ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ภาค นิยายวันอาเพศ : ฤาษีมาช่วย
ทางด้านโอมและแก้วกำลังวิ่งหนีพายุที่ค่อยๆเคลื่อนตัวมา
หาพวกเขาอย่างช้าๆ แล้วทันใดนั้นเองก็มีอีกาฝูงหนึ่งซึ่ง
ออกมาจากพายุลูกนั้น แล้วบินตรงเข้ามาหาโอมและแก้ว
ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ
"เหอๆๆ...หนีไม่รอดแล้วล่ะเพราะข้างหลังของพวกมืงมี
พวกกุต้อนรับพวกมืงไปทัวนรกแล้ว เหอๆๆ..." เสียงของ
เด็กวัย17 โพล่ขึ้นมาเบื้องหน้าฝูงปีศาจฝูงหนึ่งที่แต่ละตัวทั้ง
น่าเกลียดน่ากลัวแต่ละมือมีอาธุวที่ฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีเหลืองโพล่ตรงเบื้องหน้าของโอม
และแก้วจนทำให้พวกฝูงปีศาจแสบตาไม่กล้ามอง
"หยุดเถิด หยุดทำบาปซะทีเถิด เบียร์" ในท่ามกลางแสงสี
เหลืองมีฦาษีตนหนึ่งแต่งชุดเหลืองลายเสือมีตา3ตามี2ตา
เหมือนปกติแต่มีตาบนตรงกลางหน้าผากที่มีไฟเล็กๆอยู่ในตา
ซึ่งกำลังมองไปทางเด็กวัยปี17ซึ่งเรียกว่าเบียร์
"สงสัยเด็กคนนั้นจะชื่อเบียร์นะ" แก้วพูดกับโอมเบาๆหลัง
จากนั้นก็มีเสียงโห่ร้องของบรรดาฝูงปีศาจอย่างโหยหวน
พร้อมกับวิ่งตรงมาทางแก้วและโอม
"เหอๆๆ..เสร็จกุแน่พวกมืงต้องตายทั้งหมดรวมถึงไอ้แก่ด้วย
เหอๆๆ..." เสียงเด็กที่ชื่อเบียร์ที่พูดอย่างดุดัน อยู่เหนือกลาง
อากาศพร้อมกับชี้นิ้วไปทางฦาษีตนนั้น
"เจ้าจงใช้พลังที่หลับใหลอยู่ในตัวเจ้าออกมาใช้ในยามนี้
เถิด เพราะข้าคนเดียวคงเอาไม่ไหวแน่ๆ" เสียงท่านฦาษีตน
นั้นพูด พร้อมกลับมามองหน้าโอมก่อนจะโยนของสิ่งหนึ่งซึ่ง
เป็นลูกแก้วสีเขียวมีตาอยู่ข้างในลูกแก้ว
"เจ้าจงหลับตาแล้วแล้วตั้งสติให้มั่วก่อนจะขอว่า ขอพลังที่
หลับใหลที่อยู่ในตัวข้า จงถูกปลุกด้วยเทอญ" ฦาษีตนนั้น
พูดกับโอมจบก็พลันยกไม้เท้าแล้วเหวี่ยงไม้เท้าขึ้นในอากาศ
ก่อนที่ไม้เท้าจะปล่อยพลังสีแดงเข้าไปในฝูงปีศาจจนระเบิด
ปีศาจที่ถูกระเบิดก็กระเด็นไปคนละทิศละทางก่อนจะกลาย
เป็นผงธุลีลอยขึ้นไปในอากาศ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
การสวดปาฏิโมกข์ต่างจากการสังคายนาอย่างไร ?
การสวดปาฏิโมกข์คือการ “ว่าปากเปล่า” หรือการสวดข้อบัญญัติทางพระวินัย 150 ข้อ ในเบื้องแรก และ 227 ข้อในกาลต่อมาทุกๆ กึ่งเดือนหรือ 15 วัน เป็นข้อบัญญัติทางพระวินัยที่ให้พระภิกษุทั้งหลายต้องลงฟังการกล่าว ทบทวนข้อบัญญัติทางพระวินัยนี้ทุก 15 วัน ถ้าขาดโดยไม่มีเหตุสมควรต้องปรับอาบัติ การสวดปาฏิโมกข์นี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งของการบังคับให้ท่องจำ ข้อบัญญัติทางพระวินัย แต่ไม่ใช่ทุกท่านสวดพร้อมกัน คงมีผู้สวดรูปเดียว รูปที่เหลือคอยตั้งใจฟัง และช่วยทักท้วงเมื่อผิด
การสังคายนานั้น แปลตามรูปศัพท์ว่า “ร้อยกรอง” คือประชุมสงฆ์จัดระเบียบหมวดหมู่พระพุทธวจนะ แล้วรับทราบกันในที่ประชุมนั้นว่าตกลงกันอย่างนี้ แล้วก็มีการท่องจำสืบต่อๆ มา ในชั้นเดิมการสังคายนาปรารภเหตุความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา จึงจัดระเบียบหมวดหมู่พระ พุทธวจนะไว้ ในครั้งต่อๆ มาปรากฏมีการถือผิดตีความหมายผิด ก็มีการชำระวินิจฉัยข้อที่ถือผิด ตีความหมายผิดนั้น ชี้ขาดว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไรแล้วก็ทำการสังคายนา แล้วจารึกลงในใบลาน การสอบทานข้อผิดในใบลานก็เรียกว่าสังคายนา ไม่จำเป็นต้องมีเหตุการณ์ถือผิดเข้าใจผิดเกิดขึ้น การสังคายนาไม่มีกำหนดว่าต้องทำเมื่อไร โดยปกติเมื่อรู้สึกว่าควรจัดระเบียบชำระข้อถือผิดเข้าใจ ผิดได้แล้ว ก็ลงมือทำตามโอกาสอันควรแม้เมื่อรู้สึกว่าไม่มีการถือผิดเข้าใจผิด
เทพสังหรณ์...
หาพวกเขาอย่างช้าๆ แล้วทันใดนั้นเองก็มีอีกาฝูงหนึ่งซึ่ง
ออกมาจากพายุลูกนั้น แล้วบินตรงเข้ามาหาโอมและแก้ว
ดวงตาของพวกมันแดงก่ำ
"เหอๆๆ...หนีไม่รอดแล้วล่ะเพราะข้างหลังของพวกมืงมี
พวกกุต้อนรับพวกมืงไปทัวนรกแล้ว เหอๆๆ..." เสียงของ
เด็กวัย17 โพล่ขึ้นมาเบื้องหน้าฝูงปีศาจฝูงหนึ่งที่แต่ละตัวทั้ง
น่าเกลียดน่ากลัวแต่ละมือมีอาธุวที่ฆ่าพวกเขาได้ในพริบตา
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสีเหลืองโพล่ตรงเบื้องหน้าของโอม
และแก้วจนทำให้พวกฝูงปีศาจแสบตาไม่กล้ามอง
"หยุดเถิด หยุดทำบาปซะทีเถิด เบียร์" ในท่ามกลางแสงสี
เหลืองมีฦาษีตนหนึ่งแต่งชุดเหลืองลายเสือมีตา3ตามี2ตา
เหมือนปกติแต่มีตาบนตรงกลางหน้าผากที่มีไฟเล็กๆอยู่ในตา
ซึ่งกำลังมองไปทางเด็กวัยปี17ซึ่งเรียกว่าเบียร์
"สงสัยเด็กคนนั้นจะชื่อเบียร์นะ" แก้วพูดกับโอมเบาๆหลัง
จากนั้นก็มีเสียงโห่ร้องของบรรดาฝูงปีศาจอย่างโหยหวน
พร้อมกับวิ่งตรงมาทางแก้วและโอม
"เหอๆๆ..เสร็จกุแน่พวกมืงต้องตายทั้งหมดรวมถึงไอ้แก่ด้วย
เหอๆๆ..." เสียงเด็กที่ชื่อเบียร์ที่พูดอย่างดุดัน อยู่เหนือกลาง
อากาศพร้อมกับชี้นิ้วไปทางฦาษีตนนั้น
"เจ้าจงใช้พลังที่หลับใหลอยู่ในตัวเจ้าออกมาใช้ในยามนี้
เถิด เพราะข้าคนเดียวคงเอาไม่ไหวแน่ๆ" เสียงท่านฦาษีตน
นั้นพูด พร้อมกลับมามองหน้าโอมก่อนจะโยนของสิ่งหนึ่งซึ่ง
เป็นลูกแก้วสีเขียวมีตาอยู่ข้างในลูกแก้ว
"เจ้าจงหลับตาแล้วแล้วตั้งสติให้มั่วก่อนจะขอว่า ขอพลังที่
หลับใหลที่อยู่ในตัวข้า จงถูกปลุกด้วยเทอญ" ฦาษีตนนั้น
พูดกับโอมจบก็พลันยกไม้เท้าแล้วเหวี่ยงไม้เท้าขึ้นในอากาศ
ก่อนที่ไม้เท้าจะปล่อยพลังสีแดงเข้าไปในฝูงปีศาจจนระเบิด
ปีศาจที่ถูกระเบิดก็กระเด็นไปคนละทิศละทางก่อนจะกลาย
เป็นผงธุลีลอยขึ้นไปในอากาศ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
การสวดปาฏิโมกข์ต่างจากการสังคายนาอย่างไร ?
การสวดปาฏิโมกข์คือการ “ว่าปากเปล่า” หรือการสวดข้อบัญญัติทางพระวินัย 150 ข้อ ในเบื้องแรก และ 227 ข้อในกาลต่อมาทุกๆ กึ่งเดือนหรือ 15 วัน เป็นข้อบัญญัติทางพระวินัยที่ให้พระภิกษุทั้งหลายต้องลงฟังการกล่าว ทบทวนข้อบัญญัติทางพระวินัยนี้ทุก 15 วัน ถ้าขาดโดยไม่มีเหตุสมควรต้องปรับอาบัติ การสวดปาฏิโมกข์นี้เป็นตัวอย่างอันหนึ่งของการบังคับให้ท่องจำ ข้อบัญญัติทางพระวินัย แต่ไม่ใช่ทุกท่านสวดพร้อมกัน คงมีผู้สวดรูปเดียว รูปที่เหลือคอยตั้งใจฟัง และช่วยทักท้วงเมื่อผิด
การสังคายนานั้น แปลตามรูปศัพท์ว่า “ร้อยกรอง” คือประชุมสงฆ์จัดระเบียบหมวดหมู่พระพุทธวจนะ แล้วรับทราบกันในที่ประชุมนั้นว่าตกลงกันอย่างนี้ แล้วก็มีการท่องจำสืบต่อๆ มา ในชั้นเดิมการสังคายนาปรารภเหตุความมั่นคงแห่งพระพุทธศาสนา จึงจัดระเบียบหมวดหมู่พระ พุทธวจนะไว้ ในครั้งต่อๆ มาปรากฏมีการถือผิดตีความหมายผิด ก็มีการชำระวินิจฉัยข้อที่ถือผิด ตีความหมายผิดนั้น ชี้ขาดว่าที่ถูกควรเป็นอย่างไรแล้วก็ทำการสังคายนา แล้วจารึกลงในใบลาน การสอบทานข้อผิดในใบลานก็เรียกว่าสังคายนา ไม่จำเป็นต้องมีเหตุการณ์ถือผิดเข้าใจผิดเกิดขึ้น การสังคายนาไม่มีกำหนดว่าต้องทำเมื่อไร โดยปกติเมื่อรู้สึกว่าควรจัดระเบียบชำระข้อถือผิดเข้าใจ ผิดได้แล้ว ก็ลงมือทำตามโอกาสอันควรแม้เมื่อรู้สึกว่าไม่มีการถือผิดเข้าใจผิด
เทพสังหรณ์...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น