ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานรักปรัมปรา ที่ไม่ธรรมดา

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 53


    บทที่ 1

    กาลครั้งหนึ่งนาน  ณ เมืองอันสงบสุขเมืองหนึ่ง  ถูกปกครองโดยพระราชาผู้ทรงปรีชาสามารถและมีพระราชินีเลอโฉมคู่ใจเคียงคู่กาย  ทั้งคู่ให้กำเนิดบุตรีคนโตซึ่งบัดนี้ก็โตเป็นสาวงามสะพรั่ง  เป็นฝั่งเป็นฝากับเจ้าชายจากเมืองตะวันออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  เป็นที่กล่าวขานกันว่าเจ้าชายตะวันออกบุกไปชิงตัวเจ้าหญิงจากเงื้อมมือของแม่มดที่อาศัยอยู่ในปราสาททมิฬ  และแม่มดก็มีสัตว์คู่ใจเป็นมังกรพ่นไฟ  ในอ้อมอกของพระราชาและพระราชินีในตอนนี้ก็เหลือแต่บุตรชายคนเล็กหรือเจ้าชายคนเดียวของเมืองนี้

     

    กล่าวถึงเจ้าชายผู้รับภาระสืบทอดบัลลังก์ต่อจากพระราชาในอนาคต  เขามีนิสัยไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยอย่างที่เจ้าชายควรจะเป็น  วันๆเอาแต่คลุกคลีกับพวกทหารและเล่นโลดโผน  ชื่นชอบการผจญภัย  ฟันดาบ ยิงธนู  และขี่ม้าเป็นชีวิตจิตใจ

     

    พอแค่นี้เถอะพะย่ะค่ะ  ข้าสู้ท่านไม่ไหวแล้วชายวัยกลางคนย่างเข้าวัยชรา ผมสีดอกเลารูปร่างสันทัดใช้ดาบค้ำพยุงตัวหอบแฮ่กๆ  เขาอดีตขุนพลผู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพระราชาในสนามรบ

     

    เรารู้สึกว่าท่านยังไม่ได้เอาจริงชายหนุ่มร่างสูงกำยำพูดยิ้มๆ พลางสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อให้ผมสีทองเรียบลื่นยาวประต้นคอบางส่วนที่ปรกหน้าอยู่กลับไปอยู่ข้างหลังตามเดิม  ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลเผยยิ้มยิ่งกว่าริมฝีปากบางเสียอีก  ปลายจมูกโด่งเป็นสันดักหยาดเหงื่อไว้เป็นหยด  เขายกต้นแขนที่ปกคลุมด้วยแขนเสื้อแขนยาวสีเขียวขึ้นมาเช็ด    

     

    ข้าแก่แล้ว เรี่ยวแรงย่อมสู้คนหนุ่มไฟแรงอย่างท่านไม่ได้ขุนศึกอธิบาย

     

    ในเมื่อท่านแพ้เราแล้วก็ต้องทำตามข้อตกลง

     

    ฮึ่ม!”ขุนศึกแค่นเสียงในลำคออย่างเจ็บใจ ข้ามันไม่เอาไหนจริงๆ..เจ้าชาย  ท่านอย่าบอกให้ใครรู้ว่าข้าปล่อยท่านออกไปเที่ยวนอกปราสาทนะ ไม่อย่างนั้นข้าแย่แน่

     

    อ้าว! หน้าที่รักษาความลับเป็นหน้าที่ของท่านต่างหากเจ้าชายเล่นตลกหน้าตาย พอขุนศึกมีสีหน้ากระวนกระวายจึงยิ้มออกมา วางใจเถอะ  เราไม่บอกใครอยู่แล้ว

     

    หลังจากได้รับป้ายผ่านสะดวกจากขุนศึกมาแล้ว  เจ้าชายก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าเนื้อหยาบสีน้ำตาลซีดพร้อมกับฮู้ดคลุมศีรษะ  เขาไปหยุดอยู่หน้าประตูไม้ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ระหว่างกำแพงหินขนาดใหญ่กว่า  แสดงแผ่นป้ายผ่านสะดวก  ทหารยามสาวรอก  ประตูไม้เปิดออกอย่างช้าๆ  เจ้าชายเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ออกไปเที่ยวชมตัวเมือง  ทำตัวกลมกลืนไปกับฝูงชน  ถนนและตึกราบ้านช่องสะอาดสะอ้านสบายตา  เจ้าของแผงลอยร้านค้าสนทนาปราศรัยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง   สองข้างทางเกลื่อนกลาดไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ  นานๆทีจะมีทหารยามเดินตรวจตระเวนผ่านมา   พ่อค้าแม่ขายก็มักจะมอบของเล็กๆน้อยๆเป็นน้ำใจติดมือทหาร

     

    ข้ารับไม่ได้หรอก  ข้าแค่ทำตามหน้าที่ของข้าเท่านั้นเอง นี่คือคำพูดยอดนิยมของทหาร

     

    อย่างเกรงใจไปเลย  รับไว้เพื่อรักษาน้ำใจข้าก็แล้วกัน ส่วนนี่ก็คือคำตอบยอดนิยมของพ่อค้าแม่ขาย

     

    เจ้าชายถอนหายใจอย่างมีความสุข  เดินทอดน่องเรื่อยเปื่อยมาหยุดอยู่หน้าร้านน้ำชาซึ่งเป็นร้านประจำของเขา  บรรยากาศในร้านตอนเที่ยงคึกคักแต่เงียบกริบ  เพราะทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอฟังนิทานจากผู้เฒ่าเคราขาวนักเล่านิทานผู้สั่งสมประสบการณ์มาหลายสิบปี  ออกเดินทางไปทั่วภพจบแดนตั้งแต่ยังหนุ่ม  ผ่านสิ่งสวยงามและเลวร้ายมามาก  ไม่ใช่แค่ผ่านแล้วผ่านเลยแต่ยังเก็บสิ่งที่ประสบพานพบมาใส่สีปรุงแต่งให้เป็นเรื่องเล่าที่แปลกใหม่   ผู้เฒ่าเคราขาวรักในสิ่งที่เขาเป็น

     

    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  นานเท่าที่ข้าพอจำความได้นี่คือคำขึ้นต้นการเล่าของผู้เฒ่าเคราขาวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว  เจ้าชายนั่งเอามือเท้าคางฟัง  เป็นอิริยาบถเช่นเดียวกับเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วที่พระราชาเชิญผู้เฒ่าเคราขาวไปเล่านิทานให้ฟัง  พระราชาเห็นว่าเรื่องเล่าเกี่ยวกับการผจญภัยเหล่านี้ก็สนุกดีแต่หาสาระที่เกี่ยวข้องกับการปกครองมิได้จึงไม่สนใจเท่าไหร่  ผิดกับเจ้าชายที่ต้องแอบหนีออกจากปราสาทมาฟังนิทานอยู่บ่อยๆ  เขาฝึกขี่ม้าฝึกต่อสู้เพราะหวังไว้ว่าสักวันจะสามารถเป็นอย่างเจ้าชายในเรื่องเล่าของผู้เฒ่าเคราขาว

     

     

    ณ ห้องบรรทม  พระราชาและพระราชินีเรียกเจ้าชายมาคุยด้วยเป็นการส่วนตัว

     

    หลังจากที่เจ้าเหลวไหลมาหลายปี  ถึงเวลาที่เจ้าต้องพิสูจน์ตัวเองเสียแล้วพระราชาเปรยขึ้น

     

    พิสูจน์อย่างไรพะย่ะค่ะเจ้าชายถาม  คิ้วขมวดเข้าหากัน แต่ตายังส่อแววความเป็นคนขี้เล่น

     

    พระราชาถอนหายใจส่งม้วนกระดาษสีทองให้เจ้าชาย  เจ้าชายคลี่ออกอ่านอย่างผิดๆถูกๆพอจับใจความได้ว่า

     

    จะให้ข้าไปช่วยเจ้าหญิงเมืองใต้จากปราสาทแม่มดเจ้าชายเอ่ยขึ้นพลางเอานิ้วลูบคางอย่างครุ่นคิด

     

    นี่ถือเป็นโอกาสดีนะลูกน้ำเสียงของราชินีเปี่ยมด้วยปิติและความหวัง ลูกจะได้คู่ครองที่ดีพร้อมถ้าลูกผ่านการทดสอบนี้ไปได้

     

    ด่านทดสอบมันก็น่าทดสอบอยู่หรอกท่านแม่  แต่เรื่องคู่ครองนี่สิข้ายังไม่อยากคิดน้ำเสียงหวั่นๆของเจ้าชายแสดงให้เห็นว่าเขากลัวจะเสียความมีอิสระ

     

    ข้าไม่ยอมให้เจ้าเถลไถลต่อไปจนข้าตายหรอก  เจ้าจะต้องมีคู่ครองมาคอยควบคุมและเจ้าต้องเรียนรู้การเป็นนักปกครองที่ดีเพื่อสืบบัลลังก์ต่อจากข้าพระราชาพูด

     

    ขอแค่ท่านพ่อสอนข้าวันนี้  วันพรุ่งนี้ข้าก็เป็นพระราชาได้แล้วเจ้าชายกล่าวอย่างมั่นใจ บ้านเมืองสงบสุขแบบนี้  นักปกครองไม่เห็นต้องทำอะไรเลย

     

    แต่เจ้าต้องไปพระราชายืนกรานด้วยท่าทีแข็งกร้าว การฝ่าฟันอันตรายเพื่อชิงตัวเจ้าหญิงออกมาจากประสาทแม่มดเปรียบเสมือนประเพณีที่เจ้าชายทุกคนต้องผ่านก่อนที่จะขึ้นครองบัลลังก์

     

    ก็เพราะมันเป็นประเพณีน่ะสิ  ข้าจึงคิดว่ามันไร้สาระยิ่งนัก  แม่มดอย่างนู้นมังกรอย่างนี้  สุดท้ายเจ้าชายก็พาเจ้าหญิงกลับออกมาได้ทุกคน  ไม่เห็นมีอะไรท้าทายสักนิด

     

    แต่แม่ว่ามันเป็นประเพณีที่ดีนะพระราชินีพูดพลางมีสีหน้าแดงระเรื่อ ในวันนั้นพ่อเจ้าองอาจและสง่างามเหลือเกิน

     

    พระราชาก้มมองต่ำพร้อมกับกระแอมไอแก้เขิน  พระราชินีหลุดหัวเราะคิกออกมา  เจ้าชายป้องปากหัวเราะเบาๆแล้วกล่าวว่าเพื่อความสงบสุขของทุกฝ่ายข้าจะยอมไปแต่โดยดี....เพียงแต่ในปราสาทมีทั้งมังกรไฟและเวทมนตร์อาถรรพ์  ข้าไม่มั่นใจว่าจะช่วยเจ้าหญิงออกมาได้หรือเปล่า

     

    ลูกไม่ต้องกังวลหรอก แม่เชื่อว่าลูกต้องทำได้แน่นอน พระราชินีให้กำลังใจ พี่สาวของเจ้าก็เคยถูกแม่มดจับไปขังในปราสาททมิฬเช่นกัน  เจ้าชายจากเมืองตะวันออกความจริงมีสมาธิสั้นและบุคลิกไม่สมประกอบ  แต่พอช่วยพี่เจ้าออกมาได้ก็เกิดความมั่นใจทำให้บุคลิกสง่าผ่าเผยผิดจากเดินเป็นคนละคน

     

    ข้าสงสัยว่าพี่ข้าโดนจับไปได้อย่างไรเจ้าชายถามพร้อมกับยกมือขึ้น

     

    เอ่อ...พระราชาอ้ำอึ้ง คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง  แสงจันทร์สาดส่องเสริมพลังเวทย์ของแม่มดให้กล้าแกร่งยิ่งขึ้น  หล่อนปลอมตัวเป็นคนใช้ในปราสาทแล้วแอบลักพาตัวพี่สาวเจ้าออกไป

     

    ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อท่านแม่  ให้ข้าไปพรุ่งนี้เช้าเลยดีไหม

     

    ย่างเพิ่งรีบร้อนไปลูกรัก  ใช้เวลาเตรียมสัมภาระสักสองสามวันดีกว่า  แม่จะให้พ่อจัดเตรียมทหารมือดีไว้ใจได้เดินทางไปเป็นเพื่อนลูกด้วย

     

    อ้าว! แล้วกันเจ้าชายอุทานพร้อมกับหัวเราะร่วน ถ้าเป็นเช่นนั้นขนกระโจมไปตั้งด้วยเลยดีไหมพะย่ะค่ะ  เกณฑ์ไพร่พลเสียหนึ่งกองทัพ  สั่งปีกซ้ายไปสู้มังกร  ปีกขวาไปปราบแม่มด ขุนพลปีนไปอุ้มเจ้าหญิงลงมา ส่วนข้านอนรอรับความรัก  เอาแบบนี้ดีไหมพะย่ะค่ะ

     

    ท่านแม่เป็นห่วงเจ้า  แต่เจ้ากลับเล่นลิ้นกวนประสาทพระราชาดุ

     

    ไม่เป็นไรหรอก  แม่ชินกับนิสัยลูกเสียแล้ว

     

    เจ้าชายหัวเราะหึๆ เอาเป็นว่าให้ข้าไปคนเดียวเลยดีกว่า

     

    ไม่ได้เด็ดขาด!”พระราชาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดยิ่งกว่าคำพูด

     

    อืมม์เจ้าใช้เอานิ้วลูบคางอย่างใช้ความคิด ตกลง  ท่านพ่อเตรียมทหารของท่านไว้เถอะ  ข้าขอเวลาเตรียมตัวเตรียมใจสักสามวัน

     

    ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยสมกับเป็นลูกข้าพระราชาพูดพลางส่งยิ้มให้พระราชินี  เธอยิ้มตอบ  ส่วนเจ้าชายแอบยิ้มกริ่มคนเดียวอย่างคนมีแผน

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×