ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหมดใจยัยล่าแต้ม

    ลำดับตอนที่ #2 : รักหมดใจยัยล่าแต้ม : หวึ่งมหาประลัย

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 56


             ผมกำลังนั่งเขียนเคสคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาล แต่ให้ตายเถอะ สมาธิที่ผมเคยมีอยู่ที่ไหน ในหัวผมตอนนี้คิดถึงแต่แม่สาวคนนั้น กลิ่นหอมจากตัวเธอยังคงตราตรึงในหัวใจ ผมไม่อาจลืมเธอได้จริงๆ

            “หายไปไหนมาวะ เมื่อคืน” หมอหนุ่มในชุดกาวน์สั้นหุ่นผอม เขาเป็นเพื่อนกับผม และเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผมในเหตุการณ์คืนนั้นก่อนที่ผมจะหายไปในโรงแรม ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นคืนนั้นให้เขาฟังอย่างละเอียด พร้อมทั้งพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ

            “เป็นไงวะ ครั้งแรก” คำพูดคำแรก ที่ออกจากปากเขาหลังจากที่ฟังผมเล่าเรื่องจนหมด ผมแทบอยากจะเลาะฟันมันออกหมดปาก มันใช่เวลาไหมเนี่ยที่จะมาถาม ผมทำหน้าเซ็งแล้วก็หันไปอีกด้าน พร้อมทั้งส่ายศีรษะไปมา

            “อ่ะ ล้อเล่น น่า” เขาพูดพลางยื่นมือมาจับที่บ่าผม พร้อมทั้งนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสีฟ้า ยกมือขึ้นจับที่คางของตนเอง และลูบไปมา 2-3 ครั้ง ในไม่ช้า ความคิดดีๆ ก็พลันบังเกิด

            “อีหวึ่ง” ชื่อนี้มีแต่ปัญหาจริงๆ หญิงอ้วนดำ แว่นหนา ผมเป็นรักแรกของเธอในมหาวิทยาลัย(ผมไม่ได้ชอบเธอนะ ><) เธอเคยแอบส่งจดหมายรักให้ผมอยู่หลายเดือน แล้วจู่ๆ ก็หายไป เพราะเธอไปมีแฟนซะก่อน แล้วผมก็ดันมารู้ความลับเพราะเธอเอาไฟล์ที่เขียนจดหมายรักให้ผมเก็บไว้ในแฮนดี้ไดร์ฟที่เธอลืมไว้ เธอเป็นคนที่พาสาวคนนั้นเข้างานมาแถมยังพามารู้จักกับผมอีก ผมว่าเธอต้องพอจะทราบเรื่องบางอย่าง คิดได้ดังนั้น เราทั้งสอง รีบสาวเท้าลงไปหาเธอที่ประชาสัมพันธ์ชั้นล่าง เธอทำงานพิเศษ เป็นประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล

            “เชิญหมายเลข เจ็ด สี่ สอง ที่ช่องสิบ ค่ะ” เธอกำลังพูดประกาศอยู่บนโต๊ะเคาท์เตอร์หน้าโรงพยาบาล เราสองคนเดินไปหาเธอด้วยท่าทางขึงขัง หน้าตาเธอดูตกใจและแตกตื่นอย่างผิดปรกติ ผมสองคนนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าเคาท์เตอร์อย่างช้าๆ ค่อยๆ มองที่ดวงตา ของ หวึ่ง พร้อมทั้งเริ่มการพูดคุยประดุจ ตำรวจสอบสวนผู้ต้องหา

            “เรื่องเมื่อคืน เธอจำสาวสวยคนที่มากับเธอได้ไหม” ผมพูดพลางมองหน้าเธอ เธอพยายามหลบสายตาผม แล้วก้มลงมองใต้โต๊ะ

            “อ๋อ อ๋อ ฉันเจอเธอโดยบังเอิญหน้างาน เธอบอกว่าเธอรอแฟนเธอนะ ฉันก็เลยให้เธอเข้ามาด้วย ฉันพูดจริงๆนะ ไม่ได้โกหก แล้วฉันก็ไม่มีเคยติดต่อกับเธอด้วย” เธอพูดด้วยเสียงสั่นๆ ตกใจ 

             “อืม” ผมตอบกลับ แม้เธอจะบอกว่าเธอไม่รู้จัก แต่พฤติกรรมของเธอ น้ำเสียง มันดูลนลานอย่างบอกไม่ถูกแต่จะให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อเธอบอกมาเพียงเท่านั้น ผมกล่าวขอบคุณเธออีกครั้งในการตอบคำถาม ขณะที่ผมและเพื่อนกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสียงโทรศัพท์ไอโฟนของเธอก็ดังขึ้น เผยให้เห็นรูปของหญิงสาวที่ผมต้องการเจอตัว ผมมองหน้าหวึ่ง เธอทำหน้าตาลนลานแล้วเหมือนจะไม่อยากรับโทรศัพท์สักเท่าไร

             “รับโทรศัพท์เหอะ ฉันเข้าใจ” ผมไม่ได้เซ้าซี้เรื่องอะไรจากเธอต่อ เพื่อนผมเองไม่เห็นด้วยและคิดว่าเราจำเป็นต้องคุยกับเธอต่อ แต่ผมเองกลับคิดว่า คนเราทุกคนก็มีเรื่องที่อยากเก็บเป็นความลับไว้ และหนทางในการที่จะตามตัวเธอเจอต้องมีทางอื่นอีกแน่นอน ผมค่อยๆ ลุกขึ้น และดันเก้าอี้กลับ เพื่อนผมหันมาตบไหล่ผม แต่ในขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับนั้นเอง

              “ก็ได้ ฉันจะเล่า แต่ขอฉันคุยโทรศัพท์เสร็จก่อน” หวึ่งกล่าว พลางเลื่อนมือไปรับโทรศัพท์บนโต๊ะ เธอเดินออกจากวงสนทนาไปอยู่ด้านนอกโรงพยาบาลพร้อมคุยอยู่ประมาณสิบนาที แล้วเธอก็เดินกลับเข้ามา 

            “สัญญานะ ถ้าเล่าแล้วจะไม่โกรธเรา” หวึ่งถาม 
            “สัญญา” ผมตอบ

            หวึ่งเล่าว่า หญิงสาวปริศนาคนนั้นชื่อ คริส เธอรู้จักกับหวึ่งช่วงรับน้องปี 1 เธอเป็นเพื่อนสนิทกับหวึ่ง ถึงแม้หน้าตารูปร่างของหวึ่งกับคริส จะต่างกันราวโมเลกุลดิน กับสรรค์ชั้น 7 แต่ทั้งสองก็เป็นเพื่อนสนิทกัน คริสมักจะพาหวึ่งไปไหนมาไหนด้วยเสมอ ไม่เว้นแม้แต่ตอนไปเดทกับผู้ชาย หวึ่งเล่าต่ออีกว่า คริสคบผู้ชายเยอะมาก และมีรสนิยมประหลาดอย่างหนึ่งคือ ชอบพรากพรหมจารีย์จากหนุ่มโสด คริสมักจะเล่าให้เธอฟังเสมอว่า ผู้ชายมักจะชอบผู้หญิงที่ยังไม่ผ่านมือใครมา แต่ไม่คิดบ้างว่าตัวเองผ่านมาแล้วกี่คน มันก็คงจะไม่ผิดใช่ไหม ถ้าเธอจะล่าพรหมจารีย์ผู้ชายบ้าง จนกระทั่งเมื่อวานเขาพบรูปเธอในเฟสบุคของฉัน ฉันก็เลยเล่าให้เธอฟังว่านายอ่ะมันไก่อ่อน เกิดมาไม่เคย ไม่เคย จีบผู้หญิงก็ไม่เป็น และขอร้องว่าให้ปล่อยนายไปเถอะ แต่เธอไม่ยอม พร้อมยื่นขอเสนอให้ฉัน แลกกับเงินที่ฉันเป็นหนี้ร้านเสื้อผ้าของเธอ สองพันบาท 

            “สองพันบาท ชีวิตฉันมีค่าแค่ สองพันเนี่ยนะ” ผมกล่าวด้วยอารมณ์โมโห และชี้ไปที่หน้าเธอ เธอหลบตา เพื่อนผมพยายามห้ามไว้และเอามือตบบ่าผมให้ผมใจเย็นๆ พร้อมทั้งทำมือเป็นสัญญาณให้หวึ่งเล่าต่อ

            เธอเล่าต่อว่า เธอจึงวางแผนในคืนงานเลี้ยงพาคริสมาในงานด้วย และใส่ Viagra อินเดีย ลงไปในแก้วน้ำของผม และแยกคริสกับผมอยู่ด้วยกันสองคน แล้วที่เหลือคริสก็จัดการเองหมด
    หลังจากฟังเรื่องจนจบ ผมรู้สึกแย่และหมดคุณค่าในชีวิตเมื่อรู้ว่า แท้จริงผมเป็นแค่ของเล่นของผู้หญิงคนหนึ่ง ผมล้มตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ฟุบกับโต๊ะแล้วร้องไห้ แต่ยามที่ผมหลับตาลงภาพที่เห็นก็เป็นเพียงภาพของหญิงสาวสวย ที่ชื่อคริส เท่านั้น ที่วนเวียนในสมองของผม ผมรู้สึกสับสนความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง ที่จะเกลียดหรือจะชอบเธอดี ไม่รู้สิในห้วงเวลาสั้นๆ ที่ผมได้อยู่กับเธอเมื่อคืน ผมได้มองเข้าไปในแววตากลมใสของหล่อน ผมรู้สึกถึงความเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้วเธอไม่ได้เลวร้ายอะไรอย่างที่ผมคิด เพื่อนของผมตบไหล่ผมเบาๆเหมือนเข้าใจความรู้สึก

            “ไม่รู้สิวะ กูว่ามึงชอบเธอวะ สายตาตอนที่มึงเล่าเรื่องเธอมันบอกทุกอย่าง” เพื่อนสนิทของผมพูด หรือว่าจริงๆแล้วจะเป็นอย่างที่มันพูด นี้หรือที่เขาเรียกว่าพรหมลิขิต พบกันเพียงครั้งเดียวแต่ก็ไม่อาจลืมเลือนความทรงจำเกี่ยวกับคนนั้นได้ ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นปาดน้ำตาที่ไหล แล้วหยิบสร้อยทองคำของเธอในกระเป๋าสตางค์ ออกมา แล้วยื่นไปให้หวึ่ง

            “ฝากสร้อยนี้คืนให้เธอด้วย คริส เธอน่ะมีคุณค่านะ รักตัวเองให้มากๆ” ผมยื่นสร้อยเส้นนี้ให้กับหวึ่งพร้อมฝากข้อความเล็กน้อยไปถึงคริส ผมคงจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว แต่อย่างน้อยผมก็ยังได้ส่งความเป็นห่วงและข้อคิดให้เธอได้ ผมพลันลุกจากเก้าอี้ และเดินหันหลังกลับไปทำงาน

            “ไม่โกรธ ฉันใช่ไหม” หวึ่งถาม
            “อืม ก็สัญญาแล้วนิ” ผมตอบ
     
            ณ ห้องอาหารสุดหรู ด้านในเต็มไปด้วยโต๊ะมากมาย ปูด้วยผ้าสีขาวอย่างดี บนโต๊ะมีผ้าเช็ดมือ พร้อมทั้งมีดและส้อม บริกรในชุดสูทผูกไทด์เดินขวักไขว่ทั่วไปในร้านอาหาร

            “เจ้าหญิง ผมมีอะไรจะให้ออกไปด้านนอกกันเถอะ” ชายหนุ่มในทรงผมเซทตรง พร้อมกับสูทลายดำขาวเข้ารูปกล่าว
            “ค่ะ” หญิงสาวในชุดราตรีดำสั้น ผิวของเธอสะอาดใสราวไข่มุก บ่งบอกว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาแน่

            ทั้งสองเดินจูงมือกันออกมาด้านนอก หยุดอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่อายุราว 50 ปี ฐานลำต้นน่าจะประมาณสักสามคนโอบ เสียงหิงห้อยร้องระงม ไฟสลัวๆ ที่ได้จากร้านอาหาร ส่องให้เห็นเพียงหน้าตาของชายหนุ่มหญิงสาวคู่นี้ เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยื่นมือไปที่กระเป๋ากางเกง พร้อมกับกล่องสี่เหลี่ยมไม้สีดำหรูหราเขาจับมือของหญิงสาวขึ้นพลางวางสิ่งนี้ไว้บนฝ่ามือของหญิงสาว

            “เปิดดูสิครับ เจ้าหญิงของผม” เขากล่าวอย่างสุภาพ อ่อนโยน
    เธอเอื้อมมืออีกข้างหนึ่งขึ้นมาเปิด นิ้วเรียวยาวประดุจเทียน ค่อยๆเปิดกล่อง ด้านในเป็นแหวนเพชร 10 กะรัต หญิงสาวดีใจมาก เธอเอื้อมมือเข้าไปกอดคอชายหนุ่มไว้
           “เพื่อเป็นตัวแทนความรักของเราครับ” ชายหนุ่มกระซิบที่ข้างหูหญิงสาวเบาๆ

            หลังจากที่ประโยคสนทนาจบ การจุมพิตที่ดูดดื่มระหว่างชายหญิง คู่นี้ก็เริ่มขึ้น แต่ชายหนุ่มไม่หยุดเพียงเท่านั้นเขาลนลานถอดกางเกงตัวเอง และเอื้อมมือเข้าไปด้านในขาของหญิงสาว เพื่อจะพยายามถอดกางเกงในของหล่อน หญิงสาวไม่ยอม และรีบผลักตัวชายหนุ่มออกไป

            “คุณทำอะไร ที่รัก” หญิงสาวกล่าว
            “แสดงความรักไงครับ” ชายหนุ่มตอบ
            “เราเพิ่งคบกันแค่อาทิตย์เดียวคุณก็หวังจะขึ้นเตียงกับฉันแล้ว นี้หรือความรัก” หญิงสาวกล่าว
            “ก็ผมรักคุณ” ชายหนุ่มกล่าวซ้ำและพยายามที่จะเดินเข้าไปกอดหญิงสาวไว้ แต่ถูกหญิงสาวตบหน้าเข้าที่แก้มด้านขาวอย่างแรง ชายหนุ่มโกรธจนหน้าแดง เขาใช้มือขวาตบเข้าที่แก้มซ้ายของหญิงสาวดัง “เพี้ย” จนหญิงสาวหันตามแรง แต่ในขณะที่กำลังจะยื่นมือข้างซ้ายมาตบเธอนั่นเอง มีมือปริศนาเข้ามาคว้ามือเขาไว้ และเหวี่ยงตัวเขาออกไป
            “มึง ยุ่งอะไร ดีกูอยากรู้ว่ามึงจะเร็วกว่ามีดกูไหม” ชายหนุ่มยื่นมือเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงอีกด้านและดึงมีดสวิตออกมา พร้อมทั้งตั้งท่าจะแทงชายหนุ่มที่เข้ามาช่วย แต่ก็พลาดท่า โดนชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยปัดจนมีดหลุดจากมือและต่อยเข้าที่ท้องน้อยจนวิ่งหนีไป ชายหนุ่มผู้เข้ามาช่วยกำลังจะวิ่งตามไป แต่โดนหญิงสาวทักท้วง

            “อย่าตามไปเลย ผู้ชายคนนั้นนะฉันรู้จัก เดี๋ยวค่อยจัดการ” หญิงสาวนั้นกล่าว
            “ไม่เป็นไรแน่นะ คริส” ชายผู้นั้นกล่าว ทั้งสองมองตากันอย่างหยาดเยิ้ม หวึ่งกระแอมเล็กๆ เพื่อต้องการให้สติแก่คนทั้งสอง
            “อ๋อ คริส นี้เธอน่าจะคุ้นหน้า เขาคือ เป้ก” หวึ่งแนะนำให้คริสรู้จักกับเป้ก
            “ครับ งั้นเราลากลับล่ะ แค่แวะมาเป็นเพื่อนหวึ่งเฉยๆ” เป้กพูดพลางเดินหันหลังกลับไปที่ซุปเปอร์ไบค์สีเขียวดำ คันโต
            “เป้ก อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ” หวึ่งกล่าวต่อ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้การสาวเท้าของเขาเพื่อกลับไปหาซุปเปอร์ไบค์คันโปรดช้าลงเลย อีกทั้งยังจะเป็นการเร่งอีกด้วย
            “ดีเหมือนกันนะหวึ่ง ฉันจะได้เอาคลิปฉาวของหมอหนุ่ม ไปเผยแพร่ในเน็ทคืนนี้เลย” คริสกล่าวขึ้นเสียงดัง เสียงนี้ทำให้เป้กต้องหันกลับ
            “ถ้านายไม่กลับมายืนตรงหน้าฉันตอนนี้ คืนนี้นายได้ดังแน่” คริสกล่าวอีกครั้ง

            ไม่ว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ก็ตาม ผมก็เลือกที่จะเดินกลับไปหาหล่อน เพราะใจจริงแล้วผมอยากจะกลับไปหาหล่อน เพียงแต่ว่าไม่สามารถทำได้ ผมรีบเดินสาวเท้าตรงไปยังหล่อน ในขณะนี้ ผมกับหล่อนอยู่ใกล้กันจนรู้สึกถึงลมหายใจซึ่งกันและกัน
    “มีอะไรว่ามา” เป้กกล่าว แบบไม่พอใจ

            ไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว คริสพุ่งเข้าไปกอดที่เอวของเป้ก พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาก เสียงหัวใจของเธอดังมากเสียจนเป้กรู้สึกได้ เขารู้สึกเหมือนเวลารอบๆตัวหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเฉพาะเขากับคริสเท่านั้น ส่วนมือของเขาทั้งสองข้างก็เต็มไปด้วยเหงื่อ ถึงแม้ว่าจะอยากเอื้อมไปกอดเธอไว้มากขนาดไหนแต่ก็ไม่สามารถทำได้
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×