คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : สับสน...100%
เมื่อเพลงพิณก้าวเข้าบ้าน
ภาพแรกที่เห็นคือรตีกำลังพูดคุยอยู่กับประมุขของบ้าน โดยมีไพลินคอยเป็นลูกคู่
หญิงสาวมองภาพนั้นด้วยความหมั่นไส้
และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาและเป็นส่วนเกิน เพราะรตีทำท่าเอาอกเอาใจบิดาของเธอจนเกินพอดี
เมื่อรตีหันมาเห็นเพลงพิณ
ก็ยิ่งพยายามแสดงสีหน้าและท่าทางประจบประแจงมากยิ่งขึ้น มือบางเรียวนวดผู้เป็นสามีอย่างออดอ้อน
แต่แววตากลับจ้องมองมายังเพลงพิณอย่างเยาะเย้ย
“คุณภพเมื่อยไหมคะ
เดี๋ยวฉันนวดให้นะคะ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ” พิภพตอบเสียงเรียบ
“ฉันไม่ได้ช่วยงานคุณเลย
ทำให้คุณต้องเหนื่อยอยู่คนเดียว” รตียังคงพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเห็นใจ
ทว่าคำพูดนั้นกลับจงใจกระทบคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ไม่เป็นไรหรอก เพลงกำลังเข้ามาช่วยแบ่งเบางานแล้ว” พิภพเอ่ยอย่างภาคภูมิใจพลางมองหน้าลูกสาวคนโต
รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของเพลงพิณทันที
อารมณ์โกรธเมื่อครู่นี้หายไปจนหมด แถมยังเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาอย่างท้าทาย
“เพลงไม่ได้ช่วยอะไรพ่อมากมายนักหรอกค่ะ
ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้นเอง ไม่อยากให้พ่อเหนื่อยคนเดียวน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานเลียนแบบผู้เป็นแม่เลี้ยง แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างกายบิดา
พร้อมกับคล้องแขนชายวัยกลางคนไว้
รตีชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาเย้ยหยันของลูกเลี้ยง
ท่าทีของเพลงพิณไม่ได้ดูเกรงกลัวหรือว่าอ่อนน้อมให้กับผู้สูงวัยกว่าเลยสักนิด
“พ่อภูมิใจในตัวเพลงนะ” พิภพเอ่ยพลางลูบศีรษะลูกสาว โดยลืมไปว่าแขนข้างนั้นกำลังถูกนวดโดยภรรยา
เป็นผลให้รตีต้องปล่อยแขนนั้นเป็นอิสระ
“เพลงทำเพื่อพ่อค่ะ” หญิงสาวโอบบิดาแน่นยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินคำเอ่ยชม
เธอรู้สึกถึงความสุขที่เกิดในหัวใจแม้ว่ามันจะไม่ได้มากอย่างที่เธอหวังไว้
แต่อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกอ้างว้างเหมือนก่อนแล้ว
พิภพต้องการชดเชยสิ่งที่ลูกสาวเคยขาด
การกลับมาของเพลงพิณจึงเป็นสิ่งที่เขาโหยหามาตลอดเวลาห้าปี เขาบอกกับตัวเองตั้งแต่เห็นลูกสาวเดินเข้ามาในบ้านว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้เพลงพิณมีความสุข
“แล้วเรื่องพี่นนท์ล่ะลูก” พิภพถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี
คนทั้งสามต่างพากันมองหน้าประมุขของบ้านด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป
เพลงพิณรู้สึกถึงความลังเลและความไม่แน่ใจ ส่วนสองแม่ลูกรู้สึกถึงความอิจฉาริษยา
โดยเฉพาะไพลินที่ดูจะไม่พอใจมากที่สุด
ไพลินกัดริมฝีปากและจ้องมองมายังพี่สาวต่างมารดาด้วยความโกรธแค้นและความเกลียดชัง
และอยากจะร้องกรี๊ดออกมาเพื่อระบายความคับแน่นในอก
“เอ่อ...” เพลงพิณอึกอักไม่สามารถหาคำตอบให้บิดาได้
“พี่เพลงจะแต่งงานกับพี่นนท์เหรอคะ” ไพลินโพล่งออกมาทันทีที่จิตสำนึกของเธอสั่งให้
ความอยากรู้อยากเห็นทำให้หญิงสาวเก็บความรู้สึกไว้ไม่ไหว
“ทำไมเหรอ ไพลิน” เพลงพิณถามหยั่งเชิง ดวงตากลมโตมองหน้าไพลินแน่วนิ่ง
ทว่าเธอก็พอจะเดาความคิดของน้องสาวต่างมารดาคนนี้ได้
“น้องแค่เป็นห่วงน่ะจ้ะ
เห็นว่าเพลงเพิ่งรู้จักกับนนท์ได้ไม่นาน”
รตีรีบชิงพูดขึ้นมาก่อน และหันไปมองลูกสาวด้วยสายตาตำหนิ
‘ไม่เก็บอาการเลยนะแก’
“ขอบใจนะจ๊ะ ไพลิน
ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก พี่ดูแลตัวเองได้” เพลงพิณตอบด้วยใบหน้าใสซื่อ
และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“แปลว่าเพลงตกลงแต่งงานใช่ไหมลูก
พ่อดีใจจริงๆ เลย” พิภพเอ่ยอย่างยินดี
“พี่เพลงรู้ได้ยังไงคะว่าพี่นนท์รักพี่เพลง” ไพลินยังคงไม่ยอมแพ้
“ถ้าพี่นนท์ไม่รักพี่
พี่นนท์ก็คงปฏิเสธไปแล้วละ แต่นี่ไม่เห็นพูดอะไรเลยนะ”
“พี่นนท์เป็นคนใจดี
พี่นนท์อาจจะ...”
“การที่พี่ตกลงแต่งงานกับพี่นนท์
ไพลินน่าจะยินดีกับพี่นะ อย่าเป็นห่วงและกังวลแทนพี่เลย”
เพลงพิณตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หญิงสาวรำคาญกับการเซ้าซี้และท่าทีที่พยายามตอกย้ำกับเรื่องแต่งงานของไพลินเหลือเกิน
แต่ลึกๆ แล้วก็พอใจที่เห็นไพลินหัวเสียและผิดหวัง
“จริงเหรอลูก พ่อดีใจที่ได้ยินเพลงพูดอย่างนี้” พิภพเอ่ยออกมาอย่างปีติ
เพลงพิณยิ้มให้บิดา แต่เพียงครู่เดียวแปรเปลี่ยนเป็นความว้าวุ่น
เพราะเธอเพียงแค่ต้องการประชดและเอาชนะสองแม่ลูกเท่านั้นเอง
มือบางจิกผ้าปูที่นอนอย่างเจ็บใจ
ใบหน้านวลเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ไพลินอยากจะร้องกรี๊ดออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นที่แน่นอยู่ในอก
แต่ก็ไม่สามารถทำได้ดังใจคิด
รตีมองหน้าลูกสาวด้วยความเห็นใจ
เธอรู้ดีว่าไพลินหมายตาชานนท์มาก่อนที่เพลงพิณจะรู้จักกับชานนท์นานแสนนาน
หยาดน้ำใสไหลรินลงมาจากดวงตากลมโตอย่างเงียบๆ
ไพลินไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายหรือส่งเสียงสะอื้นออกมาแต่อย่างใด มีเพียงท่าทีที่นิ่งเงียบและเยือกเย็น
แต่รตีก็รับรู้ถึงความเจ็บแค้นของลูกสาว
“ไพลิน...แม่เข้าใจแกนะ” รตีพยายามปลอบโยนลูกสาว เธอไม่ต้องการให้ไพลินด้อยกว่าเพลงพิณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าหัวใจของไพลินเป็นของชานนท์ มันก็ยิ่งทำให้รตีเจ็บแค้นมากขึ้น
“ไพลินเกลียดมัน! แม่ได้ยินไหม ไพลินเกลียดมัน!” หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังด้วยความอาฆาต
รอยยิ้มที่แสนจะน่าเกลียดปรากฏบนใบหน้าของหญิงวัยกลางคน
เธอพออกพอใจที่เห็นความเคียดแค้น ยิ่งไพลินเกลียดเพลงพิณมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เธอพอใจมากเท่านั้น
“จำไว้นะ! ผู้หญิงคนนั้นมันแย่งทุกอย่างไปจากแก”
ความชิงชังเคียดแค้นของไพลินทวีขึ้นอีกหลายเท่าตัว
มือบางกำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันยับยู่ยี่เป็นบริเวณกว้าง ดวงตากลมโตที่มองมารดาบ่งบอกถึงเจตนาร้าย
‘อีบ้า!’
ภายในห้องนอนสีแสนหวาน
ที่นอนนุ่มถูกปูทับด้วยผ้าปูลายดอกไม้สีชมพู
ไม่ได้ทำให้คนที่นอนอยู่นั้นรู้สึกสบายแต่อย่างใด เพราะเจ้าตัวยังคงกลัดกลุ้มถึงคำพูดที่ได้เอ่ยไปเมื่อตอนเย็นนั่นเอง
เพลงพิณตอบตัวเองไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น
ใจหนึ่งก็อยากเอาชนะ ใจหนึ่งก็อยากจะแกล้งให้ใครบางคนต้องเสียหน้า
ใจหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว แต่อีกใจหนึ่งก็ดีใจอยู่ลึกๆ
‘ฉันเป็นอะไรกันแน่นะ’
ร่างบางพลิกไปมาด้วยความสับสน
ทุกอย่างที่คิดกำลังตีกันยุ่ง และไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย
จนทำให้เจ้าตัวต้องถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรง
มือบางเอื้อมหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหัวเตียงแล้วกดโทร.ไปหาเพื่อนสาวเพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ได้รับฟัง
ต้องการใครสักคนรับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั่งเอง
“อัย ฉันมีเรื่องจะปรึกษา” เพลงพิณเข้าเรื่องทันทีที่เพื่อนสาวรับสาย
เรื่องราวเมื่อตอนเย็นพรั่งพรูออกจากปากของเธอ
อัยราฟังพลางส่ายหน้าช้าๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
เธอไม่เข้าใจเพลงพิณเลย การตัดสินใจที่แสนจะรวดเร็วและเต็มไปด้วยอารมณ์ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยสักนิด
“แกทำอะไรลงไปน่ะ
แกคิดดีแล้วใช่ไหม”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
อัย แค่เห็นหน้าสองแม่ลูกนั่นฉันก็หมั่นไส้ หงุดงหงิด ก็เลยโพล่งออกไปแบบนั้น”
อัยราไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
ในเมื่อเพลงพิณได้ตัดสินใจไปแล้ว และมันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข
“ทุกทีแกรอบคอบกว่านี้นะ
เพลง”
“ก็ฉันโมโหนี่!” หญิงสาวเถียงด้วยความดื้อรั้นและไม่ยอมแพ้ ทั้งๆ ที่สมองยังหนักอึ้ง
“จริงเหรอ! หรือว่าแก ‘รัก’ เขา”
เพลงพิณนิ่งไปทันที คำถามของอัยราทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวเร็วกว่าปกติ
โดยไม่สามารถควบคุมหรือฝืนเอาไว้ได้เลย
“เพลง ยังฟังฉันอยู่หรือเปล่า” อัยราเรียกเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากเพื่อนสาว
“ฉัน...ฉันไม่รู้หรอกแก
ฉันไม่แน่ใจ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
น้ำเสียงรัวเร็วและสั่นไหวยืนยันถึงความคิดและการกระทำทั้งหมดได้เป็นอย่างดี
อัยราคิดเช่นนั้น
ปกติเพลงพิณไม่ใช่คนวู่วามและขาดสติ
แต่ที่เจ้าตัวยอมตกลงแต่งงานคงเป็นเพราะเบื้องลึกของหัวใจนั้นได้รับชานนท์เข้ามาเสียแล้ว
“แกพักผ่อนเถอะนะ เพราะยังไงๆ
แกก็ตัดสินใจไปแล้ว” อัยราตัดบทและวางสายไปด้วยรอยยิ้ม
แม้จะไม่ได้รู้จักชานนท์เป็นการส่วนตัว
แต่อัยราก็เชื่อว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องเป็นคนดีพอที่จะดูแลเพื่อนของเธอได้ ไม่เช่นนั้นพิภพคงจะไม่หมายตาเอาไว้แน่นอน
ฝ่ายเพลงพิณ แม้ว่าจะได้ปรึกษาหารือกับเพื่อนสาวไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวหลับตาลงได้ เธอเพียงแค่รู้สึกผ่อนคลาย แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือ เธอรู้สึกหวาดหวั่นเมื่อรับรู้ถึงหัวใจของตัวเอง
ต่ออออออออออค่า
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเพลงพิณเดินลงมาที่โต๊ะอาหารเร็วกว่าปกติ
ดวงหน้าถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางเพื่อปกปิดรอยหมองคล้ำจากการอดหลับอดนอน
พิภพไม่ได้แปลกใจหรือเอ่ยถามอะไรออกไป
เพราะรอยยิ้มที่เพลงพิณส่งมายังคงสดใสเป็นปกติ
ระหว่างทางมาบริษัท
หญิงสาวยังคงทำตัวเหมือนเดิมทุกอย่าง กระทั่งเพลงพิณมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของชานนท์ซึ่งปัจจุบันเป็นห้องทำงานของเธอและเขา
ร่างบางยืนนิ่งอยู่หน้าห้องครู่ใหญ่
สีหน้าบ่งบอกถึงความลังเลอย่างชัดเจน เธอไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไรดีเมื่อเจอะเจอกับชานนท์
“ทำอะไรอยู่เหรอ เพลง”
เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้น
ทำเอาคนถูกเรียกต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ และรีบเดินเข้าไปให้ห้องทันที
เพื่อไม่ให้เกิดอาการเก้อเขินมากไปกว่านี้
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำงานทันที
และพยายามทำตัวเองให้ยุ่งเข้าไว้ มือบางจัดแจงเก็บของ เปิดลิ้นชัก
หยิบโน้ตขึ้นมาดู เหตุผลก็คือจะได้ไม่เกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าชานนท์
‘นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย!’
“เมื่อวานคุณอาโทร.หาพี่น่ะ
คุณอาบอกว่าเพลงตอบตกลงเรื่องแต่งงานแล้ว” ชานนท์เอ่ยพลางมองหญิงสาวที่เอาแต่จ้องจอคอมพิวเตอร์
“เอ่อ...ค่ะ”
“พี่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเพลงถึงได้ตัดสินใจตอบตกลง
แล้วพี่ก็ไม่รู้ว่าไพลินมีส่วนในการตัดสินใจด้วยหรือเปล่านะ
แต่พี่ก็ดีใจที่เพลงตอบตกลง เพราะอย่างน้อยเพลงก็ทำให้คุณอาสบายใจ
และก็ทำให้พี่สบายใจด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงนิ่ง
“ทำไมพี่นนท์ถึงสบายใจล่ะคะ” หญิงสาวถามด้วยความงุนงง เธอรู้ดีว่าชานนท์ยอมแต่งงานตามความต้องการของผู้ใหญ่
แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมชานนท์ต้องสบายใจกับเรื่องนี้ด้วย
“ก็...ยังไงดีล่ะ...เอาไว้อยู่ไปก็เข้าใจเองแหละ”
เพลงพิณเงยหน้ามองชานนท์ด้วยรอยยิ้มที่เจือด้วยความอายเล็กน้อย
เขาฉลาดพอที่จะรู้ว่าไพลินมีส่วนในเรื่องนี้ แต่ตัวเขาเองก็มีส่วนเช่นกัน ทว่าเขาก็ไม่ได้ดูหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียแต่อย่างใด
‘เพลงก็สบายใจค่ะ พี่นนท์’
กริ๊งๆๆ!
“สวัสดีค่ะ” อัยรารับสายเสียงสุภาพเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ที่ไม่คุ้น
“ผมเองนะ เวทัส”
“คุณเอาเบอร์ฉันมาได้ยังไงเนี่ย!” อัยราทำเสียงแหลมใส่ทันที เมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“อ้าว! ทำไมทำเสียงอย่างนั้นล่ะ ผมแค่จะชวนคุณไปซื้อของขวัญวันแต่งงานให้เพลงน่ะ
ไปด้วยกันไหม” เวทัสไม่สนใจน้ำเสียงไม่พอใจของหญิงสาวเลยสักนิด
เขายังคงเอ่ยต่ออย่างอารมณ์ดี
“ฉันไม่ไปกับคุณหรอก!”
เพียงแค่นึกถึงใบหน้าที่ยียวนและการกระทำที่ชวนหาเรื่องของเวทัส
ก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกหมั่นไส้มากพอแล้ว ถ้าต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน
คงจะต้องทะเลาะกันเป็นแน่
“ทำไมล่ะคุณ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า แค่อยากชวนไปด้วยเฉยๆ
คุณเองก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือ เดี๋ยวผมไปรับที่บ้านนะ”
“นี่! อย่ามาพูดเองเออเองอย่างนี้นะ
ใครจะไปกับคุณไม่ทราบ!”
“ทำไมไม่ไปล่ะ กลัวหรือไงครับ คุณอัยรา”
“ใครกลัวคุณ!”
“งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงเจอกัน”
“ฉัน...”
“ถ้าคุณปฏิเสธ ก็แปลว่าคุณกลัวผม”
“ฉันไม่ได้จะปฏิเสธ แล้วเจอกันย่ะ”
อัยราตอบรับด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ แม้เวทัสจะอายุมากกว่า แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกเคารพหรือนับถือเลย
กลับรู้สึกเหมือนเป็นคู่ปรับกันเสียมากกว่า
เวทัสยิ้มอย่างพอใจ
เขารู้ดีว่าถ้าใช้วิธีนี้ อัยราจะไม่มีทางปฏิเสธอย่างแน่นอน และเขาเองก็ไม่ต้องการคำปฏิเสธอยู่แล้ว
เขารู้สึกพอใจใบหน้าที่อ่อนหวานของอัยราตั้งแต่แรกพบแล้ว
และต่อไปนี้เขาจะดำเนินการรุกเพื่อจะพิชิตใจเธอคนนี้ให้ได้
ความคิดเห็น