ลำดับตอนที่ #16
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ตอนที่16 การเปลี่ยนไป
ตอนที่16 การเปลี่ยนไป
ยงกุกรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะวันนี้เขาจะได้กลับไปเรียน ในใจตั้งคำตอบไว้รอคำถามมากมายที่คงพุ่งเป้าเข้ามาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อนแน่ๆ
แล้วเขาควรจะทำยังไงดีกับคิมฮิมชาน
แค่เพียงเดินเข้าคณะ คนก็มองมาที่ยงกุกกันเป็นแถว บางคนกระซิบกระซาบนินทากันซึ่งหน้า แต่ยงกุกเลือกที่จะกัดฟันเดินผ่านมันมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคิมฮิมชาน...ว่าทนมาได้ยังไง
ทำยังไง ถึงจะผ่านมันไป ทำไม...ต้องกลายเป็นคนที่แสนจะเย็นชา เฉยเมยต่อทุกอย่างรอบตัว
“เฮ้!!กลับมาเสียทีนะเว้ย เป็นไง ฝึกงานสนุกป่ะ ฮ่าๆๆ”แจบอมทักยงกุกเป็นคนแรกเมื่อยงกุกเดินเข้าไปในคลาส เพื่อนๆเริ่มมารุมล้อมถามโน่นนี่กันมากขึ้น เขาทำได้เพียงยิ้มแห้งๆกลับไปบอกว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทุกคน
สายตากวาดไปบริเวณที่คิดว่าฮิมชานจะนั่งอยู่ แล้วก็ต้องเจอร่างบางจริงๆ ฮิมชานนั่งมองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย
..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกลัวลนลาน แต่วันนี้ เขาเลือกที่จะจ้องตากลับไป
“เรารักกันไม่ใช่เหรอ”
คำนี้ผุดขึ้นมาในสมองทันที...เขา..ควรตัดสินใจยังไง เดินเข้าไปหาฮิมชานในฐานะคนรัก หรือตัดตัวเองออกมาทันทีแล้วไม่สนใจคนโรคจิตคนนั้นอีก
แต่มองเข้าไปในตานั้นสิ..วูบไหวเหรอ ไม่มั่นใจอะไรสักอย่างใช่ไหม...แววตาของฮิมชานมันบอกอย่างนั้น
ยงกุกคลี่ยิ้ม...ตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆทั้งคลาสที่มองตาม ก่อนจะวางเป้ลงโต๊ะข้างๆฮิมชาน “อรุณสวัสดิ์...ฮิมชาน”
ทำไม...
ทั้งที่คิดไว้ว่ายงกุกอาจจะไม่ทำตามที่สัญญากันไว้ ชายหนุ่มควรจะทิ้งเขาไปสิ...ทำไม...ยังกลับมา
“ทำไมไม่หนีกันไป...ไม่กลัวฉันจับนายไปขังไว้ที่บ้านอีกเหรอ”เสียงทุ้มแหบถาม ยงกุกนั่งลงข้างฮิมชาน มือหนาจับมือที่วางนิ่งกุมก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ในใจฮิมชานสั่นไหวรุนแรง
อย่าพูดได้ไหม ถ้านายไม่ได้รู้สึก...ใจดวงนี้เจ็บปวดเป็นนะ
“เรารักกันไม่ใช่เหรอ”
การเรียนวันนี้ผ่านไป ยงกุกตอบทุกคำถามที่เพื่อนรุมถาม เช่น สนุกไหม เป็นยังไง ยากไหม ก็อย่างว่า เด็กปีสองกำลังจะขึ้นปีสามย่อมอยากรู้ว่าการฝึกงานเป็นยังไง เพื่อรอเวลาไปฝึงจริงด้วยตัวเอง
ยงกุกมั่วแหลกทุกคำตอบออกไป ทำตีหน้าเนียน ยิ้มแย้มบอกว่าสนุกหนักหนา สะดวกสบายแค่ติดต่อใครไม่ได้เท่านั้นทั้งที่ความจริงเขาไมเคยรุ้ด้วยซ้ำว่าการฝึกงานเป็นอย่างไร
ถึงเวลากลับบ้าน ยงกุกคิดว่าวันนี้ควรจะไปที่ผับทีเอสเสียที ไอ้จุนฮงต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆถ้าเจอเขา หันไปมองฮิมชานที่ยั่งนั่งอยู่ที่ขอตัวเองชายหนุ่มจึงเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ร่างบางไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้ “ไปผับที่ฉันทำงานไหม...”
วินาทีนั้นฮิมชานไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มคิดอะไร แต่ขาเล็กก็เดินตามอีกคนไปโดยไม่มีข้อแม้
ทั้งวัน...เขาเหมือนไม่เป็นตัวเอง แค่เพราะคำคำนั้น “เรารักกันไม่ใช่เหรอ"
ชเวจุนฮงกระดดดโลดเต้นเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทกลับมาเยือนที่ผับที่ทำงาน หลังจากข่าวว่าไปฝึกงานปรับเกรด ติดต่อก็ไม่ได้ แต่เด็กน้อยก็ต้องฝีเท้าที่จะวิ่งไปกระโดดขี่คอยงกุกเมื่อเห็นว่ามีใครสักคนเดินตามร่างสูงเข้ามาด้วย
จุฮงมองชะเง้อไป เห็นว่าเป็นชานหน้าสวย ดูเมินเฉยกับสิ่งรอบตัว แววตาเฉยชา ทว่าครู่เดียวก็ปราดมามองจุนฮงนิ่งจนต้องหลบหน้าหนี
น่ากลัวชะมัดยาด...
ยงกุกพาฮิมชานไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้กับแผงควบคุม จากนั้นจึงไปทักทายพี่ๆในผับที่ไม่ได้เจอกันเสียนานแล้วมาประจำที่เครื่องมือทำงานของตัวเอง เช็คความเจ๋งของเครื่องโดยการสแครชเพียงเบาๆ
“นั่นใครน่ะ”กระซิบถามคนพี่แล้วยังแอบมองอีกด้วย ยงกุกเหลียวไปมองคนที่กำลังสนใจภายในร้านอยู่แล้วหัวเราะ
ฮิมชานกลายเป็นคนสนสิ่งรอบข้างขั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...แต่ก็ดีแล้ว ยงกุกคิดว่าบางที...ฮิมชานอาจจะหายจากอาการโรคจิตที่เป็นอยู่ก็ได้
“แฟนมั้ง”ไอ้น้องมันอ้าปากค้างทันทีที่คนเป็นพี่พูดจบ เกาะแข้งเกาะขาพี่ใหญ่ถามว่าไปสอยมาจากไหน หน้าตาดูน่ากลัวพิลึกพิลั่น ยงกุกยิ้มก่อนจะยีหัวน้องน้อยๆ
“บางที...เราก็ตัดสินใจใครแค่ที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ไม่ได้หรอกนะ”เหมือนเขา ที่เคยบอกว่าฮิมชานน่ากลัว และแสนจะเกลียดรอยยิ้มที่ฮิมชานมี เมื่อรู้ว่าทำไมร่างบางจึงเป็นอย่างนั้นก็ยังอดสูกับเรื่องที่อีกคนต้องเจอไม่ได้
“แล้วตกลงแฟนพี่จริงๆเหรอ”จุนฮงยังไม่เลิกถาม เด็กหนุ่มดูจะประหลาดใจมากๆที่พี่ชายจะมีแฟน ยงกุกหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบน้องเสียงงอผ่ว
“เขารักฉัน เรารักกัน...แต่ฉันไม่ได้รักเขาเลย”
ผับปิดเมื่อถึงเวลาตีสอง ยงกุกเห็นว่าฮิมชานหลับไปเสียแล้ว หัวสวยพิงกำแพงไว้ ในขณะที่สองแขนกอดกระเป๋าเป้ไว้...บางทีคิมฮิมชานก็มีมุมที่น่าเอ็นดูนะ ชายหนุ่มสะกิดแขนอีกคนให้ตื่น ฮิมชานลืมตาขึ้นมาก่อนจะขยับปากถาม “เสร็จแล้วเหรอ”
ยงกุกพยักหน้าก่อนจะฉุดข้อมือเล็กให้ลุกขึ้น หันไปกล่าวลาพี่ๆทุกคนแล้วพอร่างบางออกไป
จุนฮงที่รีบเก็บของตามพี่จะออกไปด้วยกันถึงกับหน้าคว่ำ เพิ่งกลับมาวันแรกก็อยากจะเดินคุยตอนกลับบ้านแท้ๆ...กลับคนเดียวอีกแล้วสิ
ฮิมชานมองแผ่นหลังที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ความรู้สึกในใจตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังอ่อนแอมากจนแทบจะไม่มีแรงก้าวเดินต่อ แต่ที่ขายังขยับเหมือนมันเดินไปนอกเหนืออำนาจของจิตใจเท่านั้น
เขา...สับสน
คิดว่าคิดถูกแล้วที่ปล่อยยงกุกมา แต่ทำไม...คนคนนี้ถึงไม่หนีจากเขาไป เขาทำใจไว้แล้วว่าบังยงกุกต้องออกไปจากชีวิตของเขา...ทำไมถึงยังอยู่ มาทำดีกันอีกทำไม
บอกรักกันอีกทำไม...
คิมฮิมชานไม่อยากจะแล้งโง่อีกแล้ว แม้ว่าจะสุขใจแค่ไหนที่ได้ฟังคำว่ารักจากปากของยงกุก ความเจ็บปวดที่ต้องหลอกตัวเองมันก็เพิ่มพูนขึ้นมาเหมือนกัน
“เดี๋ยว”เสียงทุ้มแหบเรียกไว้ ยงกุกหันกลับมามองอีกคนที่ยืนก้มหน้า ฮิมชานถอนหายใจเฮือกใหญ่
ไม่อยากทำร้ายตัวเองด้วยการเป็นคนโง่อีกแล้ว...อยากจะไป จะปล่อยไป ปล่อยนายจริงๆเสียทีนะบังยงกุก
“เลิกยุ่งกับฉันเสียทีได้ไหม...เลิกหลอกฉันเสียที”
ยงกุกฟังคำนั้นด้วยความไม่เข้าใจ...
“นายรู้”
เสียงทุ้มแผ่วเบาทว่าคนฟังได้ยินชัดเจน ฮิมชานเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนที่ดวงตาวูบไหวจะหลบหนียงกุก ตอนนี้ฮิมชานอ่อนแอเกินไป อ่อนแอเพราะบังยงกุก...
“ใช่ ฉันรู้ รู้มาตลอด...คิดว่านายแสดงเก่งมากงั้นเหรอ??”คำถามจี้เข้าที่ใจของยงกุก ชายหนุ่มหัวเราะเฝื่อนในลำคอ...เขา...
ไม่ได้ชนะเลยสักนิด
ไม่ใช่เพราะทำให้ฮิมชานหลงเชื่อตัวเองจนให้ตัวเองออกมาได้ แต่เพราะ...ฮิมชานต้องการจะปล่อยเขาไปเองต่างหาก
“เบื่อแล้วเหรอ...ไม่รักฉันแล้วหรือไง”เป็นคำถามที่จี้ใจฮิมชานบ้างแล้ว ร่างบางกืนก้อนสะอึกที่จุกแน่นในลำคอ พยายามกัดปากกลั้นอารมณ์ของความอ่อนแอที่ยิ่งประทุขึ้นมาเต็มตื้น
...ทำไมจะไม่รัก...
นายต่างหากที่ไม่รักฉัน...บังยงกุก
“ไม่รักแล้ว ฉันเพิ่งรู้ว่านายมันก็ไม่ได้มีอะไรดี...รู้เรื่องที่ฉันแอบรักนายตอนม.ปลายแล้วสินะ..นั่นน่ะ......ความผิดพลาดในชีวิตฉันเลย”
ทนฝืนบอกไปตรงข้ามหัวใจ เพราะไม่อยากจะโดนหลอก ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว พอเสียทีได้ไหม
เรากลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันให้ฉันได้มองหานายอย่างเดียวก็พอนะบังยงกุก
ยงกุกขบฟันแน่น..ผิดพลาดงั้นเหรอ
ไม่น่าสงสารคนๆนี้ คนโรคจิตคนนี้ที่มองความรักเป็นเรื่องอะไรเล็กน้อย ทุ่มเทความรักให้ใครสักคนแล้วมาบอกว่ามันเป็นความผิดพลาด
เหอะ!!
“นาย...น่าจะตายๆไปตั้งแต่โดนข่มขืนนั่นนะ...”
“..”
“ฉันหลงผิดคิดว่าเพราะนายมาตามฉัน นายถึงโดนข่มขืนจนกลายเป็นคนเก็บกดโรคจิต”
“..”
“ก็ถ้าการรักฉันมันเป็นความผิดพลาด...การที่นายเป็นไอ้บ้าโรคจิตกระหายเซ็กซ์อย่างนี้มันก็เป็นเพราะตัวนายเองแล้วล่ะ คิมฮิมชาน!!!”ยงกุกกระแทกเสียงใส่คนที่ยืนนิ่ง ฮิมชานกัดปากตัวเองจนเลือดไหลเพื่อนกลั้นมันเอาไว้ กลั้นน้ำตาเอาไว้..
สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เมื่อแผ่นหลังกว้างหมุนกลับแล้วเดินห่างออกไป น้ำตาเม็ดใสก็ไหลลงมาอาบแก้มนวล
เขา...คงเป็นคนบ้า โรคจิต เป็นแค่ตัวกระหายเซ็กซ์ในสายตายงกุก...
ขาเรียวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เสียงพูดคุยของชายหนุ่มหลายคนดังเข้ามาใกล้ก่อนจะมีเสียงโห่แซวดังขึ้น ผู้ชายร่างสูงใหญ่สามถึงสี่คนมาล้อมหน้าล้อมหลังฮิมชานไว้...ก่อนที่จะฉุดกระชากร่างบางเข้าตรอกแคบๆแถวนั้น
น้ำตายังไหลริณ เสื้อผ้าถูกเปลื้องออกโดยที่ร่างบางไม่ได้อุทรณ์ใดๆ ร่างกายถูกกระทำย่ำยีเยี่ยงถูกสัตว์ป่ากัดกิน
เหตุการณ์มันเหมือนจะฉายซ้ำกับเมื่อ4ปีที่แล้ว เสียงกรีดร้องของตัวเอง เสียงครางเร่าของผู้ชายพวกนั้นมันดังในหัว
น้ำตายังรินไหล ภาพในอดีตก็ไหลย้อน
ปวดหัว ปวดหัวไปหมด...ฮิมชานสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างกายถูกยัดเยียดบางอย่างเข้ามาจนฉีกขาด เสียงแหบกรีดลั่นเมื่อภาพในหัวยังฉายซ้ำอยู่อย่างนั้น ร้องโวยวายให้ปล่อยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ ความเจ็บจุกทำให้ดิ้นรนอย่างช่วยไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจหลุดพ้น...
ในความคิดต้องการสักคนที่มาช่วย แล้วนๆนั้นก็เป็นคนเดียวกับที่เคยต้องการเมื่อ4ปีที่แล้ว
“บังยงกุก”
ทีบีซี.
ยงกุกรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะวันนี้เขาจะได้กลับไปเรียน ในใจตั้งคำตอบไว้รอคำถามมากมายที่คงพุ่งเป้าเข้ามาหาเขาอย่างไม่หยุดหย่อนแน่ๆ
แล้วเขาควรจะทำยังไงดีกับคิมฮิมชาน
แค่เพียงเดินเข้าคณะ คนก็มองมาที่ยงกุกกันเป็นแถว บางคนกระซิบกระซาบนินทากันซึ่งหน้า แต่ยงกุกเลือกที่จะกัดฟันเดินผ่านมันมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาเริ่มเข้าใจความรู้สึกของคิมฮิมชาน...ว่าทนมาได้ยังไง
ทำยังไง ถึงจะผ่านมันไป ทำไม...ต้องกลายเป็นคนที่แสนจะเย็นชา เฉยเมยต่อทุกอย่างรอบตัว
“เฮ้!!กลับมาเสียทีนะเว้ย เป็นไง ฝึกงานสนุกป่ะ ฮ่าๆๆ”แจบอมทักยงกุกเป็นคนแรกเมื่อยงกุกเดินเข้าไปในคลาส เพื่อนๆเริ่มมารุมล้อมถามโน่นนี่กันมากขึ้น เขาทำได้เพียงยิ้มแห้งๆกลับไปบอกว่า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังทุกคน
สายตากวาดไปบริเวณที่คิดว่าฮิมชานจะนั่งอยู่ แล้วก็ต้องเจอร่างบางจริงๆ ฮิมชานนั่งมองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย
..ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะกลัวลนลาน แต่วันนี้ เขาเลือกที่จะจ้องตากลับไป
“เรารักกันไม่ใช่เหรอ”
คำนี้ผุดขึ้นมาในสมองทันที...เขา..ควรตัดสินใจยังไง เดินเข้าไปหาฮิมชานในฐานะคนรัก หรือตัดตัวเองออกมาทันทีแล้วไม่สนใจคนโรคจิตคนนั้นอีก
แต่มองเข้าไปในตานั้นสิ..วูบไหวเหรอ ไม่มั่นใจอะไรสักอย่างใช่ไหม...แววตาของฮิมชานมันบอกอย่างนั้น
ยงกุกคลี่ยิ้ม...ตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆทั้งคลาสที่มองตาม ก่อนจะวางเป้ลงโต๊ะข้างๆฮิมชาน “อรุณสวัสดิ์...ฮิมชาน”
G•O•I•N•G•C•R•A•Z•Y
ทำไม...
ทั้งที่คิดไว้ว่ายงกุกอาจจะไม่ทำตามที่สัญญากันไว้ ชายหนุ่มควรจะทิ้งเขาไปสิ...ทำไม...ยังกลับมา
“ทำไมไม่หนีกันไป...ไม่กลัวฉันจับนายไปขังไว้ที่บ้านอีกเหรอ”เสียงทุ้มแหบถาม ยงกุกนั่งลงข้างฮิมชาน มือหนาจับมือที่วางนิ่งกุมก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ในใจฮิมชานสั่นไหวรุนแรง
อย่าพูดได้ไหม ถ้านายไม่ได้รู้สึก...ใจดวงนี้เจ็บปวดเป็นนะ
“เรารักกันไม่ใช่เหรอ”
การเรียนวันนี้ผ่านไป ยงกุกตอบทุกคำถามที่เพื่อนรุมถาม เช่น สนุกไหม เป็นยังไง ยากไหม ก็อย่างว่า เด็กปีสองกำลังจะขึ้นปีสามย่อมอยากรู้ว่าการฝึกงานเป็นยังไง เพื่อรอเวลาไปฝึงจริงด้วยตัวเอง
ยงกุกมั่วแหลกทุกคำตอบออกไป ทำตีหน้าเนียน ยิ้มแย้มบอกว่าสนุกหนักหนา สะดวกสบายแค่ติดต่อใครไม่ได้เท่านั้นทั้งที่ความจริงเขาไมเคยรุ้ด้วยซ้ำว่าการฝึกงานเป็นอย่างไร
ถึงเวลากลับบ้าน ยงกุกคิดว่าวันนี้ควรจะไปที่ผับทีเอสเสียที ไอ้จุนฮงต้องร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ๆถ้าเจอเขา หันไปมองฮิมชานที่ยั่งนั่งอยู่ที่ขอตัวเองชายหนุ่มจึงเดินไปคว้ากระเป๋าเป้ร่างบางไว้ก่อนจะส่งยิ้มให้ “ไปผับที่ฉันทำงานไหม...”
วินาทีนั้นฮิมชานไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มคิดอะไร แต่ขาเล็กก็เดินตามอีกคนไปโดยไม่มีข้อแม้
ทั้งวัน...เขาเหมือนไม่เป็นตัวเอง แค่เพราะคำคำนั้น “เรารักกันไม่ใช่เหรอ"
G•O•I•N•G•C•R•A•Z•Y
ชเวจุนฮงกระดดดโลดเต้นเมื่อเห็นพี่ชายคนสนิทกลับมาเยือนที่ผับที่ทำงาน หลังจากข่าวว่าไปฝึกงานปรับเกรด ติดต่อก็ไม่ได้ แต่เด็กน้อยก็ต้องฝีเท้าที่จะวิ่งไปกระโดดขี่คอยงกุกเมื่อเห็นว่ามีใครสักคนเดินตามร่างสูงเข้ามาด้วย
จุฮงมองชะเง้อไป เห็นว่าเป็นชานหน้าสวย ดูเมินเฉยกับสิ่งรอบตัว แววตาเฉยชา ทว่าครู่เดียวก็ปราดมามองจุนฮงนิ่งจนต้องหลบหน้าหนี
น่ากลัวชะมัดยาด...
ยงกุกพาฮิมชานไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งใกล้กับแผงควบคุม จากนั้นจึงไปทักทายพี่ๆในผับที่ไม่ได้เจอกันเสียนานแล้วมาประจำที่เครื่องมือทำงานของตัวเอง เช็คความเจ๋งของเครื่องโดยการสแครชเพียงเบาๆ
“นั่นใครน่ะ”กระซิบถามคนพี่แล้วยังแอบมองอีกด้วย ยงกุกเหลียวไปมองคนที่กำลังสนใจภายในร้านอยู่แล้วหัวเราะ
ฮิมชานกลายเป็นคนสนสิ่งรอบข้างขั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...แต่ก็ดีแล้ว ยงกุกคิดว่าบางที...ฮิมชานอาจจะหายจากอาการโรคจิตที่เป็นอยู่ก็ได้
“แฟนมั้ง”ไอ้น้องมันอ้าปากค้างทันทีที่คนเป็นพี่พูดจบ เกาะแข้งเกาะขาพี่ใหญ่ถามว่าไปสอยมาจากไหน หน้าตาดูน่ากลัวพิลึกพิลั่น ยงกุกยิ้มก่อนจะยีหัวน้องน้อยๆ
“บางที...เราก็ตัดสินใจใครแค่ที่หน้าตาหรือรูปลักษณ์ไม่ได้หรอกนะ”เหมือนเขา ที่เคยบอกว่าฮิมชานน่ากลัว และแสนจะเกลียดรอยยิ้มที่ฮิมชานมี เมื่อรู้ว่าทำไมร่างบางจึงเป็นอย่างนั้นก็ยังอดสูกับเรื่องที่อีกคนต้องเจอไม่ได้
“แล้วตกลงแฟนพี่จริงๆเหรอ”จุนฮงยังไม่เลิกถาม เด็กหนุ่มดูจะประหลาดใจมากๆที่พี่ชายจะมีแฟน ยงกุกหัวเราะเบาๆก่อนจะตอบน้องเสียงงอผ่ว
“เขารักฉัน เรารักกัน...แต่ฉันไม่ได้รักเขาเลย”
ผับปิดเมื่อถึงเวลาตีสอง ยงกุกเห็นว่าฮิมชานหลับไปเสียแล้ว หัวสวยพิงกำแพงไว้ ในขณะที่สองแขนกอดกระเป๋าเป้ไว้...บางทีคิมฮิมชานก็มีมุมที่น่าเอ็นดูนะ ชายหนุ่มสะกิดแขนอีกคนให้ตื่น ฮิมชานลืมตาขึ้นมาก่อนจะขยับปากถาม “เสร็จแล้วเหรอ”
ยงกุกพยักหน้าก่อนจะฉุดข้อมือเล็กให้ลุกขึ้น หันไปกล่าวลาพี่ๆทุกคนแล้วพอร่างบางออกไป
จุนฮงที่รีบเก็บของตามพี่จะออกไปด้วยกันถึงกับหน้าคว่ำ เพิ่งกลับมาวันแรกก็อยากจะเดินคุยตอนกลับบ้านแท้ๆ...กลับคนเดียวอีกแล้วสิ
ฮิมชานมองแผ่นหลังที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ความรู้สึกในใจตอนนี้เหมือนตัวเองกำลังอ่อนแอมากจนแทบจะไม่มีแรงก้าวเดินต่อ แต่ที่ขายังขยับเหมือนมันเดินไปนอกเหนืออำนาจของจิตใจเท่านั้น
เขา...สับสน
คิดว่าคิดถูกแล้วที่ปล่อยยงกุกมา แต่ทำไม...คนคนนี้ถึงไม่หนีจากเขาไป เขาทำใจไว้แล้วว่าบังยงกุกต้องออกไปจากชีวิตของเขา...ทำไมถึงยังอยู่ มาทำดีกันอีกทำไม
บอกรักกันอีกทำไม...
คิมฮิมชานไม่อยากจะแล้งโง่อีกแล้ว แม้ว่าจะสุขใจแค่ไหนที่ได้ฟังคำว่ารักจากปากของยงกุก ความเจ็บปวดที่ต้องหลอกตัวเองมันก็เพิ่มพูนขึ้นมาเหมือนกัน
“เดี๋ยว”เสียงทุ้มแหบเรียกไว้ ยงกุกหันกลับมามองอีกคนที่ยืนก้มหน้า ฮิมชานถอนหายใจเฮือกใหญ่
ไม่อยากทำร้ายตัวเองด้วยการเป็นคนโง่อีกแล้ว...อยากจะไป จะปล่อยไป ปล่อยนายจริงๆเสียทีนะบังยงกุก
“เลิกยุ่งกับฉันเสียทีได้ไหม...เลิกหลอกฉันเสียที”
G•O•I•N•G•C•R•A•Z•Y
ยงกุกฟังคำนั้นด้วยความไม่เข้าใจ...
“นายรู้”
เสียงทุ้มแผ่วเบาทว่าคนฟังได้ยินชัดเจน ฮิมชานเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนที่ดวงตาวูบไหวจะหลบหนียงกุก ตอนนี้ฮิมชานอ่อนแอเกินไป อ่อนแอเพราะบังยงกุก...
“ใช่ ฉันรู้ รู้มาตลอด...คิดว่านายแสดงเก่งมากงั้นเหรอ??”คำถามจี้เข้าที่ใจของยงกุก ชายหนุ่มหัวเราะเฝื่อนในลำคอ...เขา...
ไม่ได้ชนะเลยสักนิด
ไม่ใช่เพราะทำให้ฮิมชานหลงเชื่อตัวเองจนให้ตัวเองออกมาได้ แต่เพราะ...ฮิมชานต้องการจะปล่อยเขาไปเองต่างหาก
“เบื่อแล้วเหรอ...ไม่รักฉันแล้วหรือไง”เป็นคำถามที่จี้ใจฮิมชานบ้างแล้ว ร่างบางกืนก้อนสะอึกที่จุกแน่นในลำคอ พยายามกัดปากกลั้นอารมณ์ของความอ่อนแอที่ยิ่งประทุขึ้นมาเต็มตื้น
...ทำไมจะไม่รัก...
นายต่างหากที่ไม่รักฉัน...บังยงกุก
“ไม่รักแล้ว ฉันเพิ่งรู้ว่านายมันก็ไม่ได้มีอะไรดี...รู้เรื่องที่ฉันแอบรักนายตอนม.ปลายแล้วสินะ..นั่นน่ะ......ความผิดพลาดในชีวิตฉันเลย”
ทนฝืนบอกไปตรงข้ามหัวใจ เพราะไม่อยากจะโดนหลอก ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว พอเสียทีได้ไหม
เรากลับไปเป็นคนไม่รู้จักกันให้ฉันได้มองหานายอย่างเดียวก็พอนะบังยงกุก
ยงกุกขบฟันแน่น..ผิดพลาดงั้นเหรอ
ไม่น่าสงสารคนๆนี้ คนโรคจิตคนนี้ที่มองความรักเป็นเรื่องอะไรเล็กน้อย ทุ่มเทความรักให้ใครสักคนแล้วมาบอกว่ามันเป็นความผิดพลาด
เหอะ!!
“นาย...น่าจะตายๆไปตั้งแต่โดนข่มขืนนั่นนะ...”
“..”
“ฉันหลงผิดคิดว่าเพราะนายมาตามฉัน นายถึงโดนข่มขืนจนกลายเป็นคนเก็บกดโรคจิต”
“..”
“ก็ถ้าการรักฉันมันเป็นความผิดพลาด...การที่นายเป็นไอ้บ้าโรคจิตกระหายเซ็กซ์อย่างนี้มันก็เป็นเพราะตัวนายเองแล้วล่ะ คิมฮิมชาน!!!”ยงกุกกระแทกเสียงใส่คนที่ยืนนิ่ง ฮิมชานกัดปากตัวเองจนเลือดไหลเพื่อนกลั้นมันเอาไว้ กลั้นน้ำตาเอาไว้..
สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เมื่อแผ่นหลังกว้างหมุนกลับแล้วเดินห่างออกไป น้ำตาเม็ดใสก็ไหลลงมาอาบแก้มนวล
เขา...คงเป็นคนบ้า โรคจิต เป็นแค่ตัวกระหายเซ็กซ์ในสายตายงกุก...
ขาเรียวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เสียงพูดคุยของชายหนุ่มหลายคนดังเข้ามาใกล้ก่อนจะมีเสียงโห่แซวดังขึ้น ผู้ชายร่างสูงใหญ่สามถึงสี่คนมาล้อมหน้าล้อมหลังฮิมชานไว้...ก่อนที่จะฉุดกระชากร่างบางเข้าตรอกแคบๆแถวนั้น
น้ำตายังไหลริณ เสื้อผ้าถูกเปลื้องออกโดยที่ร่างบางไม่ได้อุทรณ์ใดๆ ร่างกายถูกกระทำย่ำยีเยี่ยงถูกสัตว์ป่ากัดกิน
เหตุการณ์มันเหมือนจะฉายซ้ำกับเมื่อ4ปีที่แล้ว เสียงกรีดร้องของตัวเอง เสียงครางเร่าของผู้ชายพวกนั้นมันดังในหัว
น้ำตายังรินไหล ภาพในอดีตก็ไหลย้อน
ปวดหัว ปวดหัวไปหมด...ฮิมชานสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างกายถูกยัดเยียดบางอย่างเข้ามาจนฉีกขาด เสียงแหบกรีดลั่นเมื่อภาพในหัวยังฉายซ้ำอยู่อย่างนั้น ร้องโวยวายให้ปล่อยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะสำเร็จ ความเจ็บจุกทำให้ดิ้นรนอย่างช่วยไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจหลุดพ้น...
ในความคิดต้องการสักคนที่มาช่วย แล้วนๆนั้นก็เป็นคนเดียวกับที่เคยต้องการเมื่อ4ปีที่แล้ว
“บังยงกุก”
ทีบีซี.
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น