คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน..หนี้บุญคุณ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ” สตรีผู้นั้นถามกับชายที่นอนบาดเจ็บอยู่ “เจ้าจะไม่พูดกับข้าก็ไม่เป็นไร แต่เจ้ารีบกลับไปซะ กลับไปบอกกับพระราชาของเจ้า บอกให้ชัดว่าข้าคือใคร และข้าจะมีแผนปล้นเมืองหลวงวันพรุ่งนี้ เข้าใจไหม รีบไสหัวไปซะ ส่วนเรือจวนเหลียงลำนี้ ข้าต้องขอยึดไว้เป็นสมบัติของพรรคข้า เจ้าเอาเรือเล็กพายกลับไปซะ” ว่าแล้วสตรีผู้นั้นก็ประคองนายพลหนุ่มลุกขึ้น แล้วผลักลงไปกลางทะเล ก่อนจะเดินไปปลดเรือเล็กที่ทางกาบเรือลงน้ำ อีกทั้งยังโยนขวดเปล่าที่ภายใน มีผ้าสีแดงเอาไว้ ลงไปในเรือเล็กด้วย พร้อมทั้งบอกให้เอาออกมาแสดงกับเหล่าโจรสลัดที่มารีดไถหรือมารังควาน การโยนขวดเปล่าที่มีผ้าสีแดงเอาไว้ในเรือนั้น เป็นเหมือนการบ่งบอกถึงความมีตัวตนของนพเก้า อันหมายถึงเรือลำนี้เป็นสมบัติของนพเก้า ใครบังอาจปล้นหรือแตะต้อง มันต้องเป็นปรปักษ์กับนพเก้าแน่นอน ซึ่งจะทำให้กาเบรียวสามารถกลับเมืองได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง หลังจากนั้น จึงพาเรือหลวงจวนเหลียงมุ่งหน้าออกไปคนละทางกับเรือโจรสลัด 9 ไป ทิ้งชายคนนั้นไว้ กับเรือเล็กกลางทะเล จากไปอย่างไม่แยแส
ชายผู้ที่เผชิญชะตากรรมผู้นี้ คือ กาเบรียว ไวโอเล็ต 1 ใน 6 ขุนพลของพระราชาแห่งแคว้นหลวงซงฟู่ที่เก่งกาจที่สุดเท่าที่มีในตอนนี้
ประกอบด้วย
ขุนพล โกโร่ โซลรอน ศิษย์เอกของวัดเส้าหลิน เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มขุนพล ทั้ง 6 เชี่ยวชาญการสู้รบด้วยมือเปล่า มีพละกำลังมหาศาล เชื่อกันว่าได้รับพลังวิเศษจากสวรรค์ มีพลังการทำลายล้างสูงที่สุดตั้งแต่ประวัติศาสตร์เคยพบพาน แต่ก็ยังมีข้อเสียที่ไม่อาจแก้ได้ คือการโจมตีที่เชื่องช้าและไม่ต่อเนื่องในการเปลี่ยนท่วงท่า
ขุนพล โกริ โซลรอน น้องชายของ ขุนพล โกโร่ โซลรอน เป็นศิษย์ของเส้าหลินเช่นกัน มีร่างกายที่แข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าทั่วทั้งร่างกายไร้ซึ่งจุดอ่อน ยากที่จะสยบได้ อีกทั้งยังมีความสามารถในการสะท้อนพลังโจมตีของศัตรู ซึ่งหมายความว่า ยิ่งคู่ต่อสู้มีขุมพลังยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เขาได้เปรียบมากเท่านั้น แต่จุดอ่อนของโกริคือ การโจมตีที่ไร้ซึ่งความรุนแรง เมื่อเทียบกับ โกโร่ พี่ชายของเขาแล้ว ความแรงในการโจมตีของโกริ เท่ากับ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
ขุนพล โจเซฟ บาบิโลน ทายาทคนเดียวของหมู่เกาะบาบิโลน เชี่ยวชาญการใช้ปืนไฟ รวมไปถึงระเบิดต่าง ๆ มีความแม่นยำสูงสามารถโจมตีระยะไกล ลือกันว่า บุคคลผู้นี้ยังไม่เคยพลาดเป้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังเป็นผู้ครอบครอง ปืน FC7 ซึ่งเป็นปืนที่มีอานุภาพสูงที่สุดในบรรดาปืนทั้งหมด ยังไม่มีผู้ใดที่เป็นคู่ต่อสู้ที่คู่ควรกับ FC7 เลยสักครั้งเดียว เหตุก็เพราะ FC7 สามารถทำลายบ้านทั้งหลังได้ในนัดเดียว
ขุนพล ยอซี่ มิราจต์ เป็นบุตรของเศรษฐีชื่อดังในเมืองหลวง มีความรู้ความสามารถรอบด้าน ฉลาดปราดเปรื่อง แต่ภายหลังบิดาและมารดาถูกสังหารโดยกองโจรพรรคนพเก้า จึงตัดสินใจสมัครเข้าเป็นทหารเพื่อฝึกวิชาเพื่อแก้แค้นให้กับครอบครัว แต่ด้วยความฉลาดเหนือคน จึงได้รับเลือกจากพระราชาให้มาเป็นขุนพล เชี่ยวชาญการใช้ดาบคู่ มีอาวุธคู่ใจ เป็นดาบคู่มิราจต์ ซึ่งเป็นดาบประจำตระกูล เชื่อกันว่ามีวิญญาณของกิเลนคู่ฉือเจินสิงอยู่ สามารถตัดเหล็กไหลได้ และทายาทที่แท้จริงเท่านั้น จะสามารถบังคับมัน
ขุนพลกอนซาโร่ อินไซด์ ไม่มีข้อมูลอื่นใด รู้แค่ว่าเป็นทหารรับจ้างขององค์กรลับเปลวเพลิงอันเลื่องชื่อที่รับจ้างฆ่าและคุ้มกันให้กับพวกกระเป๋าหนักทั้งหลาย ภายหลังได้ถอนตัวและเข้ามาสมัครเป็นขุนพลพระราชาโดยไม่มีใครทราบเหตุผล เชี่ยวชาญการใช้โซ่ตรวน มีความว่องไวสูง ถนัดการลอบสังหาร และ การพรางตัว ทำให้บุคคลผู้นี้เหมาะแก่การแย่งชิงความลับที่สุด
ขุนพลกาเบรียว ไวโอเล็ต เป็นลูกชายของขุนนางคริสตัล ไวโอเล็ต ซึ่งเป็น 1 ใน 4 จตุรเทพ แห่งองค์ราชา(ทหารองค์รักษ์ในยุคของพระราชาองค์ก่อน เป็นทหารองค์รักษ์ที่มีความซื่อสัตย์และพรรคดี บันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ระบุว่าไม่มีครั้งไหนที่ เหล่า 4จตุรเทพ จะปราชัยสักครั้งเดียว) เชี่ยวชาญอาวุธประเภททวน มีอาวุธคู่ใจเป็นทวนฟ้าดิน เป็นอาวุธที่สืบทอดมาจากบิดาของตนนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีพลังวิเศษที่สืบทอดกันมาในตระกูลไวโอเล็ต นั่นคือ การพยากรอากาศ
ชุดเครื่องแบบ ของขุนพลฟินิกซ์ โดย นายแบบ โจเซฟ บาบิโลน
เหตุที่ต้องเป็นเช่นนี้ เพราะความประมาทของพระราชา ที่ทรงคิดว่า คงไม่มีใครกล้าปล้นเรือหลวง จึงส่งทหารป้องกันมาแค่หยิบมือ และให้ขุนพล กาเบรียว ที่รับหน้าที่ไปควบคุมการเดินเรือเพียงแค่คนเดียว จึงเสียท่าให้กับ พรรคนพเก้า ในที่สุด ซึ่งนับว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นมา ทรัพย์สมบัติที่ถูกปล้นไปคราวนี้มูลค่ามหาศาล มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารมือดี 50 ราย ลูกเรือและผีพายอีก 100 ราย แต่ยังดีที่ ขุนพลกาเบรียว ยังรอดชีวิตอยู่ นับว่าเป็นเรื่องดี
ท่ามกลางความเวิ้งว้างของทะเลอันแสนกว้างใหญ่ แสงเดือนยามค่ำคืนทำให้พอมองเห็นสภาพโดยรอบอย่างเลือนลาง เรือเล็กแล่นไปตามแรงลมเกิดกระแสน้ำฟุ้งกระจายเห็นเป็นพรายน้ำระยิบระยับแลดูสวยงาม แต่แฝงไปด้วยความหดหู่ สภาพอาลัยตายอยากของบุคคลที่อยู่บนเรือ มิอาจกล่าวได้เต็มปากว่านี่คือขุนพลแห่งพระราชา เขาไร้ซึ่งความคิดอ่านใด ๆ ไม่มีแม้แต่จะขยับเขยื้อน เอาแต่นอนทอดกายมองดาวที่พร่างพราวด้วยความเหม่อลอย สภาพร่างกายของกาเบรียวในตอนนี้ฟื้นตัวจนสมบูรณ์เต็มร้อยแล้ว แต่สภาพจิตใจยังตกต่ำถึงขีดสุด เขาทั้งรู้สึกคับแค้นและอับอายที่มิอาจปกป้องเรือหลวงจวนเหลียงไว้ได้ ในขณะที่กาเบรียวกำลังล่องเรือไปตามกระแสน้ำทะเล เกิดมีเกาทัณฑ์ปักลงมายังกาบเรือที่เขานอนอยู่ ส่วนท้ายของเกาทัณฑ์มีกระดาษข้อความแนบมาด้วย กาเบรียวรีบนำข้อความนั้นออกมาอ่าน หลังจากได้อ่านข้อความ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แลดูมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เขารีบคว้าพายขึ้นมา แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังทางเดิมที่เรือจวนเหลียงถูกปล้น
ผ่านไป 1 ชั่วยาม กาเบรียวพายกลับมาถึงยังที่เกิดเหตุ แลเห็นเรือจวนเหลียงยังคงจอดอยู่ที่เดิม เขาเห็นว่าผิดสังเกตเลยลอบพายเรือไปด้านหลังแล้วแอบขึ้นเรือไป ทันทีที่เขาก้าวขึ้นเรือก็มีเกาทัณฑ์พร้อมด้วยข้อความยิงปักเข้ามาอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานก็มีทวนฟ้าดิน อาวุธคู่ใจที่หายไปของเขาพุ่งปักมายังทิศทางเดียวกับที่เกาทัณฑ์ข้อความเมื่อครู่ ทำให้เขารู้สึกสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จึงเก็บเกาทัณฑ์ปริศนาไว้ไปให้ ยอซี่ มิราจต์ พิจารณาในภายหลัง แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือกว่าคือ เกิดอะไรขึ้นที่เรือหลวงลำนี้ ทั้งที่ควรจะถูกกองโจรนพเก้านำกลับไปแล้ว เขาจึงคว้าทวนฟ้าดินที่หายไปนานกว่าเดือนมาแนบกาย เขารู้สึกได้ถึงความห่างเหินและความไม่คุ้นเคยของทวนฟ้าดินกับเขาจึงพยายามประสานพลังปราณให้กลับมาเป็นหนึ่งเดียวกันโดยเร็ว แล้วเดินเข้าไปยังด้านในของตัวเรือ เมื่อเดินผ่านท้ายเรือมา ห้องแรกที่จะต้องผ่านไปคือ ลานขับเคลื่อน ซึ่งตรงนี้เองเป็นที่ ๆ ฝีพายประจำเรือของเขาถูกสังหารสิ้น แต่กลับไม่มีแม้แต่ร่องรอย ทั้งศพ และคราบเลือด อีกทั้งทุกอย่างยังคงถูกจัดวางไว้เป็นอย่างดี เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่ เมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ยังเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้เละเทะไม่มีชิ้นดี ซึ่งหากพวกนพเก้าจะเก็บกวาดทั้งหมดนี้ในเวลา 2 ชั่วโมง คงไม่มีทางเสร็จทันอย่างแน่นอน กาเบรียวเห็นท่าไม่ดี จึงระมัดระวังตัวทุกฝีเก้า ตอนนี้ตัวเขาและทวน เริ่มประสานกันเป็นหนึ่งเดียว พร้อมที่จะเปิดประตูจิตแล้ว เขาเดินต่อไปยังห้องต่อไปซึ่งเป็นห้องเสบียง และที่นี้เอง เป็นที่ ๆ เกิดการต่อสู้ระหว่างทหารองครักษ์กับพวกนพเก้า สภาพเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วก็ไม่ต่างอะไรกับห้องลานขับเคลื่อน แต่บัดนี้ กลับถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยเช่นเดียวกัน ยิ่งทำให้เขาสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น จึงไม่รอช้าที่จะเปิดประตูจิต เขานำผ้าดำที่ผูกข้อมือออกมาคาดตาเอาไว้แล้วปักทวนฟ้าดินลงกับพื้น ค่อย ๆ แยกขาออกขนานกับไหล่ พร้อมเปล่งเสียงออกมาเบา ๆ “เปิดประตูจิต !!” ปรากฏภาพเลือนลางเป็นดวงตาบนหน้าผากของเขา บัดนี้เขามองเห็นทะลุปรุโปร่งทั้งตัวเรือแล้ว ซึ่งบนเรือไม่มีคน หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ หลงเหลืออยู่ อีกทั้งทองทั้งหมดที่ถูกขโมยไป กลับมาอยู่ที่เดิมอย่างหน้าอัศจรรย์ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ” เขาอุทานกับตัวเอง ทันใดนั้น...!!! เขามองเห็นบางสิ่งบางอย่างเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้ามาที่ด้านหลังของเขา จึงคว้าทวนฟ้าดินหันหลังกลับไปปัดป้องอย่างว่องไวปรากฏเป็นกระบี่เล่มสีทองมีสัญลักษณ์หัวสิงโตลุกไหม้อยู่ตรงด้าม แต่กระบี่เล่มนั้นมิได้หล่นลงพื้นแต่อย่างใด กลับลอยอยู่กลางอากาศเหมือนกับเคลื่อนไหวเองได้... “คุณปิดตาสู้ ?”
ความคิดเห็น