คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3
บทที่ 3
เพดานหินเปิดแง้มออก เจ้ามังกรกระพือปีกบินขึ้นไปช้าๆจนอยู่เหนือปราสาท บนหลังของมันนั่งไว้ด้วยหนึ่งชายหนุ่มและหนึ่งหญิงสาว แม่มดนั่งข้างหน้าส่วนเจ้าชายนั่งข้างหลัง
“วิเศษที่สุด เกิดมาเพิ่งจะเคยขี่มังกรก็คราวนี้ล่ะ”เจ้าชายกล่าวอย่างตื่นเต้น
“บินไปข้างนะเจ้ามังกร”แม่มดสั่ง มันทำตามแต่โดยดี
“ทำไมบินต่ำจัง ช่วยบอกให้มันบินสูงๆกว่านี้หน่อยสิ”เจ้าชายกล่าว
แม่มดทำตามที่เจ้าชายบอก มังกรทำตามคำสั่งของแม่มดอีกทีหนึ่ง ตอนนี้มองลงเป็นเห็นยอดปราสาทเล็กเท่ากำมือแล้ว
“ท่านพ่อใจหรือยัง”แม่มดถาม มีอาการตัวสั่นเล็กน้อย
เจ้าชายยิ้มตอบว่า “น่าจะสูงกว่านี้อีก”
“ข้าว่ามันไม่ปลอดภัยนะ”แม่มดคัดค้าน
เจ้ามังกรกลับกระพือปีกบินสูงขึ้นเรื่อยๆ แม่มดเอามือตีหลังเจ้ามังกร
“เจ้ามังกร เจ้าจะทำอะไรของเจ้าน่ะ?”แม่มดถามอย่างกลัวๆ
เจ้ามังกรหันมาแยกเขี้ยวยิงฟันให้แม่มด แต่เธอหัวเราะไม่ออก
“มันคงอยากให้เจ้าได้ชื่นชมความงามเหนือผืนเมฆ”เจ้าชายรับตำแหน่งล่ามภาษามังกร
เจ้ามังกรส่งเสียงฮี่ฮี่คล้ายเสียงหัวเราะ ตีปีกทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แม่มดจ้องมองลงมาแวบหนึ่งก็ต้องรีบหลับตาแหงนหน้าขึ้น ยิ่งสูงยิ่งหนาว ไอเมฆหมอกรายล้อมรอบตัวหนาแน่น ใบหน้าแม่มดกลับพร่างพราวไปด้วยหยาดเหงื่อเย็นเฉียบ ทั้งสามกำลังอยู่ในชั้นเมฆขาวโพลนซึ่งมองไม่เห็นสิ่งใด เจ้าชายโห่ร้องอย่างสนุกสนาน แม่มดหลับตาปี๋ภาวนาให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปโดยเร็ว
ทันใดนั้นความหนาวชื้นก็อันตรธานหายไป จังหวะการบินของเจ้ามังกรคล้ายกับลอยค้างเติ่งอยู่ชั่วขณะ แสงนวลบางเบากระทบเปลือกตา เจ้าชายสะกิดให้แม่มดลืมตาขึ้น พบกับดวงจันทร์กลมโตกระจ่างกลางหาว มีแสงดาวแพรวพราวประดับรัตติกาล แสงจันทร์ฉายลงอาบไล้กายและใจ ฉายให้เห็นความมีชีวิตในตัวเอง ทั้งสามแหงนหน้าคอตั้งบ่า ชื่นชมความงามจากชั้นฟ้าอย่างลืมหายใจ แม่มดไม่เคยคิดว่าจะได้ชมอะไรที่สวยงามเช่นนี้ในชีวิต เธอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว สองมือปล่อยออกจากรอบคอของเจ้ามังกร รู้ตัวอีกทีก็เมื่อเคว้งอยู่กลางอากาศแล้ว
“อันตราย!”เจ้าชายร้องเสียงหลง
ใช้ขาถีบลำตัวเจ้ามังกรส่งตัวเองให้พุ่งดิ่งตามร่างแม่มดลงไป ร่างของเธอร่วงผ่านชั้นเมฆลงมาแล้ว ไม้เท้าลอยหลุดจากมือไปอีกทิศหนึ่ง เธอกรีดร้องอย่างตื่นตระหนก
“ช่วยด้วย!”เสียงตะโกนของเธอแทบเหือดหายไปกับแรงลมที่พัดโกรกต้านขึ้นมา
พื้นหญ้าที่เห็นอยู่ไกลลิบเริ่มเด่นชัดขึ้นมาเรื่อยๆ ทันใดนั้นเธอรู้สึกเหมือนร่างของตัวเองถูกโอบกอดจากด้านหลัง เธอเงียบเสียงลงแล้วหันหลังกลับไปมอง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม”เจ้าชายตะโกนถามใกล้ๆหู แต่เสียงแทบจะไม่ได้ยิน
“ท่านยอมตายเพื่อข้าหรือ?”แม่มดถามอย่างเลื่อนลอย
“อะไรนะ!”เจ้าชายตะโกนถาม เพราะไม่ได้ยินสิ่งที่แม่มดพูด
“ช่างมันเถอะ”แม่มดกล่าวพลางพริ้มตาลง ทั้งที่ใกล้ความตายอยู่รอมร่อแต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด เจ้าชายแนบหน้าเข้ากับผมของเธอ พริ้มตาลงเม้มริมฝีปากเบาๆที่ติ่งหู สองแขนกระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นยิ่งขึ้น ลมแรงที่ตีโกรกขึ้นมาไม่ได้ทำให้รู้สึกหนาวอีกต่อไป
ขณะจวนจะถึงพื้นเต็มทีแล้ว เจ้าชายรู้สึกถึงแรงกระชากอย่างแรงจากข้างหลัง เสียงเจ้ามังกรคำรามในลำคอลั่น มันออกแรงงับเสื้อของเขาแล้วกระชากขึ้น ถึงแม้เสื้อจะขาดเสียก่อนแต่ก็ช่วยชะลอความเร็วลงได้มาก จังหวะที่ร่างแม่มดห่างจากพื้นไม่ถึงช่วงแขนเจ้าชายรีบพลิกเอาตัวเองไปอยู่ข้างล่างเพื่อรับแรงกระแทกก่อน ทั้งสองร่างกอดกันกลิ้งไปกับพื้นสี่ห้าตลบแล้วจึงหยุดนิ่งบนผืนหญ้าที่นุ่มเรียบลื่นราวกับเส้นผม เจ้ามังกรทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อย นอนกลิ้งเอาต้นคอถูไถกับพื้น
“ฮ่า ฮ่า ดูสิ สงสัยคอมันจะเคล็ด”เจ้าชายกล่าวอย่างเห็นขัน
แม่มดยังคงเหม่อลอยอย่างเงียบงัน
“เจ้าจะนอนทับบนตัวข้าอีกนานไหม”เจ้าชายถามยิ้มๆ
“อ๊ะ! ขอโทษ”แม่มดราวกับเพิ่งรู้สึกตัว “ข้าจะลุกเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ขณะที่แม่มดจะชันกายลุกขึ้น เจ้าชายก็รวบตัวเธอลงมาเหมือนเดิม
“ใครบอกให้เจ้าลุก อยู่แบบนี้น่ะดีแล้ว”
“ไม่ได้นะ”แม่มดดิ้นไปมาในอ้อมแขนอย่างอ่อนแรง “เจ้ามังกรมองใหญ่แล้ว”
เจ้าชายชายตามองมังกร มันแยกเขี้ยวยิ้มแห้งๆให้ ถ้าพูดได้มันคงจะบอกว่า “ข้าไม่อยู่เป็นก้างขวางคอหรอก” จากนั้นมันก็โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
“ทีนี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วนะ”เจ้าชายกระซิบข้างๆใบหู
“โอย..ทำไมข้าถึงอ่อนแรงอย่างนี้”แม่มดโอดครวญอย่างเหนื่อยอ่อน น้ำเสียงของหล่อนทำให้เจ้าชายหวิวหัวใจวาบ กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นกว่าเก่า แรงดิ้นของแม่มดค่อยๆแผ่วลงจนนิ่งในที่สุด เจ้าชายพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนทับอยู่ข้างบน
ผืนเมฆแผ่ปกคลุมทั่วผืนฟ้า กระแสลมกรรโชกต้นหญ้าและดอกไม้ให้โอนอ่อนไปตามแรงลม เข้าใกล้เกลี่ยคลอเคลียอยู่ไหวๆ ผืนเมฆเริ่มกลั่นตัวเป็นหยาดน้ำฝน จากเริ่มแรกที่โปรยปรายก็เริ่มหนักขึ้นจนกลายเป็นเทกระหน่ำ เสียงฟ้าร้องครืนครั่นชวนสะดุ้งใจหวิวๆ จากนั้นทุกสรรพสิ่งก็ค่อยๆอ่อนลงจนเข้าสู่ความสงบ ผืนเมฆมหึมาสลายกลายเป็นก้อนเล็กๆเคว้งคว้างกระจัดกระจายทั่วผืนฟ้า ตะวันแดงๆดวงกลมโตโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมารำไร
เจ้าชายนอนตะแคงกอดแม่มดเหมือนอย่างเคย ต่างกันตรงที่คราวนี้ใบหน้าแม่มดปรากฏรอยยิ้มเพลียๆขึ้นมา
“ข้ารักเจ้า”เจ้าชายกระซิบพลางเม้มริมฝีปากที่ติ่งหูเบาๆ
“อืมม์”แม่มดครางตอบอย่างเหนื่อยอ่อน แต่ความวาบหวามดื่มด่ำเอ่อล้นหัวใจ
“ข้ายังครุ่นคิดถึงแผ่นหลังของเจ้าอยู่เลย”เจ้าชายกล่าวซื่อๆ
“ทะลึง!”แม่มดตีแขนเจ้าชาย ใบหน้าปั้นปึ่งซ่อนรอยยิ้มไว้ไม่มิด
“ทะลึ่งอะไรกัน”เจ้าชายพูดกลั้วหัวเราะ “ข้าสงสัยเรื่องรอยแผลเป็นบนหลังเจ้าต่างหาก”
“อ้อ...นั่น..ไม่มีอะไรหรอก ตอนเด็กๆข้าซุกซนมากจึงเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยๆ”
“เจ้าโกหก”เจ้าชายกล่าว คลายแขนจากอ้อมกอด“ข้าดูออกว่าแผลนั่นเกิดจากหัวลูกธนู”
“เอ่อ...”แม่มดอ้ำอึ้ง “ข้าไปเล่นซ่อนหาในป่า นานพรานคนหนึ่งคิดว่าข้าเป็นกวางเลยยิงธนูใส่”
“เป็นกวางที่เนื้อนุ่มยิ้งนัก”เจ้าชายกล่าวพลางลูบมือไปทั่วแผ่นหลังของแม่มด เธอตีแขนเขาอีกทีหนึ่ง
“แต่ข้าฟังน้ำเสียงเจ้าออกนะ”เจ้าชายเอ่ยขึ้น “เจ้าปิดบังความจริงข้าอยู่”
แม่มดถอนหายใจกล่าวว่า “ถ้าข้าเล่าความจริงอาจจะทำให้ท่านไม่สบายใจ”
“การที่เจ้าปิดบังความจริงอย่างนี้ ข้ายิ่งไม่สบายใจ...เล่ามาเถอะ”
“ขอเวลาข้าครู่หนึ่ง”แม่มดสาวกล่าวพลางลุกขึ้นจัดระเบียบเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และรุ่มร่าม เอามือสางผมที่ยุ่งเหยิงให้คลายออก เจ้าชายเองก็จัดระเบียบเครื่องแต่งกายอย่างลวกๆ ทั้งสองคนเปลี่ยนอิริยาบถเป็นเดินจูงมือทอดน่องไปตามทุ่งหญ้า
“เรื่องมันเกิดขึ้นตอนข้าอายุเจ็ดขวบ” แม่มดเริ่มเล่า แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาเลื่อนลอยทอดมองไกลออกไป
“ตอนนั้นพ่อแม่ข้ายังอยู่ เจ้ามังกรเพิ่งฟักออกจากไข่ได้ไม่นาน ชีวิตประจำวันของเราสุขสงบยิ่งนัก”
“แต่นานๆครั้ง แม่ข้าจะลักพาตัวเจ้าหญิงมาได้สักคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นในปราสาทของข้าเต็มไปด้วยความสนุกสนานตื่นเต้น รอให้เจ้าชายผู้กล้าหาญจากต่างเมืองมาช่วยนางไป เราสามคนช่วยกันแสดงละครทดสอบความกล้าของเจ้าชาย มีบางคนที่ไม่ไหวจริงๆพ่อข้าก็จะคอยแอบช่วยเหลือ ทุกคู่ที่ผ่านด่านการทดสอบของพวกเราล้วนลงเอยอย่างมีความสุข พ่อแม่และข้าก็มีความสุขไปด้วยเมื่อได้เห็นเจ้าหญิงและเจ้าชายได้ครองรักกัน”
แม่มดสาวคลายมือจากเจ้าชายมากุมประสานกันระหว่างอก แล้วเล่าต่อ
“เกือบทุกคืน แม่ข้าจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังเสมอ ทุกเรื่องเป็นเรื่องของเจ้าชายไปช่วยเจ้าหญิงจากเงื้อมมือแม่มดหรือปีศาจ แม่มักจะเล่าถึงกลางๆเรื่องแล้วให้ข้าไปติดตามต่อในฝัน”
“แล้วในฝันเจ้าเจออะไรบ้าง”เจ้าชายถามอย่างใคร่รู้
“มันอธิบายยากน่ะ”แม่มดหัวเราะแห้งๆ “บางวันก็ฝันบางวันก็ไม่ฝัน แต่ส่วนใหญ่จะฝันเรื่องอะไรไม่รู้ ไม่เกี่ยวข้องกับนิทานเลย มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าฝันว่ามีเจ้าชายมาช่วยข้าออกไปจากปราสาทด้วยล่ะ”แม่มดกล่าว เผลอยิ้มอย่างใฝ่ฝันออกมา
“เจ้าชายคนนั้นหน้าตาเหมือนข้าไหม”
“ไม่เหมือนเลย ชุดเกราะของเขาประดับด้วยเพชรพลอยแวววาวระยิบระยับ ผมสีทองยาวประบ่า ใบหน้างามยิ่งนัก”
“อา...ฟังที่เจ้าพูดมา เจ้าชายอย่างข้ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก”
“ข้าพูดอะไรผิดหรือ” แม่มดถามอย่างซื่อๆ “ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“อย่าใส่ใจเลย”เจ้าชายโบกมือ หัวเราะเบาๆ “ช่วยเล่าเรื่องแผลเป็นหน่อยสิ”
แม่มดสาวสูดหายใจลึก แล้วเอ่ยปากเล่าเรื่องอีกครั้ง
“วันนั้นเจ้าชายจากเมืองใต้บุกเข้ามาช่วยเจ้าหญิง พวกเราทำหน้าที่แสดงละครตามปรกติ พ่อข้าดวลดาบกับเขาแสร้งทำเป็นสู้ไม่ได้ หันหลังวิ่งหนี พ่อคิดไม่ถึงว่าเขาจะชักคันธนูออกมายิงเข้ากลางหลัง ข้าวิ่งเข้าไปหาพ่อด้วยความเป็นห่วง”เสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ “ข้าวิ่งเข้าไปหาพ่อด้วยความเป็นห่วงก็เลยถูกเขายิงกลางหลังเช่นกัน เจ้าชายพาตัวเจ้าหญิงออกไป แม่รีบเข้ามาช่วยเหลือ ลูกธนูสองดอกนั่นอาบยาพิษ แม่ช่วยชีวิตข้าได้แต่ช่วยชีวิตพ่อไว้ไม่ทัน”
แม่มดหยุดเดิน ก้มหน้าลงมองพื้นหญ้า หยาดน้ำตาสุกใสคลอชุ่มดวงตา
“สามวันหลังจากนั้นแม่ข้าก็ตรอมใจตาย ก่อนตายแม่เรียกข้าเข้าไปฟังคำสั่งเสียที่ข้างๆเตียง ‘ลูกจงพอใจในสิ่งที่ลูกเป็น และภูมิใจในหน้าที่ของลูก ลูกจงหัดมีความสุขกับการที่ได้เห็นคนอื่นสมหวังในความรัก แม้ว่าโอกาสนั้นจะไม่มีทางมาถถึงตัวลูกเลยก็ตาม’
‘พ่อนิสัยไม่ดี’ ข้าร้องไห้งอแง ‘พ่อจะเอาแม่ไปอยู่ด้วย แต่ไม่เอาข้ากับเจ้ามังกรไปด้วย’
แม่ยิ้มด้วยสายใยสุดท้ายแห่งชีวิต แล้วกล่าวว่า ‘พ่อไม่ได้พรากชีวิตแม่ ความรักต่างหากที่ทำ’
แล้วแม่ก็หลับตาลง ไม่ตื่นขึ้นเลยตลอกาล’
เล่าจบแม่มดทำท่าเหมือนจะเปล่งเสียงร้องไห้ แต่แล้วก็เอาแขนเสื้อเช็ดตา หันมายิ้มให้กับเจ้าชาย
“ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วข้ายังอยากร้องไห้อยู่เลย ท่านฟังแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง”
คำตอบที่ได้รับจากเจ้าชายคือ การโอบกอด
“เจ้าแค้นเจ้าชายเมืองใต้หรือเปล่า”
“ไม่หรอก พ่อแม่ของข้าทำหน้าที่ของตนได้ดีที่สุดแล้ว ข้าออกจะภูมิใจเสียด้วยซ้ำ”
“ทำไมต้องแบกรับหน้าที่เช่นนี้ด้วย.... ต้องถูกผู้คนมองว่าชั่วร้าย ทั้งๆที่ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน”
“พวกเราไม่ได้หวังสิ่งตอบแทน แต่ก็ไร้รับสิ่งตอบแทนโดยไม่รู้ตัว”
เจ้าชายคลายอ้อมกอดแล้วถามว่า
“สิ่งตอบแทนที่ได้รับมันเป็นยังไง”
“ข้าเองก็บอกไม่ถูก”แม่มดตอบ “คงรู้สึกว่าตัวเองมีค่าเมื่อได้เสียสละตนเองเพื่อความสุขผู้อื่นของกระมัง”
“ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันจะมีความสุขได้อย่างไร”เจ้าชายเกาหัวแกรกๆ
“ถ้าท่านไม่ลองทำ ท่านก็ไม่มีทางเข้าใจหรอก”แม่มดกล่าว
“ข้าจะลองเสียสละเพื่อความสุขของเจ้าก่อนก็แล้วกัน”
แม่มดเผลอยิ้มออกมา เจ้าชายยิ้มพลางเอามือเกลี่ยไรผมที่ปรกหน้าเธออยู่ออกไปข้างๆ
“ตกลงเจ้าเป็นของข้าแล้วใช่ไหม?”เจ้าชายถามเพื่อความแน่ใจ
“ก็ท่านยัดเยียดให้ข้าตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วนี่”แม่มดตอบ หลบตาอย่างอายๆ
“พูดเหมือนเจ้าไม่เต็มใจเลย”
“ไม่ใช่หรอก ข้าเพียงแต่คิดว่าฐานะของเรามันไม่คู่ควร ข้าเป็นแม่มด ส่วนท่านเป็นถึงเจ้าชาย”
เจ้าชายรู้สึกเหมือนถูกกระชากออกจากโลกความฝันอันแสนหวาน กลับมาอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ปัญหานับร้อยแปดประการรออยู่ข้างหน้า เขานิ่งเงียบอย่างครุ่นคิด
“ข้าพูดอะไรผิดหรือเปล่า”แม่มดถามพลางชะโงกหน้ามามองหน้าเขาใกล้ๆ
“ไม่มีอะไร” เจ้าชายหลบหน้าไปทางอื่น “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน”
“ท่านพูดอย่างนี้ ข้าไม่สบายใจเลย”สีหน้าของแม่มดดูจริงจังขึ้น
“ข้าอาจจะต้องกลับบ้านเมืองข้า เพื่อไปสะสางปัญหาบางอย่าง”เจ้าชายกล่าวอย่างยากเย็น “ข้าสัญญาว่าจะกลับมาหาเจ้าแน่นอน”
“ท่านไม่จำเป็นต้องกลับมาหาข้าหรอก”แม่มดยิ้มอย่างปลอดโปร่ง “ท่านทำหน้าที่ของท่าน ข้าก็จะทำหน้าที่ของข้าให้ดีที่สุด”
“เจ้าไม่เสียใจเหรอ ข้าเอาเปรียบเจ้านะ”เจ้าชายถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอก แค่ข้าสัมผัสได้ถึงความรักที่ท่านมีต่อข้า แค่นี้ข้าก็สุขใจแล้ว”
ทันใดนั้นแรงลมตีมาจากเบื้องหลัง ทั้งสองหันไปมองก็พบว่าเจ้ามังกรกลับมาแล้ว มันโฉบบินอยู่เหนือเจ้าม้าขาวที่วิ่งกลับมาหาเจ้านายมันอย่างคึกคะนองเต็มฝีเท้า
“สุดท้ายก็ต้องจากกันจนได้สินะ”แม่มดถอนหายใจ
เจ้าม้าขาวลดฝีเท้าเป็นวิ่งเหยาะๆเข้ามาหาเจ้าชาย เจ้าชายเอามือลูบหลังลูบหัวเจ้าม้าขาวอย่างชมเชย
“เจ้าคงเหนื่อยมากสินะ วิ่งไปกลับมิได้พักเลย”
เจ้าม้าขาวแม้หอบหายใจถี่กระชั้น แต่ก็ยังชูขาหน้าส่งเสียงร้องอย่างโอ้อวดคล้ายกับบอกว่า “แค่นี้สบายมาก”
“ท่านรีบไปเถอะ บ้านเมืองท่านคงรอท่านอยู่”แม่มดเร่งเร้า
“ตัวข้าไม่ได้สลักสำคัญอะไรปานนั้น ให้ข้าอยู่ที่นี่อีกสักพักหนึ่งเถอะ”
“ตามใจท่านก็แล้วกัน”แม่มดตอบพลางยิ้ม
เขาและเธอจูงม้าขาวเข้ามาบริเวณสวนหลังปราสาท เตรียมหญ้าปรุงรสชูกำลังสูตรลับเฉพาะของแม่มดและน้ำให้เจ้าม้าขาว เจ้าชายยืนมองเธอโปรยอาหารให้นก บ้างก็หันไปคุยกับต้นแอปเปิ้ล บางครั้งก็หันมาส่งยิ้มให้เขา เจ้าชายพยายามยิ้มเจื่อนๆตอบ แม่มดสาวพยายามทำตัวให้มีชีวิตชีวาเป็นปรกติ แต่เจ้าชายก็สังเกตเห็นว่าหลายครั้งที่เธอมักจะเผลอแสดงความอาลัยอาวรณ์ออกมาผ่านใบหน้า นั่นยิ่งทำให้เจ้าชายลำบากใจ เจ้าชายตัดสินใจเดินเข้าไปคว้าข้ามือของหล่อน
“ข้าตัดสินใจได้แล้ว”เจ้าชายกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว
“อะไรเหรอ”แม่มดถาม ดวงตากลมโตสุกใสกลอกไปมา
“เจ้ากลับเมืองไปกับข้าเถอะ”
แม่มดพลันเปล่งเสียงหัวเราะอย่างฝืนๆ ตอบว่า “ไม่ได้หรอก ชาวเมืองส่วนใหญ่ล้วนเกลียดกลัวข้า พวกเขาไม่ต้อนรับข้าหรอก”
“เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยตัวเองว่าเป็นแม่มดก็ได้นี่ ข้าจะกุเรื่องว่าเจ้าช่วยข้าให้พ้นจากภัยอันตรายกลางป่าก็ได้”
“ข้าไม่ถนัดเรื่องโกหกผู้อื่น และไม่คิดจะทำด้วย”แม่มดปฏิเสธอย่างไว้ตัว
“เห็นแก่ข้าด้วยเถอะ ขอร้องล่ะ กลับเมืองไปพร้อมกับข้าเถอะนะ มันช่างทำใจลำบากยิ่งนักที่จะต้องจากเจ้าไป”เจ้าชายวิงวอน
“เห็นแก่ข้าด้วยเถอะ ช่วยปล่อยข้าไว้แล้วไปตามทางที่ท่านควรจะไป”แม่มดตอบ พยายามเน้นทุกถ้อยคำเพื่อเพิ่มความหนักแน่นที่ถูกสั่นคลอน
“พอได้พบเจ้า หัวใจข้าก็บอกให้รู้ว่าข้าควรจะไปทางไหน”
“ทางสายนั้นคือให้ท่านกลับไปปกครองบ้านเมืองของท่าน”แม่มดหยุดพักเพื่อระงับความสั่นเครือของน้ำเสียง “และครองรักกับเจ้าหญิง”
“โดยต้องมีเจ้ากลับไปด้วย”เจ้าชายเสริม
“ข้าไม่ไปหรอก ที่นี่บ้านเกิดข้า ข้ามีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ ได้ทำหน้าที่ และได้ตายที่นี่”
“เจ้ากลับเมืองไปกับข้าเถอะ”เจ้าชายยังคงรบเร้าต่อ “ข้าจะไปประกาศให้ทุกคนรู้ว่าข้ารักแม่มดที่แสนซื่อบริสุทธิ์คนหนึ่ง และต้องการสละบัลลังก์มาใช้ชีวิตอยู่กับนาง”
คำพูดและท่าทางที่เอาจริงเอาจังของเจ้าชายทำให้แม่มดหวั่นไหววูบหนึ่ง ถามอย่างอ้อมแอ้มว่า
“จะดีหรือ?”
เจ้าชายก้มลงช้อนอุ้มร่างเธอขึ้นแทนคำตอบ จัดแจงให้เธอนั่งบนหลังม้า ส่วนตัวเขาก็ขึ้นไปนั่งประกบด้านหลัง
“พร้อมหรือยัง”เจ้าชายถามอย่างร่าเริง
แม่มดโทษตัวเองในใจที่เมื่อครู่เผลอใจอ่อน แต่ก็ตอบอย่าง”ตกลง เราไปกันเถอะ”
ความคิดเห็น