ตรงมุมหนึ่งของห้องอาหารที่ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน เขาวางจานบนโต๊ะแล้วเริ่มใช้ตะเกียบคีบผักต้มเข้าปาก มือข้างที่ว่างเปิดมือถืออัพเดทข่าวสารไปพลาง กระทั่งไปสะดุดหยุดจ้องคลิปสั้น ๆ ที่กำลังไวรัลในเวยป๋อ และพอได้กดดูเท่านั้น อีกนิดเดียวเขาเกือบได้สำลักบล็อกโครี่ขาดใจตายไปละ
รู้ ๆ กันอยู่ว่าชาวราศีสิงห์เป็นประเภทอีโก้สูง ถึงจะหึงหวงแฟนแค่ไหนก็ไม่มีทางแสดงออกมาให้เห็น แต่กับคนในคลิปนี้ เขาไม่สามารถตีหน้านิ่งแสร้งทำเป็นใจเย็น พอคว้ามือถือได้ เขาเปิดแอปวีแชทกดส่งข้อความทันที
"(▼へ▼メ)"
" ( ⚆ _ ⚆ )? "
"สัญญามา!"
"โมโหอะไรมาแต่เช้าเนี่ย น้องชาย ละสัญญาอะไรของนาย?"
"สัญญากับผมว่าพี่จะไม่ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเดินออกมาข้างนอกอีก!!!??’?"
"อ้อ คลิปเมื่อคืนช่ะ แหะ ๆ (゚∀゚)"
"( ̄^ ̄)"
"นายต้องฟังเหตุผลก่อนนา เมื่อคืนมันฉุกละหุกจนฉันไม่ทันได้เปลี่ยนชุดน่ะ ละดึกป่านนั้นใครจะไปคิดว่ายังมีแฟนคลับรออยู่หน้าโรงแรมอีกล่ะ"
"ไม่รับปาก?"
"เดี๋ยวววววซิ อี้ป๋อ ฉันขอโทษ ๆ ε-(>o<) "
"..."
เขาตัดจบบทสนทนาไว้เท่านั้น วางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับโต๊ะเสียงดัง ก้มมองอาหารเช้าที่เพิ่งกินได้ไม่กี่คำตรงหน้า ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเหลืออยู่อีกแล้ว
"อี้ป๋อ ๆ นายเห็นนี่ยัง"
น้ำเสียงตื่นเต้นของพี่เมเนเจอร์ชวนให้เขาต้องเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่พี่เขายื่นมาให้ดูตรงหน้า เมื่อเห็นแท็ก #เซียวจ้านกับความสวยระดับFullHD กำลังขึ้นเทรน เขาได้แต่กลอกตา ก่อนจะหยิบตะเกียบคีบผักต้มอีกชิ้นเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น
"วัยรุ่นสมัยนี้เขาไม่ชมผู้ชายว่าหล่อกันแล้วเรอะ แต่ก็นะ จ้านเกอของนายเป็นคนสวยจริง ๆ นั่นละ"
พอได้ยินพี่เมเนเจอร์พึมพำขณะไถหน้าจอไล่ดูรูปเซียวจ้านในแท็ก เขาวางตะเกียบเสียงดัง พี่เมเนเจอร์เหลือบเห็นท่าทีของเขาแล้วรีบกดปิดหน้าจอมือถือแทบไม่ทัน
"ผมจะไปซ้อมละ" เขาเอ่ยอย่างหงุดหงิด ก่อนลุกออกจากโต๊ะ สาวเท้าเดินกลับห้อง ไม่สนใจใครหน้าไหน
สวยเหรอ ใช่สิ น่าหงุดหงิดชะมัด แต่ก็นะ เขาเองก็เป็นหนึ่งในวัยรุ่นสมัยนี้ที่ตกตะลึงกับใบหน้าสวย ๆ ของเซียวจ้านตั้งแต่แรกเห็นเหมือนกัน...
*****
"อี้ป๋อ นายเป็นคนโชคดีนะ รู้ตัวรึเปล่า"
หลาย ๆ คนเคยบอก และทุกครั้ง เขาเพียงแต่รับฟังด้วยท่าทีเมินเฉย 'รู้สิ' เขารู้จักตัวเองดีโดยไม่จำเป็นต้องมีใครมาบอกเขายอมรับว่านอกเหนือจากความพยายามอย่างหนักของตัวเองแล้ว ความสำเร็จในบางเรื่องก็ต้องอาศัยโชคช่วยด้วยส่วนหนึ่ง
โชคดีล่าสุดเกิดขึ้นในวันแคสติ้งละครเรื่องเฉินฉิงลิ่ง วันนั้น เพียงแค่เขาไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้กำกับ เขาก็ถูกเลือกในทันทียังไม่ทันได้อ่านบทที่เตรียมมาสักคำ
ในวงการบันเทิง เขาเริ่มต้นจากการเป็นแร็ปเปอร์และนักเต้น แม้เคยผ่านการแสดงมาบ้าง แต่เขาไม่เคยเล่นละครจีนโบราณฉะนั้นการที่นักแสดงอ่อนประสบการณ์อย่างเขาถูกเลือกให้รับบท...หลานวั่งจี...ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลักในเรื่อง จึงถือเป็นโชคดีมาก ๆ ของเขา
วันฟิตติ้งลองเสื้อผ้าหน้าผม เขาได้พบกับเซียวจ้านนักแสดงนำอีกคนครั้งแรก เซียวจ้านอายุมากกว่าเขา6ปี เป็นรุ่นพี่ที่เข้าวงการมาในฐานะไอดอลเช่นเดียวกับเขา 2ปีก่อนเขาเคยพบเซียวจ้านในรายการวาไรตี้ที่เขาเป็นพิธีกร ได้ทักทายกันตามมารยาทและพูดคุยกันผิวเผินเท่านั้น จะเรียกว่า 'คนรู้จักกัน' คงยังไม่ถูกต้องสักเท่าไร
"Hi! อี้ป๋อ ไม่เจอกันตั้งนาน นายก็มาฟิตติ้งวันนี้เหมือนกันเหรอ?"
ทันทีที่เหลือบเห็นเขาก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัว เซียวจ้านที่กำลังนั่งแต่งหน้าทำผมก็เปล่งเสียงทักทายเขาด้วยรอยยิ้มสดใสเขาสตั๊นไปหนึ่งวิ พยายามคิดว่าเขาไปสนิทกับรุ่นพี่คนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
"ครับ"
เขาตอบสั้น ๆ โค้งให้เล็กน้อยเพื่อทักทายกลับ แล้วเริ่มเดินไปยังโต๊ะแต่งตัวที่มีชื่อของเขาตั้งไว้ เมื่อช่างทำผมเดินเข้ามาหาเขาสบตาแล้วเอ่ยทักทายเร็ว ๆ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเปิดเกมส์ที่เล่นค้างไว้ ปล่อยให้ช่างทำผมทำงานของตัวเองไปเงียบๆ และขณะที่เขากำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเกมส์จนเกือบจะผ่านด่านสุดท้ายได้แล้วเชียว...
"อี้ป๋อ! ฉันจะสั่งกาแฟ นายเอาอะไรมะ?"
เสียงใส ๆ ของรุ่นพี่ที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ทำให้เขาเสียสมาธิ 'GAME OVER' เขาขมวดคิ้วมองหน้าจอโทรศัพท์ในมืออย่างหงุดหงิด ก่อนจะหันไปสบตาเจ้าของคำถามที่กำลังมองมาทางเขาด้วยดวงตากลมโตไร้พิษภัย
"ไม่ครับ ขอบคุณ"
เขาสบตาเซียวจ้านแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เปิดเกราะป้องกันพื้นที่ส่วนตัวเล็ก ๆ ที่เขาสร้างไว้เต็มที่ ก่อนจะก้มหน้าลงมองมือถือ เริ่มเล่นเกมส์ด่านนั้นใหม่อีกครั้ง ปล่อยให้เซียวจ้านยิ้มเจื่อน หันไปสั่งอเมริกาโน่เย็นกับผู้จัดการส่วนตัวแล้วนั่งนิ่ง ๆ ให้ช่างแต่งหน้าต่อ ไม่ส่งเสียงรบกวนเขาอีกต่อไป กระทั่ง...
"ว้าว! นี่ล่ะเว่ยอู๋เซี่ยนอย่างที่ผมจินตนาการไว้เลย ขอบคุณนะครับ"
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาถึงยอมกดpauseหยุดเกมส์ไว้ชั่วคราว เพื่อลอบมองรุ่นพี่ร่างสูงในชุดจีนโบราณสีดำที่กำลังยืนท้าวเอวชื่นชมตัวเองอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ดูเหมือนเซียวจ้านจะพึงพอใจกับภาพที่เห็นเอามาก ๆ รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายคู่นั้นทำให้เซียวจ้านดูเด็กลงจนเขาหลงคิดว่าอายุเท่ากัน
เมื่อถูกจ้องนานเข้า เซียวจ้านรู้สึกถึงสายตาเขาแล้วหันมายิ้มให้ "ฉันดูเป็นยังไงบ้าง?"
โดยไม่คิดอะไรมาก "สวย" เขาตอบออกไปตามที่ตาเห็น
"เอ่อ อี้ป๋อ นายควรเก็บคำว่าสวยไว้ชมผู้หญิงดีกว่ามะ" เซียวจ้านเอ่ยท้วงหน้ามุ่ย
ถึงรู้อยู่ว่าถ้อยคำของตนเพิ่งทำให้อีกคนไม่พอใจ เขาก็เลือกที่จะวางเฉย หันกลับมาสนใจเกมส์ในมือต่อ เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เขาจะชมใครว่าสวยหรือหล่อ มันเป็นสิทธิ์ของเขาป่ะ
การฟิตติ้งเครื่องแต่งกายผ่านไปด้วยดี 2อาทิตย์ต่อมา เขาบินจากปักกิ่งมาเข้าเวิร์คช็อปเรียนการแสดงก่อนเปิดกล้อง และได้พบกับเซียวจ้านอีกครั้ง และก็เป็นเสียงของพี่เค้าอีกนั่นละที่ทำให้เขาเสียสมาธิจนลื่นตกจากสเก็ตบอร์ด ถึงเวลาที่เขาต้องทำตัวให้คุ้นชินกับเสียงหวานใสของเซียวจ้านอย่างจริงจังละ
แต่ถึงก้นจะปวดระบม เขาก็โกรธรุ่นพี่ที่กำลังตกใจหน้าตาตื่นคนนี้ไม่ลงหรอกนะ และเพราะกำลังตกใจหรือเปล่าหนอ ผิวแก้มใสไร้เครื่องสำอางของพี่เค้าถึงระเรื่อสีเลือดฝาดน่ามอง แถมยังเลิ่กลั่กลุกลี้ลุกลนไม่สมกับเป็นรุ่นพี่ที่โตกว่าเขาตั้งหลายปี
เขาอยากหัวเราะแต่สุดท้ายก็ยังสงวนทีท่า และกลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดเล็ก ๆ ขึ้นมา เมื่อได้รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้พี่เขาง่วงนอนตอนเรียนเป่าขลุ่ย จนถูกครูผู้สอนดุเสียงดังลั่น เย็นวันนั้นเขาจึงฝากให้เมเนเจอร์ส่วนตัวช่วยหาซื้อกาแฟมาทดแทนกาแฟที่หกไปเมื่อตอนเที่ยงวัน และเพราะกาแฟแก้วเดียวแก้วนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเซียวจ้านก็เริ่มเปลี่ยนไป
จากไม่กล้าเข้าใกล้ กลายเป็นทุกวันเวลาเหล่านักแสดงมารวมตัวกันซ้อมวิ่งตอนเช้า เซียวจ้านจงใจเข้ามาวิ่งข้าง ๆ ชวนเขาคุยเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ จากคนไม่รู้จัก กลายเป็นเพื่อนสนิทต่างวัยที่เขายอมเปิดใจคบหา จากคนพูดน้อย เขากลายเป็นคนพูดมากจนน่ารำคาญ ถูกเซียวจ้านเอามือมาปิดปากอยู่บ่อย ๆ และเขาไม่เคยถือสา
เวลาซ้อมอ่านบท เราสองคนมักหาเรื่องตีกันไปมา มองหน้ากันทีไรเป็นต้องหลุดขำโดยไม่มีเหตุผล อาหารทุกมื้อเรานั่งตรงข้ามกัน แกว่งขาเตะกันใต้โต๊ะบ้างและไม่ลืมที่จะใช้ตะเกียบหนีบแย่งอาหารของอีกคน และแม้ว่าจะเจอกันแทบทุกวันจนเริ่มเบื่อขี้หน้า วันไหนอีกคนไม่มา เราก็ส่งข้อความหากันเรื่อยเปื่อย และเผลอหัวเราะซะเสียงดัง ทุกครั้งที่อีกคนส่งมีมตลก ๆ มาให้
มิตรภาพระหว่างรุ่นพี่รุ่นน้องดำเนินไปด้วยดี กระทั่งวันหนึ่ง ขณะถ่ายทำฉากในถ้ำเสวียนอู่
"เล่นให้กำกวมกว่านี้หน่อย"
เมื่อได้ยินผู้กำกับตะโกนออกมาจากหลังกล้อง เขากับเซียวจ้านพร้อมใจกันหัวเราะคิกคัก ผู้ชาย2คนมานั่งมองตากันในถ้ำสองต่อสอง ร้องเพลงให้ฟังก็แล้ว ยังกำกวมไม่พออีกเหรอ
"ขำอะไรกัน นายสองคนไม่เคยอ่านนิยายต้นฉบับกันหรือไงฮึ"
"เคยอ่านแล้วครับ อี้ป๋อ แล้วนายล่ะ?"
"เคยอ่านผ่าน ๆ รอบนึง"
"อ่านแล้วรู้สึกยังไง?"
"ขนลุก!!!" เขากับเซียวจ้านขานตอบผู้กำกับอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะหันมาหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ผู้กำกับเห็นแล้วส่ายหน้าเหนื่อยหน่าย
"ถึงบทละครจะไม่เอื้อ แต่พวกนายต้องทำให้แฟนหนังสือมองเห็นความรักระหว่างเว่ยอิงกับวั่งจีให้ได้ อย่าทำให้พวกเขาผิดหวัง เข้าใจที่ฉันพูดไหม"
เมื่อผู้กำกับเอาจริงขึ้นมา หลังจากพักกอง เขากับเซียวจ้านจำต้องสุมหัวกันรีบคิดหาทางออกโดยเร็ว
"เซียวเหล่าซือ ในฐานะที่พี่เคยแสดงหนังมามากกว่า ผมต้องขอคำแนะนำจากพี่แล้วล่ะ"
"ตามหลักแล้วตัวละครรู้สึกยังไง นักแสดงอย่างพวกเราก็ควรรู้สึกและแสดงออกไปตามนั้น แต่มันยากตรงที่ฉันไม่เคยเล่นละครที่สร้างจากนิยายวายอะ ละที่สำคัญ..." เซียวจ้านสบตาเขาเร็ว ๆ ก่อนจะหลุบตาลงมองขลุ่ยสีดำในมือ ลังเลนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยต่อ "ฉันไม่เคยชอบผู้ชาย"
เขานิ่งไปชั่วอึดใจ "พี่ไม่ชอบผมเหรอ?" เขาออกจะชอบพี่ชายคนนี้เอาเสียมาก ๆ
คำถามของเขาทำให้เซียวจ้านเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะขำก๊ากจนคนรอบข้างหันมามองกันใหญ่
"ให้ตาย นายกล้าถามคำถามน่าอายด้วยหน้าตาเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนแบบนี้ได้ไง หวังอี้ป๋อ!?!" เซียวจ้านยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายคู่น่ารัก แล้วยื่นนิ้วชี้ออกมาจิ้มหน้าผากเขา
"หวังเหล่าซือ ฉันไม่ชอบนายไม่ได้หรอกนะ ไม่เช่นนั้นใครจะช่วยสอนฉันเต้นล่ะ ฮ่าฮ่า" เขาได้ยินแล้วปล่อยหมัดเล็งไปที่ต้นแขนพี่อย่างหมั่นเขี้ยว เซียวจ้านเบี่ยงตัวหลบกำปั้นเขาได้ฉิวเฉียด
"แต่ผมน่ะ ชอบเซียวเหล่าซือมาก ๆ คนอะไรดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ร้องเพลงเพราะ เล่นหนังเก่ง เต้นก็ได้ สมบูรณ์แบบไปหมด" เขาอวยพี่ด้วยรอยยิ้มทะเล้น
"หวังอี้ป๋อ นายจะเริ่มอีกแล้วใช่มะ ใช่มั้ย! นี่แหนะ!"
เมื่อเห็นเซียวจ้านชักกระบี่ปลอมออกมาเตรียมจะตี เขาจึงรีบตวัดกระบี่สีขาวในมือขึ้นรับ ตีกันไปตีกันมาสักพัก เขาสะดุดชายเสื้อคลุมตัวเองเสียหลัก หลบกระบี่เซียวจ้านไม่ทัน ถูกสุ่ยเปี้ยนฟาดโดนแก้มขวาเข้าเต็มเปา
เซียวจ้านเสียบกระบี่เก็บเข้าฝักแล้วรีบยื่นมือมาสัมผัสแก้มเขา สีหน้าหวั่นวิตก เขาสบตาพี่แล้วหยักยิ้มมุมปาก ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดมาก เขารู้สึกเจ็บนิดเดียวเท่านั้น ส่วนรอยแดงบาง ๆ นี้ให้ช่างแต่งหน้าตบแป้งทับอีกหน่อยก็มองไม่เห็นแล้ว
"ถ้าผมขี้เหร่จนตกงาน เป็นหน้าที่พี่ที่ต้องดูแลผมไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ ฮะ ฮ่า" เขาหยอกขำ ๆ ตั้งใจให้อีกฝ่ายเถียงกลับเหมือนทุกครั้ง
"ได้สิ" เขาอึ้งไปเมื่อได้ยินคำตอบไม่คาดฝัน กะแค่บาดแผลเล็ก ๆ เขาไม่คิดว่าเซียวจ้านจะจริงจังขนาดนั้น
เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เขาจึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ เฝ้ามองใบหน้าสวยที่ดูเศร้าสลดไม่สดใส ปล่อยให้เซียวจ้านค่อย ๆ เลื่อนปลายนิ้วหัวแม่มือสัมผัสรอยแดงบนแก้มเขาอย่างเบามือ เป็นความอ่อนโยนที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนแปลก ๆ ในอกซ้าย
"ขอโทษนะ" ปากขยับเอ่ยแผ่วเบา ทว่าเซียวจ้านยังไม่ยอมสบตาเขาตรง ๆ อยู่ดี
คำขอโทษสั้น ๆ นั้นก่อกำเนิดคลื่นอารมณ์บางอย่างที่ทำให้เขาสะท้านไปทั้งร่าง สู้ให้เซียวจ้านจ้องหน้าหาเรื่อง ไม่ก็ตีเขากลับแรง ๆ เหมือนทุกทียังดีซะกว่า ใจเต้นแรงเป็นบ้า
สองตาไล่มองตามลำคอยาวระหงส์ ขึ้นมาถึงสันกรามโค้งได้รูป จนมาอ้อยอิ่งอยู่ที่ไฝเม็ดเล็กใต้ริมฝีปากอิ่ม พอได้เผลอไผลเพ่งพิจารณาใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติใกล้ ๆ ไฉนเลยปุถุชนคนธรรมดาอย่างเขาจะไม่หลงใหล ตลอดมาเขาเคยชอบเซียวจ้านในสถานะพี่ชายแสนดี แต่เมื่อหวนนึกถึงคำว่า 'ตลอดชีวิต' ที่อีกฝ่ายตกปากรับคำอย่างง่ายดายเมื่อครู่นี้ มันอุ่นขึ้นมาในอก หัวใจของเขากลับไม่รู้สึกว่างเปล่าอย่างที่เคยเป็น
"ผมหาทางออกให้เราสองคนได้ละ" ว่าแล้วก็คว้าขมับจับข้อมือพี่ชายตรงหน้า เซียวจ้านที่เหมือนเพิ่งหลุดจากภวังค์รีบผละมือจากแก้มเขา ถอยห่างไปหนึ่งก้าว
"ทางออก?" เซียวจ้านถามเขากลับอย่างสงสัย
เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะจงใจโน้มตัวเข้าไปใกล้ใบหน้าสวย ใกล้...เสียจนเซียวจ้านตกใจ "เล่นอะไรเนี่ย เจ้าตัวแสบ" และเมื่อเห็นว่าเขายังไม่หยุดเคลื่อนเข้าหา เซียวจ้านรีบใช้ฝ่ามือดันหน้าผากเขาไว้
"จ้านเกอต้องชอบผมเหมือนที่เว่ยอู๋เซี่ยนชอบหลานวั่งจียังไงล่ะ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าถอดสี เขาแย้มยิ้มมุมปากอย่างได้ใจ"ทำยังไงดีหนอ"
จากหน้าซีดพลันเปลี่ยนเป็นแดงฉาน เซียวจ้านพูดไม่ออกไปสามวิ ก่อนจะฉวยจับหัวเขาเขย่าไม่ยั้ง เขาหัวเราะขบขัน
"เจ้าเด็กบ้า สมองนายเพี้ยนไปแล้วหรือไง ฮ่าฮ่า" เมื่อเห็นเซียวจ้านร่าเริงเหมือนเก่า เขาก็สบายใจ
"ผมพูดจริง" เขาหยุดขำเพื่อเอ่ยย้ำอย่างแข็งขัน
เซียวจ้านเหล่มองเขาอย่างมีเลศนัยแล้วหัวเราะครึ้ม "เพื่อเฉินฉิงลิ่ง?"
เขาขยิบตาซ้ายส่งให้แทนคำตอบ "นับจากนี้ไป ลำบากเซียวเหล่าซือแล้วล่ะคับ"
หลายวันผ่านไป เขาพยายามงัดกลวิธีจีบสาวต่าง ๆ นา ๆ มาใช้ ตะโกนบอกรักตรง ๆ ก็แล้ว แกล้งบ่อย ๆ ก็แล้ว ซื้อขนมมาให้กินก็แล้ว เซียวจ้านก็ยังเห็นเขาเป็นแค่เด็กอมมือคนหนึ่งเท่านั้น
'เป็นท้อเหมือนกันนะเรา' ถ้าเซียวจ้านเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ไม่ใช่ไบเซกซ์ชัวล์อย่างเขา เขาควรรีบล้มเลิกความตั้งใจก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้ไหม
เช้าตรู่วันหนึ่ง เขามาถึงกองถ่ายก่อนใครเพื่อน เป็นโอกาสดีที่จะหยิบมือถือขึ้นมาท่องอินเตอร์เนตเสิร์จหาวิธีเอาชนะใจอีกฝ่าย...
"อ้าว ไม่ได้เล่นเกมส์อยู่เรอะ ดูอะไรอยู่น่ะเรา?"
จู่ ๆ เซียวจ้านก็โผล่มาโอบไหล่เขาจากด้านหลัง เขารีบลดมือลงสอดมือถือเก็บเข้ากระเป๋ากางเกงแทบไม่ทัน ทำได้แต่ยิ้มแหยแก้เขิน เซียวจ้านมายืนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า ทำไมเขาไม่ทันสังเกตเห็น
"แผลหายเร็วดีจริง เป็นวัยรุ่นก็ดียั่งงี้ล่ะนะ"
เขาสะดุ้งเบา ๆ เมื่อเซียวจ้านโน้มตัวลงพร้อมกับยื่นมือออกมาจับแก้มเขาชวนให้หันมาสบตาแล้วหยักยิ้มน่ารักส่งให้ ความใกล้ชิดจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ของอีกฝ่ายเป็นอะไรที่แปลกใหม่ ดวงตากลมสวยที่กำลังสบกับตาเขาคู่นี้จะมองลึกไปถึงหัวใจที่กำลังสั่นไหวของเขาไหม ถ้าหากว่าใช่ เขาคงได้อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน
"!!!"
เสียงริงโทนที่ดังออกมาจากกระเป๋ากางเกง ทำให้เซียวจ้านคลายวงแขนออก ปล่อยให้เขาหยิบมือถือออกมาดู และทันทีที่รู้ว่าใครโทรมา เขาเผลอยิ้มกว้างโดยไม่รู้ตัว
"โย่ว พี่เหวิ่นฮั่น วันนั้นพี่เท่มากอะ...จริงงงง ผมตามดูพี่ตลอดอยู่แล้ว...ผมเหรอ กำลังถ่ายละครฮะ...เฮ้ย จริงสิ พี่อยู่แถวนี้เหรอ...ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ"
ตั้งแต่เมมเบอร์แต่ละคนแยกย้ายไปทำงานเดี่ยว พวกเราห้าคนแทบไม่มีโอกาสได้เจอกัน ความคิดถึงย่อมมีมากเป็นธรรมดาฉะนั้นทันทีที่รู้ว่า 'เหวิ่นฮั่น' พี่ชายคนสนิทแวะมาเยี่ยมเขาถึงกองถ่าย เขาจึงรีบคว้าสเก็ตบอร์ดพุ่งปรู๊ดออกไปหา หลังจากพูดคุยหยอกล้อกันจนหายคิดถึงราวครึ่งชั่วโมง เราสองคนสวมกอดกันกลมก่อนจะบอกลา
ขณะไถสเก็ตบอร์ดกลับเข้าสตูดิโอ หวนคิดถึงวันเก่า ๆ ตอนเขาเป็นน้องเล็กผู้น่ารัก จะทำอะไรก็มีพี่ ๆ คอยโอ๋คอยเอาใจ คิดๆ แล้วก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แต่แล้วรอยยิ้มเขาพลันหายวับ เมื่อเงยหน้ามาสบเข้ากับสายตาเย็นชาของพี่ชายอีกคน เซียวจ้านที่ถูกจับแต่งตัวเป็นเว่ยอู๋เซี่ยนเรียบร้อยกำลังยืนกอดอก เอนหลังพิงกรอบประตูทางเข้า จ้องมองมาทางเขาไม่วางตา
"อิจฉาคนอารมณ์ดี" เซียวจ้านเปรยออกมาลอย ๆ แล้วสะบัดผมยาวสลวย เตรียมจะหมุนตัวเดินกลับเข้าข้างใน เขาเห็นแล้วจึงรีบไถสเก็ตบอร์ดไปจอดขวางทางไว้
"เอาดี ๆ อิจฉาหรือหึง?" เขาถามกลับหน้านิ่ง ๆ กระโดดลงจากสเก็ตบอร์ดแล้วเดินเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไม่ยำเกรง
เซียวจ้านปรายตามองเขาแล้วหัวเราะหึ "คิดว่าไงล่ะ เจ้าทึ่ม" หลอกด่าแล้วจงใจยิ้มหวานให้เขาหวั่นไหว นิสัยไม่ดี
เขายื่นมือออกไปลูบวิกผมยาวของพี่ช้า ๆ ราวกับว่าจะขอสงบศึก ทว่า "แก่แล้วนา ยังจะทำตัวหัวร้อนเหมือนวัยรุ่นอีกเหรอเรา"
เซียวจ้านกัดฟันกรอดแล้วเริ่มออกหมัดทุบเขา "ละนายเคยทำเหมือนฉันเป็นพี่ไหม เจ้าตัวแสบ ฮ่าฮ่า"
ขณะชุลมุน ทุบกับไป ตีกันมา ทันทีที่สบโอกาส เขาฉวยจับมืออีกฝ่ายรวบไพล่หลังแล้วเอ่ยบอกข้างหู "ไม่เคยเพราะอะไรจ้านเกอน่าจะรู้อยู่แก่ใจ" เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นใบหูคนพี่แดงแจ๋ขึ้นมาทันใด
และโดยไม่รอให้เซียวจ้านหันมาตีเขาอีกป้าบ "ผมไปแต่งตัวก่อนละค้าบ" เขาฉีกยิ้มกวนประสาท รีบกระโดดขึ้นสเก็ตบอร์ดไถหนีไปอย่างไว
คิวถ่ายเช้านี้ คือซีนงานล่าภูติผีที่เขาไป๋เฟิง เซียวจ้านหรือเว่ยอู๋เซี่ยนต้องถอดผ้าพันข้อมือสีดำนำมาใช้ปิดตาโชว์ยิงธนูก่อนเริ่มการแข่งขัน เป็นอีกฉากที่เขาคิดว่าเซียนจ้านเท่มาก ๆ แม้จะไม่ได้ยิงธนูออกไปจริง ๆ ก็ตาม
ต่อจากนั้น เขากับเซียวจ้านมีซีนที่ต้องเล่นด้วยกันในป่า เป็นอีกหนึ่งซีนอารมณ์ที่ผู้กำกับคาดหวังเอาไว้มาก
"หลานวั่งจีเอ๋ย หลานวั่งจี ข้าเป็นอะไรกับเจ้า เจ้าอย่ามายุ่งเรื่องของข้าได้ไหม"
"เจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไรในสายตาเจ้า"
"ข้าเคยคิดว่าเจ้า...เป็นสหายที่ดีที่สุดของข้า"
"ยังคงเป็นเช่นนั้น"
"คัท! ดีมาก ๆ" คำชมของผู้กำกับทำให้เขาโล่งอก "ฝีมือการแสดงของพวกนายพัฒนาขึ้นมาก ฉันเกือบคิดว่านายสองคนหลงรักกันจริงๆ ซะแล้ว เยี่ยม ๆ"
เขาเม้มปากกลั้นขำแล้วลอบเหลือบมองปฏิกิริยาของคนข้าง ๆ เซียวจ้านกำลังทำหน้าตาบอกไม่ถูก มือขวาหมุนขลุ่ยสีดำในมือแก้เขินอย่างเชี่ยวชาญ เขาเห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะแย่งมาลองหมุนเล่นบ้าง
เมื่อเห็นนักแสดงนำทั้งสองกำลังจะเปิดศึกแย่งของอีกครั้ง "พวกนายไปพักกันก่อน คิวถ่ายต่อไปตอนบ่ายสองโมง" ผู้กำกับรีบกวักมือไล่ ก่อนที่พวกเขาจะพลาดทำข้าวของในฉากพังเหมือนครั้งก่อน ๆ
สุดท้าย เขาก็ได้ขลุ่ยมาครอบครอง หรือถ้าพูดให้ถูกต้องคือเซียวจ้านหมดแรงจะแย่งเอาจากเขาแล้วนั่นเอง
"กว่าจะบ่ายสอง อีกตั้งนาน" เขาเงยหน้ามองแสงแดดรำไรลอดผ่านต้นไม้สูงเหนือศีรษะ กะว่าน่าจะยังไม่เกินสิบโมงเช้าก่อนจะเริ่มหันมองหาสเก็ตบอร์ด เอามาเล่นฆ่าเวลา
ครั้นถูกสะกิดไหล่ขวา เขาหันไปสบตาคนข้าง ๆ "ไปทางนี้กัน" เซียวจ้านเอ่ยชวนแล้วเริ่มออกเดินนำไปก่อน เขามองไปยังเส้นทางแคบ ๆ ที่ปกคลุมด้วยเศษใบไม้แห้งตรงลึกเข้าไปในป่าเร็ว ๆ โดยไม่คิดอะไร เซียวจ้านไปไหน เขาก็พร้อมไปด้วยอยู่แล้ว เขารีบสาวเท้าตามกระทั่งไปเดินอยู่เคียงข้างพี่ชายขายาวได้ในที่สุด
ระหว่างทาง เขายังคงพยายามหมุนขลุ่ยในมือไปเรื่อย ทำตกพื้นไปหลายหนจนเซียวจ้านต้องเอ่ยเตือนเขา "ระวังหน่อย อี้ป๋อ ถ้านายทำมันพังซะ บ่ายนี้ฉันจะถืออะไรเข้าฉากล่ะ" เขาได้ยินแล้วยักไหล่ทำเหมือนไม่ใส่ใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเสียบขลุ่ยไว้กับผ้าคาดเอว ไม่หยิบออกมาเล่นอีกต่อไป
เพราะมัวแต่เล่นมาตลอดทางจนไม่ได้ใส่ใจรอบข้าง หันมองรอบตัวอีกทีเห็นแต่สิ่งแวดล้อมไม่คุ้นตา "นี่พี่พาผมมาหลงป่าป่าวเนี่ย" เขาจงใจเอ่ยหยอกจนโดนอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่
"บรรยากาศแบบนี้ ที่นี่อาจจะมีผีก็ได้ นายว่ามะ" ถึงรู้แก่ใจว่ากำลังถูกแกล้งกลับ เขาก็ยังใจคอไม่ดีอยู่ดีนั่นละ จะว่าไป รอบตัวเขาเวลานี้ล้วนมีแต่ต้นไม้สูงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างขวาง แต่ละกิ่งผลิใบเขียวชอุ่มบดบังแสงอาทิตย์เบื้องบนจนเกือบหมด ข้างใต้จึงร่มครึ้มชวนให้จินตนาการถึงผีสางนางไม้ได้อย่างเซียวจ้านว่า
เขารีบก้าวเข้าไปยืนชิดติดไหล่คนตัวสูง "ไม่เอาแล้วนะเซียวเหล่าซือ หาอย่างอื่นทำดีกว่า ไม่พูดถึงผีละเนอะ" เขาร้องขออย่างไม่อาย เซียวจ้านหัวเราะคิกแล้วลูบหัวเขาอย่างเอ็นดู
"ทำอะไรดีล่ะ ซ้อมต่อบทบ่ายนี้กันมะ" เซียวจ้านเสนอ ขณะที่เขายังคงเพลิดเพลินกับสัมผัสอ่อนโยนจากมือพี่จนไม่ได้ฟังคำถาม "อี้ป๋อ?" กลิ่นกายหอมของเซียวจ้านทำให้เขาเผลอคิดฟุ้งซ่าน อยากพิสูจน์ข้อสงสัยที่ค้างคาใจเขามานาน
"พี่เคยบอกว่าพี่อ่านนิยายต้นฉบับแล้ว"
"อืม...แล้ว?"
"อยากลองเล่นฉากที่ไม่มีในละครไหม?"
"อา น่าสนใจ ๆ อยากเล่นฉากไหนล่ะ?"
"ฉากวันนี้ล่ะ ฉากที่เว่ยอู๋เซี่ยนปิดตา..."
"นี่เมื่อเช้าฉันดูดีมากจนนายอยากเห็นฉันยิงธนูอีกรอบงั้นเหรอะ ฮ่ะฮ่า"
พอเห็นเขาส่ายหน้า เซียวจ้านถึงกับหัวเราะไม่ออก "ผมหมายถึง...หลังจากนั้น...ในป่า" พอได้พูดออกไปจนหมด เขาโล่งอก ความลำบากตกเป็นของพี่ชายคนสวยที่นิ่งงันไปเมื่อได้ยินคำขอของเขา
บทหนึ่งในนิยายต้นฉบับ ขณะเว่ยอู๋เซี่ยนใช้ริบบิ้นปิดตาเข้ามาล่าภูติผีในป่า เขาถูกหลานวั่งจีขโมยจูบแรกโดยไม่ทันได้ขัดขืน ใช่แล้ว คำขอของเขาที่กำลังทำให้เซียวจ้านหน้าแดงแจ๋ อีกทั้งไม่กล้าสบตาเขาตอนนี้ คือ 'จูบแรก' ของเรานั่นเองเขาก็ช่างกล้า
ห่างออกไปเพียงเอื้อมมือ หากแต่ยังไม่มีสิทธิ์ไขว่คว้า ร้อนใจดั่งมีไฟสุมในอก ปลายนิ้วกลับเย็นเยียบ ชายเสื้อคลุมยาวสีขาวและดำพลิ้วไหวไปตามสายลมเอื่อย หลังนิ่งเงียบอยู่นานจนเขาเริ่มถอดใจ ในที่สุดเซียวจ้านก็ค่อย ๆ หันหน้ามาสบตาเขา
เมื่อได้เห็นดวงตาคู่สวยฉายแวววิตก ความรู้สึกผิดล้นพ้นพลันเอ่อล้นท่วมอก เขาไม่อยากยัดเยียดความลำบากใจใดให้พี่ชายใจดีคนนี้อีกแล้ว "คือ ผม...พี่ไม่จำเป็นต้อง...!!??"
เขาอ้าปากค้างเมื่อเห็นเซียวจ้านเริ่มคลายผ้าพันข้อมือซ้ายของตนออก สบตาเขาแล้วอมยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะยกผ้าขึ้นมาพันรอบใบหน้าปิดตาตัวเองช้า ๆ พอผูกปมเสร็จ พี่ชายร่างสูงเอนกายพิงโคนต้นไม้ใหญ่ด้านหลังแล้วยิ้มกริ่ม
"เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ น้องชาย"
เขาไม่พูดอะไร สองขาเริ่มก้าวเข้าไปชิดใกล้ ค่อย ๆ ยื่นปลายนิ้วออกไปแตะไฝเม็ดเล็กใต้ริมฝีปากของอีกฝ่าย
"เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะ พี่ชาย"
เมื่อโดนเขาหยอก เซียวจ้านเม้มปากแน่นอย่างขุ่นเคือง เขาหัวเราะครึ้มก่อนจะถือวิสาสะยกฝ่ามือขึ้นมาประคองแก้มขวาพี่ไว้ นิ้วหัวแม่มือไล้สัมผัสผิวเนียนอย่างทะนุถนอม เขาโน้มเข้าหาใบหน้าสวยช้า ๆ บรรจงประทับริมฝีปากลงบนไฝเสน่ห์ที่เขาหลงใหลเม็ดนั้น ก่อนจะผละริมฝีปากออกมาหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ จงใจเลื่อนปลายนิ้วเกลี่ยกลีบปากสีแดงอิ่มอ้อยอิ่ง อดจะแกล้งไม่ได้เมื่อเห็นคนสวยยืนตัวแข็งทื่อ ตื่นเต้นจนเผลอกลั้นลมหายใจ
"นี่เกิดก่อนผม6ปีจริงป่าวเนี่ย"