คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่๓
Title: Forgive Me
Author: วริญญา_โว้ย!!!!!
Pairing: Yoonho X Jaejoong
Rate: PG-18 (=______=^^^แล้วเมิงก็กล้าแต่งเนาะ)
Style: Period Drama
Note:
Part III
ร่างสูงที่โอบอุ้มร่างบอบบางหยุดเคลื่อนไหวเมื่อจับได้ลางๆว่าห่างจากเขตวังหลวงมาเพียงพอแล้ว สองแขนปล่อยให้คนในอ้อมกอดลงนั่งกับพื้นดินชื้นน้ำจากทะเลสาบใกล้ๆ
“จะไปที่ใด...สภาพนี้’ท่านพ่อ’คงไม่สบอารมณ์หากเห็นเป็นแน่”เสียงแหบห้าวถามมา ใบหน้าซีดขาวเบือนไม่สบตากับแจจุง ทั้งที่สงสัยอยู่ก่อนแล้ว หากแต่ก็ไม่ได้ถามไปเสียทีว่าเหตุใดยูชอนจึงหนีออกมาจากคุกมืดได้ ทั้งที่ถูกส่งเข้าไปอยู่ก่อนเขาเสียหลายวัน
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสบกับเนตรกลมโตแวววับด้วยคำถามอย่างรู้ทันว่าร่างบางคิดอะไร ลมหายใจถูกถอดถอนออกมาเพียงเฮือกหนึ่งก่อนมือขาวซีดจะหยิบกิ่งไม้มาวาดลงกับพื้นดินนุ่มฉ่ำ
“ฆ่า...ปลอมตัว...หนี ก็แค่นั้น”ใบหน้าหวานชะงักไปครู่กับคำว่าฆ่าก่อนจะปรับสีหน้าให้ปรกติ
ปาร์คยูชอน...นักฆ่าจากต้าอัน หลีกอาญาแผ่นดินจากจีนมาพึ่งถิ่นแดนดินเกิดพร้อมกับมารดา...แล้วก็ได้พบกับคิมทงฮวา บิดาของคิมแจจุงเอง
เป็นสัจธรรมของมนุษย์โดยแท้หากว่านางจะตกหลุมรักคิมทงฮวาเพียงแรกพบจากใบหน้าที่ดูดีของเขา ปาร์คเยจินยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่ข้างกายคิมทงฮวาแม้แต่ชีวิตของลูกชายเพียงคนเดียว
...นางบังคับให้ยูชอนต้องฆ่า...
แจจุงรู้ดีว่ายูชอนรักมารดาแค่ไหน รักมากกว่าความรักของมารดาที่ให้บิดาบุญธรรมของตนเสียอีก
ทั้งที่อยากลาจากวงการแห่งเลือด...ทั้งที่หนีมาไกลเพื่อหลบหลีก แต่ก็ต้องหวนคืนอีกครั้ง
แล้วเขาเล่า...คงเหมือนกันสินะ
ทั้งทีหลบหลีก ทั้งที่หลีกหนี
แต่เหตุการณ์เมื่อคืนมันก็ยังย้อนกลับมา
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่จนยูชอนที่ดูจะสนใจเพียงแผ่นดินฉ่ำน้ำเงยหน้ามามอง ริมฝีปากซีดแตกแห้งผากคลี่ยิ้มที่มีไม่บ่อยนักให้’พี่’ต่างบิดามารดา
“อยากลืมมันใช่ไหมล่ะ?”ใช่!!เขาอยากลืม แต่จะทำอย่างไรเมื่อตราบาปที่เกิดไม่เลือนหาย รอยที่ประดับบนร่างกายไม่อาจลบล้าง
“ฉันก็อยากจะลืมมันเหมือนกัน”
แสงอรุณส่องทาบไปนานโขหากแต่วรกายสูงใหญ่ของฝ่าบาทก็ยังไม่ทรงตื่นจากบรรทม รสรักที่ลิ้มเมื่อครั้งพระจันทร์ยังเด่นคงจะเอมเปรมพระทัยอยู่กระมังจึงทำให้กษัตริย์ของแผ่นดินเกาหลีเกียจคร้านเช่นนี้
ราวกับจะรู้ตัวแล้ว พระหัตถ์ใหญ่ป่ายปัดจะคว้าเอาร่างเล็กบางมาแนบอุระกว้างหากพบเพียงความว่างเปล่า พระขนงขมวดมุ่นก่อนจะลืมพระเนตรโพลงมาพบกับความว่างเปล่าเช่นที่สัมผัสครั้งหลับพระเนตร
พระทนต์ขบแน่นจนขึ้นสันนูน
...คิดจะลองดีหรือกระไร!!!...
ตวัดผ้าอันคลุมท่อนล่างเพียงนิดหน่อยออก เคลื่อนวรกายจะลงจากเตียงหากแต่ความสากหยาบแห้งกรังกลับรั้งไว้
สายพระเนตรวกลงสบกับคราบสีแดงคล้ำกระจายตัวบนความขาวสะอาดของผ้าปู เสียงสบถหยาบหลุดจากพระโอษฐ์กับความจริงที่น่าจะแจ้งเสียครั้งดุนดันเข้าไปในร่างที่ไร้การเล้าโลม...มันก็แจ่มชัดอยู่แล้วว่าพระองค์...เป็นคนแรก
แล้วไปไหนกันเล่า...ไม่น่าจะมีแรงลุกไปไม่ใช่หรือไง
ความหงุดหงิดพระทัยถูกปัดทิ้งไปด้วยความเป็นห่วง...ห่วงเชลยคนงามที่ไม่รู้ว่าหายไปที่ใดโดยไม่ได้ฉุกพระทัยคิดว่าเชลยผู้นั้น อาจจะหนีไปไกลเกินกว่าที่พระองค์คะเนนัก
เปลี่ยนเครื่องทรงอยู่ประเดี๋ยวจึงผลักบานประตูตรัสถามกับทหารยามหน้าห้องบรรทมถึงร่างบางแต่คำตอบกลับทำให้ต้องขบพระทนต์แน่นอย่างเดือดดาล ตวัดสายพระเนตรไปยังบานหน้าต่างที่เปิดอ้าก่อนจะทรงวิ่งไปทางมัน ชะโงกพระพักตร์ลงมอง
กลิ่นคาวเลือดที่เบื้องล่างโชยคลุ้งขึ้นมาทันทีที่พระนาสิกสบกับมัน เบือนกระเนตรหนีทั้งที่อยากจะจ้องมองรอยทางที่แหวกไปว่าสิ้นสุดอยู่ที่ใดหากแต่ใบหน้าของทหารหน้าประจำที่เห็นกันบ่อยๆกลับทำให้ทนดูมิได้
หนึ่งในนั้นก็เป็นคนหนึ่งที่จงรักภักดียอมเสี่ยงชีวิตเมื่อถูกลอบปลงพระชนม์ในครั้งแรก
“ทหาร!!!”สุรเสียงดังตวาดทั้งที่เจือด้วยความสั่นเครือจากใบหน้าของทหารผู้ภักดี
“ตามจับตัวปาร์คยูชอนกับคิมแจจุงมาให้ได้...ถ้าไม่ได้ตัวมันสองคน...ก็อย่ากลับมาเหยียบที่นี่อีกเป็นเด็ดขาด”ทหารร่างยักษ์ก้มหัวอย่างรับคำสั่ง จะแยกย้ายกันไปเตรียมไพร่พลบางส่วนออกตามล่าหาสองกบฏ
“เจ้า!!”คนสุดท้ายที่จะออกไปหันขวับมายืนตรงอย่างฟังคำสั่ง
“มีศพอยู่จำนวนหนึ่งข้างหน้าต่างห้องนี้...จัดการอย่างสมเกียรติชาติทหารแห่งข้า...โดยเฉพาะ ปาร์คมยองซู
ราวกับว่ายืนอยู่เพียงผู้เดียวในโลกแห่งสีดำสนิท มองไปแห่งใดพบเพียงความมืดมน...ราวกับว่าไม่มีทางใดจะเดินต่อไปเพราะเพียงก้าวหนึ่งก้าว ความมืดมิดก็โรยตัวหนึ่งก้าวเท่าๆกัน
จะวิ่งสักเท่าใดก็อาจจะหลุดพ้นไปจากสีดำสนิทนี้ได้
“ท่านพ่อ...”เอ่ยเรียกบิดาเสียงครางเครือ คิมแจจุงหันซ้ายขวาครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุใดรอบกายจึงเป็นเพียงแต่ความมืดมิดกัน เหตุใด!!!
“แจจุง...”เสียงหนึ่งดังมาจากที่ใดสักแห่ง...
“ยูชอน!!!”เสียงหวานตะโกนลั่น
นั่นเป็นเสียงของยูชอนอย่างแน่นอน แล้วตัวเล่า ตัวของยูชอนอยู่ที่ใด
เสียงเดิมยังเรียกชื่อแจจุงซ้ำๆทำให้ขาเรียวก้าววิ่งไปหาต้นเสียง หากแต่วิ่งเท่าใดก็เป็นเช่นเดิมคือความมืดมิด...
ไม่เจอยูชอน ไม่เจอใคร...นอกจากสีดำสนิท
“ใครจะช่วยเจ้าได้กัน...คิมแจจุง”เนื้อตัวร่างบางสั่นระริก
จำได้ดีถึงกระแสเสียงหยาบกระด้างที่เอ่ยมา
หันขวับกลับไปด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ปรากฏแก่สายตา พระโอษฐ์แย้มยิ้มหากแต่ดวงตากลับลุกโชนด้วยเปลวไฟ...
“หนีข้าพ้นงั้นหรือ คิมแจจุง”
“แจจุง!!!!”
.
.
.
เฮือก!!!!
เปลือกตาบางเปิดพรึ่บกับเสียงตะโกนของยูชอน ทั่วทั้งใบหน้าอาบความเค็มของเหงื่อเสียชุ่มเปียกลามถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ ยูชอนที่ขมวดคิ้วอย่างร้อนใจประคองร่างบางให้ลุกขึ้นนั่ง มือกระวีกระวาดหยิบเอาผ้ามาซับเหงื่อที่เกาะพราว
“ข้าเรียกเสียนาน...เป็นอะไรไป ฝันร้ายหรือ?”คำถามถูกถามออกมา แจจุงนิ่ง...
ฝันไป
ฝันไปเท่านั้น
ไม่มีโลกมืดมิด ไม่มีชองยุนโฮ
...
“ข้าอยากกลับไปหาท่านพ่อ”เสียงหวานเอ่ย กระตุกแขนเสื้อยูชอนกลายว่าขอร้อง ยูชอนถอนหายใจมองร่างกายที่ยังไม่สมบูรณ์ดี เนื้อตัวยังช้ำแดงด้วยรอยจูบอย่างชั่งใจ
หากว่าแจจุงรู้สึกไม่ดีขนาดนี้อาจเป็นสิ่งเตือนก็เป็นได้...แต่ร่างกายของน้องต่างสายเลือดก็คงทำให้บิดากริ้วโกรธเป็นแน่
“หากว่าพ่อเจ้า...”
“ไม่เป็นไร”ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบางก็แทรกลั่น ไม่เป็นไร...ท่านพ่อจักเฆี่ยนตีเขาหรืออะไรก็สุดแท้...
หากแต่ตอนนี้...อยากจะกลับไป กลับไปที่ที่เป็นของตัวเองให้รู้ว่าตัวเองปลอดภัย
หากว่าพื้นที่สีดำสนิทนั้นไม่ได้เกิดเพียงในฝันแต่จะเกิดในไม่ช้า....
กลัว
แจจุงกลัว...
“งั้นก็ตามใจเจ้า...”คนได้ศักดิ์เป็นพี่เอ่ยเสียงเรียบ มองดูตะวันที่จะลาลับที่ขอบฟ้าทางด้านปัจฉิม
“แต่ว่าพักอีกสักหน่อยแล้วกัน รอให้ค่ำกว่านี้แล้วค่อยไป”ว่าพลางกดไหล่คนตัวบางให้นอนลงไปเหมือนเดิม
นัยน์ตาสีนิลสนิทจ้องน้องต่างเชื้อสาย มองใบหน้าหวานพริ้มหลับหากแต่คิ้วเรียวก็ยังขมวดแน่น
กลัวสินะ...กลัวใช่ไหมแจจุง
สุรยนต์ลับนภาเด่นเพียงจัทราที่ลอยสูงขึ้นเรื่อย ร่างบอบบางยังตกอยู่เพียงห้วงนิทราหวาน ยูชอนจ้องปมคิ้วที่คลายตัวออกแล้ว
นายคงมีความสุขกับโลกแห่งความฝัน...ในนั้นมันคงแต้มไปด้วยสิ่งสวยงามกว่าการเป็นเชลยที่ถูกหมายหัวหรือเครื่องรองรับตัณหาใครเพียงชั่วข้ามคืน
แล้วเหตุใดกันเล่า...เหตุใดข้าจึงไม่มีนิทราเช่นเจ้าบ้าง
เหตุใดเมื่อหลับตากลับเป็นเพียงภาพของเลือดแดงฉานเจิ่งนอง...ทำไมจึงหนีไม่พ้นกันเล่า
ทำไม!
ดึงสติกลับมาเมื่อเปลือกตาบางขยับยุกยิก ยูชอนลุกขึ้นส่งมือให้คนที่เพิ่งลืมตา แจจุงมองมือที่ยื่นมาอย่างงงๆ หากแต่งก็รับมือใหญ่ให้ช่วยพยุงขึ้น
“กลับบ้านเถอะ”รอยยิ้มบาง้บาวาดลงบนหน้าขาวซีด แจจุงยิ้มกลับจับมือพี่ชายต่างบิดามารดาแน่น ทว่าเดินไปเพียงสองสามก้าว ฝีเท้านักฆ่ากลับหยุดลง
แสงไฟ...ยูชอนหันขวับไปทางที่หางตาเห็นแสงไฟของคบไฟลอยเด่นหลายดวง
ไม่ใช่คนของหมู่บ้าน!!! เพราะเป็นทางตรงข้ามกัน...
ใจหวาดระแวงดันแจจุงให้หลบด้านหลัง มือจับตำแหน่งที่เก็บมีดพกไว้แน่น
ขวับ!!
เสียงสวบสาบทางด้านซ้ายทำให้หันขวับไปมอง แต่กลับเป็นเพียงความว่างเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นกัน”เสียงหวานถาม ชายหนุ่มทำได้เพียงจุ๊ปากเบาๆให้เงียบเสียซึ่งแจจุงก็ทำตามแต่โดยดี ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กก่อนหยิบมีดพกจากต้นขาแล้วปาเข้าพุ่มไม้ฝั่งซ้ายมือ
แจจุงยกมือปิดปากเมื่อร่างของทหารนายหนึ่งร่วงออกจากพุ่มไม้โดยที่ปลายมีดพกแทงเข้าที่ตำแหน่งหัวใจพอดีดิบ
สองคนหันซ้ายขวาอย่างหวาดระแวง ฉับพลันสติกลับเลือนราง วิงเวียนศรีษะกับกลิ่นหอมอ่อนที่โชยมา ร่างกายไร้เรี่ยวแรงอย่างกับว่าจะร่วงลงสู่พื้นดินหากแต่แรงฉุดจากยูชอนยังมีอยู่ แต่เพียงไม่นานก็ล้มลงทั้งสองคน
ร่างกายล่ำสันของนายทหารหนุ่มหลายคนโผล่ออกจากต้นไม้ที่หลบซ่อนกาย สองคนหิ้วร่างไร้ชีวิตของพวกเดียวกันโยนทิ้งเข้าไปในส่วนลึกของพุ่มไม้ อีกครึ่งกำลังของทั้งหมดมุ่งหน้าทางปัจฉิมข้ามเขาอันเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านที่มีคิมทงฮวาเป็นผู้นำ
“นำคิมแจจุงไปให้พระองค์ ส่วนไอ้นักฆ่านี่...มัดมันรวมกับพวกหลังเขานั่น!”
กำลังทหารเข้าบุกหมู่บ้านแล้ว เสียงร้องไห้ ร่ำร้องระงม ทั้งหญิงชาย เด็กเล็กไม่มีสิทธิ์จะหนี
ในเมื่อชีวิตของกบฏต้องจบลงไปตั้งแต่๒ปีก่อน หากจะสูญสิ้นไปจริงๆก็เป็นเรื่องที่สมควร
TBC. In part IV
ความคิดเห็น