ตอนที่ 21 : {OS} fake
warning : สั้นมากถึงมากที่สุด
.
.
.
.
แกล้งบอกว่าเธอรักมากมาย แม้ไม่ให้ความหมายกับฉันเลย
บรรยากาศในบ้านไม่เหมือนเคยเมื่อความเงียบเข้าครอบคลุม เรานั่งอยู่ด้วยกันเพียงสองคน เขาอยู่ที่หัวโต๊ะอีกฝั่ง และคนรักของเขาก็อยู่ที่หัวโต๊ะอีกฝั่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงท่าทีอะไร เอาแต่มองลงไปยังพื้นโต๊ะอยู่แบบนั้นราวกับไม่อยากจะเห็นหน้ากันเต็มทน
“กินข้าวสิ” กลายเป็นเขาที่พูดทำลายความเงียบเหล่านั้นขึ้นมา “มือนี้ฉันตั้งใจทำเลยนะ แบบที่นายชอบไง”
แบคฮยอนฝืนยิ้มกลับไปให้คนที่ยังส่งใบหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านอะไรกลับมาให้ เขายิ้มอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งอีกคนยอมหยิบช้อนขึ้นมาตักซุปจากชามตรงหน้า นั่งกินเงียบๆอยู่แบบนั้นพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย ในขณะที่แบคฮยอนไม่อยากแม้แต่จะหยิบช้อนขึ้นมาถือเอาไว้เลยด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้วเขาอยากจะมองหน้าของอีกฝ่ายเอาไว้ให้นานที่สุด
ก่อนที่มื้ออาหารสุดท้ายครั้งนี้ของเราจะจบลง
รวมทั้งชีวิตรักของเราที่กำลังจะปิดฉากลงในไม่ช้านี้
จดจำวันคืนที่รักช่างสดใส โปรดลืมจงลืมเขาไปเสียก่อน
แบคฮยอนนั่งนิ่งๆพร้อมกับความอึดอัดที่ประทุขึ้นมาในใจ
เมื่อเราต่างคนต่างเงียบ หมดสิ้นซึ่งบรรยากาศอันหอมหวานที่เคยเกิด การเล่นและหยอกล้อกันบนโต๊ะอาหารไม่มีอีกต่อไป เราเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศชัดเจน แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนั่งกินอาหารอยู่แบบนั้นเหมือนนี่คือเรื่องปกติ ทั้งที่มันไม่ปกติ และเป็นเขาเองต่างหากที่กำลังประคองให้มันกลับมาเหมือนเดิม
“อร่อยไหม” แบคฮยอนเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มฝืดเฝื่อน
“อืม” แล้วก็ได้รับคำตอบอันแสนเงียบงันนั้นกลับมา
“ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือเลยนะชานยอล”
“.........”
“หวังว่านายจะชอบนะ”
เขาเอ่ยไปพูดไปเพื่อให้ทุกอย่างดูผ่อนคลาย แต่ก็เป็นไปได้ยากเหลือเกินเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้คิดอย่างนั้น ชานยอลยกแขนขึ้นมาชันศอกไว้บนโต๊ะแล้วประสานมือไว้พร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่ต้องการมองหน้าเขา และนั่นทำให้รอยยิ้มทั้งหมดของแบคฮยอนเลือนหายไป
ทั้งที่พยายามแล้ว.. พยายามแล้วแท้ๆ
มันเริ่มจากอะไรกันนะ ความเบื่อหน่ายเหล่านี้ที่เกิดขึ้น
อาจจะเป็นเพราะเรารักกันนานเกินไปจนทุกอย่างอิ่มตัว ใครบางคนเข้ามาเป็นมือที่สามจนทุกอย่างเตลิดเปิดเปิงไปหมด จากตอนแรกที่กำลังจะแย่ลงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแย่หนักเข้าไปอีกจนเราไม่สามารถจะยื้อยุดทุกอย่างให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
เหมือนกับมีแค่ฝ่ายเดียวที่กำลังพยายาม ในขณะที่อีกฝ่ายยิ่งไกลออกไป
เหมือนแบคฮยอนคนนี้
“ชานยอล..”
และเขาคิดว่ามันถึงที่สุดแล้ว
“ยังรักกันอยู่.. ใช่ไหม”
แม้จะเป็นคำถามที่แสนโง่เหลือเกิน แต่นั่นกลับทำให้ปาร์คชานยอลหันกลับมามอง ริมฝีปากอิ่มที่เคยจูบเขามาหลายต่อหลายครั้งกำลังแย้มยิ้มเหมือนเย้ยกัน ชานยอลหัวเราะในลำคอราวกับเรื่องที่เขาถามเป็นเรื่องตลกนักหนา
แต่แบคฮยอนก็แค่อยากรู้เท่านั้นเอง
“คิดว่ายังไงล่ะ” ชานยอลถามพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น “ยังต้องถามอีกหรอ”
คำพูดที่ตอบกลับมาทำเอาคนถามตัวชาวาบ และแบคฮยอนก็หุบยิ้มโง่ๆเหล่านั้นลงไปในที่สุด
และแม้.. ฉันไม่อาจหยุดเธอไว้
นาฬิกาบ่งบอกเวลาสองทุ่มสิบสองนาที เกินเวลานัดหมายมาพอสมควรจนเสียงแตรรถหน้าบ้านดังขึ้น เหมือนเป็นสัญญาณว่าเวลาระหว่างเรากำลังจะหมดลง และทุกอย่างจะกลับไปสู่จุดเริ่มต้น
เราจะหมดสถานะการเป็นคนรักกันไว้เพียงแค่นี้
“ฉัน.. ขอบคุณมากนะ” แบคฮยอนประสานมือไว้ที่ตักแล้วกำไว้แน่น “สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำให้”
“.........”
“ทุกการดูแล.. ขอบคุณจริงๆ”
แบคฮยอนรู้สึกรื้นที่ขอบตา เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองชานยอลว่ากำลังจ้องมาทางเขาด้วยสายตาแบบไหน อาจจะสมเพช หรืออาจจะต้องการให้เขาหยุดคำพูดบ้าๆเหล่านี้เสียที
“ฉัน..”
แบคฮยอนกำลังจะร้องไห้
“ฉันมีความสุขจริงๆ ตลอดเวลาที่ได้อยู่กับนาย นายคงรู้ใช่ไหม?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากปากของอีกฝ่าย แต่เสียงแตรที่ดังหน้าบ้านพร้อมกับแรงสั่นของโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะกลับดังกลบทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงหัวใจของแบคฮยอนเอง
“ฉัน.. ฉัน--”
“พอเถอะ”
“.........”
“เลิกยื้อเวลาสักที”
“..........”
“ถึงทำไป มันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นแล้ว”
ได้โปรด.. จงอย่าไป
แบคฮยอนร้องไห้
น้ำตาเขาไหลลงมาอย่างอดไม่ได้ ยิ่งเงยหน้าขึ้นมามองสีหน้าเรียบเฉยของชานยอลมันก็ยิ่งแล้วใหญ่ ทำไมอีกฝ่ายถึงทำเหมือนว่าทุกอย่างปกตินักหนา
ทั้งที่มันไม่ใช่
“พอสักที” ชานยอลเอ่ยออกมา และนั่นทำให้น้ำตาเม็ดที่สองร่วงหล่นลงจากนัยน์ตาของแบคฮยอน
“.........”
“ไปเถอะ”
“.....ฮึก”
“ไปได้แล้ว แบคฮยอน..”
ร่างสูงมองคนตัวเล็กด้วยสายตาเรียบเฉย หากแต่ความปวดร้าวกลับเข้าเกาะกุมทุกอณูของหัวใจ เขาไม่ชอบให้แบคฮยอนร้องไห้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร จนกระทั่งวันนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น
ชานยอลรักแบคฮยอน
“เขารอนานแล้วไม่ใช่หรือไง”
ยิ่งเอ่ยปากไล่ก็ยิ่งเจ็บหัวใจจนอยากจะยกมือขึ้นมากุมไว้ ชานยอลพยายามไม่ร้องไห้ เขาไม่อยากอ่อนแอในสายตาของแบคฮยอน แม้จะเป็นเขาเองที่เอ่ยปากรั้งและบอกให้อีกฝ่ายช่วยอยู่ด้วยกันอีกสักวันก่อนที่จะไป และแบคฮยอนที่เป็นคนใจดีก็ช่วยทำตามให้ พร้อมกับอาหารมื้อสุดท้ายที่ขมปร่ากว่าทุกวัน
เขาแค่ทนไม่ไหว.. เขายังอยู่คนเดียวไม่ไหว
เสียงแตรที่บีบลั่นอีกครั้งนั้นทำให้ชานยอลต้องก้มหน้าลงมองพื้นโต๊ะ มันยากเหลือเกินกับการที่ต้องทำใจมองแบคฮยอนลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเตรียมจะเดินออกไป เขาไม่พร้อมจะมอง ไม่พร้อมจะพูดอะไร
และความจริงแล้ว.. เขาไม่พร้อมจะให้แบคฮยอนไป
แต่ก่อนจะจากไป ช่วยแกล้งบอกรักฉันหน่อย
“แบคฮยอน”
สุดท้ายชานยอลก็เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเอาไว้ เขาเงยหน้ามองแผ่นหลังบางที่กำลังเตรียมเดินออกจากประตูบ้าน และภาพตรงหน้าของเขาเริ่มจะพร่ามัว
เพราะน้ำตาที่มาบดบัง
“ช่วยบอกรักกัน… อีกทีได้ไหม”
“..........”
“แกล้งทำก็ได้ แต่ฉันอยากได้ยินมันอีกครั้ง”
สมเพช.. ชานยอลรู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถรั้งแบคฮยอนเอาไว้ได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเขามีตั้งหลายสิ่งที่อยากจะทำร่วมกันกับแบคฮยอนอีก มีตั้งหลายอย่างที่ไม่เคยพูดเลย แต่วันนี้กลับต้องปล่อยแบคฮยอนไปให้คนอื่นเป็นคนดูแลแทน
คนอื่นที่แบคฮยอนตัดสินใจแล้วว่าดี
“รัก..” คนที่ถูกร้องขอเอ่ยพร้อมกับหันใบหน้าเปื้อนน้ำตากลับมามอง
“.........”
“ฉันรักนาย”
แบคฮยอนทิ้งไว้แค่นั้น ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปเมื่อเสียงแตรเรียกครั้งสุดท้ายดังขึ้น
จนกระทั่งเหลือชานยอลเพียงคนเดียวในบ้านของเรา
พร้อมกับคำว่ารัก ที่แบคฮยอนแกล้งพูดทิ้งไว้ให้
“รัก.. เหมือนกัน”
.. หากแต่คำว่ารักของชานยอล มันเป็นของจริง
“รักจริงๆ แบคฮยอน”
และคงไม่เป็นที่ต้องการ
อีกต่อไป
TALK :
อ่ะจบแบบนี้แหละ 55555555555555555555555
เรื่องนี้เราเขียนไว้สักพักแล้วค่ะ ฟังเพลงของซิลลี่ฟูลแล้วอินงี้ อยากลองเขียนดู เนื่องจากมันเป็น SF ตามอารมณ์ก็เลยออกมาสั้นจุ๊ดจู๋อย่างที่เห็น
ตอนแรกว่าจะไม่ลงแล้วเพราะกลัวโดนด่า แต่ลองเสี่ยงดูก็ได้อะ ความดราม่าเต็มขั้นครั้งแรกเลยนะเนี่ย
#น้ำผึ้งมะนาวCB
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แม้ไม่อาจกลับไปอยู่ในจุดเดิมได้ แต่ก็ยังมีความทรงจำที่ยังอยู่ การกลับมาคบกันอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป การจากลากันด้วยรอยยิ้มอาจจะดีเสียกว่า