ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF]_FORGIVE ME_[YUNJAE]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่๒

    • อัปเดตล่าสุด 24 มี.ค. 53


    Title: Forgive Me

    Author: วริญญา_โว้ย!!!!!

    Pairing: Yoonho X Jaejoong

    Rate: PG-18, NC-20(=______=^^^แล้วเมิงก็กล้าแต่งเนาะ)

    Style: Period Drama

    Note: เขียนเอ็นซีไม่ถนัดโฮกกกกกกTT^TT

     

     

    Part II…

     

    เมื่อครู่เจ้าพูดอันใดรึ...คิมแจจุง

    ดวงหน้าขาวสะบัดมาตามสุรเสียงทุ้มที่ตรัสถามในทันที ใบหน้าที่แสนซีดยิ่งไร้สีเลือดเมื่อสบกับสายพระเนตรแข็งกร้าว สองสั่งให้ขาก้าวหนีบุคคลตรงหน้าทันทีทั้งที่รู้ว่าตนไม่ใช่เป็นคนผิด หากแต่เป็นสัญชาตญาณของผู้สมรู้ร่วมคิด

    ยังไม่ทันจะหนีไปไหนพ้นกลับต้องถูกกระชากกลับมาด้วยพระหัตถ์หนารั้งเข้าสู่อ้อมพระกรแข็งแรง เท้าเล็กลอยไม่ติดพื้นทำให้รู้ว่าบัดนี้ร่างของตนตกอยู่ภายใต้พระหัตถ์ของฝ่าบาท อยู่บนพระกรที่แข็งแรง หากแต่ไม่ได้มีไว้เพื่อปกป้อง...ตรงข้ามกัน กลับมีไว้เพื่อทำลาย

    พระเนตรกร้าวจ้องไปพุ่มสนที่สั่นไหวกลับพบเพียงความว่างเปล่า

    ...คงจะหนีไปแล้วสินะ...

    เจ้ากับข้ามีเรื่องต้องคุยกันอีกนาน

     

    สายพระเนตรแข็งกร้าวจ้องมองวรกายเล็กบางที่นอนนิ่งบนแท่นตั่ง

    อัสสุชลที่ยังไม่หยุดรินไหลกับการสูญเสียครั้งสำคัญ

    จัดการอย่างสมเกียรติ...เก็บพระศพไว้ในโลงทองกว่าจะครบร้อยวันแล้วค่อยทำตามราชประเพณีทรงตรัสเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลบเบือนหนียามทหารร่างยักษ์อุ้มวรกายเล็กลงใส่โลงทอง

    ไม่ทันสินะ...พี่ช่วยเจ้าไม่ทันสินะ

    หวนคำนึงถึงบางคนที่ถูกลากเข้าไปไว้ในห้องบรรทมของพระองค์แล้วความโกรธยิ่งพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ โทสะแรงจนคิดว่าหามีใครจะมาหยุดมันได้เป็นแน่...นอกจากตัวการที่ทำให้มันเกิดขึ้น

    หากเจ้าเป็นผู้จุดชนวนเรื่องเก่าขึ้นมาอีกครั้ง...ก็จงรับความเจ็บปวดนั้นแทนเหล่ากบฏของเจ้าเสียเถอะ...คิมแจจุง

     

    นัยน์ตาอ่อนแสงจับจ้องเพดานสูงสีขาวปลอดแต่งแต้มด้วยลายวิจิตรสีแดงสลับทอง มือทั้งสองที่ถูกจับไพล่ไว้ด้านหลังขยับยุกยิกแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดจากพันธนาการหนาแน่น ริมฝีปากถูกกทับด้วยผืนผ้าหนารังจะส่งเพียงเสียงอื้ออึง

    ตั้งแต่วรกายเล็กของจุนซูล้มลงมาทับร่างไว้ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับแจจุงมันสับสนไปเสียหมด

    ไยยูชอนจึงอยู่ที่นั่น...แล้วเป็นยูชอนแน่ใช่หรือไม่ที่ยิงธนูดอกนั้น...หากแต่ที่สำคัญที่สุด...

    ยูชอนจะทำได้อย่างไรหากไร้คำสั่งจากผู้นำเช่น คิมทงฮวา...บิดาของคิมแจจุงเอง

    คิดวนซ้ำพลันน้ำตาที่กักเก็บจะไหลลงมาเสียอย่างช่วยมิได้

    ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีทั้งหมด...ฝ่าบาททรงเลือนเรื่องกบฏครานั้นเมื่อครั้ง๒ปีที่แล้วไปไม่มากก็น้อย แล้วต่อไป...มันอาจจะลบเลือนจากพระทัยไปในที่สุด

    หากแต่ครานี้...

    มันคงไม่มีวันที่พระองค์จะทรงเลือนได้...เพราะผู้ที่ไร้ลมหายใจเป็นดั่งลมหายใจของพระองค์เอง

    ท่านรู้รึไม่ท่านพ่อ...ว่าท่านกำลังทำให้ข้าเดือดร้อน

    เจ้าร้องไห้เพื่อสาปส่งวิญญาณน้องข้าหรือไรแจจุงสุรเสียงที่ดังข้างกายทำให้ดึงเอาจิตใจกลับมาว่าวรกายสูงใหญ่เข้ามาอยู่ในห้องแต่เมื่อใด ดิ้นรนจะถอยห่างเมื่อพระองค์ทาบทับกายลงบนเรือนร่างขาวซีด

    ที่จริงคงเป็นข้าที่ควรตาย...หัตถ์ใหญ่ปลดสายรัดเอวออกเชื่องช้า

    อื้อ...อื้อเสียงอื้ออึงราวกับจะประท้วง อยากที่จะปัดปกป้องแต่มือก็ถูกพันธนาการจนหมดหนทาง

    คิดว่าข้าจะทำอะไรงั้นรึ...ในเมื่อข้าอยากให้เจ้าเจ็บปวดตรัสพลางซุกไซร้พระนาสิกโด่งลงกับซอกคอหอมกรุ่น

    ร่างบางดิ้นแทบจะทันทีเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิด...

    มันต้องไม่เป็นแบบนี้!! ไม่ใช่แบบนี้...ทั้งที่คอยหลบเลี่ยงมันมาตลอดแท้ๆ

    ไม่!!!

    นิ่ง!!”ทรงตวาดเสียงลั่นกับร่างที่คอยจะพลิ้วบิดหลบไอร้อนที่คลอเคลียที่ซอกหู หากแต่ร่างบางก็ใช่ว่าจะฟัง ในสมองสั่งเพียงให้ดิ้นรนจากการกระทำที่แสนจะรังเกียจ

    ความทรงจำเมื่อครั้งมืดมนกับชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งหลายหวนเข้ามาในความคิด แม้ไม่ได้รสหากแต่ความขื่นที่สัมผัสมากลับแล่นริ้วขึ้นจนจุกแน่นไปทั่วทั้งคอ

    ประท้วงทั้งการดิ้นรนและเสียงแต่ก็ไม่ได้ยับยั้งอะไรกับคนที่พยายามจะจับรวบทั้งกายให้อยู่เฉยเช่นต้องการ

    เมื่อเห็นว่ารางบางไม่มีทีท่าว่าจะอยู่เฉย หมัดหนักจึงกระแทกลงกับท้องน้อยเสียจนร่างข้างใต้จุกแอ่กแอ่นตัวงอ

    อั่ก!!”เสียงมีหลุดรอดเพียงเล็กน้อยก่อนจะไม่มีเล็ดออกมาอีก ทั้งร่างแน่นิ่งยอมให้สัมผัสร้อนไล่ระไปทั่วร่าง

    ความเย็นวาบจากเบื้องล่างสื่อว่ากางเกงผ้าถูกถอดออกไปแล้ว ตามด้วยความอุ่นร้อนครอบครองทั้งหมดจากจุดรวมความรู้สึก

    น้ำตาใสไหลไม่หยุดกับความอึดอัดที่เริ่มเข้าเกาะกุมไปทั้งความรู้สึก หากที่มากกว่านั้นคือความแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองได้แม้สักนิด

    จากที่ครอบครอง หัตถ์หนาจึงเริ่มจะปรนเปรอความสำราญแก่ร่างด้านล่าง ขยับรุกเร้าจนฟันขาวต้องขบริมฝีปากแดงแน่น ใบหน้าขาวซีดเริ่มซับเลือดสีฝาดจนแดงก่ำ

    อยากให้หยุดหรือต่อดี หืมม์...แจจุงกระแสเสียงแหบห้าวกระซิบถามข้างริมหูปลุกอารมณ์หวามจากการถูกล่วงเกินให้ยิ่งกระพือโหม

    ดั่งว่าความหนาวเย็บโอบล้อมกาย เกร็งยะเยือกจนไม่กล้าจะขยับกาย เพียงกระดิกก็ชาวาบ จำต้องนอนนิ่งเป็นหุ่นให้คนร่างใหญ่กว่ากระทำตามอำเภอใจ

    เรียวขาขาวถูกจับตั้งชันกับพื้นเตียงทองอร่ามไว้ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นส่วนน่าอายถูกบดเบียดด้วยความกระดาก หากแต่พระหัตถ์หนาก็กระชากขาขาวให้ออกห่าง ดัชนีเรียวแข็งลูบไล้ช่องทางสีชมพูสดเพียงแผ่วเบากลับไปทำให้ทั้งร่างบอบบางกระตุกเกร็ง พระโอษฐ์แย้มออกเล็กน้อยอย่างว่าสมเพชนักหนากับร่างกายโสโครก

    คิดว่าพระองค์ไม่รู้งั้นหรือว่าเหตุใดแจจุงจึงกลัวทหารเสียขนาดนั้น

    คิดว่าดูไม่ออก จับต้นชนปลายไม่ถูกหรือไงว่าเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในคุกมืดระหว่างการนำเอาร่างกายหอมหวานชวนลิ้มลองไปกักขัง

    แล้วคิดหรือว่าทหารกระหายหิวพวกนั้นจะปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไป...เจ้ามันกร้านมากมายแล้ว อย่าเสแสร้งทำเป็นว่ากลัวนักหนากับเรื่องอย่างว่าเลย...คิมแจจุง

    อ...อาเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะพระหัตถ์อุ่นหนายังโอบล้อมร่างกายเอาไว้ ทั้งยังปากก็ถูกปิดเอาไว้เช่นกัน กระตุ้นเร้าอีกไม่นานสายธารโลกีย์ก็เปรอะเปื้อนเสียเต็มสองพระหัตถ์ ยุนโฮเช็ดคราบขาวขุ่นลงกับต้นขาขาวจนมันกลืนไปกับร่างของเจ้าของ แหวกเรียวขาให้อ้าออกกว้างอย่างน่าอายเผยทางรักสีสดที่ปิดแน่นแนบสนิทกัน ดัชนีแลมัชมาสอดพรวดเข้าไปด้านในจนเสียงร้องอื้ออึงดังลั่น ร่างกายเล็กบางกระตุกแรงพร้อมน้ำตาเม็ดใสที่ไหลแล้วไหลอีก

    ไยจะต้องสนใจกับอาการเจ็บปวดของคนที่มันทำให้จุนซูต้องจบชีวิต ห่วงอะไรกะอีแค่ความรู้สึกของเชลยต่ำศักดิ์ที่ควรจบชีวิตไปเสียเมื่อ ๒ ปีก่อน

    ความรวดร้าวยังแทรกลึกกวาดไปทั่วทั้งโพรงอ่อนนุ่ม จิกลงทึ้งรั้งความหยาบโลนกับร่างกายที่ไร้ทางสู้ยังให้โลหิตไหลลงตามเรียวขาเป็นทางเปรอะเปื้อนถึงข้อพับ

    หัตถ์ข้างที่ว่างเคลื่อนลงปลดสายคาดเอวออกร่นกางเกงผ้าเนื้อดีถอดออกทิ้งไปเสีย เผยเห็นร่างกายเต่งตึงในร่มผ้ากับความคับใหญ่โตที่ขยายตัวจนพองโต

    ตาคู่สวยมองขนาดใหญ่แล้วใจหายวาบหากแต่ความเจ็บปวดแสบร้อนจากบาดแผลที่ความหยาบกร้านขยับกรีดลากภายในกายทำให้ขยับไม่ได้แม้เพียงนิด ทำได้เพียงส่งเสียงเครือครางยามมันถูกกระชากออกอย่างแรง

    เลือดที่เปรอะมาตามพระหัตถ์ไหลรินอย่างหน้ากลัวไม่ได้สะกิดความรู้สึกได้เลยสักนิด

    สังเกตบ้างหรือไม่ว่ามันไม่ใช่เลือดจากความรุนแรงเพียงอย่างเดียว

    สำเร็จกามหาได้ต้องมีเพศสัมพันธ์ไม่

    เรื่องในคุกมืดมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของที่กำลังเผชิญ

    การอ้ารับความใหญ่โตคับพองมาเต็มปากเทียบไม่ได้สักนิดกับความเจ็บปวดขืนใจที่กำลังเจอะเจอ

    ความอุ่นร้อนนาบกับช่องทางเลือดซึม ดุนดันอยู่ประเดี๋ยวแล้วกระแทกสุดแรง รั้งไหล่เล็กที่ผวาเฮือกตามความเจ็บปวดที่ได้รับ กดมันให้จมลงไปกับเตียงอีกครั้งหนึ่ง

    ส่วนปลายผลุบเข้าไปเพียงเล็กน้อยทำเอาพระขนงขมวดมุ่นอย่างขัดพระทัยหากแต่ไม่เอะพระทัยแม้สักนิดว่าเพราะเหตุใดช่องทางรักจึงคับแน่น ทุรังแทรกกายเข้าไปในความฝืดเคืองหากชโลมด้วยหยาดโลหิตเสียชุ่มฉ่ำ

    ฟันขาวอ้างับผืนผ้าที่ปิดปากแน่น สั่นระริกทั้งกาย เนื้อนวลเต้นตุบๆด้วยความเจ็บ มือทั้งสองกำแน่นกับพันธนาการที่ไม่ได้รับการปลดออก จิกเล็บลงกับเนื้อจนเลือดซิบหากแต่ความเจ็บปวดแสบสันต์ก็ไม่ถ่ายเทไปยังบาดแผลใหม่เลยสักน้อย

    การขยับเริ่มต้นคราที่ทั้งกายไปหมด กายเล็กแอ่นรับความใหญ่โต ขยับไปตามจังหวะที่ยุนโฮทรงบรรเลง

    ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้ที่เกาะกุม ไร้แม้เพียงสิ่งจับดึง

    ...เจ็บ...

     

    ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของฝ่ามือหยาบกร้าน คิมทงฮวาชี้นิ้วสั่นระริกใส่นักฆ่าอันดับต้นที่สั่งการไปแล้วกลับทำการล้มเหลว

    นึกถึงคำพูดของปาร์คยูชอนแล้วอดนึกห่วงเลือดเนื้อของตัวเองไม่ได้

    คราวนั้นที่ยูชอนหนีออกมาจากคุกมืดโดยการฆ่าทหารแล้วปลอมตัวออกมานั้น ไอ้นักฆ่ามันบอกว่าอนุชาของยุนโฮโปรดนำเอาแจจุงไปเป็นผู้ติดตาม นั่นล่ะทำให้โล่งใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดกับแจจุงหากอยู่กับจุนซูผู้ที่มีใจเมตตามากกว่าเชษฐาเป็นเท่าตัว

    แต่!! ไอ้นักฆ่านี่มันก็ทำเสียแผนไปอีกครั้ง

    ส่งให้ไปลอบปลงพระชนม์ยุนโฮกลับปลิดชีวิตผู้มีพระคุณของลูกชายเสีย มันน่าฆ่ามันเสียจริง...

    ป่านนี้แจจุงคงโดนกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิด ทั้งที่ร่างบางไม่ได้รู้เรื่องของบิดาเลยตั้งแต่เกิดการก่อกบฏครั้งนั้น

    ข้าให้โอกาสเจ้า...ไปพาตัวแจจุงออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น...ไสหัวไปไหนก็ไปแล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีกดั่งประกาศิตที่คนอย่างปาร์คยูชอนต้องทำตามคำสั่งของคิมทงฮวาด้วยไม่มีข้อโต้แย้ง

    จะทำอย่างไรได้เมื่อข้างกายของคิมทงฮวายังมีปาร์คเยจินผู้เป็นมารดายืนอยู่

    นางดูจะไม่สนใจแม้สักนิดหากลูกชายจะไปจากนางเสียจริง...ในเมื่อใจนางคิดถึงแต่คิมทงฮวาเพียงเท่านั้น

     

    คิมแจจุงนอนคว่ำตะแคงข้างศีรษะมองแสงสว่างจ้าที่สาดเข้ากระทบบางส่วนในห้องบรรทม นกกระจิบตัวจ้อยที่เคยมองยามนั่งริมหน้าต่างบานที่คุ้นเคยส่งเสียงจิ๊บๆพลางต่างก็ไซร้ขนนิ่มของกันและกัน

    สมองว่างเปล่ารับรู้เพียงเสียงนกตัวเล็กกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง บาดแผลที่ฉีกขาดทวีความรวดร้าวทุกครั้งที่ขยับกายแต่ก็ยังจะฝืนขยับ หลีกไปให้ไกลจากวรกายข้างๆที่หายพระทัยอย่างสม่ำเสมอ

    ถูกปล่อยเป็นอิสระจากทุกอย่างเมื่อความทรมานอันยาวนานถูกปลดปล่อยออกมาเป็นธารคาว ราวครึ่งชั่วโมงที่แสนจะยาวนาน...เฝ้าอ้อนวอนให้มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    ร่างกายบอบช้ำค่อยเคลื่อนลงจากเตียงทอง พยายามลากสังขารไปยังกางเกงผ้าของตัวเองที่ถูกโยนไปยังพื้นด้านล่าง มือเล็กคว้าเอาเสื้อแล้วสวมลงร่างอย่างยากลำบาก ดวงเนตรคู่โตเหมองพระพักตร์คมของฝ่าบาท...ผู้ซึ่งทรมานร่างกายเขา บดขยี้ความบริสุทธิ์จนแหลกเหลว

    เสียงสวบสาบดังมาจากข้างหน้าต่างทำให้นกตัวเล็กบินหนีไปเสียแล้ว หากแต่รอยยิ้มกับผุดขึ้นที่ริมฝีปากเห่อช้ำจากการกดจูบลงอย่างรุนแรง

    ปาร์คยูชอน...เห็นแล้วว่าเมื่อคืนชายหนุ่มลอบเข้ามาส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาเข้าใจดี

    เสียงผิวปากเลียนเสียงกระแตแต้แว๊ดนั่นเองทำให้ร่างบางต้องรีบตื่นให้ทันก่อนที่ยุนโฮจะได้สติ

    ใบหน้าขาวซีดโผล่พ้นหน้าต่างมา...ใช่เขาจริงๆ ปาร์คยูชอน

    ยูชอนเหล่สายตาประเมินรอยเลือดดวงใหญ่บนผืนผ้าปูเตียงก่อนจะกระโดดสวบเข้าไปในห้องอย่างเบากริบ อุ้มร่างบางเข้าไว้ในอ้อมกอดแล้วพาออกทางหน้าต่างอย่างตอนเขามา ผ่านทหารยามที่หลอดลมขาดสะบั้นทั้งสี่คนไปแล้วหายลับกับแนวป่าเขียวชอุ่มรอบเขตวังหลวง

    ข้าไม่สนแล้วว่ายูชอนจะเป็นเจ้าของลูกธนูดอกนั้นรึไม่ หากแต่ตอนนี้...ขอเพียงได้หนีไป หนีไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะลางสังหรณ์ของข้าบอกว่า...เรื่องร้ายกำลังจะมาเยือน...

     

    TBC. In part III…

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×