ตอนที่ 17 : {SF} (happy) new year - 2/3
ก็แค่เหมือนจะ
.
.
.
ชานยอลกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมอีกครั้ง คือการรูดคีย์การ์ดหน้าห้องแล้วเดินเข้าห้องมาพร้อมกับถอดรองเท้าและถุงเท้า แขวนกระเป๋าเอาไว้ที่เดิมแล้วเดินเข้ามาในห้อง วันนี้อากาศเย็นเขาเลยจัดการเปิดหน้าต่างเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้า เพราะคนที่ยังนอนอยู่จะได้รู้สึกเย็นสบายไปด้วย
“อื้อ.. ชิโร่อยู่ไหนอะ”
น้ำเสียงสดใสที่ชานยอลเคยได้ยินอยู่บ่อยครั้งเอ่ยขึ้น รูมเมทของเขากำลังนั่งอยู่หน้าแมคบุ้คส่วนตัวพร้อมกับหน้าจอที่ฉายภาพของพี่ชายอีกฝ่าย ไม่นานนักลูกหมาตัวสีขาวหน้าตามอมแมมเหมือนเพิ่งออกไปเที่ยวเล่นก็วิ่งมาเข้ากล้องด้วยคน แบคฮยอนหัวเราะใหญ่ตอนที่เห็นมัน ก่อนจะทำเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างเอ็นดู
“งุ้ยชิโร่ ทำไมหน้าดำอย่างนั้นล่ะ ไปขุดดินมาอีกแล้วใช่มั้ย!”
[เออสิ พี่ไม่ให้ออกก็หาทางมุดออกไปในสวนจนได้] พี่ชายของแบคฮยอนว่า เขาอุ้มเจ้าหมาที่ชื่อชิโร่เอาไว้ในมือ มันทำท่าจะเลียคนอุ้มยกใหญ่แต่ชายหนุ่มในจอก็เบือนหน้าหนีจนรอดพ้น
“โห.. ตุ๊ต๊ะขนาดนี้ยังจะมุดออกได้อีกหรอ ดีนะไม่ติดพุง” แบคฮยอนว่าก่อนจะหัวเราะเอิ้กอ้ากเหมือนเด็กๆจนชานยอลต้องยกยิ้มตาม
เขาละความสนใจจากแบคฮยอนก่อนจะเดินไปนั่งบนโต๊ะเขียนหนังสือฝั่งของตัวเองบ้าง หยิบแมคบุ้คเครื่องส่วนตัวขึ้นมาเปิด วันนี้เขาว่างและกลับบ้านเร็วกว่าปกติ ดังนั้นการเล่นอินเทอร์เน็ตผ่อนคลายความเครียดคงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
“พี่แบคบอม แค่นี้ก่อนนะ”
[อ้าว ทำไมวันนี้ไปเร็วล่ะ]
“ก็.. หิวอะ ว่าจะลงไปหาอะไรกินข้างล่าง”
[อ่อ.. โอเค ไว้เดี๋ยวพี่บอกแม่ให้แล้วกัน]
“.....”
[เรื่องนั้นน่ะ]
ปกติชานยอลไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเท่าไหร่นัก แต่ตามสัญชาตญาณของคนเราเวลาได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนเป็นความลับก็ต้องให้ความสนใจเป็นธรรมดา เหมือนอย่างตอนนี้ก็เช่นกัน เขาหันหน้าไปมองแบคฮยอนที่ปิดหน้าจอแมคบุ้คแล้ว มือเรียวหยิบหนังสือในลิ้นชักออกมาอ่านเหมือนอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อ้อ.. เขาลืมบอกไปสินะว่าระยะห่างของเขากับแบคฮยอนมันกลับมาเท่าเดิมแล้ว
ชานยอลไม่รู้ว่าแบคฮยอนโกรธอะไรเขาหรือเปล่า หลังจากวันปีใหม่วันนั้นที่เขาไม่ได้กลับห้องทุกอย่างมันก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่วงจรเดิม คือวงจรเจอหน้าแล้วทักทายกันสามครั้งต่ออาทิตย์ เขาพยายามจะชวนแบคฮยอนคุยแล้วนะ แต่อีกคนก็ทำแค่เพียงตอบมาสั้นๆพร้อมกับยิ้มให้เหมือนกับเราเป็นคนไม่สนิทใจกันอีกครั้ง
ทั้งที่ชานยอลคิดว่าเราจะกลายเป็นเพื่อนกันได้แล้วแท้ๆ
“ไม่คุยต่อหรอ” ชานยอลตัดสินใจเอ่ยถามเพื่อนร่วมห้อง “..เรามารบกวนหรือเปล่า”
เสียงอ่อยของชานยอลเรียกให้แบคฮยอนหันหน้ามามองพร้อมกับแววตาฉงนสงสัย คนตัวเล็กส่ายหัวไปมาก่อนจะยิ้มบางๆให้เหมือนอย่างเคย
“ไม่รบกวนหรอก”
แบคฮยอนตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับหนังสือในมืออีกรอบจนชานยอลต้องหุบปากลงเดี๋ยวนั้น ถึงแม้ในใจจะอยากถามเหลือเกินว่าเป็นอะไร แต่บางทีอาจจะมีเขาแค่เพียงฝ่ายเดียวที่เข้าใจไปเองว่าเราสนิทใจกันมากขึ้นแล้ว แบคฮยอนอาจจะยังไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้
ต่างคนก็ต่างจมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองจนกระทั่งเวลาผ่านไปราวๆสิบห้านาที แบคฮยอนลุกขึ้นจากโต๊ะ เสียงลากเก้าอี้ทำให้ชานยอลหันหน้าไปมองตามอีกคนที่คว้ากระเป๋าเงินกับคีย์การ์ด หยิบเสื้อคลุมมาสวมพร้อมกับผ้าพันคอแล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง
“ไปไหนหรอ”
แต่ก็ไม่ทันเขาที่เรียกอีกฝ่ายเอาไว้เสียก่อน
“ไปหาอะไรกินน่ะ” แบคฮยอนหันกลับมาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่คนฟังรู้สึกว่ามันช่างห่างไกล และแน่นอนว่าชานยอลจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แน่
อุตส่าห์มีมิตรภาพที่ดีต่อกันแล้วแท้ๆ ทำไมเขาต้องปล่อยให้ความเป็นเพื่อนของเราหลุดมือไปด้วยล่ะ
“เราไปด้วยดิ หิวเหมือนกันเลย” ชานยอลปิดหน้าจอแมคบุ้คเสร็จสรรพก่อนจะคว้ากระเป๋าเงินกับคีย์การ์ดของตัวเองเช่นเดียวกัน “เดี๋ยวพาไปร้านไก่ทอดไหม อากาศหนาวๆแบบนี้ไก่ทอดกับเบียร์น่าจะดี”
“อย่าเลย.. เรากินเบียร์ไม่ได้”
“อ่า.. งั้นร้านต๊อกบกกีแล้วกัน”
ชานยอลไม่ได้รอให้แบคฮยอนตอบหรือปฏิเสธอะไรไปมากกว่านั้น เขาจัดการเปลี่ยนชุดท่อนบนจากเสื้อยืดเป็นเสื้อกันหนาว ข้างนอกไม่ได้มีฮีตเตอร์เหมือนข้างในนี้ ถึงเขาจะเป็นคนขี้ร้อนมากแค่ไหนแต่อากาศอุณหภูมิต่ำมันก็หนาวเข้าเนื้อได้อยู่ดี ชานยอลจัดการคว้าข้อมือของอีกคนให้เดินตามมาด้วยกันซึ่งแบคฮยอนก็ไม่ได้อิดออดแต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายทำหน้ายังไง
จะข้องใจหรืออยากต่อยเขาไหมนะ..
บางทีสำหรับมุมมองของแบคฮยอนแล้ว.. เราอาจจะไม่ได้กลายเป็นเพื่อนกันก็ได้
“ป้าครับ ขอโคล่าด้วยสองขวด”
ชานยอลเอ่ยสั่งกับป้าเจ้าของร้านต๊อกขนาดเล็กที่ไม่ห่างไกลจากหอพักของพวกเขาเท่าไหร่นัก คนตัวสูงมองหน้าคนที่มาด้วยนิ่งๆ แบคฮยอนพันผ้าพันคอแบบนี้แล้วตัวฟูเหมือนลูกเป็ดไม่มีผิด แก้มกับจมูกที่แดงจัดเพราะอากาศหนาวเข้ากับเส้นผมสีดำสนิทของอีกคนได้เป็นอย่างดี
เป็นหนแรกที่ชานยอลได้สำรวจใบหน้าของเพื่อนร่วมห้องใกล้ๆ
คนตัวเล็กไม่ได้หันมามองหน้าเขาหรอก แบคฮยอนกำลังมองสำรวจร้านไปรอบๆเหมือนอย่างไม่รู้จะหยุดสายตาเอาไว้ที่ไหน บางครั้งก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น แต่พอรู้สึกหนาวมือก็จะเก็บโทรศัพท์แล้วซุกมือเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมแทน ชานยอลรู้ถึงขั้นนั้นเพราะเขานั่งสังเกตอีกคนตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านแล้ว
“เอ้อแบคฮยอน”
แล้วก็คงถึงเวลาที่เขาต้องชวนอีกฝ่ายคุยเสียที
“เห็นว่าเรียนวิศวะ.. เรียนสาขาอะไรหรอ”
“..ไฟฟ้าน่ะ”
“โห.. เก่งเนอะ” ชานยอลว่าก่อนจะยิ้มกว้าง “เราก็มีเพื่อนอยู่วิศวะไฟฟ้าเหมือนกัน มันบอกว่าเรียนยากมาก จริงไหม?”
“อื้อ” แบคฮยอนพยักหน้าแล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรไปมากกว่านั้น และนั่นทำให้ชานยอลรู้สึกหัวใจฟีบไปไม่น้อย
มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่.. ทำไมแบคฮยอนถึงเปลี่ยนไปได้เพียงข้ามวัน จากคนที่พูดเก่งและเล่นมุกใส่เข้าในวันปีใหม่กลับกลายเป็นคนเงียบขรึมถามคำตอบคำแบบนี้มันต้องไม่ธรรมดาแล้ว
“แบคฮยอน”
“.......”
“ถามอะไรหน่อยดิ ต้องตอบความจริงนะ”
ชานยอลจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยแววตาแน่วแน่และแบคฮยอนเองก็มองเขาเช่นเดียวกัน ดวงตาเรียวเล็กที่เขาไม่สามารถอ่านออกได้เพราะเราเพิ่งจะได้ทำความรู้จักกันจริงๆจังๆเท่านั้น แบคฮยอนไม่ได้มีท่าทางเดือดร้อนอะไร ต่างจากชานยอลที่ตอนนี้กังวลจนแทบบ้าอยู่แล้ว
ก็ได้รูมเมทเป็นเพื่อนทั้งทีนี่นา
“แบคฮยอนเป็นอะไรไป... ทำไมไม่คุยกับเราเหมือนเดิม”
“........”
“ทำไมช่วงนี้ถึงถามคำตอบคำ ทั้งที่ตอนปีใหม่แบคฮยอนยังชวนเราคุยอยู่เลย”
“.........”
“มีอะไรก็บอกเรานะ..” ชานยอลเอ่ยอย่างจริงใจ “เราดีใจมากนะที่ได้แบคฮยอนมาเป็นเพื่อน.. แล้วเราก็อยากจะเป็นเพื่อนกับแบคฮยอนไปนานๆเลยด้วย”
จบคำพูดของชานยอลก็เหมือนรอบข้างจะเงียบสงัด เขาเล่นจ้องตากับแบคฮยอนอยู่หลายนาทีโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร กำลังลุ้นว่าแบคฮยอนอาจจะพูดอะไรออกมาสักคำก็ได้แต่ดันถูกขัดจังหวะโดยป้าเจ้าของร้านที่ยกต๊อกบกกีกับโคล่ามาเสิร์ฟที่โต๊ะเสียก่อน
“กินเยอะๆนะพ่อหนุ่ม” พร้อมกับทิ้งคำพูดเป็นห่วงเป็นใยเอาไว้ให้ด้วย
จนถึงตอนนี้ชานยอลก็พอจะรู้ดีแล้วว่าแบคฮยอนคงอึดอัดใจที่จะตอบ เขาเองก็ไม่ได้มีเจตนาจะบีบบังคับอะไรอีกคน ดังนั้นการเปลี่ยนเรื่องไปเลยคงเป็นหนทางที่ดีที่สุด ชายหนุ่มร่างสูงให้ความสนใจกับจานต๊อกที่วางอยู่ตรงหน้า เขาทำท่าเหมือนไม่ได้จริงจังนักในคำถามของตัวเอง ทั้งที่ความจริงแล้วก็อยากได้คำตอบอยู่ไม่น้อย
“ความจริงแล้ว.. เราก็อยากจะบอกชานยอลเหมือนกันนะ”
แต่แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาเพื่อรอฟังสิ่งที่อีกคนจะพูดต่อ
“เราน่ะ..”
“.....”
“ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับชานยอลหรอก”
เห็นไหม.. ปาร์คชานยอลคนนี้เคยเดาอะไรผิดบ้างไหมล่ะ
“ทำไมถึงชอบคิดไปเองล่ะชานยอล”
ก็บอกแล้วไง
แบคฮยอนไม่ได้คิดว่าเรากลายเป็นเพื่อนกันแล้วเสียหน่อย
30 percent.
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นปกติไปเสียทุกอย่าง ถึงแม้ความสัมพันธ์ของชานยอลและแบคฮยอนจะกลับไปสู่วงจรเดิมอย่างเป็นทางการแล้วก็ตาม
“ยอล.. ช่วยเราเลือกขนมหน่อยสิ”
ชานยอลมองหน้าหญิงสาวที่กำลังขอความช่วยเหลือจากเขา มินอาทำหน้ายู่พร้อมกับใช้นิ้วไล่ไปตามชั้นวางขนมของซุปเปอร์มาเก็ตอย่างมีท่าทางลังเล สิ่งหนึ่งที่กลับไปสู่วงจรเดิมคือชานยอลยังคงดูแลแฟนสาวที่กลับมาขอรีเทิร์นอีกครั้งเป็นอย่างดี เขาพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะมินอาเองก็ทำแบบนั้น เขาพยายามไม่โกรธเธอที่ทิ้งเขาไปในตอนนั้น แม้ความไว้ใจจะถูกพร่องไปเกินครึ่งแล้วก็ตาม
แต่แค่เธอกลับมาก็ดีแล้วล่ะ
“เอามันฝรั่งอันนี้ดีไหม” เธอหันมาขอความเห็น แต่สุดท้ายก็ตอบเองแทน “ไม่เอาดีกว่า แคลอรี่เยอะอะ กินเข้าไปต้องอ้วนขึ้นแน่ๆ”
ชานยอลยิ้มจางๆให้กับท่าทางน่าเอ็นดูเหล่านั้น มินอาเป็นผู้หญิงที่สดใสและน่ารัก เขาคิดแบบนั้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน แม้จะไม่ได้ชอบเธอตั้งแต่แรกเห็น แต่ความสัมพันธ์ของเราก็ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นความรัก
แม้ชานยอลจะรู้ไม่แน่ชัดนักว่าเธอจะรู้สึกรักเหมือนกันหรือเปล่า
“ชานยอล เอาอันไหนดี” มินอาหันกลับมาขอความเห็นจากเขาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าจะร้องไห้ ชานยอลเห็นอย่างนั้นเลยหัวเราะเบาๆแล้วกวาดสายตาไปทั่วชั้นขนมแทน
“อันนี้ไหม” ชานยอลคว้ากล่องที่เขาคุ้นตาและเคยเห็นบ่อยๆขึ้นมา มันเป็นกล่องสีขาวสะอาดที่พิมพ์ลายการ์ตูนรูปเสือเอาไว้ด้านหน้า
“คอนเฟลค?” มินอาทำหน้าสงสัย “มันอร่อยหรอ เราไม่เคยกิน”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว”
“เราไม่เคยกินหรอก แต่เคยเห็นบ่อย”
“.......”
“ที่หอ.. กล่องแบบนี้เต็มตู้กับข้าวไปหมดเลย” ชานยอลพูดพร้อมกับยกกล่องในมือขึ้นมาพลิกดู “รูมเมทเราชอบซื้อมาทีเยอะๆน่ะ เราเลยคิดว่ามันน่าจะอร่อย”
ชานยอลเคยเห็นแบคฮยอนหิ้วถุงจากซุปเปอร์มาเก็ตที่อัดแน่นไปด้วยกล่องขนมรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เขาไม่ได้สนใจนักหรอกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งได้เปิดตู้กับข้าวในครัวดูครั้งหนึ่งก็พบว่ามันเป็นขนม แล้วก็เพิ่งมารู้วันนี้ว่ามันคือขนมคอนเฟลค เขาเคยเห็นแบคฮยอนกินบ่อยครั้งเวลาดูทีวี หรือไม่ก็อ่านหนังสือ
เวลาที่อีกคนกินแก้มจะตุ่ยไปหมด ชานยอลเลยคิดว่ามันคงอร่อยไม่เบา
“อ๋อ..”
“.........”
“...พักนี้... ดูยอลพูดถึงรูมเมทบ่อยนะ”
ชานยอลละความสนใจจากกล่องคอนเฟลคแล้วหันมามองหน้าแฟนสาวก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “บ่อยหรอ.. ก็ปกตินะ”
“ไม่หรอก เพราะปกติยอลไม่เคยพูดถึงรูมเมทเลย”
ชานยอลล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองก่อนจะมองหน้าหญิงสาวนิ่ง ใบหน้าน่ารักนั้นมองมาอย่างฉงนสงสัยและมีประกายของอะไรบางอย่างซ่อนเอาไว้อยู่ ชานยอลไม่รู้ว่าตอนนี้เขาควรจะรู้สึกยังไง แต่สิ่งที่แน่ชัดอย่างเดียวคือเขากำลังไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจตัวเอง
“เมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนไปดูทอยสตอรี่ในโรงหนังด้วยกัน ยอลก็บอกว่ารูมเมทมีฟิกเกอร์ทอยสตอรี่เต็มโต๊ะ”
“..........”
“วันนี้ยอลก็บอกว่ารูมเมทชอบกินขนมคอนเฟลค”
“..........”
“หนักที่สุดคงเป็นเมื่อวาน.. ที่ยอลมองหน้าตุ๊กตาหมา แล้วบอกว่าเหมือนรูมเมทตัวเอง”
“...........”
“คิดอะไรอยู่กันแน่ ชานยอล”
ชานยอลพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกพร้อมกับเสียงหัวเราะบางเบาในลำคอ เขาไม่รู้สึกหงุดหงิดมินอาหรอก แต่เขากำลังคิดว่าตัวเองต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆที่เป็นทุกอย่างดังคำที่มินอาพูดเอาไว้จริงๆ
พักหลังนี้ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองกำลังนึกถึงเรื่องราวของแบคฮยอนมากเกินไปจนขึ้นสมอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้สนใจรายละเอียดของอีกคนมากนัก แต่หลังจากที่ได้คุยและทำความรู้จักเพียงเล็กน้อยเขาก็เริ่มคิดถึงเรื่องของแบคฮยอนมากขึ้น แม้กระทั่งมองเห็นหน้าตุ๊กตารูปสุนัขหางตาตก เขาก็ยังมองว่ามันเหมือนแบคฮยอนไม่มีผิด
แต่ชานยอลก็แค่.. อยากได้แบคฮยอนมาเป็นเพื่อนมากไปหน่อยเท่านั้นเอง
“ว่ายังไง..” มินอาเอ่ยถามด้วยเสียงบางเบา “ยอลคงไม่ได้ชอบรูมเมทตัวเองหรอก.. ใช่มั้ย?”
“พูดอะไรของเธอ”
“ก็ดูสิ่งที่นายทำสิ!” สรรพนามจริงจังถูกยกขึ้นมาใช้อีกครั้ง ชานยอลรู้ดีว่าคำพูดแบบนี้มินอาจะใช้ตอนที่โกรธ หรือไม่ก็ตอนที่เขาเริ่มใช้ก่อนเท่านั้น
สำหรับมินอาแล้ว.. คำว่าโอนอ่อนไม่มีอยู่ในตัวของเธอ
“นายทำเหมือนกับว่าชอบรูมเมทตัวเอง.. รู้ไหม นอกเหนือจากสามอย่างนั้นที่ฉันพูดไป นายก็เผลอพูดถึงรูมเมทออกมาบ่อยๆด้วย”
“เอาล่ะ มันจะเพ้อเจ้อกันไปใหญ่แล้ว”
“งั้นหรอ.. ถ้าอย่างนั้นอยากอธิบายอะไรไหมล่ะ” เธอยกแขนขึ้นกอดอกก่อนจะมองหน้าเขาอย่างจับผิด ชานยอลเกลียดสายตาแบบนี้เหลือเกิน และมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด
“ความเป็นเพื่อนของเรากับรูมเมทกำลังเป็นไปได้ด้วยดี” ชานยอลพยายามพูดอย่างโอนอ่อน เขารู้ดีว่าถ้าร้อนกับร้อนมาเจอกันก็จะมีแต่พังกับพังเท่านั้น
“..........”
“เราก็แค่เห่อเพื่อนใหม่.. มันแปลกยังไงมินอา”
ชานยอลบอกมินอาไม่หมดว่าแท้จริงแล้วความเป็นเพื่อนพวกนั้นถูกอีกฝ่ายทำลายลงไปอย่างไม่มีชิ้นดีแล้ว แต่เธอก็ควรจะเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาเสียที ไม่ใช่เอาแต่ใส่อารมณ์กันอยู่แบบนี้
“โอเค.. งั้นเราจะลองเชื่อยอลดู”
“........”
“ก็ขอให้จริงอย่างที่พูดแล้วกัน”
มินอาทิ้งคำพูดกระแทกแดกดันเอาไว้ก่อนที่จะเดินตรงไปโดยไม่รอให้เขาได้ตอบอะไรกลับ เธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอ แม้ว่าความสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ของเธอนั้นจะชัดเจน แต่ก็ยังถูกบดบังเอาไว้ด้วยเมฆฝนอยู่บ่อยๆจนชานยอลเปียกปอนไปหมดทั้งตัว
เพราะมีแต่เขาที่เอาแต่เดินตามเมฆฝนอย่างเธออยู่แบบนี้เสมอ
และเขาก็ควรจะหยุดความเปียกปอนพวกนั้นเอาไว้เสียที
เป็นครั้งแรกที่ชานยอลรู้สึกลังเลใจในการเปิดประตูห้อง
มันไม่เหมือนกับทุกครั้งที่เขาสามารถเปิดประตูเข้าไปแล้วถอดถุงเท้า แขวนกระเป๋า เดินไปนอนแผ่บนเตียง ทำตัวสบายๆเพราะเป็นเจ้าของห้องอีกครึ่งหนึ่ง เขารู้ว่าพอเปิดประตูเข้าไปแล้วจะต้องเจอกับร่างเล็กๆที่นั่งหันหลังอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ ไม่ทำงานก็อ่านหนังสือ ไม่อ่านหนังสือก็เล่นแมคบุ้ค มันเป็นอย่างนั้นทุกครั้งแต่นี่คือครั้งแรกที่ชานยอลรู้สึกลำบากใจที่จะเผชิญหน้า
เขาไม่อยากได้รับสายตาหรือบรรยากาศอึดอัดที่ไม่เคยได้มันมาก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วนี่อาจจะเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเองอีกครั้งว่าแบคฮยอนจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดไปด้วย คำพูดของมินอายังลอยวนอยู่ในหัว ..พักนี้เขาพูดถึงรูมเมทบ่อยเกินไป ชานยอลคิดเอาเองว่ามันเป็นอาการเห่อเพื่อนใหม่
แต่การที่เขายังพูดถึงแบคฮยอนอยู่ทั้งที่เราไม่ใช่เพื่อนกันนั้น.. ชานยอลเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
ร่างสูงยืนทำใจอยู่หน้าห้องนานสองนาน ก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือไปหวังจะเปิดประตู
แต่ก็ไม่ทันคนอยู่ในห้องที่เปิดมันออกมาเสียก่อน
“............”
บรรยากาศอึดอัดโรยตัวขึ้นอย่างชัดเจนเหมือนที่ชานยอลคิดไม่มีผิด เขาสบตากับรูมเมทเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ร้านต๊อกบกกีวันนั้น เสียงทีวีจากในห้องยังดังออกมาให้ได้ยินแต่ชานยอลไม่คิดจะสนใจ เขากลับใช้สายตาจ้องมองสำรวจอีกฝ่ายแทน เสื้อยืด กางเกงบ๊อกเซอร์ ทั้งหมดเป็นชุดเดิมๆที่แบคฮยอนเคยใส่นับครั้งไม่ถ้วน และที่มือของอีกคนถือถุงขยะเอาไว้อยู่
“.. ไปทิ้งขยะหรอ” ชานยอลเอ่ยถาม ก่อนจะได้รับคำตอบกลับมาคือการพยักหน้าเบาๆ
ตอนนั้นชานยอลก็เข้าใจทันทีว่าเขาควรจะหลีกทางให้เจ้าของห้องอีกคนออกไปทิ้งขยะได้ตามอัธยาศัย แล้วก็นึกอีกครั้งว่าไม่น่าพูดจาทักทายออกไปเลย เพราะดูแบคฮยอนจะไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นักที่เขาชวนคุย พอเขาหลีกทางก็รีบจ้ำเดินไปยกใหญ่ ชานยอลเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้าห้องมาบ้าง เขาถอดรองเท้ากับถุงเท้าเอาไว้ที่เดิม แขวนกระเป๋าไว้ตรงที่แขวนเหมือนเดิม แต่วันนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป
โดยไม่ต้องสังเกตที่ชานยอลก็เห็นสิ่งที่แปลกตาอย่างชัดเจน
บริเวณเตียงนอนฝั่งตรงข้ามของเขามีกล่องกระดาษวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด ชานยอลมองไม่เห็นว่าในนั้นบรรจุอะไรเอาไว้บ้าง แต่ตัวอักษรสีดำที่เขียนไว้บนกระดาษเอสี่ด้วยลายมือก็ทำให้เสียงจากทีวีหายไปจากโสตประสาทของเขาอยู่นานหลายนาที
‘หนังสือเรียน’
‘ฟิกเกอร์ทอยสตอรี่’
‘ขนม’
‘หนังสือการ์ตูน’
‘รูป’
และอีกหลากหลายอย่างที่ถูกแปะเอาไว้ตรงฝากล่องต่างขนาด
ชานยอลมองกล่องพวกนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือเขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้วแม้แต่วาไรตี้โชว์ที่ออกอากาศอยู่ทางหน้าจอทีวีขณะนี้ ชานยอลไม่ใช่คนโง่ และเขาก็เชื่อว่าหากคนโง่ได้มาดูสภาพอีกฝั่งของห้องก็น่าจะรู้ดีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น
เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กๆที่เดินเข้ามาทำให้ชานยอลละสายตาจากกล่องไปมองด้วยความเคลือบแคลง เขากำลังไม่เข้าใจและรอคำอธิบายจากอีกฝ่าย และดูเหมือนแบคฮยอนจะรู้ คนตัวเล็กหลบสายตาเหมือนคิดอะไรบางอย่าง แล้วสุดท้ายแบคฮยอนก็ยอมเงยหน้ามองเขา
“เราจะย้ายออกนะ”
พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เหมือนจะหยุดลมหายใจ
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน”
..และชานยอลเพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเองว่าหัวใจวูบโหวงนั้นมันเป็นอย่างไร
มันแตกต่างจากตอนที่มินอาบอกเลิกเขาด้วยเหตุผลที่ว่าเราไม่น่าจะเข้ากันได้ ..ตอนนั้นเขาก็เสียใจ แต่ถ้าเธอจะเจอคนที่ดีกว่ามันก็ถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่คราวนี้มันไม่ใช่ เขาไม่เคยเตรียมใจมาก่อนเลยว่าถ้าหากต้องอยู่คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมที่เคยมีคนอยู่ด้วยกันมาตลอดสองปีมันจะออกมาในรูปแบบไหน
ชานยอลรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน ที่แม้แต่อยู่คนเดียวยังไม่รู้วิธี
“กะทันหันแฮะ” เขาเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มแกนๆ “ไปเมื่อไหร่ล่ะ”
แบคฮยอนที่กำลังวุ่นวายอยู่กับของบนโต๊ะไม่ได้หันมามอง ฟิกเกอร์ตัวเล็กรูปตัวละครในการ์ตูนเรื่องทอยสตอรี่ถูกมือบางหยิบลงไปในกล่องทีละตัว แบคฮยอนมีมันเยอะมากจนครึ่งหนึ่งของโต๊ะแทบจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทอยสตอรี่ .. และชานยอลก็นึกก่นด่าตัวเองที่เพิ่งจะรู้ ในตอนที่พวกมันกำลังจะจากไป
“มะรืนนี้น่ะ.. พี่ชายว่างมารับตอนนั้น” คนตัวเล็กตอบกลับมาโดยไม่ได้มองมายังเขา
แม้ว่าชานยอลจะต้องการคำอธิบายมากกว่านี้ว่าทำไมแบคฮยอนถึงอยากจะย้ายออก ทำไมไม่บอกเขาให้เร็วกว่านี้ ตัดสินใจตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไมเขาถึงไม่รู้เลย แต่ชานยอลก็มาหวนคิดได้อีกครั้งว่าแบคฮยอนไม่จำเป็นต้องบอกเขาเรื่องนั้น เพราะก็อย่างที่แบคฮยอนเข้าใจ เราไม่ได้สนิทกันมากมายเสียหน่อย
เขาก็เป็นเพียงแค่คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตคนหนึ่ง และกำลังจะผ่านพ้นไปในอีกสองวันข้างหน้า
“อ๋อ..” ชานยอลตอบรับคำทั้งที่กำลังไม่เข้าใจอย่างเต็มเปี่ยม “แล้วมีอะไรให้เราช่วยหรือเปล่า ..ลังพวกนี้ ให้เราช่วยขนลงไปข้างล่างไหม”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เรามาช่วยเอง ของมันไม่ได้เยอะนักหรอก”
แบคฮยอนตอบปฏิเสธกลับมาด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายแต่ฟังกลับรู้สึกห่างไกลยิ่งกว่าครั้งไหน ชานยอลไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นนอกจากตอบรับในลำคอเพียงเล็กน้อย เขาตัดสินใจนั่งลงที่ปลายเตียงพร้อมกับมองร่างเล็กๆเดินไปเดินมาอยู่ตรงฝั่งตรงข้าม แบคฮยอนเก็บนู่นเก็บนี่ลงไปในกล่องจนเกือบจะหมด เหลือไว้แค่เพียงเครื่องนอนกับแมคบุ้คและหนังสือบางเล่ม พร้อมกับเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ถูกเก็บลงกระเป๋าเดินทาง
ชานยอลรู้สึกใจหายและวูบโหวงเหลือเกินจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
อย่างที่บอก.. เขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในห้องนี้ไปอีกสองปี ทั้งที่สองปีก่อนหน้านี้เคยมีคนอยู่ด้วยกันมาตลอด
แม้จะไม่ได้สนิทกันมากนัก แต่มันก็อุ่นใจทุกครั้งเวลาที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นอีกคนอยู่ในห้อง
ชานยอลไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย ..และเขาก็ไม่เข้าใจด้วย
ว่าทำไมถึงไม่อยากให้แบคฮยอนไป
TALK :
ทำไม 70 เปอร์เซ็นต์มันน้อยๆอะ.. เราขอโทษ เรากะผิดเองแหละ แต่ขอยกที่เหลือไปไว้ตอนหน้าเนอะ
ตอนนี้เราแต่งไปก็รู้สึกสมน้ำหน้าปนสงสารอิพี่ปาร์ค คนเรากว่าจะรู้ว่ามีอยู่ก็สายไป...
ต่อจากนี้อาจจะมีอีกซักตอนสองตอนนะคะ ขอบคุณมากๆเลยสำหรับหลายๆคอมเม้นท์ เรื่องนี้น่าจะคอมเม้นท์เยอะที่สุดแล้วเท่าที่เขียน OS กับ SF มา
ฝากติดตามต่อไปด้วยนะต้ะ สัญญาว่าจะมาอัพไวๆ ฮี่ฮี่
#น้ำผึ้งมะนาวCB
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

3,420 ความคิดเห็น
-
#3338 KaRToon_HH (จากตอนที่ 17)วันที่ 4 เมษายน 2562 / 00:32โหวงไปพร้อมๆชานยอลเลย#3,3380
-
#3262 DBK1802 (จากตอนที่ 17)วันที่ 18 กรกฎาคม 2561 / 14:10รู้ว่ามีอยู่ก็สายไปจริงๆ เป็นยังไงล่ะชานยอล ไม่รู้ตัวเลย#3,2620
-
#2773 pcy921 (จากตอนที่ 17)วันที่ 1 ตุลาคม 2560 / 18:42แบคแอบชอบชานยอลลลลลลลลล เศร้าาาา#2,7730
-
#2386 จีวอนชิ':) (จากตอนที่ 17)วันที่ 20 ธันวาคม 2559 / 21:41กรรม...#2,3860
-
#2060 CBHHKDss (จากตอนที่ 17)วันที่ 18 ตุลาคม 2559 / 01:39เป็นคนที่ไม่อ่านฟิีคหน่วงเพราะจะหน่วงไปทั้งวัน เห็นชื่อตอนใสๆ ไม่น่าทำร้ายกันแบบนี้เลย 55555555555#2,0600
-
#1847 ojay2 (จากตอนที่ 17)วันที่ 29 กันยายน 2559 / 19:26เห้ยย แบคคค แกชอบชานนนนมา2ปีแล้ววว#1,8470
-
#1772 -FL- (จากตอนที่ 17)วันที่ 21 กรกฎาคม 2559 / 22:02โห แบคเอ้ยแกแอบชอบชยอลมา 2 ปีเลยอ่อ สุดยอด#1,7720
-
#1749 ❤ Little "B" ❤ (จากตอนที่ 17)วันที่ 19 กรกฎาคม 2559 / 09:44อ่านตอนแรกนึกว่าคงเป็นแนวใสใสน่ารัก ไม่มีดราม่าแต่เราคิดผิด สงสารแบค#1,7490
-
#1614 dovy_bubble (จากตอนที่ 17)วันที่ 5 กรกฎาคม 2559 / 22:01สงสารรแบคชอบชานอ่ะ#1,6140
-
#1523 oohse_karn (จากตอนที่ 17)วันที่ 29 มิถุนายน 2559 / 21:14สงสารรรรร#1,5230
-
#1321 dark chocolate (จากตอนที่ 17)วันที่ 23 พฤษภาคม 2559 / 01:43ฮืออออออ น้องแบคฮยอนลูก ไม่เป็นไรนะลูก ว่าแล้วแบคต้องชอบชยอล 5555#1,3210
-
#1246 B.E{ye}.S.T (จากตอนที่ 17)วันที่ 16 พฤษภาคม 2559 / 22:04เอ้า ไรง่าาา อุตส่าห์คิดว่าคู่นี้จะมีลุ้น ได้คุยกันในรอบสองปี แฟนเก่ากลับมาซะงั้น#1,2460
-
#615 Nursery*purr-fect (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มีนาคม 2559 / 03:13เห้ยยย สงสาร ;-; ไม่คิดว่าแบคจะแอบชอบชานยอล#6150
-
#536 คปซป. (จากตอนที่ 17)วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 / 21:55ทเาาีา้่ีน้คัส้าี่สีเำำะีรร่่เ#5360
-
#477 junojunox (จากตอนที่ 17)วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2559 / 12:21แง่งงงงง เกือบจะดีอยู่แล้วเชียวววววววววววววววว#4770
-
#430 pcy_light (จากตอนที่ 17)วันที่ 30 มกราคม 2559 / 15:09สงสาร แอบชอบชานยอล ฮื่ออออ#4300
-
#349 ikonsouy (จากตอนที่ 17)วันที่ 10 มกราคม 2559 / 22:20ฮื้อออ ชอบอะ ชอบฟิคอารมณ์แบบนี้#3490
-
#284 Ctbhqx_ (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 22:19โถ่ แบคฮยอน ฮื่อออ มารักเค้านี่มา เดี๋ยวรักตอบเลย โถ่ น่าสงสาร#2840
-
#283 t-t-thn (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 21:59เจ็บปวด..... ฮือออออออออออ#2830
-
#282 멍령이 (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 21:56ยังไม่อะไรเลยจบได้ไงอ่ะ ไม่ได้ๆมาต่อ#2820
-
#281 ffffahhhh (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 19:55ต้องไม่จบแบบนี้ซี่ . . . ไม่เอานะ#2810
-
#280 kaow.vrs (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 19:37ไม่ด่าค่ะ แต่ต่อเถ้ออออ จะไม่ด่าเป็นการติดสินบนให้ต่อ อยากให้ปีใหม่สำหรับแบคฮยอนมันแฮปปี้ ..#2800
-
#279 vipp (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 19:37ไม่เอาแบบเน้นนนน แต่งต่อเถอะนะนะนะ#2790
-
#278 Thitirat Namboon (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 19:20โกรธ.. แงงง้ ไม่จบแบบนี้ซี่????????????#2780
-
#277 JokerJung (จากตอนที่ 17)วันที่ 2 มกราคม 2559 / 18:29ด่ากี่คนเราไม่รู้ แต่เราไม่ด่า แค่อยากจะบอกว่า...โป้งแล้ว!( ; ^ ; )#2770