คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ตอน... โรงเรียน ซงฟู่
เสียงกลองลั่นเป็นจังหวะถี่รัว สร้างความตื่นเต้น และเพิ่มมนต์ขลังให้กับที่แห่งนี้ได้อย่างเต็มเปี่ยม นักเรียนจบใหม่ทุกคนเตรียมพร้อมอยู่ที่ลานประลอง ซึ่งในการต่อสู้จะเป็นรอบแบ่งสาย มีนักเรียนที่ร่วมประลองทั้งหมด 120 คน ในบรรดานี้ มีตัวเต็งที่คาดว่าน่าจะได้ค่าตัวสูงลิ่วจากการประมูลอยู่ 2 คนด้วยกัน ได้แก่ ซันจิ และ เดวิด ทั้งสองคนนี้เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มาก โดยเด็กที่ชื่อซันจิ เป็นหนุ่มน้อยที่มากความสามารถ มีไหวพริบปฏิพานในการต่อสู้และพลิกแพลงเพลงยุทธ์ให้เหมาะกับสถานการณ์ได้ดีเยี่ยม มีความโดดเด่นในเรื่องของการใช้เท้าจู่โจม เหล่าพ่อค้ากว่าครึ่งในที่นี้ มาเพื่อจะประมูลค่าตัวเด็กหนุ่มคนนี้ไปครอบครอง ส่วนคนที่สอง คือ เดวิด หนุ่มน้อยจากแดนไกล ที่มีความแข็งแกร่ง กระฉับกระเฉง และมีพละกำลังที่น่าเหลือเชื่อ เด็กคนนี้สามารถผสมผสานเพลงยุทธ์หลาย ๆ กระบวนเข้าด้วยกันเป็นเพลงยุทธ์ใหม่ที่ไม่เคยมีใครรู้จัก ชื่อ “New Die” แต่ไม่มีใครกล่าวถึง จนภายหลังมีการบรรจุเพลงยุทธ์นี้ ไปไว้ในหลักสูตรการสอนของโรงเรียนเป็นเพื่อฝึกสอน และได้ถูกตั้งชื่อใหม่โดยให้เกียติเด็กหนุ่มคนนี้ในชื่อ “เดวิดปลิดชีพ” จึงทำให้ เดวิด มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
นักเรียนคู่แรกขึ้นสู่สังเวียน พร้อมที่จะประจันหน้ากัน ทุกสายตาจดจ่ออยู่ที่การประลอง เหล่าพ่อค้าทั้งหลาย เตรียมอุปกรณ์จดบันทึก และป้ายประมูลมาไว้เพื่อรอการประมูลราคานั่นเอง โดยในการประมูลนั้น สามารถทำได้ในขณะที่การต่อสู้ยังดำเนินอยู่เท่านั้นและเมื่อการต่อสู้จบลงและสิ้นเสียงระฆัง ถือว่าการประมูลเป็นที่สิ้นสุด เหล่านักล่าทหารทั้งหลายรู้กฎเหล่านี้ดี จึงตั้งใจที่จะดูหน่วยก้านของนักเรียนกันอย่างเต็มที่ เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณให้เริ่มการต่อสู้ เสียงโห่เสียงเชียร์กึกก้องไปทั่วลานประลอง นักเรียนทั้งสองคน ยังจด ๆ จ้อง ๆ กันอยู่ ไม่ทันไรก็มีป้ายประมูลยกขึ้นมา พร้อมกับตะโกน “ฝ่ายแดง 5,000 เหรียญ” ป้ายราคาทางฝ่ายแดงปรับขึ้นเป็น 5,000 ทันที ฝ่ายแดงเหมือนจะได้ใจ เลยเริ่มจู่โจมเพลงยุทธ์หมัดสุ่มจุดตาย เป็นการจู่โจมที่ไม่ใช้ความแรง แต่ใช้ความเร็วของการออกหมัดตัดจุดตายของคู่ต่อสู้ แต่ฝ่ายน้ำเงินปัดป้องได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว แล้วโต้ตอบด้วย ลูกเตะเคาเตอร์แอคแท็ค ก่อนที่ฝ่ายแดงจะออกท่าครบกระบวน ฝ่ายแดงกระเด็นล้มลงไป “น้ำเงิน 5,000” มีเสียงพ่อค้าคนหนึ่งตะโกนพร้อมยกป้ายประมูลขึ้น จากนั้น มีอีกหลายรายตามมา จนค่าตัวของฝ่ายน้ำเงินไปหยุดอยู่ที่ 20,000 เหรียญ อย่างรวดเร็ว นักเรียนทางฝ่ายแดงลุกขึ้นโต้ตอบอีกครั้งด้วย หมัดลวงมายา ซึ่งเป็นหนึ่งในท่ามวยอ่อนที่ร้ายกาจ ทว่า ความคล่องแคล่วว่องไวของฝ่ายน้ำเงิน ยังสามารถปัดป้องไปได้ทั้งหมด ฝ่ายน้ำเงินก็ตอบโต้ด้วยลูกเตะเคาเตอร์แอคแท็ค อีกครั้ง ฝ่ายแดงล้มกระเด็นไปอีกรอบ ตอนนี้ป้ายราคาของฝ่ายน้ำเงิน ขึ้นสูงถึง 30,000 เหรียญแล้ว ขุนพลโกโกโร่ที่นั่งมองดู เห็นท่าทีการต่อสู้ของนักเรียนทั้งคู่ ก็รู้สึกพอใจมาก โกโกริ เห็นพี่ชายยิ้มมีความสุขเลยพูดขึ้นมา “ช่างเป็นคู่ชกที่ไม่เหมาะสมเลยนะพี่ ฝ่ายแดงล้มไม่เป็นท่าถึงสองครั้งแล้ว” โกโกโร่ยกมือขึ้นมาเหมือนจะบอกว่าตนพูดผิดแล้วก่อนจะกล่าว “คนอย่างข้าไม่เคยจับคู่นักเรียนพลาดหรอกนะโกโกริ คู่นี้แหละเหมาะกันที่สุด เดี๋ยวเจ้าคอยดูเองเถอะ” ฝ่ายน้ำเงิน แลเห็นรอยยิ้มยียวนกวนประสาทของฝ่ายแดง ก็นึกสงสัยจึงพูดกับนักเรียนฝ่ายแดงว่า “เจ้ามีความสุขอะไร ? ข้าชนะเจ้าอยู่นะ” ฝ่ายแดงไม่ตอบอะไรยังคงยิ้มแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น ตอนนี้ค่าตัวของนักเรียนฝ่ายน้ำเงิน ขึ้นแตะยอด 50,000 เหรียญแล้ว ฝ่ายน้ำเงินเริ่มโมโหในท่าทางของฝ่ายแดง จึงเป็นฝ่ายเข้าจู่โจมบ้างด้วย เพลงมวยดับชีพจร ฝ่ายแดงพยายามป้องกัน แต่ความว่องไวนั้นเป็นรองฝ่ายน้ำเงินมาก เลยโดนเพลงมวยของคู่ต่อสู้ไปเต็ม ๆ จนถึงหมัดสุดท้ายของการโจมตี ฝ่ายน้ำเงินกลับหยุดชะงัก ล้มคุกเข่าลงกับพื้น สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในเวทีประลอง ตอนนี้จะเห็นว่า เมื่อครู่ที่ฝ่ายน้ำเงินสวนกลับการโจมตีของฝ่ายแดงด้วยลูกเตะเคาเตอร์แอคแทคนั้น ไม่ทันได้ระวังตัวว่านั่น เป็นกลลวงของฝ่ายแดงตั้งแต่แรกที่หลอกให้ฝ่ายน้ำเงินเตะสวนกลับมา ในครั้งแรกนั้นที่ฝ่ายแดงจู่โจมด้วยท่า หมัดสุ่มจุดตาย ฝ่ายแดงไม่ได้ใช้แรงในการร่ายรำเลยแม้แต่น้อย จึงทำให้การโจมตีนั้นออกมาเชื่องช้าและไม่มีพิษสง แต่กลับเก็บพลังของหมัดสุ่มจุดตาย ทั้ง 16 หมัด มาไว้ที่หมัดสุดท้ายเพียงหมัดเดียว นั่นหมายความว่า เขาจู่โจมเข้าที่จุดตายไปยังของขาคู่ต่อสู้ในขณะที่คู่ต่อสู้เตะสวนมานั่นเอง อีกทั้งยังใช้แผนเดิม แต่เปลี่ยนกระบวนท่าเพื่อให้คู่ต่อสู้ตายใจ ทำให้ตอนนี้สถานการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ฝ่ายน้ำเงินมิอาจลุกขึ้นยืนได้ในช่วงเวลาหนึ่ง กระดานค่าตัวของฝ่ายแดงเริ่มขยับทันที ราคาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเหยียบหลักแสนได้ภายในไม่ถึงนาที นักเรียนทางฝ่ายแดงไม่รอช้าที่จะร่ายรำกระบวนท่าปิดฉาก เป็นท่าไม้ตายประจำของโรงเรียนที่นักเรียนทุกคนต้องฝึกฝนและใช้ให้ชำนาญ เป็นท่า เพลงหมัดผนึกวิญญาณ การใช้ท่าไม้ตายนี้มิใช่มีจุดประสงค์เพื่อการสังหาร แต่มีจุดประสงค์ให้กล้ามเนื้อของคู่ต่อสู้หยุดการทำงานไปชั่วขณะ ส่งผลให้มีสภาพเป็นอัมพาตและไม่สามารถขยับร่างกายได้แม้แต่ส่วนเดียว ถือเป็นวิชาสายขาวที่บริสุทธ์ที่สุด ฝ่ายแดงร่ายรำอย่างเป็นธรรมชาติ ถูกต้องและแม่นยำ ความว่องไวสูงขึ้นผิดหูผิดตา ทำให้เรียกเสียงเชียร์จากกองเชียร์ได้สนั่นเลยทีเดียว ฝ่ายแดงไล่สกัดจุดคู่ต่อสู้ไปเรื่อย ๆ จนครบกระบวนท่า บัดนี้ฝ่ายน้ำเงินอยู่ในท่านั่งคุกเข่า และไม่สามารถขยับร่างกายได้ กรรมการเริ่มนับ น็อกเอ๊าท์ ทันที ระหว่างนับ ค่าตัวของทั้งสองฝ่ายก็ขยับเรื่อย ๆ จนในที่สุดสิ้นเสียงระฆังหมดเวลา ค่าตัวของทั้งคู่รวมทั้งสิ้น 240,000 เหรียญ แบ่งเป็นของฝ่ายน้ำเงิน 90,000 เหรียญ และฝ่ายแดง 150,000 เหรียญ เงินทั้งหมดนี้คือเงินค่าเทอมของนักเรียนทั้งสองคน ที่มอบให้กับโรงเรียนก่อนจะออกไปทำงานในเส้นทางของตน
การประลองยังคงดำเนินต่อไป คู่ที่สองขึ้นสู่สังเวียน เหล่าพ่อค้าเตรียมประมูลกันเช่นเคย ซึ่งการแข่งขันนั้นหลายคนยังคงมุ่งประเด็นไปที่ ซันจิ และ เดวิด หนุ่มน้อยค่าตัวแพงสองคนนี้ ว่าจะขึ้นประลองเมื่อไหร่ ในระหว่างที่กำลังประลองกันอยู่ มีขบวนมหรสพขนาดใหญ่มุ่งหน้าเข้ามายังลานประลอง พร้อมกับมีทหารนับร้อย ตามมาด้วยเกี้ยวโดยสารทองคำที่หรูหรา ประดับด้วยเพชรอีกนับไม่ถ้วน นี่คือขบวนของ ท่านโยห่าน มหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง ของเกาะใต้ โกโกโร่เห็นจึงรีบสั่งให้น้องชายโกโกริ ไปต้อนรับ “ท่านโยห่าน ลมอะไรพัดท่านมาถึงที่นี่ได้ครับนี่” โกโกริกล่าวต้อนรับแบบเป็นกันเอง โยห่านรู้สึกพอใจในการกระทำของสองพี่น้องคู่นี้ ทั้งที่ตนเป็นถึงขุนพลของพระราชา ยังอุส่าเดินลงมาต้อนรับตน จึงกล่าวกลับไปอย่างเริงร่าว่า “ท่านไม่ต้องลงมาด้วยตัวเองหรอก ข้าเดินขึ้นไปหาท่านเองก็ได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” โกโกริได้ฟังจึงกล่าวคำเชื้อเชิญให้ขึ้นไปนั่งข้างบนด้วยกัน เศรษฐีโยห่านนั้น ได้ทำการค้ากับเมือง ซงฟู่ มาเป็นเวลานาน และได้ให้การช่วยเหลือในการเงินอยู่ตลอด เรียกได้ว่า เมืองซงฟู่ เจริญรุ่งเรืองได้ถึงขนาดนี้เป็นเพราะ เศรษฐีโยห่าน คนนี้นี่เอง “ท่านมาที่นี่เพื่อมาประมูลเจ้า ซันจิ หรือ เดวิด หละครับ ?” โกโกริถามระหว่างเดินขึ้นที่นั่ง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าก็มาดูทุกคนนั่นแหละ แต่บอกตรงๆ นะ ไอ้เจ้าหนูซันจิน่ะ ฝีมือร้ายกาจไม่เบาเลย วันนั้นข้าเห็นมากับตา ทหารเมืองนี้ เยี่ยมจริงๆ เลย ให้ตายสิ พับผ่า ! ” โกโกริได้ฟังก็หัวเราะชอบใจก่อนจะเดินขึ้นไปยังที่นั่งของตน โดยมีโกโกโร่ ยืนรอต้อนรับอยู่
ทางท่าเรือที่เงียบสงบ มีเรือจอดอยู่มากมาย แต่ไม่มีผู้คนเดินเพ่นพ่านเลย จะมีก็แต่พนักงานเฝ้าเรือ 2 3 คนเท่านั้น ทุกอย่างสงบนิ่ง ไม่มีเรือสัญจร ไม่มีผู้คนใช้บริการ พนักงานสามสี่คนจับกลุ่มนั่งคุยกันแก้อาการเซ็ง “ทำไมวันนี้ต้องเป็นเวรข้าด้วยนะ ให้ตายสิ อดไปดูการประลองเลย” ชายคนแรกพูดกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยกัน “เออใช่ โคตรซวยเลย ได้ข่าวว่าปีนี้ เจ้าหนูซันจิ กับ ไอ้เจ้าเดวิด มันจบปีนี้นะ งานเค้าใหญ่มากเลย” ในขณะที่เหล่าพนักงานกำลังนั่งคุยกันอยู่นั่น มีเรือลำใหญ่ เสาสูงตระหง่านมุ่งตรงเข้ามายังท่าเรือ พนักงานเดินเรือรีบลุกขึ้นไปดู “เฮ้ย เรือใครวะใหญ่โต แกดูซิ” ชายคนหนึ่งบอกให้เพื่อนส่องกล้องสังเกตดู ชายคนที่สองส่องกล้องสังเกต เห็นตราสัญลักษณ์ต้นไม้คู่ ตระหง่านอยู่บนยอดเสาเรือ จึงตะโกนลั่น “เรือหลวงจวนเหลียง !! ” พนักงานคนอื่น ๆ ได้ยินดังนั้น จึงรีบเตรียมการต้อนรับ แล้วสั่งให้ เด็กส่งสารไปรายงานให้ท่านโกโกโร่ทราบถึงการกลับมาของเรือจวนเหลียง “ท่านโกโกโร่และทุก ๆ คนต้องดีใจแน่ รีบไปรายงานนายท่านเร็วเข้า” เด็กส่งสารรีบลงจากเรือที่ตนกำลังทำความสะอาดอยู่ วิ่งมุ่งหน้าไปทางโรงเรียนซงฟู่ทันที..”ครับ !”
ความคิดเห็น