คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ตอนพิเศษ3 [100เปอร์เซ็นต์]
คนเราจะรอใครสักคนได้นานขนาดไหนกัน
เป็นนาที...เป็นชั่วโมง...เป็นวัน...เดือน หรือกี่ปี??
บังยงกุกไม่เคยนับวันเวลาที่ผ่านมา การตอกย้ำตัวเองรังแต่เพียงจะเพิ่มความเจ็บปวดในจิตใจให้มากขึ้น สิ่งที่คนอย่างเขาทำ...คงเพียงแค่พยายามจะทำให้ดีขึ้น เพื่อให้อีกคนที่เขากำลังรอ...กลับมาสักที
เบอร์เดิมที่จำขึ้นใจถูกกดลงบนแป้นพิมพ์โทรศัพท์ เสียงรอสายดังอยู่นานแต่ไม่มีใครรับ...เหมือนทุกครั้ง
ฮิมชานไม่รับโทรศัพท์เขาอีกเลย...
เขาเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋าเช่นเดิม มองผู้คนล้นหลามเดินเบียดเสียดกันในผับทีเอส จุนฮงทำหน้าที่ดีเจในวันนี้ ไอ้เด็กนี่โตขึ้นเยอะมากแล้ว ตัวสูงขึ้นจนเลยเขาไปหลายเซ็นต์ จากเด็กน้อยน่ารักกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดี ผู้หญิงหลายคนด้อมๆมองๆคอยเทียวจะเคลมไปเลี้ยงหลายหน แต่ไอ้เด็กนี่ก็ไม่สนใจ
เขาเองก็เรียนจบแล้ว ก็รับช่วงต่องานที่ผับทีเอสต่อจากพี่เขยที่พาพี่สาวเขาตระเวนเที่ยวจนไม่มีเวลาจัดการงานที่ผับ
จากพนักงาน เลื่อนมาเป็นผู้จัดการ...ตำแหน่งใหญ่ขึ้นแบบบิ๊กโอเวอร์..
เวลา...ทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปทั้งนั้น
แล้วเวลา...ไม่ทำให้ฮิมชานเปลี่ยนใจบ้างเลยงั้นเหรอ??
กี่ปีแล้วนะฮิมชาน...ที่นายจากฉันไป...
.
.
ถึงจนวันนี้สามปีที่ผ่านมา...ฉันก็ยังรอ...รอโอกาสจากนาย...รอนายกลับมา...
ลมพัดมาผะแผ่วหอบเอาใบไม้แห้งใบเล็กปลิวคว้างก่อนจะตกลงบนผิวน้ำใสสะอาด...เสียงเพลงดังคลอกับปลายเท้าที่เดินไปเรื่อยๆ
“เฮ้ คุณ ส่งลูกบอลให้ผมที!”เสียงตะโกนดังมาจากฝั่งที่เป็นสนามฟุตบอล ฮิมชานเลิกคิ้ว ถอดหูฟังออกจากหูพลางมองรอบกาย พบลูกบอลลูกหนึ่งถูกเตะออกมานอกสนามใกล้กับที่เขาอยู่มาก มือเรียวหยิบมันก่อนจะปากลับไปให้นักเตะร่างใหญ่ หนุ่มสวีเดนคนนั้นฉีกยิ้มมาให้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณแล้วพาลูกบอลกลับเข้าสู่เกมอีกครั้ง
... เท้าเริ่มเดินอีกครั้ง หูฟังถูกเสียบเข้าหูเหมือนเดิม...พลันรอยยิ้มกลับคลี่ออกมาบางเบา...
“กลับมาแล้วครับ”เอ่ยเมื่อเปิดประตูบ้านเข้าไป บ้านที่เกาหลีอาจจะหลังใหญ่โต แต่บ้านที่สวีเดนของครอบครัวฮิมชานเป็นเพียงบ้านธรรมดา อยู่ใจกลางหมู่บ้านเล็กๆในจังหวัดหนึ่งของประเทศสวีเดนเพียงเท่านั้น
ตอนตัดสินใจมาที่นี่ ฮิมชานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่เป็นบิดามารดาจะต้อนรับเขาไหม?
ผู้ชายกับผู้หญิงที่ทิ้งเขาเผชิญกับความโหดร้ายของชีวิตโดยลำพัง...ยังต้องการเขาอยู่อีกไหม?
แต่คุณอาจงฮยอนก็บอกให้เขามา
“ไปอาบน้ำแล้วมาทานข้าวสิฮิมชาน วันนี้ทำบุลโกกิด้วยนะ”เสียงหญิงสาวดังมาจากในครัว ฮิมชานมองผู้หญิงในชุดผ้ากันเปื้อนหน้าเตา เธอกำลังปรุงซุปมันฝรั่งที่เขาชอบกินอยู่...
ผู้หญิงคนนั้น...แม่เขา
มือเรียวสอดเข้ากอดแม่จากด้านหลังพลางซบใบหน้าหวานกับแผ่นหลังเล็กๆ นึกถึงวันแรกที่เขาเหยียบพื้นดินสวีเดน ตอนที่เหมือนคนหลงทางเคว้งอยู่ที่สนามบิน กลับมองเห็นผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่กับสาทีของเธอแล้วกวักมือเรียกเขา
คำพูดแรกของพ่อและแม่เมื่อเจอหน้าเขา...คือ “มาแล้วเหรอลูก...”
“จะอ้อนอะไรล่ะ หืม”เธอหันมาเขกหัวทุยๆเล็กน้อย แล้วไล่ลูกชายไปอาบน้ำได้แล้ว ถึงเวลาอาหารแล้ว
คุณและคุณนายคิมไม่คิดว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาได้ทำคือการปล่อยให้ลูกชายเพียงคนเดียวเผชิญความเลวร้ายเพียงลำพัง ปล่อยให้ชีวิตของฮิมชานเหลือแค่จงออบ...
พวกเขารู้เสมอว่าฮิมชานเป็นยังไงบ้างผ่านทางจงฮยอน แต่เพราะหน้าตาที่ต้องรักษา ชื่อเสียงที่ต้องดำรงทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถกลับเกาหลีได้จริงๆ
จนเมื่อจงฮยอนบอกว่าเกิดเรื่องเลวร้ายกับฮิมชานอีกครั้ง...พวกเขาก็บอกให้จงฮยอนส่งฮิมชานมาอยู่ด้วยทันที
หัวอกพ่อแม่...เจ็บปวดขนาดไหนเมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองโดนข่มขืน...อีกครั้ง ซ้ำรอยเดิมที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
การทิ้งฮิมชานเอาแต่ตัวเองรอด กลัวจะเสียหน้า เสียชื่อเป็นการกระทำที่ไม่สมควร เธอรู้ดี...
...ตอนนี้เธอกำลังแก้ไขตัวเอง เธอกับสามีจะยืนเคียงข้างฮิมชาน...
...อยากจะทดแทนที่เคยทำผิดพลาดไว้...
คุณนายคิมประคองแก้วนมอุ่นก่อนจะเคาะประตูห้องฮิมชานแล้วค่อยๆเปิดเข้าไป
ร่างบางนอนทอดยาวอยู่บนเตียง ในมือมีเครื่องเล่นเพลงต่อสายกับหูฟังที่เสียบอยู่ในหู...ฮิมชานฟังเพลงเกือบตลอดเวลา และเพลงที่ฟัง ก็มีอยู่เพลงเดียว...
เพลงจากแผ่นซีดีงานที่ใช้ส่งจงฮยอนแผ่นนั้น...
“ลุกมาดื่มนมอุ่นๆก่อนไหมลูก? จะได้หลับสบายๆ”เธอสะกิดเรียก นั่งลงบนเตียงนุ่มแล้วไล้ที่โครงหน้าสวยด้วยความรัก ฮิมชานเปิดเปลือกตาก่อนจะยิ้มเล็กๆให้แม่ ลุกขึ้นนั่งแล้วรับเอาแก้วนมมาดึ่ม
เสียงโทรศัพท์ของฮิมชานดังขึ้นแต่ร่างบางกลับเลือกที่จะไม่รับ เพราะรู้ดีว่าเวลานี้ใครจะโทรมา คุณนายคิมคว้าโทรศัพท์มาดูพบว่าเป็นเบอร์เดิมที่โทรมาตลอดสามปี...และเป็นเบอร์ที่ฮิมชานไม่เคยรับเลย
เธอรู้...ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร จงฮยอนบอกเธอทุกอย่างแล้ว
ฮิมชานใจแข็ง...เธอรู้ดี ว่าลูกของเธอทั้งใจแข็ง ทั้งเข้มแข็ง ไม่เช่นนั้นจะใช้ชีวิตในความโหดร้ายผ่านมาได้อย่างไร
“สามปีแล้วนะ...ไม่รับบ้างเหรอลูก”เธอถาม รับแก้วเปล่าจากลูกชายกลับมา ฮิมชานส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่จำเป็นต้องรับหรอกครับ...”
.
.
“โกหกอะไรก็ได้ แต่ถ้าเราโกหกตัวเอง ยิ่งโกหกเท่าไหร่...เราก็ยิ่งรู้แก่ใจถึงความจริงที่เป็นนะลูก...”
“...”
“ลูกให้โอกาสพ่อกับแม่ที่ทำลูกเสียใจ ทอดทิ้งลูกให้ต้องเจ็บปวดลำพังได้...ลูกก็น่าจะให้โอกาสคนอื่นที่ทำร้ายให้ลูกเจ็บใจได้เหมือนกัน...ถ้าเขาสำนึกผิดแล้ว”
“...”
“ยอมรับเถอะนะฮิมชาน...ว่าลูกยังรักเขาอยู่”
ประตูห้องถูกปิดลงพร้อมกับคุณนายคิมที่เดินออกไป...ฮิมชานทิ้งตัวลงบนเตียง เอียงหน้าซบกับหมอนนุ่มก่อนจะทิ้งน้ำตาให้ไหลลงมาทาบแก้มช้าๆ
แม่พูดถูก...ใช่ เขายังรักยงกุกอยู่...รักมาก รักเสมอ แม้จะหนีมาไกลขนาดนี้ก็ยังหนีคำว่า”รักบังยงกุก”มาไม่พ้น
ยังคิดถึง...ช่วงเวลาที่เคยใกล้ชิดกัน โหยหา...คำว่ารักที่อีกคนเคยพูดกรอกหู ต้องการ...อ้อมกอดที่เคยกักเก็บเขาไว้แนบกับกาย
มีคนอื่นมากมายเข้ามาหาเขาตลอดสามปี แต่ไม่เคยสักครั้งที่ฮิมชานจะพยายามคบกับใครได้ เวลาถูกแตะตัว...สัมผัสของยงกุกก็ยังหวนคะนึงขึ้นมาในอก คำบอกรักที่แสนจะจริงใจไม่ได้น่าฟังเท่าคำโป้ปดของอีกคนเลยสักนิด...
ครั้งแรกที่ยงกุกโทรมา ใจเขาสั่นรัวราวถูกเขย่า คำว่ารักที่อีกคนบอก...แม้มันไม่น่าเชื่อ แต่มันก็ยังทำให้ใจเต้นระรัวได้เสมอ ตอนนั้นทิฐิในใจบอกให้พูดไปว่าเลิกรักแล้ว ทั้งที่ในใจ...ไม่เคยเลิกรักบังยงกุกได้เลย
เพลงที่อีกคนร้องอัดจนสมบูรณ์ คุณอาจงฮยอนเอามาให้เขา...เขาฟังมันทุกวัน แทบจะตลอดเวลา ท่อนแรปที่อีกคนเขียน น้ำเสียงที่อีกคนขับร้อง...ทำให้ฮิมชานยิ้มไม่รู้ตัว
...ถ้าฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง...นายจะไม่ทำให้ฉันเสียใจใช่ไหม?
บังยงกุก...
ฉันรักนาย...รักนายมาก...
.
.
มือเรียวเลื่อนหยิบโทรศัพท์ที่เพิ่งเงียบเสียงลงไป...หน้าจอแอลซีดีกะพริบสว่างโชว์สายที่ไม่ได้รับเป็นชื่อใครคนหนึ่ง...
“บังยงกุก”
ฮิมชานเลื่อนมือไปที่ปุ่มโทรออกแล้วสัมผัสแผ่วเบา ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู...รอฟังเสียงสัญญาณจากปลายสาย
อาจจะเป็นการตัดสินใจถูกหรือผิด...บังยงกุกอาจทำให้เขาเสียใจอีกครั้ง...
แต่เพราะว่ารัก...
มือเรียวปาดคราบน้ำตาที่เปรอะที่แก้มออก...
ขออ้อนวอนต่อพระเจ้าที่ประทานชีวิตที่แสนโหดร้ายมาให้แก่เขา ขอเพียงสักครั้ง...จากนี้...ขอให้คิมฮิมชานไม่ต้องเสียใจอีกแล้ว
...ขอร้อง...
.
.
.
.
.
“ฮัลโล”
FIN.
ความคิดเห็น