ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอน... พรรคเปลวเพลิง
ภายในห้องเสบียงที่สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย กาเบรียว ยืนตรงอยู่กลางห้องมีผ้าปิดตาเอาไว้ ในมือข้างหนึ่งกุมทวนฟ้าดิน อีกข้างล้วงกระเป๋ากางเกงที่เก็บอาวุธลับมีดสั้นเอาไว้ พร้อมที่จะใช้ในยามฉุกเฉินทุกเมื่อ เบื้องหน้าเขาคือกระบี่สีทองลอยได้ ที่มิอาจรู้ว่ามันคืออะไร และใครควบคุมมัน “คุณปิดตาสู้ ?” เสียงนิรนามถามกับกาเบรียว เขาสัมผัสความรู้สึกได้ทันทีว่าทิศทางของเสียงนั้นต้องเป็นผู้ที่ถือกระบี่เล่มนี้อยู่ แต่เหตุใดถึงมองไม่เห็นมัน “แกเป็นใคร” กาเบรียวถามกลับไปทั้งที่ยังยืนอยู่ท่าเดิม “คุณคงไม่เชื่อว่าผมคือใครถ้าผมบอก แต่คุณขึ้นมาบนเรือนี้ไม่ได้ กลับไปซะ” เมื่อได้ยินดังนั้น กาเบรียวจึงพูดกลับไป อนึ่ง เพื่อเป็นการถ่วงเวลาในระหว่างที่ยังมองไม่เห็นวิธีการต่อสู้ อีกข้อคือเขาไม่อยากปะทะในสถานะประตูจิตทำงานอยู่ เพราะความสามารถของเขาจะดรอปลงครึ่งหนึ่ง “แกจะให้ชั้นกลับลงไปจากเรือของฉันงั้นรึ” แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของเขาทำให้คู่สนทนาไม่พอใจอย่างมาก “สามหาว เรือลำนี้เป็นสมบัติของพระราชา และมีขุนพลกาเบรียวเท่านั้นที่จะขึ้นมา และนำเรือกลับไปได้” กาเบรียวได้ฟังก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่รู้จักตน แต่ไม่ทันได้กล่าววาจาใด ๆ ฝ่ายตรงข้ามก็เปิดฉากโจมตี ด้วยท่ากระบี่เจาะเกราะ ปกติแล้วผู้ใช้ท่านี้จะต้องย่อตัวลงต่ำพร้อมกระโดดพุ่งเป็นทิศทางตรงแล้วใช้กระบี่เสียบเข้ามากลางอกของศัตรูเป็นท่าเปิดฉาก แต่ในกรณีนี้ เป็นกระบี่ล่องหน เลยเห็นแค่กระบี่พุ่งหมุน ๆ มาใส่ตนเท่านั้น กาเบรียวเอี้ยวตัวหลบไปทางขวา 45 องศา เพื่อให้พ้นวิถีของกระบี่เจาะเกราะ แต่กลับคาดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจบกระบวนท่านี้ กระบี่ปริศนาเปลี่ยนกระบวนท่าเป็นกระบี่ผ่าแผ่นดิน ทำให้กาเบรียวต้องกระโดดหลบอย่างกะทันหัน รัศมีของกระบี่ผ่าแผ่นดินกระจายเป็นวงกว้างทำให้กาเบรียวหลบไม่พ้นโดนเข้าอย่างจัง แต่โชคดีที่ยังยกทวนฟ้าดินเข้ามาป้องกันไว้ได้ เกิดเสียงดังสนั่นห้อง ข้าวของกระจุยกระจาย กาเบรียวรีบลุกขึ้นหมายที่จะบอกกับกระบี่ปริศนาว่า ตัวเขาคือใคร แต่คงไม่ทัน เพราะกระบี่ทองปริศนาเข้ามาจู่โจมกระบวนท่าที่สามทันทีแบบไม่ให้ตั้งตัว กาเบรียวรีบใช้ทวนฟ้าดินปัดป้องอย่างพัลวัน กาเบรียวป้องกันการโจมตีมาได้ 20 กระบวน เป็นท่าต่อเนื่องที่ซับซ้อนและสวยงามเป็นธรรมชาติมาก บุคคลทั่วไปไม่มีใครทำได้เช่นนี้ กาเบรียวรู้ได้ทันทีว่า นี่ต้องเป็นศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงที่มีแค่คนในวังหลวงเท่านั้นที่รู้ และระดับขีดโอเวอร์นั้นมหาศาล(ขีดโอเวอร์คือระดับพลังที่บุคคลนั้น ๆ มีนั่นเอง) ซึ่งเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในใจของเขาตอนนี้มิอาจคิดได้อีกแล้วว่านี่คือใคร สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือหาวิธีการต่อสู้กับกระบี่เล่มนี้ให้ได้ก่อนที่ตนจะพลาดท่าตายซะก่อน เขาแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าสิ่งที่เขากำลังสู้อยู่ด้วย มิใช่ผี แต่มันคือคนล่องหนที่ใช้กระบี่สู้กับตนอยู่นั่นเองและหากเป็นเช่นนั้นจริง มันผู้นี้ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับเขา เขาจึงปัดป้องไปเรื่อยๆ จนถึงกระบวนท่า ที่ 38 จะเป็นกระบวนท่าปิดฉากของ ท่ากระบี่เจาะเกราะ นั่นคือ “ปลิดชีพอสูร” ซึ่งกระบวนท่านี้ในตำรานั้นกล่าวว่า ผู้ใช้จะต้องถอยออกไปจากศัตรู 2 ก้าว แล้วโยนกระบี่ขึ้นฟ้าจากนั้นกระโดดตามขึ้นไปรับ แล้วฟาดลงมายังศัตรู ซึ่งท่านี้เอง กาเบรียวจะมีเวลา ปิดประตูจิตออกได้ทัน แล้วถึงตอนนั้น ขีดโอเวอร์ของเขาจะมากขึ้นถึงขีดสุด สามารถใช้กระบวนท่าโจมตีได้ตามปกติ แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เขาคิดไว้ กระบี่ปริศนาถอยห่างจากตัวเขา แล้วลอยขึ้นฟ้า บัดนี้เขาไม่รอเช้า รีบรวบรวมสมาธิ ปักทวนฟ้าดินลงกับพื้น แยกขาออกเสมอไหล่ ย่อตัวลงแล้วกล่าว “ปิดประตูจิต เปิดเนตรที่ 3 !!!!” ดวงตาเลือนรางบนหน้าผากของเขาเริ่มเลือนหายไป เกิดแสงสีส้มเป็นรังสีเจิดจ้าขึ้นมาแทนที่ นี่คือวิชาการต่อสู้ของเขา เนตรที่ 3 เป็นนัยน์ตาที่สามารถรู้ถึงความเคลื่อนไหวล่วงหน้าของศัตรู 3 วินาทีอีกทั้งยังมองเห็นศัตรูรอบตัว เป็นวิชาที่สืบทอดกันมาในสายเลือดตระกูลไวโอเล็ต บัดนี้ กาเบรียวพร้อมเต็มที่ ขีดโอเวอร์ของเขาสูงขึ้นถึงขีดสุด กระบี่นิรนามฟาดลงมายังตัวของกาเบรียวเกิดเสียงระเบิดขึ้นดังสนั่น ควันฟุ้งกระจายเต็มพื้นที่ จากนั้นทุกอย่างเงียบสงัด จนกระทั่งควันจากการระเบิดของกระบวนท่าปลิดชีพอสูร จางหายไป เห็นเพียงแค่กระบี่ปริศนา ซึ่งความจริงเริ่มปรากฏ เห็นเป็นเงาเลือนรางของผู้ใช้กระบี่เกิดขึ้น กาเบรียวที่หลบไปด้านหลังในช่วงเสี้ยววินาทีก่อนกระบี่จะถึงตัว เขาฉีกยิ้มมุมปากอย่างสะใจที่การคำนวณของเขาเป็นจริง “มันไม่ใช่ผี แต่มันคือคนล่องหน” บุคคลปริศนารีบหันกลับไปอย่างตกใจอย่างไม่เชื่อสายตาว่ามันผู้นี้จะรอดกระบวนท่าปลิดชีพอสูรไปได้ จึงสบถออกมาอย่างตกใจ “คุณทำได้ไง !” กาเบรียวได้ฟังก็ฉีกยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก่อนจะพูดว่า “ทีกูบ้างหละ” ทันใดนั้นเกิดไอร้อนขึ้นรอบตัวของกาเบรียว มีไฟฟ้าสถิตล้อมรอบตัวของเขา เขายกทวนฟ้าดินขึ้นมาฟาดทื่อ ๆ ใส่บุคคลปริศนาแบบไม่ต้องมีกระบวนท่า ชายปริศนารีบยกกระบี่ขึ้นมาป้องกัน เกิดเสียงปะทะกัน ดังก้องกังวาน จนต้องถอยรุดหนีออก แล้วฟาดซ้ำ ๆ แบบเดิมอีก สามสี่ครั้ง เหมือนผู้ใหญ่ไล่ตีเด็กน้อยก็มิปาน ก่อนจะถอยออกห่าง เริ่มกระบวนท่าไม้ตาย หมายจะฆ่าคนผู้นี้โดยไม่ต้องการหาเหตุผลใด ๆ อีกแล้ว เขาก้าวเท้าขวาไปด้านหลัง ย่อตัวลง แบมือซ้ายแล้วแล้วยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อล็อคเป้าหมาย มือขวาจับปลายทวนฟ้าดินไว้มั่นแล้วชูไปด้านหลังชี้ปลายทวนมาที่ศัตรู ก่อนจะเกร็งพลังเกิดรังสีไฟฟ้าสถิตรอบตัว นี่คือท่า สวรรค์คลั่ง หนึ่งในสาม ท่าไม้ตายของเขา ตอนนี้ชายปริศนาเหมือนถูกต้องมนต์สะกด ไม่ขยับเขยื้อน ได้แต่ยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น กาเบรียวไม่รอช้าเขายกเท้าหน้าขึ้นแล้วถีบเท้าหลังกระโจนไปข้างหน้า ปล่อยทวนฟ้าดินไปตามแรงส่งพุ่งตรงใส่เป้าหมาย พร้อมที่จะส่งมันผู้นี้ไปสู่ปรโลก “ช้าก่อนคุณกาเบรียว” กาเบรียวได้ฟังจึงหยุดชะงักปลายทวนห่างกับตัวของชายปริศนาแค่ นิ้วเดียว รังสีไฟฟ้าสถิตวิ่งพล่านจนผมเผ้าของชายปริศนาฟูฟ่อง “ใครเรียกข้า” กาเบรียวตะโกนหาเจ้าของเสียงนั้น ปรากฏชายคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านบนของเรือ พร้อมด้วยเด็กชายสองคนตามหลังมา กาเบรียวมองดูชายผู้นี้แล้วแปลกใจยิ่งนักเนื่องจากลักษณะการแต่งตัวของเขาเหมือนกับ สตรี แต่กายกำยำใหญ่เช่นบุรุษจึงถามด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นตุ๊ด ?” ชายคนนั้นได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ พร้อมกับยกมือส่ายไปมา เหมือนจะบอกว่าไม่ใช่อย่างนั้น “ผมไม่ใช่ตุ๊ดหรอกครับ เพียงแต่ผมต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับเด็กสองคนนี้ คุณไม่ต้องแปลกใจหรอก เด็กพวกนี้ไม่มีแม่น่ะ” กาเบรียวได้ฟังถึงแม้ไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ถามต่อ แต่สิ่งที่ยังสงสัยคือ มันเป็นใคร และมาทำอะไรที่นี่ จึงเปลี่ยนประเด็น “แล้วเจ้าเป็นใครกัน คำพูดคำจาก็ดูแปลก ๆ พวกเดียวกับไอ้นี่รึเปล่าวะ” ชายคนนั้นได้ฟังก็ยิ้มพลางพยักหน้าแล้วตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ใช่แล้วครับคุณกาเบรียว นั่นคือพ่อครัวประจำพรรคของผม พอดีเรามีปาร์ตี้ข้างบนเลยให้เขาลงมาเอาเครื่องเทศในนี้ เขาไม่ใช่จอมยุทธ์หรอกครับ เขาไม่รู้อะไรน่ะ อย่าไปถือสาเลย” กาเบรียวได้ฟังแทบจะไม่เชื่อ ว่าเพลงกระบี่เมื่อกี้ เป็นฝีมือพ่อครัว อีกทั้งคำว่า ‘พรรคของผม’ ยิ่งทำให้แปลกใจจึงถามกลับไป “พรรคอะไร เจ้ามาปล้นเรือต่อจากพวกนพเก้างั้นรึ ?” “ผมคือหัวหน้าพรรค เปลวเพลิง นามว่า โยธิน เป็นทหารรับจ้างครับ คุณกาเบรียว” กาเบรียวได้ฟังถึงกับอึ้งตะลึง เพราะผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือบุคคลที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน นี่คือหัวหน้าพรรคเปลวเพลิง ทหารรับจ้างที่ร้ายกาจเหนือมนุษย์มนา ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนที่ได้ยินชื่อนี้ต้องกลัวหัวหด แต่เท่าที่กาเบรียวได้ยินมามันพวกนี้ไม่รับจ้างปล้นใครแต่ทำไมถึงมาอยู่บนเรือลำนี้ จึงถามตะคอกกลับไป “แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าแอบอ้างรึเปล่า เพราะข้าได้ยินมาว่า พรรคเปลวเพลิงไม่รับจ้างปล้น หา !” ชายผู้นั้นจึงพูดตอบอย่างไม่ต้องคิด เหมือนกับว่ารู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร “ถ้าคิดว่าผมแอบอ้างหละก็ ขอถามหน่อย พ่อครัวที่ไหนจะสามารถหายตัว และรำเพลงกระบี่ได้ขนาดนี้เหรอครับ อีกอย่างวิชาพรางตัวล่องหนก็มีแค่เปลวเพลิงที่สามารถทำได้ แต่ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะมาช่วยคุณขับไล่พวกนพเก้า เพราะพรรคเปลวเพลิงของเราเป็นหนี้บุญคุณท่านคริสตัล บิดาของคุณไงครับ และบุญคุณในครั้งนั้นพวกผมยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนท่านคริสตัลเลย ผมเลยต้องมาที่นี่ไงหละครับ” กาเบรียวได้ฟังจึงสงสัยว่า บิดาของตนไปมีบุญคุณกับไอ้พวกทหารรับจ้างนี้พวกนี้ได้อย่างไร “พ่อของข้าไปช่วยอะไรพวกเจ้าหละ อีกอย่าง พวกเจ้าเคยต้องการความช่วยเหลือด้วยเหรอ ?” โยธินได้ฟังจึงยิ้มพร้อมตอบอย่างรวดเร็วเช่นเดิม “นั่นเป็นความลับครับคุณกาเบรียว ผมไม่สามารถตอบคุณได้ แต่เอาเป็นว่า ผม ในนามของทหารรับจ้างเปลวเพลิงขอสาบานด้วยชีวิต ว่าจะปกป้องคุณกาเบรียวให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว อีกไม่นานเราจะเข้าสู่เมืองหลวง สมบัติทุกอย่างบนเรือยังอยู่ครบ คุณนำกลับไปได้เลยครับ” กาเบรียวได้ฟังดังนั้นถึงแม้จะไม่ญาติดีกับพวกทหารนอกรีตนี้สักเท่าไหร่ แต่คำพูดของมัน ทำให้เขาอดนึกถึงบิดาไม่ได้ ที่ถึงแม้จะจากไปแล้ว แต่ยังสามารถปกป้องเขาได้ จึงพยักหน้ารับแล้วกล่าวกับหัวหน้าพรรคเปลวเพลิงว่า “หากเจ้ายังไม่รีบไสหัวไปก่อนที่จะถึงเมือง ข้าจะเด็ดหัวเจ้าไปถวายแก่พระราชา” โยธินได้ฟัง ก็ยิ้มชอบใจ แล้วส่งสัญญาณให้เด็กทั้งสองคนรวมถึงพ่อครัวเดินกลับขึ้นไป ก่อนจะ หันกลับมายิ้มให้แล้วพูดว่า “ครับ ลูกพี่ !”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น