ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Cherish [Wonhyuk,Hanchul,Kihae]

    ลำดับตอนที่ #2 : Cherish :: [1]

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 53


    Cherish 

     

    Term 1 :: วันเปิดเรียน คำพูด และการกระทำ

     

     

     

    ------------------------------------------------------------

     

     

    “เพื่อนคือคนที่คอยอยู่เป็นเพื่อนยามที่เราเหงา

     

    เพื่อนคือคนที่ช่วยปลอบโยนเวลาเราเศร้า

     

    เพื่อนคือคนที่คอยยินดีเมื่อเราประสบความสำเร็จ

     

    เพื่อนคือคนที่ช่วยเหลือยามเราตกทุกข์ได้ยาก”

     

    นิยามเรื่องเพื่อนพวกนี้น่ะหรอ ผมไม่เคยเชื่อเลยสักนิด ก็เพราะว่าผมไม่มีเพื่อนยังไงล่ะ!!!!!.............

     

     

    -------------------------------------------

     

     

    โรงเรียนพยอชิน

     

    ยามเช้าที่สดใสเหมาะกับการเริ่มวันใหม่ได้เป็นอย่างดี การที่วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกมันช่างเป็นการเริ่มต้นที่ดีจริงๆเลย ทุกคนดูกระตือรื้อกันจังเลย ทั้งอวดเสื้อผ้าใหม่ ข้าวของเครื่องใช้ใหม่ เป็นอย่างนี้ทุกเทอมเลยซินะ ก็แหงล่ะโรงเรียนนี้มีแต่คนรวยๆทั้งนั้นเรียนทั้งนั้นแหละ แค่ใครปั่นจักรยานมาโรงเรียนหรือใครเดินมาโรงเรียนก็จะถูกมองว่าเป็นประหลาดแปลกแยก ทั้งๆที่บ้านก็ใกล้กับโรงเรียนเพียงนิดเดียวทำไมต้องให้รถคันหรูๆคอยมารับมาส่งด้วยล่ะ เปลืองจะตาย

     

    ร่างเล็กๆขาวๆของใครคนหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเขามาภายในโรงเรียน ท่ามกลางสายตาของเพื่อนในโรงเรียนที่มองราวกับเป็นตัวประหลาด แต่สำหรับเค้านั้นรู้สึกชินซะแล้ว การที่ปั่นจักรยานมาโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ร่างเล็กๆจอดจักรยานใกล้กับโต๊ะม้าหินที่อยู่ใต้ต้นเมเบิ้ลต้นใหญ่ ขณะที่กำลังก้มลงล็อคโซ่ล้อนั้น หูเจ้ากรรมก็ไปได้ยินสิ่งที่น่ารำคาญที่สุดตลอดสามปีที่เค้าอยู่โรงเรียนนี้มา

     

    “นี่ดูซิ คุณหนูตะกลูลีผู้โด่งดัง ปีนี้ก็ยังคงปั่นจักรยานมาโรงเรียนเหมือนเดิมเลย”

     

    “นั้นสินะ ไม่รู้ว่ารวยจริงๆรึเปล่า แต่ฉันว่าคงเป็นพวกรวยแต่เปลือกล่ะมั้ง”

     

    “ฉันก็ว่างั้นแหละแก เพราะตั้งแต่คุณหนู ลี ฮยอกแจ คนนี้เข้ามาเรียนที่นี้ ยังไม่เคยเห็นมีรถมารับส่งสักคัน เห็นมีแต่จักรยานเก่าๆ”

     

    “ดูซิ จักรยานเก่าๆแบบนั้นใครมันจะขโมย ดูสิต้องล็อคล้อด้วยนะ”

     

    ....

     

    ....

     

    ....

     

    เสียงเหล่านั้น ถ้าจะให้พูดสำหรับฮยอกแจนั้นได้ยินเป็นแค่เสียงนกเสียงกาตัวเล็กที่ชอบอวดร่ำอวดรวยไปวันๆ สมองไม่เคยคิดเรื่องอะไรดีๆกับเค้าหรอก หลังจากล็อคล้อเสร็จแล้วร่างเล็กก็เตรียมเดินไปที่ตึกเรียน แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปก็มีเสียงนึงดังทักขึ้น

     

    “อรุณสวัสดิ์นะคะ คุณหนูฮยอกแจ ปีนี้ก็ยังคงปั่นจักรยานเก่าๆคันนั้นมาอีกหรอค่ะ” เพียงแค่ฟังดูก็รู้ว่าคนที่พูดจงใจแดกกัน แต่ฮยอกแจก็ทำเป็นไม่สนใจ ร่างเล็กยิ้มยิ้มให้น้อยๆก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆแต่เจ็บแสบ

     

    “จักรยานเก่าน่ะ มันก็ยังดีกว่ารถคันหรูแต่มีป้าย“ยึด”ติดอยู่นะ เพราะอย่างน้อยจักรยานเก่าๆคันนั้นมันก็ยังเป็นของฉันน่ะ”พูดจบร่างเล็กก็เดินจากไปทันที โดยปล่อยให้สัมพะเวสีบางคนยืนกรี๊ดอย่างคนบ้า

     

    “คอยดูนะ ลี ฮยอกแจ ฉันจะต้องทำให้นายมาก้มหัวให้ฉันให้ตาย”หญิงสาวคนนั้นพึมพำอย่างโกรธแค้น ปากสีสดเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง มือเรียวกำแน่นด้วยความโกรธ สายตามองตามหลังร่างเล็กของฮยอกแจไปด้วยความเคียดแค้น

     

     

    -----------------------------------------------------------

     

     

    อาคารเรียนที่ 3 แผนกนักเรียนชาย

     

    ปี 3 ห้อง A

     

    สำหรับโรงเรียนนี้ค่อนข้างจะแปลกกว่าโรงเรียนอื่นตรงที่ว่า ถึงจะเป็นโรงเรียนสหก็จริง แต่ภายในโรงเรียนจะถูกแบ่งออกเป็นแผนกของนักเรียนชายและนักเรียนหญิง แต่มันก็ดีเหมือนที่อยู่แยกกัน เพราะสำหรับฮยอกแจแล้ว เค้าเกลียดกลิ่นเครื่องสำอางของผู้หญิงเป็นที่สุด รวมทั้งน้ำหอมราคาแพงลิบลิ่วที่พวกหล่อนพ่นกันมา มันชวนปวดหัวซะจริงๆ ได้กลิ่นทีไรมันจะคลื่นไส้ทุกที

     

    “สวัสดีครับ ฮยอกแจ วันนี้ผมอยากเห็นรอยยิ้มอันสดใสของคุณจัง” เสียงพูดจากเด็กผู้ชายคนนึงพร้อมกับเสียงโห่ร้อง ที่เหมือนนัดกันเอาไว้ดังขึ้นตามมาติดทันทีที่ฮยอกแจเดินเข้ามาในห้อง แต่ร่างเล็กก็ยังคงไม่สนใจมันเหมือนกันเดิม ร่างเล็กรีบเดินไปนั่งที่โต๊ะเรียนริมหน้าต่างของตนเอง แล้วนั่งลงเอาหน้าฟุบลงกับโต๊ะทันที

     

    “ว้า เสียดายจัง นึกว่าปีนี้จะได้เห็นรอยยิ้มของนางฟ้าตัวน้อยของห้องเรายิ้มเพื่อเป็นสิริมงคลกับการเปิดเทอมใหม่ซะหน่อย ปีนี้ก็อดตามเดิมแย่จังเลยเนอะ พวกเรา”

     

    “นั้นสิ ยิ้มหน่อยไม่ได้หรอครับ” เสียงเหล่านั้นดังขึ้นใกล้ๆกับหูของฮยอกแจ จนฮยอกแจคิดว่าพวกนั้นคงอยู่รอบโต๊ะของเค้าแน่นอน

     

    ทันทีที่เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะฮยอกแจก็พบว่า สิ่งที่เค้าคิดมันถูกต้องจริงซะด้วย ฮยอกแจถอนหายใจด้วยความรำคาญนิดๆ

     

    “นี่พวกแกอย่าไปเซ้าซี้คนแบบนั้นเลย เราพูดไปก็เท่านั้นแหละ เค้าไม่คิดจะสนใจคำพูดของพวกเราหรอก” อีกเสียงนึงดังขึ้นอีกจากมุมหลังห้อง สำหรับฮยอกแจแล้ว เสียงของคนนี้เป็นเสียงที่เค้าเกลียดที่สุด “ชเว ซีวอน” ตั้งแต่เค้าเข้ามาเรียนที่นี้ คนคนนี้ไม่เคยจะพูดดีกับเค้าเลยซักครั้ง ทุกครั้งก็จะพูดแต่กระแทกแดกดัน เค้าเกลียดซีวอนที่สุดเลย

     

    “นายก็รู้ดีนิ ทำไมไม่รู้จักพวกเพื่อนๆของนายให้รู้มั่งล่ะ ว่าฉันเป็นเป็นยังไง” ฮยอกแจตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างที่จะขึ้นจมูกนิดๆ ซึ่งต่างกับเวลาเค้าคุยกับคนอื่น คงเป็นเพราะคนที่ตอนนี้เค้ากำลังสนทนาด้วยเป็นซีวอนล่ะมั้ง เสียงจากที่เคยเย็นชาถึงได้เปลี่ยนไป

     

    “ก็เพื่อว่านายจะปรับนิสัยตัวเองให้เข้ากับเพื่อนได้มั่งไงล่ะ ..........ได้ดูท่าแล้วมันจะใช้ไม่ได้ผลละมั้งเนี่ย เพราะนิสัยอย่างนายนะ ยังไงมันก็แก้ไม่ได้แล้วล่ะ”

     

    “แล้วมันไปหนักส่วนไหนของศีรษะนายไม่ทราบ”ฮยอกแจตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ทุกคนในห้องหันมาสนใจกันเป็นตาเดียว

     

    “หึก็เราะนิสัยแบบนี้แหละ ถึงไม่ใครเค้าอยากจะคบนายเป็นเพื่อน” คำพูดนั้นดูเหมือนจะแทงใจดำของฮยอกแจเข้าอย่างเต็มๆ ร่างเล็กถึงกับเงียบ พูดไม่ออกจริงๆกับคำๆนี้

     

    “เป็นไงแทงใจดำเข้ารึไง” ฮยอกแจกัดฟันแน่น สายตาที่มองไปหาซีวอนตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

     

    “เฮ้ยแกพอได้แล้ว ไปว่าเค้าแบบนั้นทำไมว่ะ”เพื่อนอีกคนเข้ามาหยุดซีวอนที่กำลังจะตั้งท่าพูดต่อ

     

    “แกจะมาห้ามทำไมว่ะ ไอ้ฮัน ก็ไอ้นี่....” ยังไม่ทันพูดอะไรซีวอนก็ถูกปิดปากด้วยเพื่อนอีกคนนึงซะก่อน แต่ถึงอย่างนั้นฮยอกแจก็ถึงกับสะดุ้งกับคำสรรพนามที่ซีวอนเรียกตัวเอง นี่ถึงกับเรียกเราว่า“ไอ้”เลยหรอมันจะมากไปแล้วนี่ถ้าไม่ได้เพื่อนทั้งสองคนของซีวอนเข้ามาห้ามเอาไว้เค้าคงโดนมากกว่านี้แน่เลย

     

    ทั้งคิบอม และฮันกยองพยายามห้ามไม่ให้ซีวอนพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะรู้ดีว่าถ้ายังขืนเปล่าให้ซีวอนยังพูดต่อไป คงได้มีพูดร้ายๆออกมาทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กคนนี้อีกแน่นอน

     

    คิม คิบอม และ ลี ฮันกยอง ทั้ง 2 คนนี้เป็นเพื่อนที่ถือได้ว่าสนิทที่สุดของซีวอน แต่น่าแปลกที่ทั้งสองคนกลับมีนิสัยแตกต่างกับซีวอนอย่างสุดขั้ว คิบอมนั้นออกจะเป็นคนที่เงียบๆไม่ชอบระรานใคร ถ้าไม่มีใครไปยั่วโมโหก่อน ส่วนฮันกยองนั้น เป็นคนที่ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกคน แต่เค้าก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะเงียบ ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า ไม่ชอบมีเรื่องกับใคร มองโลกในแง่ดีอยู่(เกือบ)ตลอดเวลา นิสัยของทั้งสองคนนี้แตกต่างกับซีวอนอย่างสิ้นเชิง ซีวอนนั้นเป็นคนที่ใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ซีวอนก็หนุ่มที่ป๊อปปูล่าที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้ ทั้งฐานะ หน้าตา ซีวอนถือว่าจัดอยู่ในระดับต้นของโรงเรียนนี้เลยทีเดียว รวมทั้งนิสัยที่ทั้งฮันกยองและคิบอม พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซีวอนเป็นสุภาพบุรุษมากๆ แต่สำหรับฮยอกแจแล้วดูเหมือนว่า คำว่า สุภาพบุรุษ ของซีวอนนั้นเป็นแค่สิ่งจอมปลอมที่เจ้าตัวนั้นสร้างขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้นก็เท่านั้น

     

    “ต้องขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ ที่เค้าพูดแบบนั้นออกไป หมอนี่มันพูดอะไรไม่ค่อยคิดหรอก อย่าไปถือโทษโกรธมันเลยนะ”

     

    “อ้าวไอ้ฮันแกพูยังงี้ได้ไงว่ะ”

     

    “แกเงียบเถอะน่า”

     

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะพยายามไม่ถือโทษโกรธเค้าแบบที่นายบอกละกันนะ ดูท่าแล้วเพื่อนนายคนนี้คงจะพูดอะไรออกมาโดยไม่ได้คิดจริงๆนั้นแหละ เพราะเค้าคงไม่มีสมองให้คิด”

     

    “เฮ้ย พูดอะไรให้มันดีหน่อยสิวะ” เพราะคำพูดของฮยอกแจเหมือนไปพูดสะกิดต่อมโมโหของซีวอนเข้าให้อย่างจัง ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้กับร่างเล็กแล้วผลักที่ไหล่บางของคนตัวเล็กอย่างแรง จนร่างเล็กถึงกับเซไปชนกับโต๊ะ ภาพที่ได้เห็นทำเอาเพื่อนๆทุกคนในห้องถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ โดยเฉพาะฮันกยองและคิบอม ซีวอนถึงแม้ว่าจะคนใจร้อน ไม่ฟังใคร แต่เค้าก็เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ทำร้ายร่างกายคนอื่นก่อน แต่กับฮยอกแจแล้ว วันนี้ภาพที่ทุกคนได้เห็น มันไม่ใช่ ชเว ซีวอน ที่แสนจะเป็นสุภาพบุรุษ กลับกล้าคนที่ตัวเล็กๆอย่างฮยอกแจได้อย่างเต็มแรง ฮันกยองและคิบอมต้องรีบมากันซีวอนออกจากบริเวณนั้นทันที เพราะเกรงว่า ถ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปอีก คงได้มีเรื่องเกิดขึ้นมากกว่านี้แน่

     

    “นี่แกไปผลักเค้าทำไมว่ะ”ฮันกยองต่อซีวอนทันทีที่ลากตัวซีวอนมาที่โต๊ะเรียนของตัวเอง ซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะของร่างเล็กพอสมควร ชนิดที่เรียกว่าคนละมุมห้องเลยทีเดียว

     

    “อ้าวไอ้ฮัน แกพูดอย่างนี้ได้ไงว่ะ แกก็เห็นว่าไอ้หมอนั้น มันมาว่าฉันก่อนนะเว้ย” ซีวอนเถียง

     

    “แต่แกไปปากเสียกับฮยอกแจเค้าก่อนนะ”

     

    “ก็ฉันโมโหนิ”

     

    “แต่แกไม่ควรที่จะไปผลักฮยอกแจเค้าแบบนั้นนะ แกแหกตาของแกดูซะมั่งก็ได้นะว่าฮยอกแจเค้าตัวเล็กกว่าขนาดไหน แกเล่นไปผลักเค้าซะเต็มแรงแบบนั้น มันไม่เกินไปหน่อยรึไงว่ะ” คนที่ไม่ค่อยจะพูดอย่างคิบอมขึ้นขั้นต้องเอ่ยปากตักเตือน ทำให้ซีวอนนิ่งเงียบไป เหลือบมองดูฮยอกแจที่เอามือกุมอยู่ที่เอวของตัวเองด้วยความรู้สึกผิดนิดๆ

    ....

     

    ....

     

    ....

     

    ฮยอกแจค่อยๆประคองตัวเองให้ยืนตัวตรง มือเล็กนั้นยังคงกุมอยู่ที่เอวบางๆของตัวเองด้วยความเจ็บร้าว สายตาที่มองไปทางซีวอนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งโกรธ ทั้งเกลียด ทั้งน้อยใจ ปากบางเม้มน้อยก่อนก่อนที่จะกัดฟันเดินออกไปจากห้องเรียนด้วยความทุลักทุเล เนื่องจากความเจ็บที่เอวบางนั้น

     

     

    ----------------------------------------------------------------

     

     


    To  Be Continue

     






    ----------------------------------------------------------------



    Talk :: Rewrite
    ใหม่นะจ๊ะ คือแบบเก่ามาอ่านเองแล้วมันถูกใจเท่าไหร่ แล้วสำนวนมันก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เลยรีไรท์ใหม่ ชอบแบบนี้อ่ะ คิดว่า ณ ตอนนี้สมบรูณ์แล้วนะ (สำหรับตัวเราเองนะ) ^^ เม้นด้วยน๊า o(^-^)o  จะได้รู้ชอบกันรึเปล่า (แต่เราชอบแบบนี้นะ น่ารักกุ๊กกิ๊ก 555) รักคนอ่านนะจ๊ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×