คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่๒
Title: Forgive Me
Author: วริญญา_โว้ย!!!!!
Pairing: Yoonho X Jaejoong
Rate: PG-18, NC-20(=______=^^^แล้วเมิงก็กล้าแต่งเนาะ)
Style: Period Drama
Note: เขียนเอ็นซีไม่ถนัดโฮกกกกกกTT^TT
Part II
“เมื่อครู่เจ้าพูดอันใดรึ...คิมแจจุง”
ดวงหน้าขาวสะบัดมาตามสุรเสียงทุ้มที่ตรัสถามในทันที ใบหน้าที่แสนซีดยิ่งไร้สีเลือดเมื่อสบกับสายพระเนตรแข็งกร้าว สองสั่งให้ขาก้าวหนีบุคคลตรงหน้าทันทีทั้งที่รู้ว่าตนไม่ใช่เป็นคนผิด หากแต่เป็นสัญชาตญาณของ’ผู้สมรู้ร่วมคิด’
ยังไม่ทันจะหนีไปไหนพ้นกลับต้องถูกกระชากกลับมาด้วยพระหัตถ์หนารั้งเข้าสู่อ้อมพระกรแข็งแรง เท้าเล็กลอยไม่ติดพื้นทำให้รู้ว่าบัดนี้ร่างของตนตกอยู่ภายใต้พระหัตถ์ของฝ่าบาท อยู่บนพระกรที่แข็งแรง หากแต่ไม่ได้มีไว้เพื่อปกป้อง...ตรงข้ามกัน กลับมีไว้เพื่อทำลาย
พระเนตรกร้าวจ้องไปพุ่มสนที่สั่นไหวกลับพบเพียงความว่างเปล่า
...คงจะหนีไปแล้วสินะ...
“เจ้ากับข้ามีเรื่องต้องคุยกันอีกนาน”
สายพระเนตรแข็งกร้าวจ้องมองวรกายเล็กบางที่นอนนิ่งบนแท่นตั่ง
อัสสุชลที่ยังไม่หยุดรินไหลกับการสูญเสียครั้งสำคัญ
“จัดการอย่างสมเกียรติ...เก็บพระศพไว้ในโลงทองกว่าจะครบร้อยวันแล้วค่อยทำตามราชประเพณี”ทรงตรัสเพียงเท่านั้นก่อนจะหันหลบเบือนหนียามทหารร่างยักษ์อุ้มวรกายเล็กลงใส่โลงทอง
ไม่ทันสินะ...พี่ช่วยเจ้าไม่ทันสินะ
หวนคำนึงถึงบางคนที่ถูกลากเข้าไปไว้ในห้องบรรทมของพระองค์แล้วความโกรธยิ่งพุ่งขึ้นเป็นริ้วๆ โทสะแรงจนคิดว่าหามีใครจะมาหยุดมันได้เป็นแน่...นอกจากตัวการที่ทำให้มันเกิดขึ้น
หากเจ้าเป็นผู้จุดชนวนเรื่องเก่าขึ้นมาอีกครั้ง...ก็จงรับความเจ็บปวดนั้นแทนเหล่ากบฏของเจ้าเสียเถอะ...คิมแจจุง
นัยน์ตาอ่อนแสงจับจ้องเพดานสูงสีขาวปลอดแต่งแต้มด้วยลายวิจิตรสีแดงสลับทอง มือทั้งสองที่ถูกจับไพล่ไว้ด้านหลังขยับยุกยิกแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดจากพันธนาการหนาแน่น ริมฝีปากถูกกทับด้วยผืนผ้าหนารังจะส่งเพียงเสียงอื้ออึง
ตั้งแต่วรกายเล็กของจุนซูล้มลงมาทับร่างไว้ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับแจจุงมันสับสนไปเสียหมด
ไยยูชอนจึงอยู่ที่นั่น...แล้วเป็นยูชอนแน่ใช่หรือไม่ที่ยิงธนูดอกนั้น...หากแต่ที่สำคัญที่สุด...
ยูชอนจะทำได้อย่างไรหากไร้คำสั่งจากผู้นำเช่น คิมทงฮวา...บิดาของคิมแจจุงเอง
คิดวนซ้ำพลันน้ำตาที่กักเก็บจะไหลลงมาเสียอย่างช่วยมิได้
ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีทั้งหมด...ฝ่าบาททรงเลือนเรื่องกบฏครานั้นเมื่อครั้ง๒ปีที่แล้วไปไม่มากก็น้อย แล้วต่อไป...มันอาจจะลบเลือนจากพระทัยไปในที่สุด
หากแต่ครานี้...
มันคงไม่มีวันที่พระองค์จะทรงเลือนได้...เพราะผู้ที่ไร้ลมหายใจเป็นดั่งลมหายใจของพระองค์เอง
ท่านรู้รึไม่ท่านพ่อ...ว่าท่านกำลังทำให้ข้าเดือดร้อน
“เจ้าร้องไห้เพื่อสาปส่งวิญญาณน้องข้าหรือไรแจจุง”สุรเสียงที่ดังข้างกายทำให้ดึงเอาจิตใจกลับมาว่าวรกายสูงใหญ่เข้ามาอยู่ในห้องแต่เมื่อใด ดิ้นรนจะถอยห่างเมื่อพระองค์ทาบทับกายลงบนเรือนร่างขาวซีด
“ที่จริงคงเป็นข้าที่ควรตาย...”หัตถ์ใหญ่ปลดสายรัดเอวออกเชื่องช้า
“อื้อ...อื้อ”เสียงอื้ออึงราวกับจะประท้วง อยากที่จะปัดปกป้องแต่มือก็ถูกพันธนาการจนหมดหนทาง
“คิดว่าข้าจะทำอะไรงั้นรึ...ในเมื่อข้าอยากให้เจ้าเจ็บปวด”ตรัสพลางซุกไซร้พระนาสิกโด่งลงกับซอกคอหอมกรุ่น
ร่างบางดิ้นแทบจะทันทีเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิด...
มันต้องไม่เป็นแบบนี้!! ไม่ใช่แบบนี้...ทั้งที่คอยหลบเลี่ยงมันมาตลอดแท้ๆ
ไม่!!!
“นิ่ง!!”ทรงตวาดเสียงลั่นกับร่างที่คอยจะพลิ้วบิดหลบไอร้อนที่คลอเคลียที่ซอกหู หากแต่ร่างบางก็ใช่ว่าจะฟัง ในสมองสั่งเพียงให้ดิ้นรนจากการกระทำที่แสนจะรังเกียจ
ความทรงจำเมื่อครั้งมืดมนกับชายหนุ่มร่างใหญ่ทั้งหลายหวนเข้ามาในความคิด แม้ไม่ได้รสหากแต่ความขื่นที่สัมผัสมากลับแล่นริ้วขึ้นจนจุกแน่นไปทั่วทั้งคอ
ประท้วงทั้งการดิ้นรนและเสียงแต่ก็ไม่ได้ยับยั้งอะไรกับคนที่พยายามจะจับรวบทั้งกายให้อยู่เฉยเช่นต้องการ
เมื่อเห็นว่ารางบางไม่มีทีท่าว่าจะอยู่เฉย หมัดหนักจึงกระแทกลงกับท้องน้อยเสียจนร่างข้างใต้จุกแอ่กแอ่นตัวงอ
“อั่ก!!”เสียงมีหลุดรอดเพียงเล็กน้อยก่อนจะไม่มีเล็ดออกมาอีก ทั้งร่างแน่นิ่งยอมให้สัมผัสร้อนไล่ระไปทั่วร่าง
ความเย็นวาบจากเบื้องล่างสื่อว่ากางเกงผ้าถูกถอดออกไปแล้ว ตามด้วยความอุ่นร้อนครอบครองทั้งหมดจากจุดรวมความรู้สึก
น้ำตาใสไหลไม่หยุดกับความอึดอัดที่เริ่มเข้าเกาะกุมไปทั้งความรู้สึก หากที่มากกว่านั้นคือความแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองได้แม้สักนิด
จากที่ครอบครอง หัตถ์หนาจึงเริ่มจะปรนเปรอความสำราญแก่ร่างด้านล่าง ขยับรุกเร้าจนฟันขาวต้องขบริมฝีปากแดงแน่น ใบหน้าขาวซีดเริ่มซับเลือดสีฝาดจนแดงก่ำ
“อยากให้หยุดหรือต่อดี หืมม์...แจจุง”กระแสเสียงแหบห้าวกระซิบถามข้างริมหูปลุกอารมณ์หวามจากการถูกล่วงเกินให้ยิ่งกระพือโหม
ดั่งว่าความหนาวเย็บโอบล้อมกาย เกร็งยะเยือกจนไม่กล้าจะขยับกาย เพียงกระดิกก็ชาวาบ จำต้องนอนนิ่งเป็นหุ่นให้คนร่างใหญ่กว่ากระทำตามอำเภอใจ
เรียวขาขาวถูกจับตั้งชันกับพื้นเตียงทองอร่ามไว้ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นส่วนน่าอายถูกบดเบียดด้วยความกระดาก หากแต่พระหัตถ์หนาก็กระชากขาขาวให้ออกห่าง ดัชนีเรียวแข็งลูบไล้ช่องทางสีชมพูสดเพียงแผ่วเบากลับไปทำให้ทั้งร่างบอบบางกระตุกเกร็ง พระโอษฐ์แย้มออกเล็กน้อยอย่างว่าสมเพชนักหนากับร่างกายโสโครก
คิดว่าพระองค์ไม่รู้งั้นหรือว่าเหตุใดแจจุงจึงกลัวทหารเสียขนาดนั้น
คิดว่าดูไม่ออก จับต้นชนปลายไม่ถูกหรือไงว่าเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในคุกมืดระหว่างการนำเอาร่างกายหอมหวานชวนลิ้มลองไปกักขัง
แล้วคิดหรือว่าทหารกระหายหิวพวกนั้นจะปล่อยให้เหยื่อหลุดมือไป...เจ้ามันกร้านมากมายแล้ว อย่าเสแสร้งทำเป็นว่ากลัวนักหนากับเรื่องอย่างว่าเลย...คิมแจจุง
“อ...อา”เสียงกระท่อนกระแท่นเพราะพระหัตถ์อุ่นหนายังโอบล้อมร่างกายเอาไว้ ทั้งยังปากก็ถูกปิดเอาไว้เช่นกัน กระตุ้นเร้าอีกไม่นานสายธารโลกีย์ก็เปรอะเปื้อนเสียเต็มสองพระหัตถ์ ยุนโฮเช็ดคราบขาวขุ่นลงกับต้นขาขาวจนมันกลืนไปกับร่างของเจ้าของ แหวกเรียวขาให้อ้าออกกว้างอย่างน่าอายเผยทางรักสีสดที่ปิดแน่นแนบสนิทกัน ดัชนีแลมัชมาสอดพรวดเข้าไปด้านในจนเสียงร้องอื้ออึงดังลั่น ร่างกายเล็กบางกระตุกแรงพร้อมน้ำตาเม็ดใสที่ไหลแล้วไหลอีก
ไยจะต้องสนใจกับอาการเจ็บปวดของคนที่มันทำให้จุนซูต้องจบชีวิต ห่วงอะไรกะอีแค่ความรู้สึกของเชลยต่ำศักดิ์ที่ควรจบชีวิตไปเสียเมื่อ ๒ ปีก่อน
ความรวดร้าวยังแทรกลึกกวาดไปทั่วทั้งโพรงอ่อนนุ่ม จิกลงทึ้งรั้งความหยาบโลนกับร่างกายที่ไร้ทางสู้ยังให้โลหิตไหลลงตามเรียวขาเป็นทางเปรอะเปื้อนถึงข้อพับ
หัตถ์ข้างที่ว่างเคลื่อนลงปลดสายคาดเอวออกร่นกางเกงผ้าเนื้อดีถอดออกทิ้งไปเสีย เผยเห็นร่างกายเต่งตึงในร่มผ้ากับความคับใหญ่โตที่ขยายตัวจนพองโต
ตาคู่สวยมองขนาดใหญ่แล้วใจหายวาบหากแต่ความเจ็บปวดแสบร้อนจากบาดแผลที่ความหยาบกร้านขยับกรีดลากภายในกายทำให้ขยับไม่ได้แม้เพียงนิด ทำได้เพียงส่งเสียงเครือครางยามมันถูกกระชากออกอย่างแรง
เลือดที่เปรอะมาตามพระหัตถ์ไหลรินอย่างหน้ากลัวไม่ได้สะกิดความรู้สึกได้เลยสักนิด
สังเกตบ้างหรือไม่ว่ามันไม่ใช่เลือดจากความรุนแรงเพียงอย่างเดียว
‘สำเร็จกามหาได้ต้องมีเพศสัมพันธ์ไม่’
เรื่องในคุกมืดมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวของที่กำลังเผชิญ
การอ้ารับความใหญ่โตคับพองมาเต็มปากเทียบไม่ได้สักนิดกับความเจ็บปวดขืนใจที่กำลังเจอะเจอ
ความอุ่นร้อนนาบกับช่องทางเลือดซึม ดุนดันอยู่ประเดี๋ยวแล้วกระแทกสุดแรง รั้งไหล่เล็กที่ผวาเฮือกตามความเจ็บปวดที่ได้รับ กดมันให้จมลงไปกับเตียงอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนปลายผลุบเข้าไปเพียงเล็กน้อยทำเอาพระขนงขมวดมุ่นอย่างขัดพระทัยหากแต่ไม่เอะพระทัยแม้สักนิดว่าเพราะเหตุใดช่องทางรักจึงคับแน่น ทุรังแทรกกายเข้าไปในความฝืดเคืองหากชโลมด้วยหยาดโลหิตเสียชุ่มฉ่ำ
ฟันขาวอ้างับผืนผ้าที่ปิดปากแน่น สั่นระริกทั้งกาย เนื้อนวลเต้นตุบๆด้วยความเจ็บ มือทั้งสองกำแน่นกับพันธนาการที่ไม่ได้รับการปลดออก จิกเล็บลงกับเนื้อจนเลือดซิบหากแต่ความเจ็บปวดแสบสันต์ก็ไม่ถ่ายเทไปยังบาดแผลใหม่เลยสักน้อย
การขยับเริ่มต้นคราที่ทั้งกายไปหมด กายเล็กแอ่นรับความใหญ่โต ขยับไปตามจังหวะที่ยุนโฮทรงบรรเลง
ไร้ที่ยึดเหนี่ยว ไร้ที่เกาะกุม ไร้แม้เพียงสิ่งจับดึง
...เจ็บ...
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงเหวี่ยงของฝ่ามือหยาบกร้าน คิมทงฮวาชี้นิ้วสั่นระริกใส่นักฆ่าอันดับต้นที่สั่งการไปแล้วกลับทำการล้มเหลว
นึกถึงคำพูดของปาร์คยูชอนแล้วอดนึกห่วงเลือดเนื้อของตัวเองไม่ได้
คราวนั้นที่ยูชอนหนีออกมาจากคุกมืดโดยการฆ่าทหารแล้วปลอมตัวออกมานั้น ไอ้นักฆ่ามันบอกว่าอนุชาของยุนโฮโปรดนำเอาแจจุงไปเป็นผู้ติดตาม นั่นล่ะทำให้โล่งใจว่าจะไม่มีอันตรายเกิดกับแจจุงหากอยู่กับจุนซูผู้ที่มีใจเมตตามากกว่าเชษฐาเป็นเท่าตัว
แต่!! ไอ้นักฆ่านี่มันก็ทำเสียแผนไปอีกครั้ง
ส่งให้ไปลอบปลงพระชนม์ยุนโฮกลับปลิดชีวิตผู้มีพระคุณของลูกชายเสีย มันน่าฆ่ามันเสียจริง...
ป่านนี้แจจุงคงโดนกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิด ทั้งที่ร่างบางไม่ได้รู้เรื่องของบิดาเลยตั้งแต่เกิดการก่อกบฏครั้งนั้น
“ข้าให้โอกาสเจ้า...ไปพาตัวแจจุงออกมาให้ได้ ไม่อย่างนั้น...ไสหัวไปไหนก็ไปแล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก”ดั่งประกาศิตที่คนอย่างปาร์คยูชอนต้องทำตามคำสั่งของคิมทงฮวาด้วยไม่มีข้อโต้แย้ง
จะทำอย่างไรได้เมื่อข้างกายของคิมทงฮวายังมีปาร์คเยจินผู้เป็นมารดายืนอยู่
นางดูจะไม่สนใจแม้สักนิดหากลูกชายจะไปจากนางเสียจริง...ในเมื่อใจนางคิดถึงแต่คิมทงฮวาเพียงเท่านั้น
คิมแจจุงนอนคว่ำตะแคงข้างศีรษะมองแสงสว่างจ้าที่สาดเข้ากระทบบางส่วนในห้องบรรทม นกกระจิบตัวจ้อยที่เคยมองยามนั่งริมหน้าต่างบานที่คุ้นเคยส่งเสียงจิ๊บๆพลางต่างก็ไซร้ขนนิ่มของกันและกัน
สมองว่างเปล่ารับรู้เพียงเสียงนกตัวเล็กกับกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้ง บาดแผลที่ฉีกขาดทวีความรวดร้าวทุกครั้งที่ขยับกายแต่ก็ยังจะฝืนขยับ หลีกไปให้ไกลจากวรกายข้างๆที่หายพระทัยอย่างสม่ำเสมอ
ถูกปล่อยเป็นอิสระจากทุกอย่างเมื่อความทรมานอันยาวนานถูกปลดปล่อยออกมาเป็นธารคาว ราวครึ่งชั่วโมงที่แสนจะยาวนาน...เฝ้าอ้อนวอนให้มันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ร่างกายบอบช้ำค่อยเคลื่อนลงจากเตียงทอง พยายามลากสังขารไปยังกางเกงผ้าของตัวเองที่ถูกโยนไปยังพื้นด้านล่าง มือเล็กคว้าเอาเสื้อแล้วสวมลงร่างอย่างยากลำบาก ดวงเนตรคู่โตเหมองพระพักตร์คมของฝ่าบาท...ผู้ซึ่งทรมานร่างกายเขา บดขยี้ความบริสุทธิ์จนแหลกเหลว
เสียงสวบสาบดังมาจากข้างหน้าต่างทำให้นกตัวเล็กบินหนีไปเสียแล้ว หากแต่รอยยิ้มกับผุดขึ้นที่ริมฝีปากเห่อช้ำจากการกดจูบลงอย่างรุนแรง
ปาร์คยูชอน...เห็นแล้วว่าเมื่อคืนชายหนุ่มลอบเข้ามาส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาเข้าใจดี
เสียงผิวปากเลียนเสียงกระแตแต้แว๊ดนั่นเองทำให้ร่างบางต้องรีบตื่นให้ทันก่อนที่ยุนโฮจะได้สติ
ใบหน้าขาวซีดโผล่พ้นหน้าต่างมา...ใช่เขาจริงๆ ปาร์คยูชอน
ยูชอนเหล่สายตาประเมินรอยเลือดดวงใหญ่บนผืนผ้าปูเตียงก่อนจะกระโดดสวบเข้าไปในห้องอย่างเบากริบ อุ้มร่างบางเข้าไว้ในอ้อมกอดแล้วพาออกทางหน้าต่างอย่างตอนเขามา ผ่านทหารยามที่หลอดลมขาดสะบั้นทั้งสี่คนไปแล้วหายลับกับแนวป่าเขียวชอุ่มรอบเขตวังหลวง
‘ข้าไม่สนแล้วว่ายูชอนจะเป็นเจ้าของลูกธนูดอกนั้นรึไม่ หากแต่ตอนนี้...ขอเพียงได้หนีไป หนีไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะลางสังหรณ์ของข้าบอกว่า...เรื่องร้ายกำลังจะมาเยือน...
TBC. In part III
ความคิดเห็น