คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่๕
Title: Forgive Me
Author: วริญญา_โว้ย!!!!!
Pairing: Yoonho X Jaejoong
Rate: PG-18 (=______=^^^แล้วเมิงก็กล้าแต่งเนาะ)
Style: Period Drama
Note: เอ็นซีดีไหมหนอ...??
Part V
“ห้ามทำอะไรนอกจากจับ”สุรเสียงห้าวตรัสคล้ายสั่ง ความหนาวเย็นเกาะกุมทุกพื้นผิวกายอย่างช่วยไม่ได้ ฉับพลับเนื้อหนังกลับถูกจับต้อง ฟอนเฟ้นอย่างหนักหน่วง อ้าปากจะร้องกลับมีแผ่นผ้าสอดเข้าพอดีมัดปมหนาไว้ด้านหลังศีรษะ ดวงตากลมโตเบิกโพลงกับสิ่งที่สัมผัสได้ ชายหนุ่มชาติทหาร๔คนยืนล้อมตนเองไว้ ร่างกายกำยำด้วยมัดกล้ามค่อยถอดอาภรณ์ของแจจุงออกทีละชิ้น สายตาหวาดกลัวกราดไปทั่วหากไม่พบกับร่างของฝ่าบาท
มือสากละออกจากการขย้ำขยำเนื้อนวล เปลี่ยนเป็นจับตรึงแขนขาให้อยู่นิ่งๆ ดวงตาพร่าเลือนมองเห็นนางกำนัลถือถาดบางอย่างเข้ามาความกลัวภายในใจจึงลดลง
“ฝ่าบาทให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย”เธอบอกกับพวกทหารพวกนั้น ทว่าชายร่างยักษ์ก็ยังอยู่ที่เดิม กดแขนขาเล็กจนจมไปผ้าปู
“ก็เปลี่ยนเสียสิ”หนึ่งในนั้นกล่าวเมื่อนางกำนัลคนนั้นยังคงยืนนิ่ง ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำกับเรือนร่างของชายหนุ่มที่นอนแผ่อยุ่บนแท่นบรรทม
“ต...แต่ว่าหากพวกท่านยังอยู่ด้วยแล้วข้าจะยิ่งอาย”พวกทหารสบถฟึดฟัดว่าเรื่องมากเสียจริง ทว่าก็ยอมปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ
ลำพังแรงจะลุกยังไม่มี ซ้ำข้อเท้าก็ยังถูกพันธนาการ ไม่มีโอกาสหนีเลยสำหรับกบฏคนสวย ทั้ง๔เดินออกจากห้องบรรทมไป ทิ้งร่างบางที่นอนนิ่งบนเตียงไว้กับนางเพียงสองคน นางวางเครื่องแต่งกายที่อยู่บนถาดลงกับหัวเตียง ขยับเข้าใกล้ร่างบนเตียง
ชายหนุ่มตรงหน้าทำให้นางไม่สามารถเชื่อได้ว่าเป็นบุรุษเพศ เพราะไม่ว่าจะพิศดูอย่างไรก็พบเพียงความสวยงามจากเรือนร่างและใบหน้าหวานสวย
นางเอื้อมมือแกะผ้าที่คาดที่ปากออกให้ นึกรังเกียจพวกทหารตัวโตพวกนั้นที่ทำเหมือนชายหนุ่มเป็นบาทจาริกาชั้นต่ำ
“ข้าชื่อจองอึน...ไว้ใจข้าได้”หญิงสาวยิ้มให้ แต่ตอนนี้แจจุงเองไม่ได้มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะยกยิ้มสวยให้หญิงสาวเลย
“ข้าข้ออนุญาตเช็ดตัวและเปลี่ยนเครื่องทรงให้ท่าน”นางพูด ค่อยๆถอดอาภรณ์ที่เหลือไม่กี่ชิ้นออก เนื้อหนังมังสาอันงดงามปรากฏตรงหน้า นางมองเลยส่วนสงวนไปใบหน้าแดงก่ำก่อนคลุมมันด้วยผืนผ้าบาง
“ข้าจะไปเอาน้ำกับผ้า”นางผละไป แล้วกลับมาพร้อมอ่างใบย่อมซึ่งบรรจุน้ำเย็นไว้ จุ่มผ้าลงแล้วบิดหมาดๆก่อนไล้ตามลำตัวขาวสะอาดซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแดงช้ำต่างๆ
น้ำเย็นๆที่ลูบไล้ไปตามกายไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเพราะเมื่อรู่ก็โดนสาดด้วยน้ำมาแล้ว แต่แจจุงก็ไม่ได้ว่าอะไร ยอมนอนนิ่งให้จองอึนเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จสรรพ
สายรัดเอวถูกผูกเป็นอันเสร็จการแต่งกาย จองอึนละออกมายืนข้างๆแท่นบรรทม
“ฝ่าบาทยุนโฮทรงให้ข้าเป็นคนดูแลท่าน หากท่านต้องการอะไรให้บอกข้าได้ทันที”นางกล่าว แจจุงพยักหน้าเข้าใจ เห็นนางเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วเตรียมจะออกจากห้องไป
“ด...เดี๋ยว”เสียงกระท่อนกระแท่นเอ่ยออกมาเบาหวิว อยากจะขอร้องให้อยุ่ดวยกันก่อนเพราะใจกลัวว่าทหารพวกนั้นจะกลับเข้ามาทำอะไรเลวๆกับเขาอีก
“ย...อยู่ก่อน ม..ไม่ได้หรือ?”เมื่อฟังนางยิ้มรับ พยักหน้า
“ก็ในเมื่อข้าเป็นผู้ที่ดูแลท่าน...ก็ต้องได้อยู่แล้ว...ท่านแจจุง”
ข้าวต้มชามใหญ่ถูกนำมาวางตรงหน้าโดยจองอึน นางตักป้อนชายหนุ่มแต่ก็ได้รับเพียงการส่ายหัวปฎิเสธกลับมา ตอนนี้คงไม่มีอาหารอันใดที่จะดึงดูดให้กินเข้าไปได้เมื่อในสมองแจจุงยังคงคิดถึงภาพของบิดาที่ถูกตรึง ภาพของพี่ชายบุญธรรม และภาพของทุกๆคนที่มีความผิดในฐานกบฏต่อแผ่นดิน
ใจนึกอยากจักไปหาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะโซ่เส้นเขื่องยังวาดตัวอยู่รอบข้อเท้า มือบางลูบที่โลหะเย็นเบาๆ ต้องการที่จะปลดพันธนาการนี้ทิ้ง...หากแต่ความจริงไม่สามารถได้
หากโซ่เส้นนี้เป็นพันธนาการทางร่างกายที่ฝ่าบาททรงหยิบยื่น การที่คิมทงฮวากับทุกคนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้นก็คงเป็นพันธการทางจิตใจที่มัดให้แจจุงยิ่งจมปลักกับความรู้สึกผิด
ผิดที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน...
“หากท่านไม่กินจักมีแรงได้อย่างไร”จองอึนกล่าว ลดชามข้าวต้มลงอย่างระอากับพฤติกรรมทรมาณตัวเองของร่างบาง เพราะนี่ไม่ใช่ชามแรกที่ร่างบางไม่คิดจะแตะ...หากแต่เป็นชามที่สามแล้ว ตั้งแต่เช้ามาจนบ่ายจนเย็นร่างบางก็ไม่คิดจะรับอาหารเข้าไปในร่างกายเลย ท่าทางว่านางคงจักต้องรายงานให้ฝ่าบาททรงรับทราบ
“ข้าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไงนะจองอึน”เสียงหวานพูดลอยๆ ชื่อตนเองที่ไม่เคยได้ยินจากปากสีซีดทำให้นางแปลกใจเล็กน้อย ส่ายหน้าปฎิเสธกับคำถามที่ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบแม้เพียงสักนิด
“ไม่มีหนทางใดหรอก...ที่ท่านจักพ้นไปจากฝ่าพระหัตถ์ของฝ่าบาท”
“เปิดประตู”เสียงที่จำได้ดีดังอยู่ที่หน้าประตู แจจุงตาเบิกโพลงเมื่อรู้ว่าใครกำลังจะเข้ามา มือบางกระหวัดยึดมือเล็กๆของหญิงสาวไว้แน่น ดึงให้อยู่ข้างกายกันก่อน
บานประตูถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามา สายพระเนตรสบกับมือที่จับกันไม่ปล่อยทำให้พระพักตร์บึ้งตึงขึ้นเล็กน้อย จะด้วยความไม่พอใจหรือเหตุผลอันใดก็ตามแต่ความรู้สึกโมโหมันแล่นพล่านขึ้นจากปลายพระบาทสู่พระเศียรอย่างเร็วไว โบกมือไล่นางออกจากห้องไปแต่นางกับยืนเฉย คงเป็นเพราะมือนุ่มนิ่มนั้นยังไม่ละออก
สีหน้ากระอักกระอ่วนใจของนางกำนัลปรากฏขึ้นเมื่อฝ่าบาทดูท่าทางจักไม่สบพระทัยเป็นอย่างมาก นางกระซิบแผ่วเบาให้แจจุงปล่อยมือจากนางเสียที เหลือบไปมองเห็นฝ่าบาทยิ่งตีพระขนงขมวดมุ่น เบ้พระโอษฐ์เหยียดๆยิ่งลนลาน กลัวว่าพระองค์จะทรงกริ้วรุนแรง
“ไม่เอา...ข้าไม่ให้เจ้าไป อยู่กับข้า”เสียงหวานขอร้อง แววตาเต็มไปด้วยความกลัวและขลาดเขลาเกินกว่าจักอยู่เพียงลำพังกับฝ่าบาทยุนโฮ ผู้ซึ่งตอนนี้แค้นเคืองเขายิ่งกว่าอะไร
“เจ้ายังไม่ไสหัวออกไปอีกหรือไง จักยืนจับมือกันให้มันมีลูกหลานเลยหรือ?”สุรเสียงห้าวทนไม่ไหวกับเวลาที่ผ่านไป ตวัดสายพระเนตรกร้าวใส่นางกำนัลสาวจนนางต้องแกะมือเล็กๆนั้นออกแล้วลนลานออกจากห้องบรรทมไป
ฝ่าบาทดำเนินเข้าหาร่างที่ยังอยู่บนแท่นพระทมของพระองค์เอง ร่างบางถอยกรูดติดกับผนัง หวาดกลัวกับท่าทางของยุนโฮ
“จักหนีไปที่ใด...คิมแจจุง”ถามอย่างเยาะๆ เห็นร่างบางแสดงท่าทีหวาดกลัวก็ได้พระทัยขยับเข้าหาเรื่อยๆ
“ไม่...!!อย่าเข้ามานะ อย่า!!!!”เมื่อไร้หนทางจะหนีอีก ร่างบางจึงทำได้เพียงร้องตะโกน ตะโกนสิ่งที่อยู่ในใจ สิ่งที่ขลาดกลัว
“อย่า..อ...ฮึก ไม่เอา...ข้ากลัวแล้ว”เสียงสะอื้นปนมากับคำอ้อนวอน ร่างกายเล็กบางสั่นไหวรุนแรง ล้มลงนอนคุดคู้กับพื้นแท่นบรรทม ปล่อยหยาดหยดที่เรียกว่าน้ำตาอาบลงที่สองแก้ม
ยุนโฮชะงักไปเมื่อแจจุงล้มลงกับแทนบรรทมเช่นนั้น วรกายสูงใหญ่เคลื่อนเข้าหา จับร่างบางที่คุดคู้พลิกหงายขึ้น เห็นน้ำตาอาบสองแก้ม เรี่ยวแรงเพียงเล็กน้อยขืนจะออกจากการจับต้องของพระองค์ ฝ่าบาทตีพระขนงมุ่นก่อนกระชากทั้งร่างเข้าสู่อ้อมพระอุระกว้าง กดแผ่นหลังบางให้แนบชิดวรกายของพระองค์เอง
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจักฆ่าพ่อของเจ้าทันที”ทรงออกคำสั่ง แจจุงหยุดดิ้นรนขัดขืนทันทีที่ได้ยิน พยายามข่มใจไม่ให้สะอื้นออกมา สั่งน้ำตาให้หยุดไหลแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“อยากให้ข้าฆ่าพ่อเจ้าจริงๆหรือไง!!”สุรเสียงตรัสถาม ดึงร่างที่กดแนบพระอุระออกมาประจันหน้า เห็นดวงตาคู่สวยหลบไปไม่ยอมสบสายพระเนตรของพระองค์ ใบหน้าหวานล้ำส่ายเชื่องช้า
“ไม่...ขอร้อง...อย่าทำพ่อข้า”เสียงขอร้องนั้นแผ่วเบา ไม่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับร่างบางที่อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ
กลัวกับท่าทางของฝ่าบาท กลัวความคิดของพระองค์ กลัวความแค้นของพระองค์ กลัวไปหมดทุกอย่าง...
กลัวเหลือเกิน...
“ดี!!ถ้าไม่อยากให้พ่อเจ้าตายก็ทำตัวดีๆ แล้วก็เลิกหลบสายตาของข้าเสียที หันมามองข้า คิมแจจุง”ทรงสั่ง จับคางเล็กบีบบังคับให้จ้องมองพระพักตร์ที่ห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตากลมโตสีดำสนิทเลื่อนสบกับพระเนตรเรียวทว่าคมกริบดุจเหยี่ยว จ้องลึกเข้าไปในความแค้นเคืองที่อยู่ภายใต้ดวงพระเนตรคู่นี้...
ฝ่าพระบาทเหยียบย่ำพื้นดินบริเวณลานกว้าง ทรงเยื้องย่างช้าๆเข้าหาบุคคลที่ถูกตรึงไว้ที่ไม้ไขว้ ซึ่งบัดนี้เหลือเพียงไม่กี่ชีวิตที่ยังมีลมหายใจ...
รวมทั้งคิมทงฮวาและปาร์คยูชอน
ยุนโฮทอดพระเฮสีหน้าอิดโดรยของผู้เป็นบิดาเชลยคนงามที่ยังไม่หยุดร้องไห้จนกระทั่งพระองค์ออกจากห้องบรรทมมา กริยาหวาดกลัวเย้าให้พระองค์ยิ่งกลั่นแกล้ง ยิ่งอยากจะลงโทษ...หากแต่เมื่อลงโทษไปแล้ว...
พระองค์เองกลับรู้สึกวูบไหวกับน้ำตาที่หลั่งริน พระทัยสั่นคลอนยามที่เห็นดวงตาคู่โตที่จ้องลึกเข้ามาแน่นิ่ง ราวกับจะจ้องลงไปในหัวใจที่มีแต่ความโหดร้ายซึ่งมอบให้แก่ตนเอง
...เจ้าเจ็บมากใช่ไหม คิมแจจุง...
“เอาตัวพวกมันลงมา แล้วไปขังรวมกับชาวบ้านคนอื่นในคุก”สุรเสียงตรัสสั่ง ทหารร่างโตรับคำสั่งฝ่าบาทก่อนตัดเชือกไขว้ยังให้ร่างซูบซีดของหลายๆคนกระเด็นตกลงที่พื้น
“เอาศพที่อยู่บนนั้นไปเผาเสียด้วย”พวกมันรับคำสั่งอีกครั้ง ส่วนหนึ่งแบกร่างไร้เรี่ยวแรงของคนมีชีวิตรอดเข้าไปกองรวมกับชาวบ้านที่อยู่ในคุกขนาดใหญ่ อีกส่วนลากร่างไร้ชีวิตของหลายๆคนที่ทนกับการอดข้าวอดน้ำและการทรมาณร่างกายไม่ไหว รีบด่วนตายเสียก่อนไปสุมกันไว้บนกองฟืนกองใหญ่ก่อนจุดไฟให้มอดไหม้ร่างพวกนั้น
เปลวเพลิงสีส้มจัดลุกโชติช่วง ส่งไอร้อนไปทั่วบริเวณ ไม่เว้นแต่ห้องบรรทมของฝ่าบาท ร่างบางที่นั่งนิ่งบนแท่นบรรทมถลาไปยังหน้าต่างทันที มองดูเปลวไฟลุกใกล้กับบริเวณที่บิดาถูกตรึงไว้ ฟันขาวกัดริมฝีปากแน่นกับความเหี้ยมโหดของฝ่าบาทผู้ซึ่งปกครองไพร่ฟ้าประชาชน
เพียงกบฏที่อยากจะมีชีวิตรอด...
ใครบ้างที่อยากจะไร้ชีวิต ที่ชาวบ้านพวกนั้นนึกต่อต้านพระองค์ก็เพราะอยากจะมีชีวิตรอดเท่านั้นมิใช่หรือ
การที่แจจุงไม่ได้รู้เรื่องคิดกบฏของบิดา ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าบ้านเมืองก่อนที่เกิดกบฏนั้นเป็นอย่างไร
ฝ่าบาทยุนโฮผู้ยิ่งใหญ่ ทำศึกกับผู้ใดก็กำเพียงชัยชนะไว้ในมือ โหดเหี้ยมและไร้ความปราณีแม้กระทั่งเด็กเล็กหรือคนชรา ทำให้บ้านเมืองของพระองค์เจริญ ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์
ใครจะรู้ว่าหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ไกลออกมาจากวังหลวงพอควรจะเดือดร้อนขนาดไหน
ที่ฝ่าบาททำศึกมาได้ ยึดข้าวปลาอาหารมาได้ ไม่เคยที่จักแบ่งปันส่วนนั้นๆมายังหมู่บ้านไกลๆ และหนึ่งในนั้นก็คือซาอุน
แม้จักทรงตรองดูว่าซาอุนอยู่ห่างไปไม่กี่โยชน์ แต่หมู่บ้านของเขาก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเลย แม้จะหน้าแล้ง ไร้ฝน ไร้น้ำ ไร้ข้าวปลา...พระองค์ก็ยังทรงเมินเฉย
และนี่...ก็คงเป็นเหตุผลที่ทำให้คิมทงฮวาคิดก่อกบฏ
และหากเหตุผลที่ก่อกบฏคือประการนี้...คิมแจจุงจึงไม่เคยโกรธหรือโทษผู้เป็นบิดาเลย เพราะบิดาของเขา...มีความเป็นผู้นำมากกว่าฝ่าบาทผู้ยิ่งใหญ่นัก คิดถึงประโยชน์ของชาวบ้านในหมู่บ้านว่าจักอดตายเข้าสักวันหากยังอยู่ในการปกครองของยุนโฮ
และท่านพ่อก็ห่วงเสมอ แม้เวลาผ่านไปถึง๒ปีก็ยังจะให้ยูชอนมานำตัวเขากลับไป
ความร้อนเลียไล้บนใบหน้าทำให้ความคิดกลับมายังที่เดิม สายตามองตรงยังกองเพลิงที่ลุกไหม้ท่วมสูงเหนือหัว หยดน้ำใสหลั่งลงโดยไร้เสียงร้องไห้คร่ำครวญ
“หยุดร้องเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจักฆ่าพ่อของเจ้าทันที”
“ดี!!ถ้าไม่อยากให้พ่อเจ้าตายก็ทำตัวดีๆ แล้วก็เลิกหลบสายตาของข้าเสียที หันมามองข้า คิมแจจุง”
ข้าเลิกร้องไห้...ข้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของท่าน...ฝ่าบาท
แต่เป็นท่านที่กลับกลอก ท่านลั่นวาจาว่าจักไม่ฆ่าท่านพ่อ...แต่ท่านก็ไม่รักษาสัจจะ
...หากวันนี้ชีวิตของข้าจักต้องจบลงไป...ข้าก็ไม่เสียดายที่ได้ตามท่านพ่อไปสู่สวรรค์ และหนีพ้นจากขุมนรกที่กำลังมอดไหม้ตัวข้าโดยที่ตัวท่าน...คือยมบาล
TBC. In part VI
สถานะ : ตัน!!! งงๆหน่อยนะคะกับพาร์ทนี้ อี๊ดเองเเต่งเองยังงง...เอ่อะ!!!
ความคิดเห็น