คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF] I wanna be your love (changjo x ricky)
I wanna be your love
Pairing : Changjo x Ricky
Author : stampporo
‘ริคคคคคคคคคคกี้ ไปเล่นกัน...พี่แอลโจให้มาตาม’
‘หมูริค อ่ะ !’
‘อะไรอ่ะ เค้กนี่ ! ว้าววว ขอบใจมากนะชางโจ’
‘...พี่แอลโจทำน่ะ ฝากมาให้นาย’
‘ริคกี้ ! แท่นแทนนน’
‘ไอ้บ้าชางโจมีอะไรอีกเล่า’
‘ลูกหมาไง ไม่รู้จักเหรอ หน้าเหมือนนายเลยดูดิ’
‘น่ารักจัง น่ารักเหมือนฉันจริงๆด้วย ฮ่าฮ่าฮ่า’
‘นี่...พี่แอลโจเลือกตัวที่หน้าเหมือนนายที่สุดเลยนะ’
‘นายน่ะ ไปซ้อนพี่แอลโจเลยนะ อ้วนอย่างกับหมูงี้ซ้อนกับฉันมีหวังรถล้มแน่’
‘ย่าห์ ! ฉันไม่ได้อ้วนขนาดนั้นซักหน่อย แล้วใครเค้าอยากซ้อนกับนายกันไอ้บ้าชางโจ !’
“นี่ ริคกี้...” นิ้วเรียวจิ้มเข้าที่แก้มของอีกคนที่หลับบนโซฟาตัวยาว
“อื้อ อย่าเพิ่งกวนน่าชางโจ” พูดทั้งที่หลับตาอยู่ มือเล็กปัดป่ายมืออีกฝ่ายที่ยังเล่นกับแก้มเขาไม่เลิก
“ไอ้อ้วนนี่ นี่บ้านนายรึไง เกรงใจเจ้าของบ้านอย่างฉันมั่งดิ” เมื่อแกล้งแล้วไม่เป็นผล ‘ชางโจ’ นั่งลงข้างๆโซฟาที่โดนยึดครองโดยคนข้างบ้านตัวแสบ ในเมื่อปลุกไม่ตื่น ...ก็นั่งมองจนกว่าจะตื่นเนี่ยแหละ
แต่ก็ไม่เป็นผลจริงๆ ในเมื่อ ‘ริคกี้’ ที่ยังหลับสบายอยู่ ไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงคนที่นั่งจ้องอยู่เลย แถมยังยิ้มขนาดนั้น ในฝันคงจะมีความสุขมากสินะ ชางโจที่ยังนั่งมองอีกคนอยู่ก็ยังไม่ลดละ เท้าคางมองอีกคนอย่างไม่รู้จักเบื่อ ทำไมเขาถึงไม่เบื่อเลยนะ
“ชางโจ จ้องขนาดนั้นไม่กินเข้าไปทั้งตัวเลยหละ”
“บ้ารึไง ! ใครเค้าจะอยากกินเจ้านี่กัน อ้วนมีแต่ไขมันงี้” ผละออกทันทีเมื่อบุคคลที่สามเข้ามา
“ให้มันจริงเถอะ หึหึ’
“ทำไมวันนี้กลับดึกนักหละ พี่‘แอลโจ’ ริคกี้มารอตั้งแต่เย็นจนหลับไปแล้วนู่น” ดันตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาตรงข้าม แต่สายตายังคงจับจ้องเจ้าคนที่หลับไม่ยอมตื่นเสียที
“ไปเจอเพื่อนเก่ามาน่ะ คุยเพลินไปหน่อย”
“พี่แอลโจ... ช่วยอะไรหน่อยดิ” พูดน้ำเสียงจริงจัง
“หืม ? ครั้งนี้อะไรหละเจ้าน้องชาย”
“คือ....”
“ริคกี้...” กระซิบเบาๆ
“…”
“ริคกี้อา...”
“อือออ...คิ”
“ริค... ริคกี้ ริคกี้ กี้ กี้...”
“คิ เล่นอะไรเนี่ย มันจั๊ก..จี้นะ คิคิ”
“งั้นก็ตื่นได้แล้วครับ สายแล้วนะตัวแสบ” ยีหัวอย่างหมั่นไส้
“อ่ะ พี่แอลโจ” พยายามปรับโฟกัสก่อนจะดันตัวขึ้นพิงหัวเตียง
“พี่ไง คิดว่าเป็นใครหละ”
“ป่าวซักหน่อย แล้วนี่ ห้องพี่นี่” มองไปรอบๆห้องก่อนจะนึกขึ้นได้
“อื้ม เมื่อคืนริคกี้หลับสนิทเลยนะ ไม่อยากรบกวนคุณน้าด้วย ก็เลยให้นอนที่ห้องพี่เนี่ยหละ”
“อ๋อครับ กวนพี่แอลโจแย่เลย แฮะๆ”
“กวนตั้งแต่เด็กแล้วนี่ ตอนนี้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร ฮ่าๆๆ”
“นั่นสินะ ฮ่าๆ แล้ว...” มองไปที่ประตูห้องที่ถูกแง้มออกเล็กน้อย
“หืม มองหาใครอยู่เหรอ อยู่กับพี่แต่มองหาคนอื่นแบบนี้มันน่าน้อยใจนะนี่ย” พูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจก่อนจะตีหน้าเศร้าก้มมองพื้น
“ป่าวนะ ป่าวนะพี่แอลโจ มองหาใครที่ไหนกัน อย่าเพิ่งงอนนะ” รีบปฏิเสธทันที ตามด้วยน้ำเสียงออดอ้อนที่ดูน่าหมั่นไส้
“ฮ่ะๆ ไม่งอนก็ได้ แต่รีบไปอาบน้ำได้แล้ว ออกไปข้างนอกกัน”
“ไปไหนอ่ะ”
“ไม่บอกหรอก ฮ่าๆๆ”
“แค่นี้ก็บอกไม่ได้ ชิ” ยู่ปากอย่างเอาแต่ใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ริคกี้อา เสร็จรึยัง” ตะโกนเรียกอีกคนจากรั้วนอกบ้าน
“เสร็จแล้วครับ เสร็จแล้วๆๆ” รีบวิ่งออกจากบ้านทั้งที่ยังใส่รองเท้าไม่ทันเสร็จ
“ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลย”
“ก็ไม่อยากให้พี่แอลโจรอนานนี่นา” รีบใส่รองเท้าให้เรียบร้อยก่อนจะลุกขึ้นยืนและมองไปรอบๆ
“งั้นไปกันเถอะ” เดินไปเปิดประตูรถให้อีกคน
“แล้วชางโจไม่ไปด้วยกันเหรอ?” ถามด้วยความสงสัย ปกติเจ้าชางโจจะตามไปป่วนทุกทีนี่นา ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว
“มันบอกว่าขี้เกียจอ่ะ ขออยู่บ้านดีกว่า”
“งั้นเหรอ งั้น เราไปกันสองคนก็ได้ ไม่ง้อหรอก” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็รีบเดินปึงปังขึ้นรถอย่างเสียไม่ได้ หน้าตาที่ดูไม่พอใจเล็กน้อยถูกฉายขึ้นมา แต่กลับเรียกร้อยยิ้มให้แอลโจได้ไม่น้อย
“นี่ ถึงแล้วหละ ตื่นได้แล้วนะริคกี้ขี้เซา” เอื้อมตัวไปปลดเข็มขัดให้คนที่หลับอยู่บนเบาะข้างคนขับก่อนจะปลุกให้ตื่น
“ครับ.. ถึงแล้วเหรอ” พูดอย่างงัวเงีย สายตามองออกไปนอกกระจก พบว่าเป็นสวนสนุกที่มากันบ่อยๆ
“อื้ม ไปเล่นกันเถอะ” ส่งยิ้มหวานให้น้องชาย
หลังจากลงจากรถกันแล้วทั้งสองก็ตรงดิ่งไปยังจุดขายบัตรเล่นเครื่องเล่น ริคกี้ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องเล่นคอยลากแอลโจไปนู่นนี่ตลอดเวลา แอลโจนั่นก็ไม่ได้คัดค้านยอมให้คนเป็นน้องลากไปโดยง่ายดาย
ตัวมาสคอตหมีสีน้ำตาลใส่เอี๊ยมสีแดงยืนแจกลูกโป่งหลากสีให้กับเด็กๆที่มาใช้บริการ ริคกี้ตัวน้อยก็ไม่ต่างจากเด็กๆเลยซักนิด
“พี่แอลโจ อยากได้อ่ะ” พูดด้วยสายตาออดอ้อนทั้งมือสองข้างก็เกาะที่แขนของคนเป็นพี่อย่างน่ารัก เล่นลูกอ้อนขนาดนี้ ใครกันหละจะทนไหว
“มาทุกครั้งก็อยากได้ทุกครั้งแหละเราอ่ะ เมื่อไหร่ริคกี้น้อยจะโตกับเขามั่งน้า” ลูบหัวน้องด้วยความเอ็นดู แต่ในสายตาคนอื่นกลับกลายเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาไม่น้อย
ยังไม่ทันที่ริคกี้จะเดินไปหา เจ้ามาสคอตหมีตัวนั้นก็เดินเข้ามาหาทั้งสองคนพร้อมยืนลูกโป่งให้ทั้งสอง แต่แอลโจกลับได้แค่ 1 ลูก ทั้งที่ริคกี้ได้ลูกโป่งที่เหลือทั้งหมด
“เจ้าหมี ทำไมเอามาให้ฉันหมดเลยหละ งี้เด็กคนอื่นก็ว่าฉันดิ” ถามด้วยความสงสัยพร้อมมองลูกโป่งจำนานมากที่อยู่ในมือ
หมีมาสคอตส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วยังทำท่าทางน่ารักดุ๊กดิ๊กที่แม้แต่แอลโจเห็นแล้วยังอดขำไม่ได้
“ขอบคุณมากๆเลยนะ” ว่าแล้วก็ยืดตัวขึ้นไปลูบเจ้าหมีมาสคอต
แต่ไม่ทันจะลูบถึง เจ้าหมีก็โน้มตัวก้มลงมาหอมแก้มเบาๆ สร้างความตกใจให้กับริคกี้ไม่น้อย ถึงจะเป็นคนที่อยู่ในตัวมาสคอตก็เถอะ ยังไงมันก็ดูน่าอายชอบกล
“ท่าทางเจ้าหมีจะชอบริคกี้มากนะเนี่ย ฮ่าๆๆ” แอลโจที่ยืนดูสถานการณืตลอดเวลาอดที่จะแซวน้องไม่ได้
“คนน่ารักก็งี้แหละ ฮ่าๆ”
แล้วทั้งสองก็เดินเล่นเครื่องเล่นซะรอบสวนสนุกไม่มีเหน็ดเหนื่อยโดยเฉพาะริคกี้ที่ดูจะชอบเอามาก ๆ
“นี่ถ้าชางโจมาด้วยต้องสนุกกว่านี้แน่เลย เนอะพี่แอลโจ” หลังจากเล่นเสร็จแล้วก็พากันมานั่งพักที่ม้านั่งตัวยาว ริคกี้พูดขึ้นมาอย่างลืมตัว
“แล้วพี่มาด้วยไม่สนุกเหรอริคกี้” อีกแล้ว น้ำเสียงแบบนี้ที่ทำให้ริคกี้คอยรู้สึกผิดอยู่เรื่อย
“ริคกี้ยังไม่ได้พูดแบบนั้นซักหน่อย พี่แอลโจขี้ใจน้อยไปได้”
“แต่ริคกี้ก็คิดถึงแต่ชางโจนี่นา จะให้พี่คิดยังไงดีหละเนี่ย”
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่มีอะไรซักหน่อย” ก้มหน้างุดมองมือทั้งสองที่วางบนตัก ใบหน้าแดงระเรื่อที่ไม่รู้เพราะเหนื่อยหรือเขินกันแน่ ทำให้ดูน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
“พิสูจน์สิ หึหึ” สายตาเจ้าเล่ห์ที่ริคกี้ไม่สามารถแปลความหมายออกได้ สร้างความหวั่นไม่น้อย
“พิสูจน์ ? ยังไงอ่ะ?” เอียงคอให้กับความสงสัย
“ก็...” แอลโจที่นั่งข้างๆค่อยๆโน้มตัวเข้าใกล้ริคกี้เรื่อย ๆ ร่างริคกี้ที่ทั้งตกใจแล้วทำอะไรไม่ถูกจนเกร็งจนกลายเป็นตอไม้ เสมือนยอมให้อีกคนทำตามใจ ร่างแอลโจยังคงค่อยๆแนบชิดเข้าใกล้ซะจนใบหน้าห่างกันแค่คืบ แต่แล้วมือเล็กของริคกี้ก็ดันอกของแอลโจออกอย่างรวดเร็วก่อนจะหอบหายใจชุดใหญ่
“พี่ พี่แอลโจเล่นอะไรอีกแล้วเนี่ย” เม็ดเหงื่อผุดออกมาจากหน้าของริคกี้อย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ได้เล่น แต่พี่พูดจริง ริคกี้...เป็นแฟนกันนะ”
ตึง ! บอกได้เลยว่าหน้าของริคกี้ตอนนี้ตึงเหมือนมีคนมาดึงไว้ก็ไม่ปาน ทั้งตกใจมากกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ถึงแม้เขากับแอลโจจะสนิทกันมากขนาดไหนก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้กันด้วยซ้ำ
“พี่แอลโจ... แกล้งริคกี้อีกแล้ว ไม่ตลกเลยนะ ฮ่ะๆ” ฝืนหัวเราะอย่างฝีดคอ
“ไม่ใช่เรื่องตลกซักหน่อย พี่จริงจังนะ” สายตาที่ดูจริงจังสมคำว่าทำให้ริคกี้เกิดใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ช็อค ช็อคจริง ๆ ริคกี้จะทำยังไงดีหละ
“บ้าน่า ... ไม่สนุกละนะ กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน” รีบลุกขึ้นโดยเร็ว ท่ายืนเก้ๆกังๆดูตลกไม่น้อยในสายตาแอลโจ
“เดี๋ยวก่อนสิ เรายังไม่เล่นของสำคัญเลยนะ”
“อ.อะไรอีกหละ” คงไม่ใช่อย่างที่คิดใช่มั๊ย นี่พี่แอลโจจะแกล้งริคกี้ไปถึงไหนนะ ริคกี้อยากร้องไห้ T T
เป็นอย่างที่คิด สิ่งเดียวที่ริคกี้ไม่อยากเล่นที่สุด ‘บ้านผีสิง’ ทุกครั้งที่มาริคกี้จะโดนสองพี่น้องโจรุมแกล้งทุกครั้ง เพราะรู้ว่าผีคือสิ่งที่ริคกี้กลัว ยิ่งกลัวก็ยิ่งแกล้ง ...แต่ริคกี้ก็ยังเข้าไปเล่นทั้งที่กลัว
“เอาจริงเหรอพี่แอลโจ” ถึงบอกจะถาม แต่สองแขนนั้นเกาะพี่ชายแน่นตั้งแต่ยังไม่ก้าวข้ามประตูนั้นไป
“จริงดิ เนี่ย ซื้อตั๋วเรียบร้อย”พูดพร้อมโชว์ตั๋ว2ใบในมือเพื่อเป็นหลักฐานว่า ‘ริคกี้หนีไม่รอดแน่’
“งั้น ไปกันเถอะ ! รีบเข้าจะได้รีบออกเนอะ” หน้าตาเหมือนตาร้องไห้แบบนี้เรียกเสียงหัวเราะให้แอลโจคนชอบแกล้งชุดใหญ่
เมื่อทั้งสองก้าวเข้ามาในตัวบ้าน แสงสว่างจากด้านนอกก็แปรเปลี่ยนเป็นความมืด กลิ่นอับชวนเอียนของห้อง เครื่องปรับอากาศที่ถูกลดให้เย็นลงไปอีก ทำให้ขนลุกขนพองไปถ้วนหน้า
“พี่แอลโจ อย่าทิ้งริคกี้นะ...” ขาเล็กค่อยๆก้าวเข้าไปแต่แขนยังกอดแน่นไม่ยอมปล่อย
“ไม่ทิ้งครับ” พูดปลอบหวังให้อีกคนเชื่อใจและผ่อนแรงที่กอดลงบ้าง
ตุ้บ !
“ว๊ากกกก” ชิ้นส่วนขาที่วางอยู่ที่พื้นทำให้ริคกี้ที่ไม่ได้มองสะดุดล้มลงไป หน้าของริคกี้ตอนนี้อยู่ใกล้กับผีที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆแค่คืบ 2เท้ารีบวิ่งไม่คิดชีวิต จนนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรวิ่งมาคนเดียวแบบนี้
“พี่แอลโจ... พี่แอลโจ !”
“หายไปแล้ว พี่แอล ฮึก โจ หายไปแล้ว” สองแขนที่ต้องกอดตัวเองไว้เพราะไม่มีอีกคนให้พึ่งแล้ว น้ำตาคลอจนเต็มเบ้าพร้อมจะปลดปล่อยออกมาเต็มที
ครืดดด ... ครืดดด
บรรยากาศรอบตัวที่ดูวังเวง เสียงต่างๆที่ถูกสร้างขึ้น ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ใช่ของจริง แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีของจริงอยู่ในนี้ด้วยหรือไม่
กึก กึก กึก
เสียงดังค่อยๆเข้ามาใกล้ตัว ริคกี้ที่กลัวมากจนไม่กล้าลืมตามองอะไรทั้งนั้น หวังแค่ว่าจะมีใครซักคนเข้ามาเจอตัวเขาและพาออกไป
“ริค... ริคกี้”
แหมะ .. มือเย็นเฉียบแต่เข้าที่ต้นแขนของคนขี้กลัว
“ว๊ากกกกกก ไอ้ผีบ้า อย่ามาทางนี้นะ ไปหาคนอื่นที่เค้าอยากเล่นกันแกนู่น ฉันไม่อยากเล่นกับแก ว๊ากกก ไป ไป ไปปปป” หลายต่อหลายคำถูกพ่นออกมาจากปาก ทั้งที่ยังไม่ลืมตามองว่าเป็นใคร
“ลืมตา ลืมตาสิริคกี้” น้ำเสียงที่คุ้นเคย ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ คนที่เค้ารู้จักดี
แต่พอลืมตาขึ้นมาเท่านั้น....
“แฮ่ !!” ร่างคนที่สวมเพียงหน้ากากผีอันเดียว แต่ริคกี้ก็ไม่สามารถแยกแยะออกได้ ด้วยความตกใจ หมัดเล็กๆพุ่งเข้าไปยังหน้าของผีตัวนั้นทันที
“ว๊ากกกกก”
“โอ๊ย เดี๋ยวริคกี้เดี๋ยว !” ก่อนที่ริคกี้จะวิ่งหนี คนแกล้งจึงรีบถอดหน้ากากนั้นออกและฉุดแขนเล็กนั้นไว้กับตัวอย่างแรง
“ฮึก ฮึก ไม่เอานะ ไม่เอาแล้วนะ ฮืออ” น้ำตาเป็นสายไหลออกจากตาอย่างงห้ามไม่ได้ คนแกล้งที่ทำอะไรไม่ถูก อาจะเป็นเพราะครั้งนี้เล่นแรงไปหน่อย ดึงตัวริคกี้เข้ามากอดแน่น ค่อยๆลูบหัวปลอบประโลมช้าๆ
“ริคกี้ ฉันเอง ชางโจเอง ลืมตาได้แล้ว” ในตอนแรกริคกี้ยังคงขัดขืน แต่พอได้ยินชื่อเท่านั้น ก็รีบเบิกตาโผลงมองอีกคนอย่างรวดเร็ว
“ไอ้บ้าชางโจ บ้า ชางโจ...” พร่ำด่าไม่เป็นภาษาแต่กลับกอดอีกคนแน่นซะยิ่งกว่า
“ฉันเอง ไอ้บ้าชางโจ ‘ของนาย’ ไง” ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤต แต่หน้าริคกี้กับร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆ หัวใจที่เต้นถี่และแรงจนอีกคนสามารถสัมผัสได้
“ย่าห์ ! พาฉันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ก่อนที่ฉันจะหักคอนายไปเป็นผีเหมือนพวกนั้นน่ะ” รีบเปลี่ยนเรื่องทันทีก่อนจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
“ถ้าฉันเป็นผี ...ใครจะมาช่วยนายหละ หึหึ” ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกคนหวังแกล้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ริคกี้ยื่นหน้าเข้ามาพอดี ริมฝีปากของทั้งคู่จรดกันเพียงครู่ ก่อนทั้งสองจะรีบผละออกจากกัน
“เอ่อ.. ออก ไปกันเถอะ” เป็นชางโจเองที่เปลี่ยนเรื่อง และจูงมืออีกคนให้เดินตาม
“...” แต่คราวนี้ริคกี้กลับกลายเป็นคนว่าง่าย ยอมให้ชางโจลากออกไปโดยไม่พูดอะไรซักคำ เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกแปลกๆถาโถมเข้ามา ริคกี้ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป
‘มันแค่อุบัติเหตุน่า ริคกี้ นายเป็นอะไรของนายนะ’ ได้แต่คิดอยู่ในใจ
ทางข้างหน้าอีกไม่ไกลจะถึงทางออก เท้าที่เดินนำหยุดลง เป็นเหตุให้อีกคนต้องหยุดตาม
“ชางโจ หยุดทำไมหละ” ริคกี้ที่เพิ่งรู้สึกตัวว่าเดินมาเกือบถึงทางออกแล้ว ได้หยุดลงถาม
“ริคกี้... นาย ชอบพี่แอลโจรึป่าว” ถามทั้งๆที่ไม่มองหน้า
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกหละ จู่ๆก็ถาม”
“แค่นายตอบ..” ชางโจถามเสียงเรียบ สร้างความอึดอัดให้คนตอบไม่น้อย
“ก็ ชอบ พี่แอลโจดีกับฉันมาตั้งแต่เด็กนี่ ฉันก็ต้องชอบเล่นกับพี่เค้าสิ” แม้จะรู้ว่าคนถามต้องการคำตอบแบบไหน แต่ริคกี้เลือกที่จะเลี่ยงการตอบนั้น
“ไม่ใช่แบบนั้น แล้วระหว่างฉัน กับพี่แอลโจ นายชอบใครมากกว่ากัน ริคกี้”
“....”
“ฮ่ะๆ ฉันล้อเล่นน่ะ นายไม่ต้องตอบหรอก”
“แต่นาย รู้แค่ว่า ‘ฉันชอบนาย’ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ชางโจ...” ริคกี้ช็อครอบที่2ของวัน นี่มันวันอะไรกัน
“เอาเป็นว่าเรารู้กันแค่ในนี้นะ ออกจากบ้านนี้ไป เราก็จะกลายเป็นเหมือนเดิมไงหละ ไปกันเถอะ”
ชางโจเดินไปพร้อมกับจูงมือริคกี้ไปด้วย แต่อีกคนกลับไม่ไปตาม ริคกี้ปล่อยมือออกและยืนนิ่งอยู่กับที่
‘ชางโจ นายรู้คำตอบของมันแล้วสินะ หึ’ แค่ในความคิด แต่มัยจุกแทบเดินไม่ไหว
“งั้น.. ไว้เจอกันข้างนอกนะ...” เดินออกไป ไม่แม้หันกลับมามองด้านหลังซักนิด
ทางข้างหน้าคือทางออก ทางสิ้นสุดของเรื่องนี้ แค่ออกไปจากนี้ทุกอย่างจะจะกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว อีกแค่ข้างหน้า
ชางโจผลักประตูออกไป แสงแดดที่ไม่ได้เจอมานาน ความอบอุ่นจากอากาศด้านนอก แต่ทันทีที่ก้าวออกมาจากตัวบ้าน
พรึ่บ !
ความอบอุ่นที่ไม่ได้มาจากแสงแดด แต่มันอบอุ่นยิ่งกว่า
“ไอ้บ้า... นาย กล้าทิ้ง ‘คนของนาย’ ที่นาย ‘ชอบ’ ไว้ข้างในได้ยังไงกัน” ริคกี้วิ่งตรงออกมาและสวมกอดชางโจจากด้านหลัง กอดที่แนบแน่น กอดที่ไม่อยากคลายออก
“นาย...” หันกลับมาหาคนตัวเล็กกว่าที่ไม่ยอมมองหน้าเขา
“แค่นาย บอกว่าเรื่องข้างในเป็นเรื่องจริงฉัน..”
“จริงสิ !” รีบตอบทันควัน ไม่รอให้อีกคนได้พูดจบ
“กว่าจะบอกนะไอ้บ้า ฉันรอนายมานานแค่ไหนแล้วรู้มั๊ย”
“หืม?” ชางโจคิ้วขมวดหน้าตามึนงง
“’งั้น ฉันก็มีคำตอบให้นายแล้วเหมือนกัน...” ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองอีกคน ก่อนจะยืดตัวขึ้นประทับจูบเบาๆที่ริมฝีปาก
แม้จะเขินอายแค่ไหน แต่เขาคิดดีแล้ว นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
“ริคกี้ นาย... จริงใช่มั๊ย” พูดเหมือนไม่เชื่อในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“จะโกหกทำไมเล่า...” เสหน้าไปทางอื่นอย่างไม่กล้าสู้หน้า
“เยส ! ริคกี้ ! เป็นแฟนฉันแล้วนะ” ตะโกนขึ้นมาด้วยความดีใจ ไม่ได้มองผู้คนรอบข้างเลย
“ชู่วว จะตะโกนทำไมห้ะ แล้วฉันไปบอกตอนไหนว่าเป็นแฟนนายด้วย” ใบหน้าขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งเขินทั้งอายในเวลาเดียวกัน
“ก็ตอนนี้ไง”
ชางโจโน้มลงมาประกบปากอีกคนอย่างรวดเร็ว ไม่รอให้ริคกี้ขัดขืน จูบที่ไม่ได้ลึกซึ้งแต่เนิ่นนาน และนุ่มนวล ยากที่จะถอดถอน ทำให้ริคกี้เคลิ้มตามโดยง่าย
“เป็นแฟนกันนะริคกี้” ผละจูบออกมาก่อนจะถาม แต่ไม่รอให้อีกคนได้ตอบก็ประกบจูบอีกรอบที่รุนแรงกว่าเดิม
“อื้ออ” ไม่ทันได้หยุดพักหายใจ จูบชุดใหญ่ก็กลับมาอีกครั้ง ริคกี้จะตายมั๊ย T T
กลับถึงบ้าน
“นี่แฟน เข้าบ้านดีๆนะ มัวเขิน ข้าวของในบ้านพังหมดพอดี” หลังจากลงรถชางโจก็เดินมาส่งริคกี้ที่หน้าบ้าน
“ย่าห์ ! ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะเป็นแฟนนานเลยนะ !”
“นายตอบฉันแล้วนะ คิดดูดีๆสิ หรือจะให้ทบทวนให้กันตรงนี้เลย”
ริคกี้คิดวกไปยังเหตุการณ์ก่อนหน้า หน้าก็ขึ้นสีขึ้นมาดื้อ ๆ
“ไอ้บ้าชางโจ !” พูดแล้วก็รีบปึงปังเข้าบ้านทันที ชางโจหละกลัวว่าบ้านจะพังเอา
‘เป็นแฟนกันนะริคกี้’
‘อื้ออ’
END
ความคิดเห็น