คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Dark Zone รักร้ายๆ หัวใจซ่อนรัก :: Ch. 1 POPEYE
1
POPEYE
“เอาละครับน้องๆ มาครบกันหรือยังครับ ถ้ามาครบ...” รุ่นพี่หัวโล้นที่น่าจะเป็นประธานชั้นปีสองเดินออกไปข้างหน้า แล้วปรบมือเสียงดังสองสามทีเป็นสัญญาณให้เงียบ แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจหรอก เพราะคนที่เสียงดังไม่ใช่ฉันสักหน่อย ที่เสียงดังก็เป็นพวกแก๊งสาวๆ แถวหน้านู้นหรอกที่จ้ออะไรกันก็ไม่รู้ คุยกันอย่างกับรู้จักกันมาสามชาติทั้งๆ ที่ก็เพิ่งจะมาเจอกันได้สัก...สิบห้านาทีนี่เอง
เฮ้อ... ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อๆ คิดผิดหรือเปล่านะที่สอบเข้ามหา’ลัยไกลบ้านอย่างนี้ ดูสิมองไปทางไหนก็ไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย ฉันไม่หน้ารั้นที่จะมาเรียนที่กรุงเทพเลย เรียนที่เชียงใหม่อย่างที่พ่อกับแม่บอกแต่แรกก็คงจะดี แล้วฉันยิ่งเป็นพวกเด๋อด๋าๆ อีกด้วยคงไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ใช่ไหมว่ากว่าจะมาอยู่ตรงนี้ได้ ฉันขึ้นรถเมล์ผิดสายมาไม่ต่ำกว่าห้าสายแล้ว น่าอายชะมัดเลย T^T
“น้องๆ ครับ เดี๋ยวพี่จะแจกป้ายชื่อนะครับ แต่ว่าถ้าแจกง่ายๆ มันก็คงง่ายไปใช่ไหม เพราะอย่างนั้นเราจึง...” เสียงพี่โล้นเรียกความสนใจจากนิสิตปีหนึ่งโดยการเต้นแร้งเต้นกาไปด้วย เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร “จะให้น้องๆ ออกมาแนะนำตัวทีละคน โดยต้องเต้นประกอบเป็นเพลงดังตัวอย่างนี้เลยครับ” พี่หัวโล้นแกพล่ามจบก็มีพี่ผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสอย่างกับไฟงานวัดออกมาข้างหน้า
“3 4 น้องชื่ออะไรๆ น้องชื่อแมวเหมียว น้องชื่อแมวเหมียว ท่าของน้องอย่างนี้ๆ” พอเสียงกลองรัวพี่ผู้หญิงคนนั้นแกก็โยกย้ายส่ายสะโพกราวกับว่ามีวิญญาณของใบเตยสิงอยู่ยังไงยังงั้น
กรี๊ดดดดดด
โฮ ฮิ้วววววว
เสียงโห่แซวจากทั้งรุ่นพี่ละรุ่นน้องดังระงม หลังจากที่พี่แมวเหมียวเต้นสาธิตเสร็จ ส่วนฉันก็กลืนน้ำลายลงคอแทบไม่ได้ ไม่นะ...ฉันไม่เคยเต้นแร้งเต้นกาอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยย ฉะ...ฉันทำไม่ได้หรอก!
“ออกมาทีละแถวเลยนะค่ะน้องๆ” เสียงเร่งของรุ่นพี่ยิ่งฉันให้ฉันเครียดหนัก ยิ่งเห็นเพื่อนๆ ค่อยๆ ออกไปเต้นทีละคนๆ จนสุดท้ายก็เหลือแค่แถวของฉัน “น้องๆ แถวสุดท้ายลุกเลยค้า” ฉันจำใจต้องลุกขึ้นเดินออกไปหน้าแถวอย่างเลี่ยงไม่ได้ บ้าจิงฉันจะเต้นท่าอะไรได้นิ อยู่โรงเรียนฉันเป็นเด็กที่เอากิจกรรมที่ไหนละ แค่ลำพังเรื่องเรียนฉันยังไม่ค่อยจะรอดอยู่แล้ว การต้องออกมาเป็นเป้าสายตาของคนเป็นสิบๆ อย่างนี้มันไม่ชินเอาซะเลย
“น้องชื่ออะไรๆ น้องชื่อ...”
เสียงกลองเริ่มรัวเป็นจังหวะเพลง เพื่อนในแถวอีกสามคนที่ออกมาพร้อมกันเริ่มโยกย้ายไปตามเพลงเหลือแต่ฉันคนเดียวที่ยืนแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
“น้องชื่ออะไรๆ น้องชื่อลูกพีช น้องชื่อลูกพีช ท่าน้องของอย่างงี้ๆ” ฉันหันไปมองผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่ออกไปเต้นท่าของหญิงลีเรียกเสียงปรบมือจากรุ่นพี่ได้เป็นพรวน เต้นเสร็จเธอก็กลับมายืนข้างๆ ฉัน นั่นก็แสดงว่าคนต่อไปที่ต้องเต้นท่าบ้าๆ นั่นก็ฉันแล้วสินะ เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน....
“น้องชื่ออะไรๆ น้องชื่อป๊อปอาย น้องชื่อป๊อปอาย ท่าของข้องอย่างนี้ๆ” ฉันหลับหูหลับตาออกไปเต้นๆ ให้มันเสร็จไป แล้วปฏิกิริยาตอบรับของทุกคนตอนที่เห็นท่าฉันของฉันก็คือ...
โห่...
เด็กว่ะ
ตลกอ่ะเธอดูสิ เต้นท่าส่ายก้นอย่างกับหลานฉันที่อยู่อนุบาลเลย
เต้นเสร็จฉันก็รีบกลับเข้าไปยืนที่เดิม โดยไม่กล้าหันขึ้นไปมองคนอื่นๆ ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์ท่าเต้นสุดสิ้นคิดของฉันกันอย่างขบขัน
“จะโห่ จะแหกปากเรียกหาอากงพวกเธอหรือไงห๊ะ??” เสียงสาวสวยผมบ๊อบสั้นที่อยู่ข้างๆ กับฉันแหวขึ้นเสียงดัง จนพวกที่นั่งอยู่ข้างในแถวพากันหุบปากสนิท “ไปกันเถอะกิจกรรมบ้าบออะไรก็ไม่รู้ น่าเบื่อชิบเลย” อยู่ๆ ฉันก็โดนลากออกมาจากลานกิจกรรมนั่นอย่างงงๆ ฉันก้าวเท้าตามแรงฉุด เสียงของรุ่นพี่ตะโกนตามหลังเรามาไม่หยุด แต่ก็ใช่ว่าจะหยุดพวกเราได้
นี่ฉันใช้คำว่า ‘เรา’ กับผู้หญิงคนนี้งั้นหรอ?
“เราออกมาอย่างนี้จะไม่เป็นอะไรหรอ?” ฉันตัดสินใจถามหลังจากที่เงียบมาสักพัก ตอนนี้เราสองคนเดินเข้ามาในเขตโรงอาหารกลางของมหา’ลัย
“ช่างมันสิ สนอะไร เราชื่อลูกพีชนะ” แนะนำตัวเองเสร็จเธอก็เดินไปหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่แล้วทิ้งตัวนั่งลงอย่างไม่เดือดร้อนอะไรเลย
“แต่เราเพิ่งจะโดดกิจกรรมรับน้องออกมาเลยนะ ทำอย่างนี้รุ่นพี่ไม่เขม่นเราหรอ” ฉันนั่งลงตรงข้ามกับลูกพีชแล้วถามออกไปอย่างซีเรียส
“สิ่งที่เธอควรจะตอบเรากลับกลับมา ควรจะบอกชื่อเธอมากกว่านะ”
งั้น...หรอ??
“อะ...เออ เราชื่อป๊อปอาย”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เรียกเราสั้นๆ ว่าพีชก็ได้นะ”
“จ้า ^^”
“เออนี่ หิวไหม พีชยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลยอ่ะ ไปหาไรกินเถอะ” ลูกพีชเปลี่ยนเรื่องคุย ฉันเลยเลิกสนใจเรื่องกิจกรรมอะไรนั่น แล้วมองสำรวจไปรอบๆ แทน ร้านขายข้าวเต็มไปหมดเลย เยอะกว่าที่โรงเรียนเดิมอีก
“ไปสิ เราก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน” ฉันที่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าเดินตามหลังลูกพีชไปติดๆ นี่ฉันมีเพื่อนกับเขาแล้วหรอนี่ แม่ต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าคนอย่างฉันจะหาเพื่อนได้เร็วขนาดนี้ ก็ฉันนะหน้าตาเฟรนลี่ซะที่ไหนละ =__=
“ป๊อปอาย กินไรอ่า ดูดิมีแต่ของน่ากินๆ ทั้งนั้นเลย *O*” เห็นลุกพีชทำตาเป็นประกายวาบวับจองกับข้าวอย่างกับเด็กๆ นั่นเลยกระตุ้นให้ฉันเกิดความอยากรู้อยากเห็นไปด้วย ฉันเดินไปหยุดที่ข้างๆ เพื่อนแล้วตอนนี้สภาพฉันกับลูกพีชไม่ได้ต่างกันเลย กับข้าวน่ากินทุกอย่างเลย *O*
“น่ากินทั้งนั้นเลยอ่า -.,-”
“ป้าค่ะ หนูเอาผัดผักรวม ผักทอด แล้วก็ไข่ดาวค่ะ”
”หนูเอาผัดผักรวม ผักทอด แล้วก็ไข่ดาวเหมือนกันค่ะ” ฉันหันไปสั่งของตัวเองบ้าง
“สั่งเหมือนกันเลย ฮ่าๆ” ฉันหันไปยิ้มกับลูกพีชแล้วก็คิดขึ้นมาได้ว่าเรายังไม่ได้ซื้อน้ำเลย ฉันเลยออกปากอาสาไปซื้อให้
“พีช งั้นเดี่ยวอายไปซื้อน้ำให้นะ เอาน้ำอะไรอ่ะ?”
“อืมม” ลูกพีชนิ่งไปสักพัก “งั้นเอาเป็นชาเขียวละกันใส่นมเยอะๆๆ เลยนะ เราชอบ ><”
“ได้เลย”
“’งั้นเดี๋ยวเจอกันที่โต๊ะเลยก็ได้นะ เดี๋ยวเราเอาข้าวของป๊อปอายไปให้เอง” ลูกพีชว่าพลางยืนไปรับจานข้าวของตัวเองจากป้าคนขาย
“จ้า”
ฉันเดินแยกออกไปที่ร้านขายน้ำซึ่งถัดจากร้านขายข้าวไปสักสี่ห้าร้านได้ ฉันซื้อชาเขียวของลูกพีชมาแก้วหนึ่ง แล้วก็ซื้อชาเย็นที่ตัวเองชอบมาอีกหนึ่งแก้ว
“อูยยยยย น่ากินมากเลยอ่ะ ขอบคุณนะ’ ลูกพิชรับแก้วน้ำของตัวเองไปดื่ม ฉันเลยนั่งลงที่เก้าอี้อีกฝั่งแล้วลงมือกินข้าวของตัวเอง
“พีช เราออกมากันอย่างนี้ รุ่นพี่เขาจะไม่ว่าไรหรอ”
“ไม่รู้สิ คงไม่เป็นไรหรอก...มั้ง”
“มั้ง?” ฉันถามอย่างงงๆ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่าๆ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง อย่างน้อยก็คงโดนลงโทษให้ไปเต้นสักสามสี่เพลง” ลูกพีชพูดออกมาอย่างไม่หวั่น ตะ...แต่ฉันนี่สิ...
“สามสี่เพลง? แค่เพลงเดียวอายก็จะไม่ไหวแล้วนะ T^T” ฉันโอดครวญออกมาอย่างลืมตัว
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะเทรนให้เอง เอาให้พวกนั้นตาค้างไปเลย” ขยิบตากวนๆ ให้ แล้วเธอก็กลับไปสนใจข้าวของเธอต่อ
“แต่อายไม่ชอบอะไรอย่างนี้เลยนะสิ อายทำไม่ได้หรอก” ฉันรวบช้อนวางลงจาน แล้วหันไปมองหน้าเพื่อนอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องทำหน้าเครียดขนาดนั้นน้า ฉันไม่ปล่อยให้เธอโดนเล่นงานคนเดียวที่ไหน สัญญาว่าฉันจะไม่ทิ้งเธอ โอเค๊?” ลูกพีชยิ้มตาหยี
“ขอบคุณนะ” ฉันยิ้มหวานกลับไปให้เธอด้วยเช่นกัน
ฉันเคยคิดว่า...การเข้ามาผจญภัยโดยลำพังในเมืองหลวงแห่งนี้ มิตรภาพคงหาได้ไม่ง่ายๆ แต่ ณ ตอนนี้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าฉันกลับทำให้ความคิดเหล่านั้นของฉันหมดไป เธอเข้ามาปกป้องฉันในตอนที่ฉันกำลังถูกคนอื่นหัวเราะใส่โดยไม่สนเลยว่าตัวเองจะต้องเจอกับบทลงโทษจากรุ่นพี่ยังไงบ้าง จะมีสักกี่คนที่ยอมเดือดร้อนเพราะคนอื่นที่ไม่รู้จักมากมายขนาดนี้
ฉันว่าคงมีแค่หนึ่งในร้อย...และฉันก็ได้เจอกับคนๆ นั้น
ลูกพีช
ตกเย็น...
มันไม่แย่เท่าไหร่ แต่ว่าเราสองคน เอ่ออ...หมายถึงฉันกับลูกพีชอ่ะ หลังจากที่เราทานข้าวกันเสร็จก็มีรุ่นพี่ในคณะเดินมาตามหาเราสองคนที่โรงอาหารให้ไปรับป้ายชื่อที่ลานกิจกรรม แล้วมันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด กว่าเราสองคนจะได้ป้ายชื่อมาคล้องไว้บนคออย่างเพื่อนในคณะคนอื่นๆ นะ ฉันต้องเต้นๆ ตามรุ่นพี่ไม่ต่ำกว่าสิบเพลง แถมรุ่นพี่ยังมอบหมายให้ฉันกับลูกพีชต้องเป็นหัวหน้าสันทนาการรุ่นต่อไปด้วย T^T ฉันละอยากจะบ้าตาย
“บ้านป๊อปอายอยู่แถวไหนหรอ?” ลูกพีชถามขณะที่เรากำลังล้างหน้าล้างตาเอาคราบแป้งที่โดนรุ่นพี่แกล้งออก
“เรายังไม่ได้หาที่พักเลยอ่ะ ตอนนี้เราเช่าโรงแรมอยู่แถวๆ เยาวราชอ่ะ” ฉันรับหลอดโฟมล้างหน้าที่ลูกพีชยื่นมาให้แล้วจัดการกับหน้าตัวเองต่อ
“เฮ้ย! จริงอ่ะ งั้นวันนี้ไปพักกับพีชก่อนไหม แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาที่พักกันอีกทีตอนวันเสาร์” ลูกพีชที่กำลังซับหน้าอยู่หันมาพูดกับฉัน
“ขอบคุณนะ แต่ไม่เอาดีกว่าเราเกรงใจพีชอ่ะ วันนี้พีชก็ช่วยเราเยอะมากจนเราเกรงใจแล้ว ^^”
“เพื่อนกันจะเกรงใจอะไร ถ้าไม่ไปพักกับเรางั้นเราจะไม่คุยด้วยแล้ว เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนสิ” พูดจบก็กอดอกเชิดหน้าหนีอย่างงอลๆ ทำเอาฉันถึงกับไปไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“’ง่า พีชอ่า... เราเกรง...”
“เกรงใจอะไรกัน เราเป็นเพื่อนกันนะป๊อปอาย เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะให้ไปช่วยใครที่ไหน” คำพูดของลูกพีชทำเอาฉันกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่ ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้รับความห่วงใยจากคนที่เพิ่งจะรู้จักกันอย่างนี้
“ขอบคุณนะ” ฉันโผเข้าไปกอดคนตัวเล็กที่ยืนงอลอยู่ข้างๆ เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับเซถอยหลัง ไม่รู้ว่าเพราะตั้งตัวไม่ทันหรือว่ารับน้ำหนักฉันไม่ไหวก็ไม่รู้
“แต่มันจะไม่เป็นการรบกวนเธอใช่ไหม”
“ไม่หรอกย่ะ รีบไปกันเถอะเดี๋ยวรถจะติดเอา” เราช่วยกันเก็บของใส่กระเป๋าจนหมด แล้วก็เดินลัดเลาะตามตึกออกไปที่หน้ามหา’ลัย พอฉันจะเดินไปที่ศาลารอรถเมล์ฉันก็โดนลูกพีชลากกลับเข้าไปในมหา’ลัยอีกรอบ
“รถกำลังจะมาเลย ไปเยาวราชไม่ได้ขึ้นคันนั้นหรอ เด๋วก็ต้องรออีกนานนะ ถ้าเราไม่ไปคันนี้” ฉันท้วงแต่ก็ยังเดินตามไปติดๆ
“คันนั้นแหละถูกแล้ว” หันมายิ้ม แต่ก็ไม่ได้หยุดเดิน
“เอ้า! แล้วทำไมเราไม่รีบออกไป เดี๋ยวก็ไม่ทันรถหรอก”
“แต่ไปคันนี้ดีกว่าไหม”
ติ๊ดๆ
ฉันหันไปมองไอ้เสียงติ๊ดๆ นั่น ก็เห็นเจ้าซีวิกสีขาวคันสวยกระพริบไฟอยู่สองสามที แล้วเจ้าของรถคันสวยก็เปิดประตูเข้าไปนั่งที่นั่งของคนขับ
“เข้ามาสิยัยบ๊อง ยืนเด๋ออะไรอยู่นั่น”
“อะ..เอ่อ...” ฉันยืนเด๋ออย่างที่เพื่อนว่าสักพักก็รีบเดินไปที่รถ
“เวลาที่เธอหลุดเด๋อๆ นี่น่ารักดีนะ ถึงว่าพวกผู้ชายมองเธอตาไม่กระพริบเลย”
“มองเราเนี้ยนะ!! ไม่หรอกเขาคงมองลูกพีชมากกว่า ใครเขาจะมามองยัยหน้าจืดอย่างเรา สู้ดีมองลูกพีชดีกว่า” ฉันเข้าไปนั่งปุบ รถก็ออกตัวพุ่งออกไปถนนใหญ่ทันที
“ฮ่าๆ ก็ว่าไปนั่น พวกผู้ชายไม่ชอบเราหรอก พวกนั้นชอบคิดว่าเราเป็นทอมซะมากกว่า ฮ่าๆ”
.”ทอมที่ไหนจะน่ารักขนาดนี้” พวกผู้ชายนี่เอาอะไรมอง ลูกพีชเนี้ยนะ...ทอม
“เราก็ว่างั้น ทอมที่ไหนจะสวยขนาดนี้ ฮ่าๆ”
ฉันก็เผลอหัวเราะออกมาอย่างลืมตัวไปกับเจ้าตัวด้วย ฮ่าๆ
“พีช เดี๋ยวซอยหน้านี่เลี้ยวซ้ายเลยนะ” ฉันบอกทางเมื่อใกล้จะถึงปากซอยทางเข้าโรงแรมที่ฉันเช่าอยู่ เข้าไปในซอยอีกสองร้อยเมตรก็ถึงที่พักที่ฉันพักมาได้สักสองคืนแล้ว ฉันให้ลูกพีชรออยู่ข้างล่างแล้วขึ้นไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าที่เอาติดตัวมาจากบ้าน ที่จริงฉันจะเอาของมาเยอะกว่านี้ แต่พ่อกับแม่ห้ามเอาไว้บอกให้มาซื้อเอาที่นี่ดีกว่า
“กระเป๋าใบเดียวเนี้ยนะ?”
“อืม พ่อกับแม่เราบอกให้มาซื้อเอาที่นี่อ่ะ เรามาคนเดียวหอบของพรุงพรังคงไม่ไหว” ฉันจัดการเอากระป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปเก็บที่หลังรถแล้วเดินอ้อมกลับเข้าไปนั่งที่เดิม
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” ลูกพีชพยักหน้ารับพลางถอยรถออกจากซอยไปด้วย
“แล้วนี่ป๊อปอายหิวยัง?” ขับรถออกมาได้สักพักลูกพีชก็เอ่ยถาม
“ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ พีชหิวแล้วหรอ?” ฉันที่นั่งอยู่ข้างๆ หันกลับไปถามบ้าง
“ก็ยังไม่เท่าไหร่ เออนี่ วันนี้เราทำกับข้าวกินกันไหม ฉลองที่เราได้รู้จักกันไง” คนขับรถเสนอไอเดีย
“ก็ดีเหมือนกันนะ เราชอบทำอาหาร ^^”
“โอเค งั้นแวะซื้อของกันเลยละกัน”
ลูกพีชขับรถเข้าเลนขวาแล้วยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งที่มีซุปเปอร์มาร์เก็ตตั้งอยู่ ฉันเดินตามหลังเพื่อนเข้าไปติดๆ มองดูรอบๆ ด้วยความตื่นตาตื่นใจนิดๆ ชีวิตในเมืองหลวงของฉันมันเริ่มต้นขึ้นจริงๆ แล้วใช่ไหม...
“แค่นี้พอไหม” ฉันหันไปมองลูกพีชที่กำลังหยิบไข่ใส่รถเข็น 1 2 3 สามแพ็ก!
“เอาไปทำไมเยอะขนาดนั้น เดี๋ยวกินไม่ทันไข่ก็เน่าก่อนพอดี” ฉันเดินตรงไปที่รถเข็นแล้วหยิบไข่ออกไปวางที่เดิมแพ็กหนึ่ง ลูกพีชมองตามแพ็กไข่ด้วยสายตาละห้อย
“พีชชอบกินไข่หรอ?” พอเห็นสายตาละห้อยของเพื่อนอย่างนั้นฉันเลยถามออกไป
“แหะๆ ก็ไม่เชิงหรอก พีชทำกับข้าวกินเองได้แค่เมนูไข่อ่ะ เวลามาซื้อทีเลยชอบตุนๆ ไว้เยอะๆ อ่ะ ><” เกาคอเก้อๆ
“อ่อ งั้นเดี๋ยวเราจะสอนเมนูง่ายๆ ให้เอาไหม” เอียงคอไปถาม
“จริงอ่ะ เย้ๆ” ลูกพีชทำท่าปรบมือเหมือนกับเด็กๆ ได้ของเล่นที่ถูกใจ ฉันมองเพื่อนแล้วก็ยิ้มตามพลางคิดในใจใครกันนะที่มองผู้หญิงน่ารักๆ คนนี้ว่าเป็นทอม ภายนอกมองดูเผินๆ เธออาจจะดูห้าวๆ เห้วๆ แต่ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มีมุมผู้หญิงยิ่งกว่าฉันอีกมั้ง
ลูกพีชเข็ดรถตามหลังฉันมาที่โซนอาหารสด ตอนที่ฉันกำลังเลือกเนื้อหมูอยู่นั่นเองฉันก็เหลือบไปเห็นลูกพีชกำลังคีบปลาใส่ถุง ฉันรีบปรี่เข้าไปห้ามทันที
“พีช เดี๋ยว...” เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งที่ฉันเรียก
“อะ...อะไรหรอ...”
“ปลาที่พีชกำลังจะเอาใส่ถุงอ่ะ มันไม่สดแล้ว”
“จะ...จริงหรอ OoO” ลูกพีชโยนปลาตัวนั้นลงกระบะตามเดิมแทบจะทันที
“ตอนที่ไปจ่ายตลอดกับแม่นะแม่บอกว่าการเลือกซื้อปลาอ่ะ ปลาสดต้องมีเหงือกสีแดงสด ไม่เขียวคล้ำครีบปิดสนิท” พูดพร้อมกับชี้ให้ดู “บริเวณใต้ท้องปลาจะต้องสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ตาปลาเปิดโตเต็มที่ ใส ไม่ลึกโบ๋หรือขุ่นเป็นสีเทา เกล็ดปลาจะต้องเป็นมัน ไม่แห้ง หรือมีสีด้านไม่สดใส เนื้อท้องแน่นไม่หลุดออกจากกันได้ง่าย ถ้าเอานิ้วกดลงไปเนื้อปลาจะต้องไม่เป็นรอยบุ๋มแบบนี้” ปากพูดไปมือก็สาธิตให้ดูไปด้วย ลูกพีชเองก็ดูอย่างตั้งใจ
“เราไม่รู้มาก่อนเลยนะนี่ เวลามาซื้อก็หยิบๆ ไปจ่ายเงินเลย นี่แสดงว่าที่ผ่านมา...พีชก็กินปลาเน่ามาตลอดเลยนะสิ T_T” โอดครวญ
“ไม่ขนาดถึงกับว่าเน่าหรอก มันแค่ไม่สดเท่านั้นเอง เวลาเอาไปทำกับข้าวจะไม่อร่อยเท่าปลาที่ยังสด เอาตัวนี้แล้วกัน” ฉันเลือกเอาปลานิลมาตัวหนึ่งหยิบใส่ถุงที่ลูกพีชถืออยู่ก่อน แล้วเดินอ้อมไปที่โซนเนื้อหมูที่เลือกเอาไว้แล้วเอามาใส่ลงในรถเข็น เราช็อปพวกผักแล้วก็อุปกรณ์ครัวกันจนได้ครบที่ต้องการแล้วก็กลับ
“วันนี้เราจะทำอะไรกินกันหรอเนี้ย ปลานั่นเราทำอะไรได้มั้ง แล้วเนื้อหมูนั่นอีกละตื่นเต้นจัง พีชจะได้ทำอาหารอย่างอื่นที่ไม่ใช่เมนูไข่กับเขาสักที” หลังจากที่หอบข้าวของพรุงพรังกลับมาถึงห้องลูกพีชก็ยังพูดประโยคนี้อยู่ ดูเหมือนเธอจะตื่นเต้นมากกับการทำมื้อเย็นวันนี้
“ปลานิลนั่นทำปลาทอดน้ำปลาไหม” ฉันเสนอไอเดียหลังจากที่เอากระเป๋าไปเก็บไว้ในห้องนอนของลูกพีชแล้ว ลูกพีชพักอยู่คอนโดฯ ที่ห่างออกมาจากมหา’ลัยนิดหน่อย ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ก็ดูสวยในแบบสวยมั่นอย่างเธอ ห้องนี้มีห้องนอนแยกออกไปอีกสองห้อง มีโถงตรงกลางที่เอาไว้สำหรับกินข้าว ดูหนัง ใกล้ๆ กับห้องโถงก็มีครัวเล็กๆ ที่เอาไว้สำหรับทำหารง่ายๆ กิน
“ห้องแคบไปหน่อยนะ เธอโอเคไหม” เจ้าของห้องถาม พร้อมกับส่งแก้วน้ำเย็นๆ มาให้
“สบายมากเลย ^^” ฉันรับแก้วน้ำมาอย่างเกรงใจ “แล้วนี่พีชพักคนเดียวหรอ”
“คนเดียวแหละ นานๆ ทีพ่อกับแม่จะมาหาที”
อืม ฉันพยักหน้ารับ แล้วเอาของสดบางส่วนเก็บใส่ตู้เย็น ส่วนที่จะเอามาทำกับข้าวก็เอามาจัดแจงใส่ภาชนะ พอเห็นฉันเริ่มง่วนกับการทำอาหารลูกพีชที่นั่งอยู่โต๊ะกินข้าวตรงห้องโถงก็เดินเข้ามาช่วย
“ให้พีชช่วยอะไรบอกได้เลยนะ” ลูกพีชเอาผ้ากันเปื้อนที่อยู่ในชั้นมาใส่แล้วก็ยืนมาให้ฉันอีกผืน
“’งั้นเดี๋ยวพีชเอาปลานี่ไปล้างแล้วก็ขอดเกร็ดนะ” ฉันส่งปลาไปให้ แล้วตัวเองก็ไปเอาซี่โครงหมูที่จะเอามาทอดกระเทียมมาสับเป็นชิ้นๆ พร้อมกับหมักกับเครื่องเทศที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วก็ไปเอาเนื้อหมูมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับผัดกระเพราอีกเมนู
“ปลาได้ยังพีช” ฉันเอ่ยถามหลังจากที่เตรียมอุปกรณ์สำหรับทั้งสามเมนูที่จะทำเสร็จ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา ฉันเลยวางมือจากกระทะที่กำลังจะลงมือทอดซี่โครงหมูไปดูเพื่อน
“ปลานี่มันต้องขอดเกร็ดไงอ่ะ T^T” ฉันแทบจะขำออกมาที่เห็นลูกพีชพยายามให้มือดึงเกล็ดปลาออกทีละเกร็ดๆ
“ฮ่าๆ ทำไม่เป็นก็ไม่บอก มาเดี๋ยวเราจัดการเอง พีชไปตั้งกระทะเตรียมทอดซี่โครงก็ได้ ปลานี่เราจัดการเอง” ลูกพีชละมือจากปลาแล้วไปตั้งกระทะ ส่วนฉันก็จัดการขอดเกล็ดปลาที่เหลือจนเสร็จ นำปลาที่ขอดเกล็ดไปบั้งทั้งสองด้านแล้วก็ทาเกลือบางๆ ทั้งสองด้าน
“น้ำมันเดือดแล้ว ใส่ซี่โครงเลยไหม” ลูกพีชหันมาถามด้วยความกระตือรือร้น ฉันละมือจากปลาที่หมักไว้รอทอดไปดูลูกพีชที่กำลังจะทอดซี่โครงหมู
“ไหนดูสิ อืม...น่าจะโอเคแล้วแหละ” ชะโงกหน้าไปดูน้ำมันที่ดูเหมือนว่ากำลังร้อนได้ที่เลย
“ทอดแล้วน้า” ลูกพีชค่อยๆ เอาซี่โครงหมูหย่อนลงในกระทะทีละชิ้นๆ
“ระวังน้ำมันกระเด็นละ” ฉันเตือน ละทันใดนั้นเอง
“กรี๊ดดดด ร้อนๆๆ TOT” พูดยังไม่ทันจะขาดคำน้ำมันในกระทะร้อนๆ ก็กระเด็นมาโดนแขนแม่ครัวจำเป็นซะแล้ว ฉันเลยรับดึงให้ลูกพีชหลบไป แล้วเข้าไปจัดการกับสงครามน้ำมันที่กำลังดุเดือด และเพื่อไม่ให้เป็นการเสี่ยงต่ออุบัติเหตุอีกฉันเลยให้ลูกพีชช่วยเป็นลูกมืออยู่ห่างๆ เราสองคนใช้เวลาทำกับข้าวทั้งหมดร่วมชั่วโมง กับข้าวทั้งสามอย่าง ซึ่งได้แก่ ซี่โครงหมูทอดกระเทียม ปลานิลทอดน้ำปลาและกระเพราหมูก็เสร็จพร้อมที่จะลงมือรับประทาน
“ข้าวสวยร้อนๆ มาแล้ว” ลูกพีชยกโถข้าวมาที่โต๊ะกินข้าวที่ฉันเพิ่งจะยกกับข้าวออกมาจากในครัว แล้วก็บรรจงตักข้าวใส่จานส่งมาให้ฉันก่อนจะตักให้ตัวเองอีกจาน
“อร่อยๆ ><” ฉันเหลือบมองดูเพื่อนที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ แล้วก็อดที่จะยิ้มหับภาพตรงหน้าไม่ได้เลย ^^
“กินนี่ดูสิ” ลูกพีชตักซี่โครงหมูทอดมาใส่จานให้ ฉันเอยขอบคุณแล้วก็ลงมือกินข้าวบ้าง มื้อค่ำที่ดูจะธรรมดาแต่สำหรับฉันมันกลับไม่ธรรมดาเอาซะเลย ฉันไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ แถมยังเป็นคนที่เข้ากับคนยากเอามากๆ ด้วย แต่ฉันกลับเปิดใจให้ผู้หญิงคนนี้ ฉันรู้สึกได้ว่าเธอคนนี้จะเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน และคอยปกป้องฉันได้ ดูได้จากเรื่องเมื่อตอนเช้าทั้งที่เราไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของกันละกันด้วยด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังยอมเดือดร้อนไปกับฉันด้วย
“ขอบคุณนะ” สายตาของเราสองคนประสานกันพอดี ตอนที่ฉันเอ่ยออกไป ลูกพ๊ชยิ้มตาหยีมาให้ ฉันก็เลยยิ้มหวานกลับไปเช่นกัน
“กินเยอะๆ เลยนะ จะได้อ้วนๆๆ” ไม่พูดเปล่า ลูกพีชตักเนื้อปลาทอดน้ำปลาอีกชิ้นเบ้อเลิ้ม
“โห เต็มจานแล้ว” ฉันท้วงยิ้มๆ
“อะ งั้นเดี๋ยวเราตักให้มั้งดีกว่า” คราวนี้เลยเป็นฉันที่ตักกับข้าวให้บ้าง
“ขอบใจจ้า”
เราทานข้าวต่อกันอีกพักใหญ่ ก็ช่วยกันเก็บถ้วยจามไปช่วยกันล้าง แล้วก็แยกกันไปอาบน้ำ เออ...ฉันบอกไปหรือยังนะว่าห้องของลูกพีชมีห้องนอนสองห้อง ซึ่งห้องหนึ่งเป็นห้องนอนของเธอเอง แล้วอีกห้องก็เป็นห้องที่พ่อกับแม่ของเธอใช้พักเวลาที่มาเที่ยวหาซึ่งนานๆ จะมาหาที ลูกพีชให้ฉันพักอีกห้องที่เป็นห้องของพ่อกับแม่เธอ ฉันใช้เวลาร่วมๆ ชั่วโมงในการอาบน้ำสระผม แต่งตัวเสร็จก็ออกมาข้างนอกแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งลงโซฟาข้างๆ กับลูกพีชที่กำลังนั่งเช็ดผมอยู่ในชุดนอนสายเดี่ยว
“พวกผู้ชายจะรู้ไหมน้า ว่าลูกพีชคนนี้ก็มีมุมเซ็กซี่กับเขาเหมือนกัน” ฉันอดที่จะแซวไม่ได้ ลูกพีชที่กำลังเช็ดผมอยู่ถึงกับหน้าขึ้นสีแดงระเรืออย่างเขินๆ
“บะ...บ้า ก็บอกแล้วไงเราไม่ได้เป็นทอมสักหน่อย”
“ก็ไม่ได้ว่าเป็นทอมสักหน่อย”
“ดูนี่นะ ถ้าทอมจิงอ่ะ คงไม่สวยอย่างนี้หรอก ฮ่าๆ” ลูกพีชวางขนหนูผืนเล็กที่ใช้เช็ดผมไว้ที่โซฟาแล้วลุกขึ้นยืน ฉันมองการกระทำของเพื่อนอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร พอเห็นว่าฉันดูอยู่เธอก็ลูกพีชก็หันมายักคิ้วกวนๆ ให้สองสามที ขาข้างหนึ่งของเธอที่ตอนแรกยืนตรงๆ เหมือนกำลังเคารพธงชาติยกขึ้นจิกลงกับพรม มือข้างหนึ่งเท้าสะเอวเหมือนนางแบบกำลังโพสท่าถ่ายแบบ ส่วนอีกข้าวก็เอาไปแตะไว้ที่ริมฝีปากพร้อมกับโกงตัวลงน้อยๆ นั่นเลยส่งให้ภาพที่ออกมาดูเซ็กซี่อย่างกับกำลังดูหนังสือแม็กซิมไม่มีผิดเลย
“ถึงกับตะลึงเลยหรอ ฮ่าๆ”
“ทำเอาอายตะลึงตาค้างเลย ฮ่าๆ”
พอเห็นเพื่อนหัสเราะฉันก็อดที่จะหัวเราะตามไม่ได้ ลูกพีชที่กำลังสนุกกับการโพสท่าเป็นนางแบบหยุดโพสแล้วมาดึงฉันให้ไปเล่นโพสท่าด้วย ฉันทำท่าเลียนแบบลูกพีชมั้ง ทำตามหนังสือแฟชันที่เคยซื้อมาอ่านมั้ง เราเล่นกันจนเหนื่อยละก็ทิ้งตัวลงที่โซฟากันอย่างหมดแรง เราเงียบหอบแฮกๆ กันไปสักสักแล้วหันมามองหน้ากันแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างไม่ห่วงสวย
นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ฉันไม่ได้หัวเราะจนไม่แคร์สิ่งรอบข้างอะไรอย่างนี้ นานแค่ไหนกันที่ฉันไม่ได้มีเพื่อนที่ได้ทำอะไรโก๊ะๆ ตลกๆ ด้วยกันอย่างนี้
มันคงนาน....นานจนฉันจำวันเวลาเหล่านั้นไม่ได้เสียแล้ว
ความคิดเห็น