คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : คิดไม่ตก...! 100%
‘เฮ้อ!
อะไรกันนะ!’
ริมฝีปากบางพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
หญิงสาวไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลย ร่างบางนั่งกอดหมอนพิงหัวเตียงนิ่ง
ดวงตากลมโตไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้ากับการถูกใช้งานมาทั้งวันสักนิด และความคิดก็ยังคงล่องลอยและงุนงงกับเรื่องที่ได้ฟังมา
เที่ยงคืน!
หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงเป็นรอบที่สามในเวลาเพียงห้านาที
ในใจยามนี้หาความสงบไม่ได้เลย มือบางอยากจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือโทร.หาชายหนุ่มอีกคนเหลือเกิน...ชานนท์
อาหารเย็นวันนี้หมดความอร่อยและไม่มีความสุขเลยตั้งแต่พิภพพูดถึงจุดประสงค์ของการนัดกัน
และมันก็ทำให้คนที่พาเธอมานิ่งเงียบไป ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยถ้าไม่จำเป็น
เธอไม่แปลกใจสักนิดเมื่อนึกถึงสีหน้าของชานนท์
เพราะเรื่องที่ธานินทร์กับพิภพพูดนั้นเป็นเรื่ องสำคัญมาก แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป
แต่งงาน!
แม้ว่าพิภพกับธานินทร์ไม่ได้บังคับให้เธอแต่งงานกับชานนท์
เพียงแค่อยากให้ลองคิดทบทวนเรื่องนี้ดู ทว่าหญิงสาวก็สามารถเดาความในใจของทั้งสองท่านได้ไม่ยากเลย
และชานนท์เองก็คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธผู้ให้กำเนิดเป็นแน่
“โอ๊ย!”
หญิงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างคนคิดไม่ตก
เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่ปฏิเสธออกไปก็จบ แต่เธอก็ยังรีๆ รอๆ คอยสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่ม
และเมื่อจะเอ่ยปากถาม ผู้เป็นบิดาก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถามเลย
เมื่อเหยียบเข้ามาในบ้าน
พิภพก็ขอตัวไปพักผ่อนทันที ราวกับรู้ถึงเจตนาของลูกสาว ทำให้หญิงสาวต้องมานั่งกระวนกระวายใจอยู่เพียงลำพังอย่างนี้
เพลงพิณไม่สามารถดาดเดาความคิดของชายหนุ่มได้
สำหรับตัวเธอเองนั้น แม้จะไม่ได้รักใคร่หรือผูกพันกับชานนท์
แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนนี้ เพราะเขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะ หรือการศึกษาก็ตาม
‘เอายังไงดีนะ’
เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางเหม่อลอย
สืบเนื่องมาจากการอดนอน และความคิดยังคงวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน
ชานนท์มองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบเฉย
ท่าทางเป็นปกติเหมือนทุกวัน คือยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่คนที่เข้ามาใหม่กลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางย่าง
‘เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ’
ริมฝีปากบางอยากจะเอ่ยถามเพื่อย้ำความแน่ใจ
เพราะสิ่งที่ชานนท์คิดคงเป็นเรื่องเดียวกับเธออย่างแน่นอน...
การแต่งงาน!
“เอ่อ...” หญิงสาวกำลังจะเอ่ยถาม แต่ความคิดบางอย่างในสมองกลับสั่งให้เธอหยุด เพราะมันเป็นเรื่องลำบากใจไม่น้อยเลย
และท่าทางของชานนท์ก็ดูนิ่งเกินไป
ดวงตาคมเงยสบตาหญิงสาวเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนักจากเธอ
เขารู้ดีว่ามันชวนให้เกิดความรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลยเมื่อต้องมาแต่งงานกับคนที่รู้จักกันไม่ถึงหนึ่งเดือนดี
“พี่เข้าใจนะ...ว่าเพลงรู้สึกยังไง”
“เพลง...เพลงว่าเราน่าจะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้นะคะ
เราน่าจะบอก...” หญิงสาวพูดอย่างใจคิด
แม้ว่าโดยปกติแล้วเธอจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเหลือล้น แต่กับเรื่องที่อ่อนไหวเช่นนี้
เธอต้องใช้ความกล้าไม่น้อยเลย
“พี่ว่าอย่าเลยดีกว่า พี่ไม่อยากทำให้คุณอากับพ่อของพี่ต้องผิดหวังน่ะ” ชานนท์เอ่ยแทรกเสียงเรียบ
“เพลงเข้าใจนะคะว่าพี่นนท์ไม่ชอบขัดใจผู้ใหญ่
แต่ว่า...เรื่องนี้...มันเป็นเรื่องใหญ่นะคะ” น้ำเสียงของเพลงพิณเริ่มจะเข้มขึ้นโดยหญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว
“พี่เองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานหรอก
พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ที่จริงพี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลย” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“พี่นนท์! เราไม่ได้รักกัน เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...พี่นนท์คิดว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง” เพลงพิณเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางเฉยชาของชานนท์
“พี่ทำเพื่อพ่อ! เพื่อคุณอา!” ชายหนุ่มตัดบทเมื่อเห็นท่าทางของเพลงพิณ
หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจเมื่อชานนท์อ้างถึงผู้มีพระคุณเพียงอย่างเดียว
เขาไม่แม้แต่จะพูดถึงความรักเลยสักนิด
ใบหน้านวลก้มลงมองงานตรงหน้าทันที
และไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากอีกเลย เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ชานนท์ก็คงจะยืนยันคำตอบเดิม
‘เชอะ!’
ณ
ลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หญิงสาวพยายามเดินให้พ้นจากลานให้เร็วที่สุด
เพราะมันแสนจะขรุขระ เต็มไปด้วยหินที่ปูไม่เรียบ ไม่เหมาะกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมยู่
และมันก็เป็นสาเหตุให้ใบหน้านวลต้องก้มมองพื้นตลอดเวลา
“โอ๊ย!”
ริมฝีปากบางสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อร่างบางชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง
และมันก็ทำให้เธอเสียหลักไปเล็กน้อย
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ผิดกับเขาที่มองมาด้วยรอยยิ้มขบขันแกมเอ็นดู ซึ่งก็เพิ่มอารมณ์คุกรุ่นให้เธอมากขึ้นไปอีก
“เป็นอะไรไหมครับ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ช่างขัดกับแววตาคมที่มองมาเสียเหลือเกิน
“ไม่ค่ะ!” อัยราสะบัดเสียงตอบ หญิงสาวไม่รู้สึกผิดสักนิดกับการเดินชนคนแปลกหน้า
เพราะสายตาของเขาไม่ได้ชวนให้เธอคิดเช่นนั้นเลย
“มาทานข้าวร้านนี้เหรอครับ”
“ค่ะ”
“ผมก็มาทานที่นี่บ่อยนะ
แต่ไม่เคยเห็นคุณเลย”
“ฉันมาไม่บ่อยน่ะค่ะ”
“อาหารที่นี่อร่อยนะครับ
แล้ว...” ชายหนุ่มชวนคุยไปเรื่อยโดยไม่สนใจน้ำเสียงห้วนของญิงสาวที่ตอบกลับมาเลย
ราวกับเพียงพอใจกับการได้พูดคุยกับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น
“ฉันขอตัวนะคะ
เพื่อนฉันรอน่ะค่ะ”
“ผมก็นัดเพื่อนไว้เหมือนกันครับ
เดินไปด้วยกันเลยดีกว่า”
“น่ารำคาญจัง!”
อัยราพึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงแสดงท่าทียียวนและชวนคุยราวกับรู้จักกันมานานนับปีอย
ร่างบางรีบเดินให้พ้นจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกัน ทำให้เขาเดินตามเธอทันได้อย่างไม่ยากเย็น
และด้วยความที่ไม่ทันระวัง รองเท้าส้นสูงจึงเข้าไปติดในซอกหิน
ทำให้หญิงสาวเสียหลักอีกครั้ง แต่ร่างสูงที่ก้าวตามมาก็คว้าร่างบางได้ทันพอดี
หญิงสาวตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแปลกหน้า
ใบหน้านวลแอบอิงกับอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ มือหนาก็กระชับที่ต้นแขนขาวอย่างพอดิบพอดี
อัยรารับรู้ถึงความใกล้ชิดได้อย่างไม่ยากเมื่อเธอได้ยินถึงเสียงหัวใจของคนตัวใหญ่
และก็พลอยทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นผิดจังหวะไปเหมือนกัน
มือบางรีบผลักอกกว้างเมื่อสามารถเรียกสติตัวเองกลับคืนมา
ใบหน้านวลมีสีแดงเรื่อปรากฏขึ้นจนเธอไม่กล้าสบสายตาคมที่จ้องมองมา
“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตลกและทำหน้าทะเล้น
“บ้า!” อัยราแหวใส่เพื่อแก้อาการเก้อเขิน
ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของอัยรา
หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกถึงร่างนุ่มในอ้อมกอดเมื่อครู่
“อัย! พี่เว!”
ใบหน้านวลของอัยราหันไปมองตามเสียงเรียกที่ค่อนข้างดัง แล้วเธอก็ยิ่งต้องหน้าแดงหนักกว่าเดิมเมื่อคนที่เรียกนั้นเป็นเพื่อนรักของเธอนั่นเอง
“รู้จักกันด้วยเหรอ” เพลงพิณถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนชิดติดกัน
“เปล่า ฉันมาของฉันคนเดียว” อัยราตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างกระด้าง แล้วหันไปค้อนชายหนุ่ม
“เพลง” ชายหนุ่มแปลกหน้าเรียกเพลงพิณด้วยความสนิทสนม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น
เขาเพียงต้องการย้ำให้อัยรารู้เท่านั้นว่าเขาก็รู้จักกับเพลงพิณเช่นกัน
อัยราทำหน้าเหลอหลา ผิดกับชายหนุ่มที่ดูสนุกและชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งอัยราเหลือเกิน
ในขณะที่คนที่งุงงงกลับเป็นเพลงพิณ
ปกติแล้วอัยราเป็นคนอ่อนหวาน
นุ่มนวล ไม่น่าจะเป็นคนชอบต่อปากต่อคำหรือว่ากล่าวพาดพิงใครเลย แล้วทำไมกับเวทัส เธอจึงได้มีท่าทีเยี่ยงนี้
“พี่เวไปแกล้งอะไรเพื่อนเพลงหรือเปล่าคะ” เพลงพิณทำเสียงเขียวเป็นเชิงดุชายหนุ่มตรงหน้า
แต่แววตากลมโตกลับเป็นประกายสดใส
“เพลงรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอ” อัยราพูดแทรกขึ้นทันที
“ใช่ครับ เรารู้จักกัน
รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว และบ้านก็อยู่ใกล้กันด้วย”
เวทัสตอบคำถามแทนเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของผู้ถามนั้นดูจะระรานมากกว่าเป็นมิตร
“ฉันถามเพื่อนฉัน!”
“แต่ผมอยากตอบ”
“ไม่มีมารยาท!”
ต่ออออออออออออออออค่าาาาาาา
“ใครกันที่ไม่มีมารยาท
เมื่อกี้เพลงถามผม คุณยังถามแทรกขึ้นมาเลย” ชายหนุ่มเถียงอย่างไม่ลดละ
และจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตายียวนและท้าทาย
“พอได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ
ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้ เพลงมีเรื่องอยากจะปรึกษาน่ะค่ะ
เลยเรียกพี่เวกับอัยมาคุยกัน ไม่อยากให้มาทะเลาะกันเองน่ะ”
เพลงพิณตัดบทและเดินนำคนทั้งสองเข้าไปในร้านอาหาร
เพลงพิณเลือกมุมที่คนไม่จอแจนัก
แม้ว่าใบหน้าจะเจือไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลมโตไม่ได้ดูสดใสเหมือนกับท่าทางเลย
หลังจากที่สั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว
คนต้นเรื่องก็มองหน้าเพื่อนสาวและพี่ชายข้างบ้านด้วยแววตาขอความเห็นใจ แล้วก็เล่าเรื่องการแต่งงานทันที
เวทัสและอัยราดูท่าทางจะแปลกใจระคนงุนงงกับการตัดสินใจของชานนท์
และเห็นใจเจ้าสาวจำเป็นอย่างเพลงพิณไม่น้อยเลย
“ฉันกำลังลังเล เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักกัน
แต่ดูเหมือนพี่นนท์จะไม่รู้สึกอะไรเลย เขาบอกแค่ว่าไม่อยากปฏิเสธพ่อเขากับพ่อฉัน” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย พลางใช้ช้อนเขี่ยอาหารไปมา
“ฉันเข้าใจแกนะ แต่ถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
แกลองยืดเวลางานแต่งงานออกไปก่อนดีไหมล่ะ พยายามหาข้ออ้างมาถ่วงเวลา
หรือว่าทำอะไรก็ได้” อัยราแนะนำ
“แต่พี่ว่าเพลงน่าจะตัดสินใจให้มันเด็ดขาดไปเลยดีกว่า
บอกพ่อไปเลยว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง”
เพลงพิณรับฟังทั้งสองคำแนะนำด้วยความลังเลใจ
ใบหน้านวลมองเพื่อนที่นั่งด้านข้างและชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามสลับไปมา โดยปราศจากคำพูดใดๆ
ดวงตากลมโตฉายแววหวั่นไหวระคนเคียดแค้นออกมาแวบหนึ่ง
แต่หญิงสาวก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้ากว่าการสังเกตของเวทัส
“พี่ว่าที่เพลงยังคิดไม่ตกน่ะคงเพราะมีสาเหตุอื่นด้วยมั้ง” เวทัสจ้องมองผู้หญิงที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวด้วยแววตาแน่วนิ่ง พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน
“เพลง...เพลง...” หญิงสาวเกิดอาการพูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันทีเมื่อเวทัสพูดจี้ใจดำ
“แกอย่าบอกฉันนะว่ามันเกี่ยวกับน้องสาวคนละแม่ของแก” อัยรารีบพูดแทรกขึ้น ใบหน้านวลฉายแววตำหนิและเป็นห่วงเพื่อนสาวขึ้นมาทันที
ผู้ตกเป็นจำเลยได้แต่นั่งก้มหน้ามองจานข้าว
เพราะคนทั้งสองต่างคาดการณ์ได้ถูกต้อง เธอไม่ได้อยากแต่งงาน แต่อีกใจหนึ่งนั้นต้องการให้ไพลินกับรตีเป็นเดือดเป็นแค้น
“เพื่อนเพลงพูดถูกใช่ไหม” เวทัสสรุปพลางมองน้องสาวด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ
“เพลงกำลังคิดอยู่น่ะค่ะ
แล้วก็รอดูท่าทีของสองแม่ลูกนั่นด้วยว่ากำลังคิดจะทำอะไรกันอยู่” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย สีหน้าหมองลง เหมือนกำลังถูกครูตำหนิ
“พี่คงห้ามไม่ได้ถ้าเพลงอยากจะทำ
แต่พี่อยากเตือนว่ามันอันตรายเท่านั้นแหละ” เวทัสพูดเสียงนุ่ม
เพลงพิณพยักหน้าอีกครั้ง
และยิ้มให้คนทั้งสองอย่างขอบคุณ ทว่าภายในใจนั้นยังคงลังเลและคิดไม่ตกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ความคิดเห็น