ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานรักปรัมปรา ที่ไม่ธรรมดา

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 53


    บทที่ 2

    รุ่งอรุณวันใหม่พระอาทิตย์ดวงแดงกลมโตปริ่มขอบฟ้า  สวนหย่อมภายในปราสาทจำลองสภาพธรรมชาติออกมาได้อย่างน่ารื่นรมย์  เสียงนกขับขาน  เสียงลำธารสายเล็กๆไหลเอื่อย  เจ้าชายเตรียมสัมภาระอย่างลวกๆ  และสวมชุดชาวบ้านธรรมดา  เขาออกมาฝึกดาบไม้ตั้งแต่เช้า  ขณะกวัดแกว่งก็จินตนาการว่ากำลังต่อสู้กับคู่ต่อสู้  เวลาผ่านไปสักพักคู่ต่อสู้ของเขาก็มาถึง

     

    นึกว่าท่านจะไม่กล้ามาเสียแล้วเจ้าชายพูดอย่างยิ้มแย้มโดยไม่หันไปมองบุคคลที่เพิ่งมาหยุดยืนอยู่ข้างหลังของเขา

     

    ท่านเสียแรงฝึกซ้อมไปมากแล้ว พักเสียก่อนเถอะขุนศึกแนะนำ

     

    ไม่ดีๆเจ้าชายส่ายหน้า เดี๋ยวท่านจะหาว่าข้ารังแกคนแก่ผู้โรยแรง

     

    ได้ข่าวว่าเจ้าชายจะออกเดินทางไปช่วยเจ้าหญิง  ข้าขอแสดงความยินดีขุนศึกค้อมตัวลง

     

    ท่านขุนศึก  ท่านช่วยอวยพรให้กับเราด้วยเจ้าชายขอ

     

    อีกสามวันค่อยอวยพรไม่ดีกว่าหรือพะย่ะค่ะ

     

    ช่างมันเถอะเจ้าชายยักไหล่

     

    เจ้าชาย  ข้าเข้าใจความคิดของท่านดีขุนศึกยิ้มออกมาอย่างคนรู้ทัน เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจะไม่ยอมให้ท่านผ่านออกไปเด็ดขาด

     

    ขุนศึกเงื้อดาบไม้รี่เข้าหาทันที  กระหน่ำฟาดใส่อย่างหนักหน่วง  เจ้าชายหันหลังกลับมากวัดแกว่งดาบป้องกันอย่างทุลักทุเล

     

    โอ๊ะ! เรี่ยวแรงผิดกับเมื่อวานลิบลับเลยนะท่านขุนศึก เจ้าชายแซว

     

    แต่ขณะที่ขุนศึกกำลังโหมกระหน่ำโจมตีอย่างดุดัน  แทนที่เจ้าชายจะออกแรงต้านกลับโอนอ่อนไปตามแรง  แรงที่ขุนศึกโจมตีถูกสลายไปกับการเบี่ยงเบนทิศทาง  จากนั้นเจ้าชายก็ควงดาบเป็นวงกลม  ดาบของขุนศึกราวกับว่าถูกดาบของเจ้าชายชักนำไป  ขุนศึกจึงออกแรงกระชากดาบให้หลุดจากวงกลม  เจ้าชายวกดาบไปดักแล้วสะบัดข้อมือ  ดาบของขุนศึกจึงหลุดจากมือลอยละลิ่ว

     

    ข้าแพ้อีกแล้วขุนพลพูดเสียงอ่อน

     

    เมื่อครู่ท่านใจร้อนจะพิชิตเราเกินไปเจ้าชายวิจารณ์พร้อมกับรอยยิ้ม  โยนดาบไม้ในมือทิ้ง

     

    ข้าห้ามท่านไม่ได้แล้วเจ้าชาย  หลังจากที่ท่านออกจากกำแพงเมืองไปแล้วอาจจะต้องเจอกับภัยอันตรายนาๆชนิด  ขอให้ท่านระวังตัวให้ดี

     

    ได้ยอดขุนศึกอย่างท่านเป็นอาจารย์  ข้าไม่กลัวใครแล้วเจ้าชายพูดพลางเดินไปตบไหล่ขุนศึก

     

    ข้ารู้ว่าวิชาการต่อสู้ของท่านยากจะหาผู้ใดเทียบ  แต่จุดอ่อนของคนเก่งก็คือความประมาท

     

    เรื่องนี้คงต้องให้บาดแผลเป็นสิ่งสอนเราเองสายตาของเจ้าชายเหม่อมองไปยังภูเขาซึ่งเห็นอยู่ไกลลิบนอกกำแพงเมือง  ถูกปกคลุมด้วยแมกไม้เขียวทั้งลูก

     

    ยอดขุนผลส่งป้ายผ่านสะดวกให้ แล้วถามว่า

    ท่านรู้ทางไปปราสาทแม่มดหรือยัง

     

    อืมม์  ข้าพอจะรู้มาจากเฒ่าเคราข้างอยู่บ้างเจ้าชายเอานิ้วลูบคางอย่างใช้ความคิด

     

    จะให้ข้าไปส่งไหมขุนพลถามด้วยความเป็นห่วง

     

    ขอบใจ แต่ไม่เป็นไร

     

     

    เจ้าชายผู้ซ่อนรูปอยู่ในรูปลักษณ์ของชาวบ้านธรรมดาควบม้าขาวคู่ใจเหยาะย่างออกสู่เบื้องนอกของกำแพงเมือง  เข้าสู่ปราการธรรมชาติ  ด้านนอกเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านที่ยึกอาชีพเพาะปลูกหรือเลี้ยงสัตว์  ต้นข้าวออกรวงทอ

     

    อร่ามชูสลอนเป็นทิวแถว  เมื่อควบม้าเข้าสู่ป่า  แสงแดดส่องสะท้อนใบไม้ที่แผ่ปกคลุมเบื้องบนเรืองแสงเป็นสีเขียวขจีอ่อนๆ  เสียงจักจั่นเรไรไม่ขาดสาย  แว่วเสียงน้ำไหลกระทบโตรกหินมาแต่ไกล  เจ้าชายควบม้าไปหยุดพักตรงริมน้ำตก  ปล่อยให้ม้าดื่มน้ำ  เสียงน้ำใสไรรินกระทบหินระรื่นหูเจ้าชายยิ่งนัก

     

    นี่สิที่ข้าใฝ่ฝันมานาน

     

    เมื่อคนและม้าพักกันจนเต็มอิ่มก็ออกเดินทางต่อ  พ้นออกจากป่ามาสู่ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มบนเนินเขา  ลมธรรมชาติกรรโชกมาเป็นระยะๆทำให้ยอดหญ้าพลิ้วปลิวไสว  ท้องฟ้าแจ่มใสแสงทองสาดส่องกำลังดี  แต่เมื่อทอดตามองออกไปเบื้องหน้าก็พบกับเนินหินผาสีดำทะมึน   ที่ตั้งอยู่บนยอดคือปราสาทหลังย่อมที่ดำทะมึนยิ่งกว่า  เบื้องบนถูกปกคลุมด้วยกลุ่มเมฆสีดำผืนหนา  ส่งสายฟ้าแลบแปลบปลาบลงมาเป็นระยะ

     

    เจ้ากระต่าย  เจ้ามองเห็นข้างหน้านั่นไหม  นั่นคือที่ๆเราจะต้องเข้าไป

     

    เจ้าม้าสีขาวที่ถูกตั้งชื่อว่า เจ้ากระต่ายส่งเสียงร้อง ฮี้  เจ้าชายหัวเราะพลางลูบหัวมันอย่างเอ็นดู  เขาลงจากหลังม้าแล้วทิ้งตัวลงไปนอนบนผืนหญ้านุ่มๆ  สูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด

     

    ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไป  เดินชมรอบๆก่อนแล้วค่อยเข้าไปก็ได้เจ้าชายบอกกับตัวเอง

     

    เขาปล่อยม้าให้เล็มหญ้า  ส่วนตัวเองวิ่งไปสำรวจบริเวณหน้าผา  พบว่ามีทางขึ้นทางเดียวคือถนนลาดชันทางด้านซ้ายมือ  เขาค่อยๆเดินขึ้นจนมาถึงด้านบน  ภาพของปราสาททมิฬในตำนานที่เล่าขานต่อกันมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า  มีรั้วหินสูงโอบล้อม  ประตูหน้าเป็นรั้วทำจากเหล็กมีช่องแง้มไว้เล็กน้อยเหมือนเชื้อเชิญให้เข้าไปได้ตลอดเวลา  หน้าประตูข้าวของตัวปราสาทเป็นสวนหย่อมขนาดย่อมที่ตายไปแล้ว  ต้นไม้เหลือแต่กิ่งก้านเรียงตัวเป็นแถว  ใบ้ไม้กรอบที่เกลื่อนกลาดตามพื้นปลิวไปตามแรงลมพัด  มีม้านั่งตั้งไว้โดดเดี่ยวกลางสวน

     

    เดี๋ยวค่อยเข้าไปก็ได้เจ้าชายบอกกับตัวเองเบาๆ  เดินเลียบกำแพงอ้อมไปทางด้านหลังปราสาท  เขาแปลกใจยิ่งนักที่ได้ยินเสียงนกร้องอย่างระรื่นหู  มองขึ้นไปเหนือกำแพงเห็นยอดไม้แผ่กิ่งก่านใบดุดมสมบูรณ์  มีนกกลุ่มหนึ่งเกาะจับกลุ่มคุยกัน   ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเจ้าชายจึงกระโดดเอาเท้าถีบกำแพงส่งตัวขึ้นไปเกาะขอบ   ออกแรงแขนดึงตัวขึ้นให้ระดับสายตาพ้นจากขอบกำแพง

     

    เจ้าชายแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับภาพที่เห็น  หญิงสาววัยกำดัดผู้หนึ่งกำลังหว่านอาหารนก  นกพิราบสีดำเมื่อมฝูงเล็กๆบินลงมาจิกกิน  เธอสวมชุดสีทึบหลวมๆ  จมูกเรียวเล็ก  ดวงตากลมโตเปล่งประกายสุกใสคล้ายมีกระจกเคลือบไว้อีกชั้นหนึ่ง  ผิวขาวราวหิมะตัดกับชุดสีเข้มดึงดูดสายตาเจ้าชายได้ดีนัก  แต่เสน่ห์ทั้งหมดยังไม่เทียบเท่าบุคลิกที่คงความเป็นเด็กของหล่อน  หญิงสาวฮัมเพลงกล่อมเด็กให้หายกลัวเบาๆในลำคอ   เธอหัวเราะกับอิริยาบถตลกๆของนกบางตัว  และคอยห้ามในยามที่มันทะเลาะกัน

     

    ฮะ ฮะ น่ารักจัง เจ้าชายเผลอพูดออกมาอย่างลืมตัว

     

    นั่นใครน่ะหญิงสาวหันขวับมามองตรงกับแพง  เจ้าชายสะดุ้งเฮือกปล่อยตัวเองร่วงลงกระแทกกับพื้น  จากนั้นเขาก็กระโดดเกาะกับแพงค่อยๆดึงตัวขึ้นให้ศีรษะโผล่พ้นขอบกำแพง

     

    สวัสดีแม่นาง  ท่านไม่ต้องกลัวข้าหรอกเจ้าชายทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม  

     

    ท่านเป็นใครเธอถามอย่างไม่ไว้ใจ

     

    เจ้าชายแหงนหน้านึกอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า

    ข้าเป็นคนเลี้ยงม้า  เผอิญข้าเอาม้ามาเล็มหญ้าแถวนี้แล้วเห็นปราสาทหลังนี้แปลกดี  จึงถือวิสาสะเข้ามาดู ขออภัยท่านด้วย

     

    ท่านโหนตัวอยู่อย่างนั้นคงเมื่อยแย่หญิงสาวค่อยยิ้มออกมา เข้ามาข้างในก่อนได้ไหม

     

    เจ้าชายปีนข้ามกำแพงลงไป  สองมือปัดฝุ่น

    เอาแอปเปิ้ลสักลูกไหม

     

    เจ้าชายพยักหน้าอย่างเงอะๆงะๆ  หญิงสาวเดินไปเด็ดผลแอปเปิ้ลสีแดงระเรื่อออกมาจากขั้ว   เจ้าชายมองแก้มสีขาวซีดของหญิงสาวพาลนึกอยากเห็นแก้มของหล่อนแดงระเรื่อเหมือนสีผลแอปเปิ้ลบ้าง เขารับผลแอปเปิ้ลมากัดกินทันที

     

    อืม..ม..เจ้าชายครางพร้อมกับหลับตาพริ้ม  อยู่ในปราสาทเขาไม่เคยได้ลิ้มรสผลไม้ที่ชุ่มฉ่ำขนาดนี้มาก่อน

     

    มันอร่อยถึงขนาดนั้นเลยเหรอเธอหัวเราะคิกคัก  เจ้าชายผงกศีรษะรัวๆพลางกัดกินไม่หยุด

     

    แต่ท่านไม่ควรแอบเข้ามาโดยพลการ หญิงสาวมีทีท่าจริงจังขึ้นในทันที ปราสาทนี้มีอันตรายอยู่มาก  ท่านอาจจะโดยลูกหลงได้

     

    ขอบคุณที่เป็นห่วงเจ้าชายพูดในขณะที่ปากยังเคี้ยวตุ้ยๆ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงคนต่ำต้อยอย่างข้าหรอก

     

    ข้าไม่ชอบคำพูดของท่านเลย หญิงสาวเชิดคางขึ้น ชีวิตท่านย่อมมีคนที่ท่านรักและคนที่รักท่านรออยู่

     

    เจ้าชายกลืนแอปเปิ้ลลงไปแล้วพูดว่า ท่านคงจะให้ความสำคัญกับความรักมากสินะ

     

    ที่ท่านพูดก็ถูกหญิงสาวเผยยิ้ม ความรักจะช่วยเติมเต็มชีวิตที่ไร้ความหมายให้มีคุณค่ามากขึ้น

     

    ท่านคงมีคนรักแล้วสินะเจ้าชายถาม  พยายามตีสีหน้าเรียบเฉย

     

    ขะ...ข้า..ม..ม.ไม่มีหรอกหญิงสาวพูดตะกุกตะกัก ตาหรุบต่ำลง สองมือบิดไปมาอย่างอยู่ไม่สุข แก้มค่อยๆแดงระเรื่อ  เจ้าชายรู้สึกหวิวหัวใจวาบ

     

    โกหกหรือเปล่า  ดูเหมือนท่านจะรู้จักกับความรักดีนี่

     

    ไม่ใช่ๆหญิงสาวส่ายมือทั้งสองข้างรัวๆ พอข้าได้เห็นความรักของคนอื่นข้าก็มีความสุขไปด้วย

     

    ความรักจากอัศวินม้าขาวสินะเจ้าชายถามหยั่งเชิง

     

    อื้อ ใช่หญิงสาวประสานมือกลางอก แหงนหน้ามองขึ้นฟ้า  รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าคล้ายรอยยิ้มของเด็กที่มีความใฝ่ฝัน  เจ้าชายชมดูภาพเบื้องหน้าจนหัวใจแทบละลาย

     

    ท่านเตรียมตัวให้พร้อมเถอะเจ้าชายพูด อัศวินม้าขาวจะมาในเร็วไว

     

    เอ...ท่านหมายความว่าอย่างไร

     

    หญิงสาวยังไม่ทันได้คำตอบ  เจ้าชายก็ปีนกำแพงออกไปเสียแล้ว

    เขาวิ่งวกกลับไปยังด้านหน้าของปราสาท  ทันใดนั้นเขาก็พบกับเจ้าชายต่างเมืองซึ่งยืนชั่งใจรออยู่หน้าประตูรั้ว  ผมสีทองมันวับเรียบแปล้หวีไปทางเดียวกัน  ใบหน้าสำอางหล่อเหลา  เรือนร่างสะโอดสะองประดับด้วยชุดเกราะเบาอันหรูหรา

     

    นี่แน่ะเจ้าชาวบ้านเจ้าชายต่างเมืองร้องเรียก เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร

     

    แล้วเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร เจ้าชายที่ซ่อนร่างอยู่ในรูปลักษณ์ชาวบ้านถามกลับ

     

    เจ้าเป็นแค่ชาวบ้านอย่าบังอาจมาเล่นลิ้นกับเจ้าชายอย่างข้า  เจ้าจงมาเดินนำหน้าข้าเข้าไปเสียดีๆเจ้าชายต่างเมืองสั่ง

     

    อ้าว! อย่างนี้ข้าก็ตายก่อนท่านน่ะสิ

     

    ข้าเป็นถึงเจ้าชาย  ชีวิตย่อมมีค่ามากกว่าชาวบ้านอย่างเจ้ามากนัก

     

    จะให้ข้าเสี่ยงชีวิตให้ท่านก็ย่อมได้  แต่ที่บ้านข้าก็มีคนที่ข้ารัก และคนที่รักข้าอยู่เจ้าชายพูดอย่างคนใช้ความคิด

     

    เจ้าหมายความว่าอย่างไรเจ้าชายต่างเมืองขมวดคิ้ว

     

    ข้าต้องการค่าตอบแทนเจ้าชายพูดพลางบิดไปมาอย่างเคอะเขิน

     

    ฮ่าฮ่าเจ้าชายต่างเมืองหัวเราะ ข้าตอบแทนเจ้าไม่อั้นแน่ๆ

     

    ข้าไม่ต้องการอะไรมาก  ขอแค่เจ้าหญิงคนเดียวก็พอแล้วเจ้าชายพูดจบก็แหงนหน้าหัวเราะ

     

    สามหาวนัก!”เจ้าชายต่างเมืองตวาด  ชักดาบที่คมมันแวววับ  ตัวด้ามประดับด้วยพลอยเจ็ดสีเม็ดเท่ากำมือ  พาดคมดาบกับต้นคอเจ้าชาย

     

    ดูจากดาบก็รู้แล้วว่าท่านสู้ข้าไม่ได้หรอกเจ้าชายกล่าวพลางยิ้มอย่างปลอดโปร่ง

     

    ชักดาบของเจ้ามาสู้กับข้าสิเจ้าชายต่างเมืองท้า

     

    สู้กับคนฝีมือระดับเจ้าไม่ต้องใช้ดาบหรอก

     

    เจ้าชายต่างเมืองกู่ร้องเงื้อดาบฟัน  เจ้าชายฉากหลบไปข้างหลัง  สับขาหลอกไปทางซ้าย  เจ้าชายต่างเมืองฟันดาบตามไปอย่างหลงกล  เจ้าชายคว้ามือกระชากฝักดาบจากหว่างเอวของเจ้าชายต่างเมืองติดมือมา  จากนั้นกระแทกสันฝักดาบเข้าที่ปลายจมูกของเจ้าชายต่างเมืองอย่างรวดเร็ว  เจ้าชายต่างเมืองไม่ว่องไวพอที่จะปิดป้องหรือหลบได้ทัน

     

    โอ๊ย! จมูกข้าเจ้าชายต่างเมืองเอามือกุมจมูกที่นองเลือด  น้ำตาไหลพรากอาบสองโหนกแก้ม

     

    ถ้าเป็นยามปรกติข้าคงยกเจ้าหญิงให้เจ้าไปแล้ว  เพียงแต่นางคนนี้ถูกใจข้ามากจริงๆ  ข้าไม่มีทางยกให้ใครหรอก  เจ้ากลับบ้านไปเถอะ

     

    เจ้าชายต่างเมืองเดินไปขึ้นอาชาพ่วงพีตัวสีเงิน  ขับควบกลับดินแดนของตนด้วยความเจ็บอาย  เจ้าชายเป้าปากวี้ดวิ้ว! เจ้าม้าขาวห้อตะบึงมาแต่ไกลอย่างคึกคะนอง  เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มาถึง  เจ้าชายขึ้นนั่งบนอาน  ชูดาบกวาดแกว่งเป็นวงเหนือศีรษะ  เจ้าม้าขาวชูสองขาหน้าขึ้นพร้อมกับร้องฮี้!

     

    เตรียมตัวเตรียมหัวใจไว้ให้พร้อมเถอะเจ้าหญิง  อัศวินม้าขาวคนนี้กำลังจะไปช่วยแล้ว...แต่เอ..เอาเจ้ากระต่ายเข้าไปด้วยสงสัยจะไม่สะดวก

     

    เจ้าชายลงจากหลังม้า  เปิดประตูรั้วเหล็กอย่างช้าๆส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดแสบแก้วหู  จากนั้นจึงก้าวเดินเข้าไป  ทันทีที่ฝีเท้าก้าวแรกล่วงล้ำเข้ามา  อีกาสีดำก็พากันบินพรึ่บขึ้นจากกิ่งต้นไม้ที่ไร้ใบ    ส่งเสียงร้องคล้ายกับเสียงหัวเราะอันชั่วร้าย

     

    น่ากลัวดีเจ้าชายยักไหล่  เดินเข้าไปผลักประตูปราสาทซึ้งทำจากไม้แผ่นหนา  ประตูค่อยๆเลื่อนเปิดออก  บรรยากาศภายในสลัวอึมครึม  มีคบไปติดตามผนังเป็นระยะๆ  ทันทีที่ก้าวเข้ามา  ประตูก็เลื่อนปิดไล่หลังเองโดยอัตโนมัติ  เสียงสายลมพักโกรกดังหวีดหวิว  ระคนด้วยเสียงคราง ฮืมๆ ดังมาจากห้องข้างหน้านี้

     

    ข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่นะ

     

    เจ้าชายเดินต่อไปข้างหน้า  มีบางจังหวะที่เท้าเหยียบเศษอะไรบางอย่างที่พื้นแตกดังเปรี๊ยะปร๊ะ!  เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเศษหินหรือเศษโครงกระดูก  ยิ่งเดินต่อไปข้างหน้าเสียงครางต่ำๆก็ยิ่งดังขึ้นเรื่อยๆ  ตอนนี้เบื้องหน้าเขาคือประตูไม้สองฝาบานหนึ่ง  เสียงครางต่ำๆดังมาจากหลังประตูบานนี้นี่เอง  เจ้าออกแรงแขนทั้งซ้ายและขวาผลักประตูทั้งสองข้าง  ประตูเคลื่อนได้อย่างลื่นไหล  แต่ที่บานพับกลับส่งเสียงฝืดโหยหวน  แสงสว่างจ้าส่องผ่านช่องประตูเข้ามา  เจ้าชายรู้แล้วว่าเจ้าของเสียงครางต่ำๆนั้นคือตัวอะไร

     

    มันกำลังแยกเขี้ยวขู่  เกล็ดตามลำตัวสีม่วงมันเลื่อม  หงอนแผงยาวพาดตั้งแต่หัวจรดต้นคอของมันตั้งแข็งชูชัน  เจ้าชายค่อยๆสืบเท้าเข้าไปใกล้ทีละนิด  มันโก่งคอก้มหัวต่ำพินิจมองเจ้าชาย  เจ้าชายเอื้อมมือเข้าไปจะลูบหัวมันแต่ทันใดนั้นมันกลับอ้าปากคำราม  พลังเสียงและพลังลมส่งผลให้เจ้าชายเซถลาไปข้างหลัง

    กลิ่นปากเจ้าไม่พึงประสงค์เอาเสียเลย..เหวอ!”เจ้าชายรีบกระโดดพุ่งตัวหลบไปด้านข้าง   เปลวไฟจากปากมังกรแผดเผาผนังแทนที่จะเป็นตัวเขา

     

    เจ้านี่เล่นแรงดีแท้ พูดจบเจ้าชายก็ต้องรีบกลิ้งตัวหลบผ่านใต้ท้องมังกรที่บินพุ่งเข้าชนใส่ผนังจนปราสาทสะเทือนไปทั้งหลัง  เจ้าชายอาศัยจังหวะที่เจ้ามังกรกำลังสั่นศีรษะสลัดความมึนวิ่งขึ้นบันไดเวียนซึ่งวนเลียบกำแพงไปมาสี่ห้าชั้น  วิ่งขึ้นมาได้รอบหนึ่งเจ้ามังกรก็บินตามขึ้นมาเสียแล้ว  เจ้าชายรู้ดีว่าวิ่งต่อไปคงหนีไม่ทัน

     

    ย้าก!”เจ้าชายตัดสินใจกระโดดลงบนหลังมังกร  เจ้ามังกรทำตาโตร้องอุ๊! คงเพราะคาดไม่ถึง  มันบินขึ้นด้วยความเร็วมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัวพลางสลัดหลังไปมา  เจ้าชายจับหงอนของมันไว้แน่น  งอเข่าสองข้างรอจังหวะเพื่อจะกระโดดเมื่อถึงชั้นบนสุด   พอหลังมังกรเลยชั้นบนสุดไม่ทันไรเจ้าชายก็กระโดดออกไปทันที  ม้วนตัวกลิ้งไปกับพื้นเพื่อลดการกระแทก  มังกรฟาดหางเฉี่ยวศีรษะเจ้าชายใส่ผนังอิฐแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  เจ้าชายรีบวิ่งเข้าประตูไปก่อนที่มันจะพ่นไฟไล่หลังมา

     

    สนุกจริงๆเจ้าชายปัดฝุ่นที่สองมือ  จากนั้นคลำไหลขวาที่บาดเจ็บเล็กน้อยจากการกระแทกเมื่อครู่

     

     ในห้องที่เข้ามานั้นรอบข้างขึงด้วยม่านสีแดงเต็มพรืดไปหมด  เสียงหัวเราะแหลมเล็กบาดหูดังขึ้น  เจ้าชายมองเห็นเงาตะคุ่มๆของร่างที่หลังงองุ้มยืนอยู่เบื้องหน้า  ไม้เท้าข้างหนึ่งค้ำพยุงกาย  ส่วนศีรษะคล้ายกับสวมฮู้ดอยู่

     

    เจ้าเก่งมากที่ผ่านมังกรของข้ามาได้น้ำเสียงแหบและสั่นเครือดังขึ้น

     

    มังกรของท่านยังอ่อนหัดนัก ต้องฝึกอีกเยอะเจ้าชายยักไหล่

     

    แม่มดเปล่งเสียงหัวเราะลั่น  เจ้าชายก็หัวเราะขึ้นบ้าง

     

    เจ้าหัวเราะอะไรแม่มดถาม

     

    ข้าหัวเราะที่อยู่ดีๆท่านก็หัวเราะอย่างไม่มีเหตุผลเจ้าชายตอบ

     

    แม่มดหัวเราะอีกครั้งแล้วตอบว่า

    ข้าหัวเราะเพื่อระบายความชั่วร้ายของข้าต่างหาก

     

    ท่านเสียงแหบไปหน่อยแต่ตอบได้ฉะฉานและมีไหวพริบดี  สนใจไปเป็นขุนนางเมืองข้าไหมล่ะ

     

    เจ้าคิดจะช่วยเจ้าหญิงหรือไม่แม่มดเปลี่ยนเรื่อง ถ้าอยากช่วยก็ต้องสู้กับข้าให้ชนะ

     

    ตอนนี้เจ้าหญิงอยู่ที่ไหน

     

    อยู่ห้องข้างหลังข้านี่แหละ  กำลังหลับอยู่แม่มดตอบ

     

    ถ้าอย่างนั้นยังไม่สู้ดีกว่าเจ้าชายโบกมือ รอให้เจ้าหญิงตื่นแล้วค่อยสู้ก็แล้วกัน  ข้าอยากอวดฝีมือต่อหน้านางน่ะ

     

    เจ้านี่เป็นเจ้าชายที่แปลกเอาการอยู่นาแม่มดเกาศีรษะแกรกๆ ดูเจ้าไม่กระตือรือร้นที่จะช่วยเจ้าหญิงเลย

     

    ข้าก็แปลกใจเช่นกันเจ้าชายกล่าว เมื่อครู่ข้ายังเห็นเจ้าหญิงอวดโฉมอยู่ข้างล่างอยู่เลย

     

    หา!” แม่มดอุทานอย่างประหลาดใจ เป็นไปไม่ได้ เจ้าหญิงไม่มีทางผ่านด่านของข้าออกไปได้หรอก

     

    ช่างเถอะๆเจ้าชายบอกปัด ข้อขอนอนงีบเอาแรงสักครู่  รอเจ้าหญิงตื่นก่อนแล้วข้าจะสู้กับท่าน

     

    เจ้าหญิงกำลังรอการจุมพิตจากเจ้าอยู่  ถ้าขืนชักช้านางอาจจะต้องหลับใหลไปตลอดกาลแม่มดขู่

     

    ถ้าเช่นนั้นเรามาสู้กันตอนนี้เลยดีกว่าเจ้าชายพูดพลางชักดาบออกจากฝัก  เดินตรงเข้าไปหาแม่มด 

     

    แม่มดหัวเราะเสียงแหลมเดินถอยหลังผ่านประตูเข้าไป     เจ้าชายเดินตามออกไปสู่อีกห้องหนึ่ง  ผนังประดับด้วยภาพวาดสีน้ำมัน  ตู้หนังสือโบราณอยู่ที่มุมห้อง  ชุดเกราะอัศวินยืนประจำเป็นจุดๆ  แม่มดสวมเสื้อคลุมสีดำล้วนพร้อมฮู้ดคลุมศีรษะ  ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นจนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นใบหน้าของคนจริงๆ  ที่ส่วนหัวของไม้เท้ามีลูกแก้วสีแดงเรืองแสง  เจ้าชายสังเกตเห็นประตูไม้ขัดมันเงางามประดับด้วยผ้าม่านสีชมพูที่จีบเป็นรอยกลีบกุหลาบ  เจ้าชายคาดว่าน่าจะเป็นห้องที่เจ้าหญิงนอนอยู่  เจ้าชายเงื้อดาบโจมตีเพื่อหยั่งเชิง  แม่มดกวัดแกว่งไม้เท้าโต้ตอบ  แสงสีแดงวูบวาบฉวัดเฉวียน  เจ้าชายร่ายรำดาบไปมาอย่างสบายอารมณ์คล้ายกับหยอกเล่นกับเด็กอยู่ก็ไม่ปาน

     

    มีแรงแค่นี้รึแม่มดถอยกรูดไปข้างหลัง  ชี้หัวไม้เท้าไปยังเจ้าชาย  ลำแสงสีแดงพุ่งออกมาจากลูกแก้ว  เจ้าชายพลิกข้อมือเอาหน้ากว้างของดาบป้องกันไว้แต่ก็มิวายถูกแรงอัดจนร่างลอยละลิ่วปลิวไปข้างหลัง

     

    เจ้าเป็นเจ้าชายที่แย่มาก แม่มดตำหนิ เจ้ามาเพื่อช่วยคู่ชีวิตของเจ้าแต่เจ้ากลับไม่จริงจังแม้แต่น้อย  มันแสดงให้เห็นว่าเจ้าไม่เห็นคุณค่าของความรัก  ข้าปล่อยให้เจ้าหญิงไปกับคนแบบนี้ไม่ได้หรอก

     

    คำพูดของแม่มดคล้ายคมมีดกรีดแทงใจดำ  เจ้าชายกระชับด้ามดาบในอุ้งมือ  ชันกายลุกขึ้น

     

    ข้าจะเอาจริงล่ะนะเจ้าชายเตือนก่อนที่จะวิ่งตรงเข้าไปเงื้อดาบฟันใส่  

     

    แม่มดอุทานอย่างประหลาดใจ  แกว่งไม้เท้าต้านทานได้ทันท่วงทีแต่ก็ถูกแรงปะทะอันหนักหน่วงผลักให้เซไปข้างหลัง  เจ้าชายยังคงฟาดฟันอย่างต่อเนื่อง  แม่มดต้านทานไม่ไหวถูกคมดาบกระแทกไม้เท้ากระเด็นหลุดมือ  เจ้าชายเอาไหล่ชนแม่มดจนล้มลง

     

    ข้าไม่อยากทำร้ายคนแก่เจ้าชายส่งยิ้มพร้อมกับยักคิ้วให้

     

    เจ้าชายเดินตรงไปที่ประตูไม้ผ้าม่านจีบ  แม่มดเรียกไม้เท้าลอยกลับมาอยู่ในอุ้งมือ ชี้หัวไม้เท้าไปยังชุดเกราะอัศวินที่ยืนอยู่ข้างประตูสองตัว  ภายใต้หน้ากากหมวกเหล็กปรากฏแสงสีแดงระเรื่อ  ชุดเกราะอัศวินพลันมีชีวิตขึ้นมา

     

    เคร้ง!  เคร้ง!

     

    เจ้าชายปะทะดาบกับพวกมันสองตัว  พวกมันเชื่องช้าทึ่มทื่อแต่โจมตีหนักหน่วงและทนทายาด  เขาต้องรับดับของอัศวินตัวหนึ่งในขณะเดียวกันก็ต้องเบี่ยงตัวหลบดาบของอีกตัวหนึ่ง  เจ้าชายฟันถูกตัวมันสี่ถึงห้าครั้งจนเกราะเหล็กบุบและมีรอยโหว่แต่ก็ยังล้มไม่ได้  ขณะนั้นมีลำแสงสีแดงพุ่งวาบมาจากข้างหลัง  เจ้าชายก้มตัวลง  ลำแสงพลาดจากเจ้าชายไปถูกอัศวินตัวหนึ่งแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  อีกตัวหนึ่งเงื้อดาบจะฟันลงมาใส่เจ้าชาย  เขารีบแทงดาบเข้าที่รอยต่อบริเวณคอ ายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย  ็ยังล้มไม่ได้  ขณะนั้นมีแสงสี จากนั้นตวัดดาบไปด้านข้างทำให้หมวกเหล็กของอัศวินกระเด็นออกจากส่วนลำตัว  ร่างของมันร่วงผล็อยลงไปกองเป็นกองเหล็กอยู่กับพื้น  แม่มดกรีดร้องเสียงแหลมลั่นชี้ไม้เท้ายิงลำแสงใส่ไม่ยั้ง  เจ้าชายวิ่งพลางหลบไปมา  สร้างความเสียหายให้กับผนัง เครื่องใช้ และเครื่องตกแต่งของแม่มดเป็นอย่างมาก  แม่มดทิ้งไม้เท้าลงเอามือกุมขมับ  กรีดร้องระบายความเครียด  เจ้าชายรีบฉวยโอกาสเปิดประตูไม้ผ้าม่านจีบกลีบเข้าไป

     

    กลิ่นอายของสตรีโชยเตะจมูกในทันทีทันใด  เจ้าชายไม่มัวรีรอสงสัยรีบตรงเข้าไปที่เตียงนอน  โน้มศีรษะลงจุมพิตทันทีโดยไม่ต้องคิด  หญิงสาวลืมตาขึ้นมาแทบจะทันที  โผร่างขึ้นสวมกอดอัศวินม้าขาวเบื้องหน้า

     

    ขอบคุณสวรรค์  ข้ารอเวลานี้มานานแล้ว

     

    เจ้าชายอุทานอย่างประหลาดใจ  จับไหล่ดึงตัวหญิงสาวออกห่างเพื่อพินิจดูหน้าค่าตาของนาง  ผมสีทองเงางามยาวและนุ่มสลวย  ใบหน้าขาวเนียนเกลี้ยงเกลาราวกับเนื้อแอปเปิ้ล  ส่วนสองแก้มที่แดงระเรื่อนั้นก็คล้ายกับผิวแอปเปิ้ลที่บางเบา   ดวงตาคลอด้วยม่านน้ำตาสุกใสผืนบางๆที่รินหล่อเลี้ยงอยู่ช่างดูหวานซึ้งดื่มด่ำยิ่งนัก  จมูกเป็นสันโด่งคล้ายยอดเขาที่ชายทั้งหลายหมายพิชิต  รูปร่างอ้อนแอ้นแบบบางที่บิดไปมา กับดวงตาที่พริ้มลงแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังเรียกร้องไออุ่นจากอ้อมกอด

    เจ้าชายรู้สึกผิดหวังในทันที

     

    ท่านคือเจ้าหญิง?”เจ้าชายถาม

     

    อืมม์เจ้าหญิงครางตอบเบาๆอย่างเหนื่อยอ่อน

     

    ในปราสาทมีท่านโดนจับคนเดียวเหรอ  มีใครโดนจับอีกไหมเจ้าชายถามอย่างร้อนรุ่ม

     

    มันก็ต้องมีข้าคนเดียวสิเจ้าหญิงตอบเสียงแผ่ว

     

    เจ้าชายนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะฉุดดึงข้อมือเจ้าหญิงให้ลุกขึ้นมาจากเตียง

    เจ้าหญิง  เรารีบไปกันดีกว่า

     

    โอย..ข้าอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด  เดินไม่ไหวหรอก

     

    เจ้าชายร่างเจ้าหญิงขึ้นแบกพาดบ่า  เธอหัวเราะคิกคักด้วยความขวยเขิน  เจ้าชายเดินไปถีบประตูไม้ผางออก  อัศวินเกราะเหล็กสี่ตัวยืนประจันบาญรออยู่แล้ว  ข้างหลังยืนไว้ด้วยแม่มดที่กำลังกรีดเสียงหัวเราะ

     

    ดูซิว่าเจ้าจะผ่านไปได้อย่างไร แม่มดพูดพลางผายมือทั้งสองข้าง

     

    อยากดูก็จงดูให้เต็มตาเจ้าชายกวัดแกว่งดาบเดินจ้ำพรวดเข้าไปหา

     

    เดี๋ยวๆ ปล่อยข้าลงก่อนเจ้าหญิงพูดพลางเบิกตาโต  พยายามเตะขาไปมาให้หลุดรอดจากอ้อมแขนที่ล็อคเธอไว้กับบ่าของเขา  เจ้าหญิงกรีดร้องลั่นเมื่อสองฝ่ายเริ่มปะทะดาบกัน  หุ่นอัศวินตีวงล้อมเจ้าชาย

     

    เจ้าโง่! ทำไมเจ้าไม่วางเจ้าหญิงลงก่อน!”แม่มดตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความวิตกกังวล

     

    เจ้าชายไม่ฟัง  ปะทะดาบกับหุ่นอัศวินเหล่านั้นต่อ  เบี่ยงตัวหลบเป็นบางครั้ง คมดาบเฉี่ยวร่างเจ้าหญิงไปมา  เจ้าหญิงร้องกรี๊ดสุดเสียงจนเจ้าชายหูอื้อตาลายไปหมด  วงล้อมของหุ่นอัศวินบีบแคบเข้ามา  เจ้าชายหมุนตัวเหวี่ยงเท้าเจ้าหญิงเตะใส่หัวของพวกมันทั้งสี่จนหมวกเหล็กทั้งสี่ใบกระเด็นตกลงพื้น  พออัศวินสี่ตัวกลายเป็นกองเศษเหล็ก  เจ้าชายก็วางร่างเจ้าหญิงลง

     

    โอยเจ้าหญิงโอดครวญพลางเอามือกุมที่ข้อเท้า

     

    อย่าหนีนะ!”เจ้าชายตะโกนพลางวิ่งตามหลังแม่มดที่เพิ่งวิ่งออกประตูไป  เอามือแหวกฝ่าม่านสีแดงหลายชั้นให้พ้นทาง  เมื่อออกมาสู่ห้องบันไดเวียนก็พบว่าแม่มดอยู่บนหลังของมังกรเรียบร้อยแล้ว  เพดานหินอ่อนเบื้องบนถูกเปิดออกเป็นช่องเห็นท้องฟ้า  เจ้ามังกรกระพือปีกค่อยๆบินสูงขึ้นเรื่อยๆ  แยกเขี้ยวส่งยิ้มอย่างท้าทายให้กับเจ้าชาย  แม่มดหัวเราะเคี้ยกๆ

     

    วันนี้ข้าสู้เจ้าไม่ได้  ฝากไว้ก่อนก็แล้วกันแม่มดพูดพลางโบกมืออำลา

     

    เจ้ายังไปไม่ได้  เจ้าต้องบอกมาก่อนว่าเอาเจ้าหญิงอีกคนไปซ่อนไว้ที่ไหน

     

    เจ้าหญิงอีกคน?”แม่มดทวนคำอย่างงุนงง

     

    เจ้าชายก้าวกระโดดลอยตัวขึ้นไป  เอื้อมมือจะคว้าจับอุ้งเท้ามังกร  ทว่ามือของเขากลับคว้าถูกอากาศธาตุ

     

    อันตราย!!”แม่มดกรีดร้องเสียงหลง 

     

    ทว่าเสียงที่เขาได้ยินกลับเป็นเสียงของสาวแรกรุ่น  เหตุการณ์ในขณะที่ร่างอยู่กลางอากาศผ่านไปอย่างเชื่องช้าในความรู้สึกของเจ้าชาย  เขามองดูแม่มดผู้นั้นอีกครั้ง  ฮู้ดคลุมศีรษะถูเปิดไปข้างหลังเผยให้เห็นผมยาวสีดำเงางามแผ่สยายปลิวไสว  หน้ากากถูกถอดออกเผยให้เห็นโฉมงามที่ตอนนี้เปี่ยมด้วยความกังวล

    โฉมเดียวกันกับที่เขาพบในสวนหลังปราสาท

     

    เขาส่งยิ้มให้หล่อน  ลืมเสียสนิทว่าตนเองกำลังจะดิ่งลงไปสู่ความตาย  แม่มดชี้หัวไม้เท้าออกมาข้างหน้า  ลำแสงสีแดงพุ่งไปยังขั้นบันไดเวียน  ฉับพลันทันใดขั้นบันไดหินแข็งกร้าวกลับแปรเปลี่ยนกลายเป็นพรมสีแดงรองรับร่างของเจ้าชายได้อย่างทันท่วงที  แม่มดถอนหายใจอย่างโล่งอก  อิริยาบถนี้ของเธอคงฝังใจเจ้าชายไม่มีวันจาง  เขามองดูเธอสูงห่างออกไปเรื่อยๆจนลับสายตา   รู้สึกตัวอีกทีก็ไถลมากับพรมจนมาถึงชั้นล่างสุดแล้ว  ผืนพรมสีแดงกลับกลายเป็นบันไดหินสีเทาซีดเช่นเก่า

     

    ท่านสบายดีไหมเจ้าหญิงชะโงกหัวลงมาจากชั้นบนสุดตะโกนถาม

     

    แค่ตกบันไดน่ะ  ไม่เป็นไรหรอกเจ้าชายตะโกนตอบ

     

    โอ! ข้าเป็นห่วงท่านมาก  ข้าอยากวิ่งลงไปหาท่านแต่ขาข้าเจ็บเหลือเกิน

     

    เจ้าชายถอนหายใจแล้วตะโกนตอบไปว่า เดี๋ยวข้าจะไปอุ้มท่านลงมาเอง

     

    เมื่อมาถึงหน้าประสาท  กว่าจะจัดแจงให้เจ้าหญิงนั่งบนอานม้าได้นั้นเจ้าชายรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าการผจญภัยทั้งปวงที่ผ่านมาเสียอีก   เจ้าหญิงหัวเราะคิกคัก เท้าคางมองหน้าอัศวินม้าขาวอย่างชื่นชม   เขาเงยหน้าจากม้าขาวแล้วกล่าวว่า

    ม้าตัวนี้แสนรู้มาก  ภายในครึ่งวันมันจะพาท่านไปถึงเมืองของข้า  ขบวนต้อนรับสมเกียรตินั้นเอาไว้ค่อยจัดวันหลังก็ได้

     

    รอยยิ้มของเจ้าหญิงเหือดหายไปในทันที ท่านไม่ไปด้วย?”

     

    ข้ามีธุระต้องทำ  เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง

     

    ไม่...ไม่ทันที่เจ้าหญิงจะคัดค้านมากไปกว่านี้  เจ้าชายเอามือตบตะโพกเจ้ากระต่าย   ม้าขาวจอมคะนองวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวลูกธนูหลุดจากแหล่ง

     

    ดูแลเจ้าหญิงให้ดีๆล่ะเจ้ากระต่ายเจ้าชายตะโกนไล่หลัง  เจ้ากระต่ายร้องฮี้ตอบ  เขาแหงนหน้ามองเบื้องบน  พบว่าม่านราตรีเริ่มครอบคลุมฟ้าเสียแล้ว

     

    ดวงจันทร์กลมโตกระจ่างกลางฟ้า  ผืนเมฆสีเทาทึบคอยบดบังเป็นระยะ  เหนือปราสาทถูกบดบังแสงจันทร์ด้วยเงาจากร่างใหญ่ยักษ์ของเจ้ามังกร  มันค่อยๆกระพือปีกบินลงมาอย่างช้าๆจนถึงห้องบันไดเวียนชั้นล่างสุด  แม่มดกระโดดลงจากหลังมังกรเดินไปสาวโซ่ที่ซ่อนอยู่หลังขั้นบันไดออกมา  หลังคาปราสาทค่อยๆเลื่อนปิดอย่างช้าๆ  จากนั้นก็เดินกลับไปลูบหัวเจ้ามังกร  เจ้ามังกรพริ้มตาอย่างมีความสุข  ตวัดลิ้นเลียตอบจนเธอจั๊กจี้หัวเราะคิกคัก

     

    พรุ่งนี้เช้าก็ออกไปเที่ยวได้แล้วล่ะ  แต่ต้องกลับมาภายในสามวันนะ

     

    เจ้ามังกรผงกศีรษะราวกับเข้าใจในสิ่งที่แม่มดพูด  แม่มดยิ้มอย่างเอ็นดู  มันแยกเขี้ยวยิงฟันตอบทำเอาแม่มดหัวร่องอหาย

     

    ได้เวลาเข้านอนแล้ว  เดี๋ยวข้าจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังนะ

     

    แม่มดเดินขึ้นมาถึงชั้นบนสุด  ผ่านห้องผ้าม่านสีแดง  เสกผ้าม่านเหล่านั้นให้กลายเป็นผ้าปูที่นอนสีน้ำทะเล ร่อนลงมาห่มคลุมร่างของเจ้ามังกร  จากนั้นเธอก็เดินผ่านเข้าไปในห้องนั่งเล่น

     

    เอ๊ะ!”แม่มดอุทานอย่างประหลาดใจระคนตกใจ

     

    หนังสือพวกนี้สนุกดีเจ้าชายชูหนังสือเล่มหนาๆในมือ ซึ่งแต่เดิมมันเคยวางอยู่บนชั้นหนังสือมุมห้อง ที่บ้านข้าหาหนังสือพวกนี้อ่านไม่ได้เลย

     

    แล้วเจ้าหญิงล่ะ?”แม่มดถาม

     

    เจ้าหญิงทิ้งข้าไปแล้ว

     

    ทำไมล่ะ!”แม่มดโพล่งออกมา แต่ไหนแต่ไรเจ้าชายกับเจ้าหญิงก็ต้องลงเอยกันด้วยดีไม่ใช่หรือ

    เจ้าชายได้แต่ยิ้มและยักไหล่

     

    ข้าไม่เข้าใจเลยคิ้วของแม่มดเกิดปมขมวดมุ่น

     

    ข้าเองไม่เข้าใจเหมือนกัน   ท่านเป็นแม่มดแท้ๆแต่ทำไมต้องเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องความรักระหว่างเจ้าหญิงกับเจ้าชายด้วยเจ้าชายถามกลับ

     

    ข้าแค่อยากเห็นคู่รักได้สมปรารถนาเท่านั้นเอง แม่มดตอบอ้อมแอ้ม

     

    ข้าว่าท่านคงอ่านนิทานปรัมปราเหล่านี้มากเกินไปเจ้าชายชูหนังสือในมืออีกครา มีแต่เรื่องเจ้าชายฝ่าฟันอุปสรรคไปช่วยคู่รัก แล้วก็ลงเอยด้วยกันอย่างมีความสุข

     

    ข้าเป็นแม่มดนะ  เจ้าไม่กลัวเหรอแม่มดปั้นสีหน้าขู่

     

    น่ารักล่ะไม่ว่า... ข้าควรจะเป็นคนถามท่านมากกว่าว่า กลัวข้ารึเปล่าเจ้าชายกล่าวจบวางหนังสือลง  ก้าวย่างไปหาแม่มดอย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม  แม่มดเริ่มมีท่าทีเงอะงะลนลาน

     

    เจ้าจะทำอะไร?”แม่มดถามอย่างหวั่นๆ   เจ้าชายยังคงเดินเข้าไปหา กางแขนเล็กน้อยเหมือนจะสวมกอด

    อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้นะแม่มดชี้หัวไม่เท้าไปข้างหน้า  แต่ลำแสงสีแดงกลับไม่ยอมพุ่งออกมา

     

    โธ่!”เสียงของแม่มดสั่นเครือ  ลักษณะท่าทางราวกับเด็กกำลังจะร้องไห้

     

    ฮ่ะๆๆ  ที่แท้แม่มดอย่างเจ้าเวลากลัวก็ไม่ต่างจากเด็กน้อยเลยเจ้าชายพูดพลางหัวเราะชอบอกชอบใจ  ขยับกายถอยห่างออกมาเล็กน้อย

     

    ข..ข้าเปล่านะ  ท่านต่างหากที่แกล้งข้าแม่มดพูดพลางหลบตาไปที่อื่น

     

    เจ้าน่ารักเหลือเกิน  ข้าแอบเฝ้าดูตั้งแต่ตอนที่เจ้าให้อาหารนกที่สวนหลังปราสาทแล้ว  ข้าเข้าใจผิดว่าเจ้าเป็นเจ้าหญิงเลยรีบบุกเข้ามาช่วย  ที่ไหนได้เจ้ากลับเป็นแม่มดเสียนี่

     

    ข้าก็เชื่อสนิทว่าท่านเป็นคนเลี้ยงม้า แม่มดหัวเราะฝืนๆ ท่านต่อสู้ได้เก่งมาก  ข้าไม่เคยสู้กับเจ้าชายคนไหนที่เก่งอย่างท่านมาก่อน

     

    ถ้ารู้ว่าเจ้าเป็นแม่มดตั้งแต่แรกข้าคงยอมวางดาบแต่โดยดี เจ้าชายกล่าว  ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเคยฟันดาบใส่ไม้เท้าของแม่มดอย่างแรงจนกระเด็นหลุดมือ  เจ้ายังเจ็บข้อมืออยู่หรือเปล่าเจ้าชายฉวยข้อมือขาวนุ่มน่าสัมผัสขึ้นมาคลำดู

     

    ข้าไม่เป็นไรแม่มดอ้อมแอ้มตอบ  สลัดข้อมือเบาๆ

     

    เจ้าชายจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของแม่มด จนหญิงสาวต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่  จากนั้นเขาก็เขยิบเข้าใกล้ในระยะกระชั้นชิด  โน้มใบหน้าเข้าไปหาช้าๆ  ทีแรกเธอมีท่าทีขัดขืน  แต่เมือลมหายใจอุ่นๆของแต่ละฝ่ายสัมผัสผิวกายของกันและกัน  ก็ทำให้เธออ่อนยวบลงทั้งกายและใจ จนเจ้าชายต้องรีบเอื้อมสองมือไปประคองไหล่เธอไว้ไม่ให้ล้ม  แม่มดพริ้มตาลง  หอบหายใจอย่างแรงและปั่นป่วน  แต่ทันใดนั้นก็เหมือนมีจิตใต้สำนึกอะไรบางอย่างมารั้งเตือนเธอไว้

     

    อย่างยุ่งกับข้าดีกว่าแม่มดผลักอกเจ้าชายจนเขาเซไปข้างหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่วนตัวเธอเดินหลบห่างออกมาหันหลังให้   ชี้ไม้เท้าไปยังชิ้นส่วนของเกราะอัศวินและเครื่องเรือนที่ได้รับความเสียหายต่างๆ  ทุกอย่างถูกเนรมิตให้กลับสู่สภาพเดิม

     

    เจ้าไม่ชอบข้าเหรอเจ้าชายถามเสียงอ่อน

     

    ข้าว่ามันไม่เหมาะสม  ท่านเป็นเจ้าชายแต่ข้าเป็นแม่มดแม่มดกล่าว

     

    เจ้าชายกับแม่มดมันสำคัญตรงไหน  ในเมื่อข้ารักเจ้า!”

     

    ท่านตัดใจจากข้าเสียเถอะแม่มดยังคงยืนยันในคำตอบ  และยังคงหันหลังให้เขาอยู่

     

    เจ้าชายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวขึ้นว่า

    เจ้าไม่รับรักข้าก็ไม่เป็นไร  แต่นี่ก็มืดแล้ว แถมม้าคู่ใจของข้าก็ไม่อยู่เสียด้วย  ข้าคงต้องพักแรมอยู่ที่นี่สักคืนหนึ่งเจ้าชายกล่าว  ในใจหวังว่าจะยืดระยะเวลาที่ได้อยู่ใกล้เธอออกไปได้

     

    เรื่องนั้นท่านไม่ต้องห่วง  เดี๋ยวข้าจะให้ท่านขี่มังกรของข้าไปลงใกล้ๆกำแพงของเมืองของท่าน  อย่าเข้าใกล้เกินไปเดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่นตกใจแม่มดพูด พลางหันหน้าเดินออกไปที่ประตู

     

    เดี๋ยวก่อน! มังกรของเจ้ามันดุร้ายมาก  ตอนสู้กันเมื่อครู่มันก็เกือบฆ่าข้าเจ้าชายพยายามหาข้ออ้าง

     

    เจ้ามังกรสามารถประเมินคู่ต่อสู้   ทุกครั้งก่อนที่จะโจมตีมันคำนวณไว้แล้วว่าท่านจะไม่ได้รับอันตราย  ที่มันทำมันเพียงแต่แสดงละครเท่านั้น  ไม่ได้คิดทำร้ายท่านจริงๆหรอกแม่มดอธิบาย

     

    เจ้าชายเอาฝ่ามือตีหน้าผากอย่างผิดหวัง  แต่นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า

    มีข้อแม้ว่าเจ้าจะต้องขี่หลังมังกรไปกับข้าด้วย  ข้าจะได้อุ่นใจ

     

    แม่มดทำท่าฮึดฮัดอย่างลำบากใจก่อนจะหันกลับมาตอบว่า ตกลง  ข้าจะไปส่งท่าน

     

    ธอมใบหน้าเข้าไปหาช้าๆ  ทีแรกนางาๆ  ทีแรกนางมีท่าทีขัดขืน้ำลายอึกใหญ่  จากนั้นเขาก็เขยิบเข้าอ  "าเจ้าเป็นเจ้าหญิงเลยรีบบุกเข้ามา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×