คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter...7 SEME ONLY
2เท้าก้าวเดินเรื่อยเปื่อยไม่รีบร้อน 2มือบางที่ล้วงกระเป๋า ตาคู่สวยที่ถูกบดบังด้วยแว่นกันแดดสีชายี่ห้อดัง ภายใต้กรอบแว่นนั้น สายตาจับจ้องอยู่ที่บุคคลข้างหน้า
‘คิม คิบอม’
ตอนนี้...ลี ทงเฮ กำลังทำงานที่ได้รับมอบหมายมา นั่นก็คือ จัดการ คิม คิบอมซะ!
แผนแรก...อย่างที่รู้กันดี สะกดรอยตาม เฝ้ามองเป้าหมายอย่าให้คลาดสายตา
“มันจะเดินถึงไปไหนวะเนี่ย?”ทงเฮเริ่มที่จะหัวเสีย เค้าเดินตามคิบอมที่เอาแต่เดินหยุดดูนู่นแวะนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว มือบางทุบที่ต้นขาเบาๆไล่ความเมื่อยล้าออกไป
นี่ไม่ใช่ครั้งที่4หรือที่5ที่คิบอมแวะซื้อของ แต่มันเป็นครั้งที่10กว่าแล้วมั้ง ที่เค้าแวะซื้อนู่นซื้อนี่
คำถามที่อยู่ในหัวของลีทงเฮคือ....
‘ไอ้ตี๋แก้มป่องมันจะซื้อไปให้ใครและจะซื้อไปทำอะไรนักหนา!’
อีกครั้งที่คิบอมแวะเข้าไปในร้านขายดอกไม้ ทงเฮเมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบเลี้ยวเข้าร้านมินิมาร์ทที่อยู่ข้าง มือบางทำเป็นหยิบจับสิ่งของใส่ตะกร้า แต่ตากลับจ้องร่างสูงไม่กระพริบ
10นาทีต่อมา...คิบอมถือช่อดอกทิวลิปสีขาวแทรกด้วยเยียบีร่าสีชมพูช่อใหญ่ จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมของดอกไม้พลางอมยิ้มน้อยๆ
“ดอกไม้นั่นสวยชะมัดเลย แต่...เอ๊ะ! จะซื้อไปให้ใคร ในเมื่อคิบอมไม่สนใจเรื่องความรักอยู่แล้วนี่?”
ร่างเล็กที่หอบหิ้วของพะรุงพะรังจ้องมองร่างสูงอย่างงงๆ คิบอมจะซื้อไปให้ใครกัน
แต่ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมากมาย ตาก็ต้องเบิกกว้างทันที ร่างกายสั่นสะท้านลุกลี้ลุกลน
เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?
เค้าจะอยู่เฉยได้ไง ในเมื่อ...
‘คิม คิบอมกำลังเดินมาหาเค้า!!!’
“ทะ....ทำไงดี งานเข้าแล้วไงล่ะทงเฮ โอ้ย! จะตายไหมเนี่ย”เหงื่อเริ่มผุดออกจากใบหน้า มือที่หิ้วถุงใส่ของอยู่นั้นกำแน่น กลั้นใจกลับหลังหัน รีบจ้ำอ้าวออกไปทันที
“อะ..แฮ่ม”เร่งฝีเท้าเดินไปไม่กี่ก้าว ทำเอาทงเฮสะดุ้งโหยง ก็ในเมื่อตอนนี้ ที่ข้อมือเค้ามีใครบางคนกำลังฉุดดึงไว้อยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ร่างสูงที่เค้ากำลังจะเดินหนีนั่นล่ะ
“อย่านึกนะว่าผมไม่รู้ คุณตามผมมาทำไม?”กลั้นใจ หันหลังกลับไปมอง ร่างสูงอมยิ้มน้อยๆ ยื่นหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ
“เอ่อ...คะ...ใครตามคุณ อย่ามามั่วนะ!”ทงเฮพูดเสียงดัง กลบเกลื่อนอาการร้อนรนของตนเองไม่ให้คนตรงหน้ารู้
ท่าทางแบบนั้น...ทำเอาคิบอมอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ท่าทางร้อนรน ใบหน้าชื้นเหงื่อ แก้มแดงนิดๆ ทำให้ร่างบางตรงหน้าช่างดูน่ารักไม่ใช่น้อย
‘เอ๊ะ!! น่ารักเหรอ???? นี่เราคิดอะไรอยู่เนี่ย?’
“ก็คุณไงครับ”คิบอมส่งดอกไม้ให้ร่างบางตรงหน้า ทำเอาทงเฮเกาหัวด้วยความสับสน
“อะ...อะไร ให้ชั้นทำไม?”
“ก็คุณน่ารักดี”
“หา!!!!...นาย...วะ...ว่าไงนะ”
ร่างเล็กถึงกับตะลึง หมอนี่ว่าเราน่ารักงั้นเหรอ แล้วๆ...อะไรเนี่ย????
“รับไปสิครับ”คิบอมยัดดอกไม้ใส่เมื่อของร่างบางที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง แล้วหันหลังเดินออกไป
แต่..ยังไม่ทันไร ร่างสูงนึกอะไรขึ้นได้เลยเดินกลับมาหาร่างบางอีกรอบหนึ่ง ริมฝีปากกระซิบที่ข้างหูคนตัวเล็กเบาๆ
“ผมไม่รู้นะว่าคุณตามผมทำไม ทางที่ดี อย่าคิดที่จะตามผมอีกดีกว่านะครับ ผมไม่อยากทำอะไรคุณ รู้ไหมครับคนดี”
ทงเฮได้แต่ยืนนิ่ง ไม่พูดอะไร คิบอมเห็นดังนั้นจึงยิ้มบางๆ
“อ้อ!... ลืมอะไรอีกอย่าง คุณตามผมแบบนี้ ต้องมีค่าตอบแทนหน่อยนะครับ ผมอุตส่าห์ให้คุณเดินตามตั้งนาน เพราะฉะนั้น”
“อะ...อะไรของนาย ก็ชั้นบอกแล้วว่ามะ....”
ทงเฮที่เงยหน้าขึ้นจะเถียง แต่ยังไม่ทันที่เค้าจะพูดจบประโยค ร่างสูงก็จัดการประกบจูบปิดปากเค้าซะ ร่างเล็กตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก คิบอมถอนจูบออกช้าๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปกดจูบตรงแก้มแดงเบาๆ
“อ่า..ปากคุณนี่หวานชะมัด ลานะครับ คนดีของผม^^”
ทงเฮได้แต่ยืนนิ่ง สายตาจ้องมองร่างสูงที่เดินจากไปพร้อมกับทำท่าว่าเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ร่างเล็กกำช่อดอกไม้แน่น ใบหน้าขึ้นสี สูดลมหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะ.....
“กะ..แก ไอ้เจ้าบ้า!....แกต้องตายยยยยย!!!!!!!!”
.
อีกด้าน
มหาวิทยาลัยDRE.....................
“เฮ้! ซองมิน ตรงนี้ๆ นายมาช้า15นาทีแล้วนะ!”
ร่างหนาของซองมินปาดเหงื่อออกจากใบหน้า กอดกระเป๋าใส่แล็ปท๊อปสีชมพูหวานกับกระเป๋าสะพายอันใหญ่ไว้แนบอก วิ่งเหยาะๆไปหาเพื่อนๆในกลุ่มที่นั่งรออยู่ตรงโต๊ะไม้สวนหย่อม
ปากบางคลี่ยิ้มน้อยๆ เบี่ยงตัวไปทางซ้ายนิดๆ เพื่อให้ตรงกับเป้าหมายที่กำลังจะเดินสวนมา
‘คยูฮยอน’
ซองมินเร่งฝีเท้าพร้อมกับกลั้นหายใจ พุ่งชนร่างสูงอย่างเต็มแรง
พลั่ก!! ตุ้บ!!!
“โอ้ยยยย!!!”
ร่างของซองมินล้มลงไปกองกับพื้น ฝ่ามือเล็กมีเลือดไหลซึมออกมาไม่น้อย เพราะดันไปครูดกับพื้นคอนกรีตหยาบ กระเป๋าสะพายกระเด็นไปข้างๆทาง แต่กระเป๋าใส่แล็ปท๊อปนั้น ซองมินยังคงใช้มืออีกข้างกอดเอาไว้แน่น สีหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
“นี่เป็นอะไรไหม?”มือบางถูกหยิบยื่นออกมาให้คนตัวเล็ก น้ำเสียงที่ถามนั้นดูจะไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เอ่อ...ขอบคุณนะ”ซองมินคลี่ยิ้มบางๆ ส่งมือไปให้ แต่ก็ต้องหยุดชะงักลง เพราะฝ่ามือนั้นเปื้อนโลหิตสีแดงสด
“คิดดูอีกที ชั้นลุกเองดีกว่า ขืนยื่นมือไปให้นายจับ มือนายจะเปื้อนเลือดเปล่าๆนะ^^”ฝืนยิ้มออกมา กลั้นใจใช้มือที่มีบาดแผลยันตัวเองลุกขึ้น ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเพราะความเจ็บแสบ
“เมื่อกี๊ขอโทษด้วยนะ คือชั้นมัวแต่รีบ เลยไม่ระวัง นาย....เอ่อ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ถามแต่คนอื่น ไม่ดูตัวเองเลย”
ซองมินกำหมัดแน่น ลืมไปเลยว่ามือนั้นเจ็บอยู่
‘หนอย ไอ้หมอนี่! กวนประสาทชะมัด อดทนไว้ซองมิน เพื่อจงอุนฮยอง อดทนๆๆ’
“อ่า ชั้นไม่เป็นไรหรอก ยังไงก็ขอโทษละกันนะ”ร่างเล็กพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก้มหัวขอโทษเป็นการใหญ่ คยูฮยอนช้อนสายตามองด้วยความหยิ่งยโส หันหลังเดินกลับออกไป
“นะ...นี่ เดี๋ยวก่อนสิ! นาย ...เอ่อ .....คยูฮยอน!!”
คยูฮยอนหยุดนิ่งกระทันหัน ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่ายเล็กน้อย มองร่างเล็กที่วิ่งมาขวางทางเค้าไว้
“คยู...เอ่อ คยูฮยอนใช่ไหม? หวัดดี ชั้นชื่อลี ซองมิน อยู่นิเทศเอกโฆษณา ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
‘ใครเค้าถามกัน ติงต๊องชะมัด’ร่างสูงคิดในใจ สายตามองร่างเล็กตั้งแต่หัวจรดเท้า ยืนเฉยไม่สนใจคำพูดแนะนำตัวของคนตรงหน้า
‘หนอย ไอ้เจ้าบ้า ไร้มารยาทสิ้นดี หนังสือสอนมารยาทผู้ดีมีขาย หัดไปซื้ออ่านซะบ้างนะ ไอ้เจ้าเพี้ยน!!’ ด่าร่างสูงในใจ ผิดกับใบหน้าที่คลี่ยิ้มออกมาด้วยความเป็นมิตร
“โจ คยูฮยอน สถาปัตฯ การออกแบบภายใน ว่าแต่...นายรู้จักชื่อชั้น???”เห็นดังนั้นจึงคิดได้ ควรรักษามารยาทสักหน่อยเลยทักทายพอเป็นพิธี แต่...
.....คยูฮยอนสงสัย เค้าไม่ค่อยพูดกับใคร น้อยคนที่รู้ชื่อ เพราะตอนจัดการรุ่นพี่งี่เง่าพวกนั้น ก็สั่งกำชับไปแล้วด้วยว่าห้ามบอกชื่อใคร มีแค่คนส่วนน้อยที่รู้
แล้ว... เจ้าเปี๊ยกนี่รู้ชื่อเราได้ไงวะ???
“ก็นั่นไง”ซองมินชี้ไปตรงจุดเกิดเหตุ ปกสมุดเลคเชอร์เล่มบาง มีรอยปากกาเขียนไว้หวัดๆพออ่านออกได้ว่า
‘J.KYUHYUN~’
“อ้อ! นาย....อะไรนะ ซองมินใช่ไหม? ยินดีที่ได้รู้จัก”คยูฮยอนถึงกับร้องอ้อ วันก่อนฟังอาจารย์บรรยาย เบื่อๆไม่มีอะไรทำเลยเขียนชื่อตัวเองเล่นๆ ใส่ปกเลคเชอร์
“อืม ชั้นก็....”
“นี่ ลี ซองมิน พวกชั้นจะไปแล้วนะ!”ยังไม่ทันที่ซองมินจะได้พูดอะไรต่อ เพื่อนฝูงที่นั่งรออยู่เป็นเวลานานเอะอะโวยวายขึ้น ซองมินยิ้มให้ร่างสูงบางๆ
“อ่า...ขอตัวก่อนนะคยูฮยอน โชคดีนะ ^^”พูดจบก็หันหลังเดินออกไป ช่วงเวลานั้นคยูฮยอนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เลยวิ่งไปดึงมือไว้ก่อน
“เดี๋ยว! เอ่อ....ซองมิน”
“อะไรเหรอ?”
“ซับเลือดแล้วพันแผลซะ!”
ร่างสูงยัดผ้าเช็ดหน้าใส่กระเป๋าเสื้อร่างเล็ก แล้วหันหลังเดินออกไป แต่ยังไม่ทันไร คยูฮยอนกลับหลังหันวิ่งมาหาซองมินอีกรอบ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็ก ก้มตัวไปกระซิบข้างหูเบาๆ
“ตอนเย็นรออยู่แถวนี้ด้วย จะพาไปหาหมอ ห้ามปฏิเสธ....เข้าใจ?”กำชับเสียงแข็ง พูดจบก็รีบเดินจากไปในทันที ทิ้งให้ซองมินที่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมามองพูดกับตัวเองเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“ไปได้สวยเลยนะเนี่ย ว้าว!!~~ ถ้าฮยอกแจสามีสุดที่รักรู้ คงต้องให้รางวัลเราแน่ๆเลย คิกคิก ลั้ลลา~~~”
....................................................................................................................
“หนอย! ไอ้เจ้าบ้า ชั้นไม่แก่เว้ย! แค่ 20 ปลายๆเองT T”ร่างบางใช้หลังมือปัดฝุ่นที่ไหล่เบาๆ สีหน้าไม่ได้แสดงถึงความโมโหหรือโกรธแค้น ออกแนวเศร้าหมองมากกว่า
กลุ่มชายฉกรรณ์เกือบ10คนที่นอนกองกระจัดกระจายอยู่ตรงหน้านั้น ไม่น่าเชื่อเลยว่า แค่ชายหน้าหวานคนนี้คนเดียวจะสามารถจัดการเจ้าพวกอันธพาลปากพล่อยพวกนี้ได้
“หึ...เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับปาร์ค จองซูเหรอ....พวกแกแน่มาก ไอ้น้อง ^O^”ยิ้มหวานๆช่างขัดกับท่าทางซะเหลือเกิน
จองซูหรืออีทึกตัดสินใจทิ้งเจ้าพวกปากเปราะให้นอนแอ้งแม้งไว้เบื้องหลัง มือบางกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคน
“ฮัลโหล นี่...ชินดง ไอ้เจ้าบ้าคังอินนั่นน่ะ ตอนนี้มันอยู่ไหน? หืม...โอเค ขอบใจ”
ตัวเค้านั้นมัวแต่รีบเร่งออกมา เลยไม่ได้ถามชินดงซะก่อนว่า เป้าหมายวันนี้จะไปทำอะไรที่ไหน ร่างบางเมื่อทราบแหล่งที่อยู่แล้ว มือเล็กกดรีโมทปลดล็อกประตูรถAudi R8 Tunnedสีบรอนซ์สุดหรู แล้วขับแล่นออกไปทันที ตลอดทางที่รถแล่นผ่านถนนเส้นต่างๆที่การจราจรไม่ค่อยหนาแน่นมากนัก สิ่งที่อีทึกกำลังจับจ้องไม่ใช่แค่ถนนข้างหน้าอย่างเดียว แต่รวมไปถึงคนที่เค้ากำลังจะไปหาต่างหาก เหยื่อรายล่าสุดของเค้า มือบางเอื้อมไปกดเปิดวิทยุในรถฟังเบาๆ มือขวาจับพวงมาลัย มือซ้ายตบที่ตักตัวเองตามจังหวะเพลง ใบหน้าเหยียดยิ้ม พึมพำในใจ...
“เดี๋ยวเราจะได้เจอกันแล้วนะ คังอินที่รัก!!!”
.....................................................................................
“รับอะไรเพิ่มไหมคะคุณ?”
“ขอน้ำส้มคั้นแก้วนึง”
“รอสักครู่นะคะ”
ฮีชอลเอนตัวพิงไปตามที่นั่งผู้โดยสารระดับเฟิร์สคลาส ดวงตาหรี่ลงช้าๆ ไม่สนใจสายตาของร่างสูงที่นั่งมองอยู่ฝั่งตรงข้ามเค้า
‘ชั้นจะดูว่าแกจะทำอะไร หึ...’
ฮีชอลแกล้งทำเป็นหลับ ระหว่างนั้นน้ำส้มที่สั่งเอาไว้ก่อนหน้า แอร์สาวสวยกำลังจะยกมาเสิร์ฟ
....แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นผู้โดยสารหน้าหวานกำลังอยู่ในห้วงนิททรา(หลอกๆ) จึงตัดสินใจที่จะยกแก้วน้ำส้มไปเก็บเสียก่อน ถ้าร่างบางตื่นเมื่อไหร่ ค่อยยกเอาสมาให้อีกทีนึง
แต่ยังไม่ทันที่จะหันหลังเดินกลับ ก็มีเสียงทุ้มต่ำเรียกขึ้นซะก่อน
“คุณครับ แก้วน้ำส้มนั่นเป็นของ เอ่อ...เพื่อนผมเอง เอามาไว้ที่ผมก็ได้ครับ เดี๋ยวผมให้เค้าเองดีกว่า พอดี เค้าชอบกินน้ำส้มไม่เย็นน่ะ^^”ฮันกยองส่งยิ้มหวานให้ เดินมาประชิดตัวแอร์โฮสเตส กระซิบข้างหูเบาๆเพื่อหลอกล่อ ด้านแอร์สาวนั้นก็เขินอาย พยักหน้าเออออตามอีกทั้งยังรีบส่งแก้วน้ำส้มให้ฮันกยอง พร้อมกับยิ้มหวานเดินจากไป
“เรียบร้อย ทีนี้ก็เหลือแต่....”ฮันกยองเดินกลับไปที่ที่นั่ง หยิบปากกาที่เหน็บไว่ที่กระเป๋าเสื้อออกมา หมุนตรงด้ามออก เหยาะผงยาสีขาวที่ซุกซ่อนไว้ใส่แก้วน้ำส้ม ก่อนจะใช่หลอดคนให้เข้ากัน ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย
ช่วงจังหวะนั้นเอง ฮีชอลที่สังเกตการกระทำของร่างสูงมาตลอด เริ่มขยับตัวทำเหมือนว่ากำลังจะตื่น ฮันกยองเห็นดังนั้นก็ลุกลี้ลุกลน รีบหยิบแก้วน้ำส้มที่ผสมยาปลุกเรียบร้อยไปวางไว้ตรงช่องใส่แก้วน้ำข้างหน้าที่นั่งของร่างบาง แล้วเดินกลับมานั่งที่ หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน ทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
...โดยหารู้ไม่ว่า...การกระทำทุกอย่างของเค้านั้น ผ่านสายตาร่างบางไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เค้าไม่รู้ตัว!!!
.
ฮีชอลแสร้งทำเป็นบิดขี้เกียจ สายตามองหาแก้วน้ำส้มที่สั่งไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นว่าวางอยู่ตรงหน้า จึงยกขึ้นมา มือบางจับหลอดมาจรดที่ปาก ดูดเข้าไปนิดหน่อยพอเป็นพิธี ร่างบางไม่ได้กลืนกินน้ำส้มปนยาเข้าไปหรอก แน่อยู่แล้ว...ใครจะกินล่ะ อมไว้ในปากเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ร่างสูงที่นั่งจ้องอยู่ผ่านหนังสือพิมพ์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ
ร่างบางวางแก้วน้ำลง แล้วลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำ ฮันกยองเห็นดังนั้นจึงยิ้มออกเพราะเป็นไปตามแผนที่เค้าวางเอาไว้อย่างตรงล็อก ไม่รอช้า ลุกขึ้นตามร่างบางไปติดๆ
.ในห้องน้ำ ตอนนี้ฮีชอลกำลังบ้วนน้ำส้มผสมยาลงชักโครก มองดูน้ำเจือสีส้มที่ไหลลงที่ระบาย มือบางกำหมัดแน่น แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ
“แผนเด็กๆแบบนี้ นึกว่าจะทำอะไรชั้นได้เหรอ หึ...ไม่มีทางหรอกเว้ย!”มือบางรองน้ำจากก๊อกแล้วกรอกใส่ปาก กลั้วยาที่ปนเปื้อนในปากออกให้หมดแล้วบ้วนทิ้ง ใช้หลังมือเช็ดกลีบปากบางที่เปียกน้ำ
“ตอนนี้...ถ้าให้เดา ไอ้เจ้าหมอนั่นคงอยู่หน้าห้องน้ำล่ะสิ อ่า...ถึงเวลาแล้วสินะ หึๆ”ฮีชอลปลดล็อกกลอนประตูแล้วก้าวเดินออกมา แสร้งทำเป็นชะงักเมื่อเห็นฮันกยองยืนพิงผนังแล้วยื่นมือมาขวางเอาไว้
ร่างบางใช้สายตาอันยั่วยวนมองร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า แลดูเหมือนว่ายากำลังออกฤทธิ์ แต่ที่จริงแล้วไม่เลย แกล้งทำทั้งนั้น ฮีชอลรู้สึกอยากจะอ้วกกับท่าทางของตัวเองมากมาย
ร่างสูงไม่รอช้า บอกได้เลยว่าเค้าเชื่อสนิทใจว่า ร่างบางกำลังเริ่มจะเกิดอารมณ์ต้องการ แขนแกร่งโอบเอวบางมาประชิดตัว ฮีชอลเห็นดังนั้นจึงเลื่อนหน้าเข้าไปประกบปากจูบ
ฮันกยองเอื้อมมือไปปิดประตูทั้งๆที่กำลังกดจูบแลกลิ้นกับร่างบางอย่างดูดดื่ม มือหนาสอดเข้าไปใต้เสื้อตัวบางบีบเค้นยอดอกเบาๆ
ฮีชอลที่ตอนนี้ยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่ตลอดเวลาทำเป็นผลักร่างสูงออก มือบางปลดกระดุมเสื้อของคนตรงหน้าออกทีละเม็ด สายตาอันยั่วยัวที่ส่งไปให้ร่างสูงนั้นทำเอาฮันกยองอดใจไม่ไหว กระชากเสื้อเชิ้ตตัวบางของฮีชอลออก เผยให้เห็นผิวขาวล่อตาล่อใจ
แต่ยังไม่ทันไร ฮีชอลแกล้งทำเป็นสลบลงไปกับพื้น ทำเอาฮันกยองนั้นสะดุ้งทันที
“เฮ้ย!! คุณๆ เป็นอะไร???”หน้าตาตื่น ลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนขยี้หัวตัวเองอย่างแรง ก้มลงไปช้อนตัวร่างบางมาไว้ในอ้อมกอด เขย่าไปมา
“คุณๆ เอ่อ...ฮีชอลๆ คุณคิมฮีชอล”มือหนาตบที่ใบหน้าคนที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ ปากพร่ำกระซิบเรียกตรงข้างใบหู
เมื่อตั้งสติได้ ฮันกยองอุ้มร่างบางออกมาจากห้องน้ำ วางไว้ตรงที่นั่ง ปากยังร่ำร้องเรียกไม่ขาด
“คุณๆๆ ตื่นสิ...”
“เกิดอะไรขึ้นคะ??? ”แอร์สาวรีบเข้ามาดูอาการด้วยความตกใจ มองหน้าร่างสูงอย่างสงสัย
“ผมเห็นเค้าไปเข้าห้องน้ำนานมาก ไม่ออกมาสักทีเลยไปดูก็เจอเค้าสลบอยู่หน้าประตูนี่ล่ะครับ”ฮันกยองรักษาน้ำเสียงให้เรียบเฉย มือหนาลูบหน้าเนียนเบาๆ
‘จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย?’
.........................................
ความคิดเห็น