะเธอเช่นกัน เราค่อยๆถอนริมฝีปากออกจากกันอย่างช้าๆ
          “กลับไปนอน ซะ ไอ้อ่อน เดี๋ยวไม่สบาย” เธอกล่าว แล้วเดินหันหลังกลับเข้าไป ทิ้งไว้เพียงผมที่สับสนในตัวเองว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับใจผมกันแน่ ผมกลับมานั่งตั้งสติที่รถอีกครั้ง พร้อมทั้งเอามือสัมผัสริมฝีปากตัวเอง มันช่างนุ่มอะไรเยี่ยงนี้ ผมอมยิ้มและบิดมอเตอร์ไซค์ต่อไป
    ณ หอพักนักศึกษาแพทย์ ปี 4
           “หวึ่ง แกมี line คริสหรือเปล่า” ผมโทรหา หวึ่ง ผ่านโทรศัพท์มือถือ
           “มี แกจะจีบคริสเหรอ” หวึ่งถาม
           “เปล่า อยากคุยเรื่องสร้อยเฉยๆ” ผมตอบ
           “ถ้าจะจีบแกก็ระวังตัวดีๆ ล่ะกัน คริสนะไม่ได้มีแค่นักศึกษาอย่างแกนะที่หลงเสน่ห์ เสี่ยก็มีนะ ระวังด้วย” 
    หวึ่งตอบ
           “แค่ เพื่อนกัน” ผมตอบ ผมได้รับ line ของคริสผ่านทาง massage ฉันจะต้องจีบเธอให้ได้เลยคริส 555
            หลังจากวันที่ผมไปส่งคริส ผมก็ไม่ได้เจอเธออีกเลย ถึงแม้ผมจะมี line เธอ แต่เธอก็ไม่เคยตอบผมเลย หรือแม้แต่ผมโทรไปเธอก็ไม่รับ ผมทำแม้กระทั่งไปรอเธอหน้าห้องเรียนก็ไม่เจอเธอ ผมทำได้เพียงสามสิ่งเดียวคือ รอ รอและรอ 
     
    วันศุกร์ สนุกสุดสุด
           “เป้ก เย็นนี้ไปป่าวผับพี่ยักษ์ ฉลองวันเกิดกูหน่อย” หมอหนุ่มในชุดกาวน์กล่าว
           “ได้ ได้” ผมกล่าว
           ผับคือหนึ่งในหลายๆสถานที่ที่ผมไม่ค่อยจะโปรดปรานเท่าใดนัก คงเป็นเพราะเสียงที่ดัง และแอลกอฮอล์ที่ต้องดื่มไปเยอะอย่างไม่รู้ตัว ง่ายๆ คือถ้าผมจะไปผับก็จะเป็นเฉพาะวันเกิดคนที่ผมเลี่ยงไม่ได้จริงๆ เพื่อนของผมจองโต๊ะไว้มุมโปรดคือกลางผับ มันพูดกับผมเสมอว่า จะได้เอาไว้ส่องหญิงง่ายๆ ชายหนุ่มประมาณ 10 คนยืนอยู่รอบโต๊ะสองตัว มีmixer และ เหล้าอยู่หลายขวด เพลงดังขึ้น พวกเราเต้นกันอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ตอนนี้ตีหนึ่งแล้ว คนในโต๊ะเริ่มหายไปทีละคน ทีละคน
          “กู เจอสาวเด็ดล่ะ เดี๋ยวกูมา” ผมพูด ผมมักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาเริ่มกรึ่มๆ ผมชอบเดินไปตามโต๊ะต่างๆเพื่อทำความรู้จักกับคนอื่น โดยเฉพาะสาวๆ ขณะที่ผมกำลังคุยกับสาวๆ นั้น สายตาของผมก็ต้องสะดุด เข้ากับสาวในชุดเดรสสีน้ำเงินคนหนึ่ง
          “คริส”
           ผมหรี่ตาอีกรอบ ใช่แล้วเธอคือคริส ใช่เธอจริงๆ เธอกำลังเต้นอยู่กับชายท่าทางมีอายุคนหนึ่ง เหมือนเขาจะโอบกอดเธอด้วย ดูคริสจะเต็มใจพอควร ผมยืนมองอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่อาจกล่าวอะไรได้ 
          “เป้ก เป็นไรว่ะ” กฤษเพื่อนสนิทผมเดินเข้ามาปลอบผม พร้อมตบไหล่เบาๆ 
          “มึงเลิกยุ่งกับเธอเหอะ อย่างที่มึงเห็น มึงจะซวยเอา” เพื่อนผมกล่าว
          “ขอบคุณมาก กูขอไปสูดอากาศหน่อย” ผมเดินเสยผม ออกจากผับไป นั่งอยู่ที่มอเตอร์ไซค์คันโตของผมเอง
           ผมเดาใจเธอไม่ถูกจริงๆ เหมือนเธอจะมีใจให้กับผม แต่เธอก็ยังไปยุ่งกับเสี่ยคนนั้น หรือบ้านหลังโตของเธอจะมาจากการอุปการะของลุงคนนั้น พูดไปก็เศร้าไป ผมมองคนผิดจริงๆ เงินมันซื้อคนได้จริงๆ เธอกำลังจะทำให้หัวใจของผมที่พึ่งได้รับแสงจันทร์กลับมามืดมนอีกครั้ง ผมใช้มือข้างขวาไปหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงที่นับวันจะบางเหมือนแผ่นกระดาษไปทุกที>,<
           “สวัสดีครับ พี่อ้อย พี่ฉอด” นี้ผมกดไปเบอร์นี้ได้ไงเนี่ย - -.”
     
          “มีอะไรค่ะ” พี่อ้อยถาม
          “ผมชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เธอเหมือนจะชอบผม แต่เธอก็ไปคุยกับผู้ชายคนอื่น ผมผิดหวังในตัวเธอจริงๆ ครับ” ผมกล่าว
          “คุณใจเย็นๆ ก่อนนะ คุณคุยกับเธอ หรือถามเธอหรือยัง” ปลายสายกล่าว
          “ยังครับ” ผมกล่าว จริงสิครับผมยังไม่ได้คุยกับเธอเลย จริงๆ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้
          “ขอบคุณครับ” ผมกล่าว
    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้า แสงจันทร์ยังคงปรากฏอีกครั้งในคืนเดือนมืด คริสเธอไม่ต่างอะไรจากแสงจันทร์ในหัวใจของผม ผมหวังว่าแสงจันทร์ดวงนี้คงจะอยู่สาดแสงให้หัวใจผมได้มีแสงสว่างต่อไป
          “….หยุด หยุด ชีวิต หยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน หยุด หยุด ความรัก ทั้งหัวใจ หยุดอยู่กับเธอคนเดียว…” เสียงเพลงจากผับที่ดังมาถึงด้านนอก
    ผมพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ผลักประตู และกลับไปด้วยความตั้งใจที่จะฟังเรื่องทั้งหมดให้เข้าใจ ในขณะที่ผมผลักประตูเพื่อเข้าไปนั้นผมก็ต้องตกใจ เมื่อเจอเข้ากับคนที่ผมอยากเจอมานาน
        “หวาน”
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×