ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lover...มนตราเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #4 : อัศวินขี่มาขาว...ชายในฝัน...

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 65


     

    นอนไม่หลับ!!

    มนตราพลิกตัวไปมาหลายต่อหลายครั้ง เมื่อไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ ภาพใบหน้าคมคายลอยอยู่ในความคิดชัดเจนจนไม่อาจทำให้เธอมีสมาธิให้เข้าสู่ห้วงนิทราได้

    แกะตัวที่1 แกะตัวที่2 แกะตัวที่3...แกะตัวที่20 แกะตัวที่...

    เป็นอะไรมากไหมนะ ยัยมน...

    มนตราเฝ้าบ่นกับตัวเองในใจเมื่อแพทริกยังคงเข้ามาหลอกหลอนเธอโดยที่เจ้าตัวไม่สามารถลบภาพเขาออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสายตาที่เย็นชา คำพูดที่รุนแรง หญิงสาวยังจดจำได้เป็นอย่างดี

    และสิ่งที่เจ้าตัวยังคงแปลกใจคือสิ่งที่เกิดจากส่วนลึก ผู้ชายคนนั้นทำไมยังคงตราตรึงในความรู้สึกเธอได้ไม่มีวันลบเลือนจางหายไปจากความทรงจำได้เลย

    ไม่ไหวแล้วโว้ย!!

    หญิงสาวตัดสินใจพาร่างบางของตัวเองลุกจากเตียงนุ่ม เมื่อไม่สามารถหลับลงได้อีกต่อไปไม่ว่าจะทำวิธีไหนก็ตา มนตราจึงเลือกที่จะขับรถเล่นเพื่อลดความฟุ้งซ่านที่มีไม่หยุดหย่อน

    ความมืดสงบของท้องฟ้าไม่ได้ทำหัวใจเธอรู้สึกไปตามนั้นแม้แต่นิดเดียว เรื่องราวเรื่องเดิมยังคงก่อนกวนไม่ยอมให้เธอคลายความหวั่นไหวลงไปได้

    จุดหมายปลายทางที่มนตราไม่ได้ตั้งใจนั้นคือบริเวณริมน้ำเจ้าพระยาที่มีเด็กวัยรุ่นพากันมานั่งพบปะพูดคุยกันเป็นกลุ่มก้อน แต่จำนวนคนก็ไม่ได้มากมายจนทำให้อึดอัด

    ราวเหล็กสีน้ำเงินถูกมือบางเรียวสัมผัสลงไปพร้อมกับใบหน้านวลที่หันไปมองยังพื้นน้ำสีน้ำเงินเข้ม กลิ่นไอของน้ำที่พัดพามายังปลายจมูกพอที่จะทำให้คนที่ยืนอยู่คลายความว้าวุ่นไปได้บ้าง

    ทำไมถึงคิดถึงเขามากขนาดนี้นะ...

    “สวัสดีคนสวย มายืนทำอะไรคนเดียวแถวนี้จ้ะ”

    น้ำเสียงกึ่งขมขู่บวกเย้ยหยันทำให้คนที่ฟังถึงกับสะดุ้งตกใจ ใบหน้านวลหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบว่ามีชายฉกรรจ์สองคนจ้องมองมา มนตราทำใจดีสู้เสือไม่แสดงท่าทีตกใจทั้งที่สภาพของคนตรงหน้าชวนให้หวาดกลัวก็ตาม

    ชายผิวดำหุ่นสูงใหญ่ใส่เพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงยีนส์สีซีดดำ ตามแขนก็เต็มไปด้วยรอยสักชวนให้ดูเหมือนอันธพาลและบวกกับแววตาท่าทางที่มองมาอย่างกระหายชวนให้ดูน่ารังเกียจเป็นเท่าทวี

    “ฉันมาเดินเล่น ขอตัวนะคะ”

    “จะรีบไปไหนล่ะจ้ะ คุยกับพี่ก่อนสิจ้ะ”

    “ฉันไม่มีอะไรจะคุย!!” มนตรายังคงเสียงแข็ง

    ชายแปลกหน้าไม่ได้สนใจคำพูดของแม่หมอสาวแต่อย่างใด เพราะเพียงแค่เธอก้าวหนี สองหนุ่มก็ใช้ความว่องไวจัดการทันที หนึ่งในนั้นจัดการคว้าแขนเรียวบางทั้งสองข้างไม่ให้ขยับหนีไปได้ โดยที่อีกคนหนึ่งมองด้วยสายตากรุ้มกริ่ม

    “ปล่อยฉันนะ!!”

    “บอกว่าให้คุยกันก่อนไง... จะรีบไปไหนล่ะคนสวย” ชายคนหนึ่งพูดเสียงแหบพร่าพร้อมกับมองลามเลียไปทั่วเรือนร่าง บอกถึงเจตนาชัดเจน

    “ฉันไม่คุย ฉันจะกลับบ้าน!!” หญิงสาวแสดงท่าทีแข็งขืน และยังคงอวดเก่งไม่แสดงความกลัวให้ได้เห็น

    “เก่งนักนะ... ถ้าเจอแบบนี้ยังจะปากเก่งอีกไหม” คนร่างสูงเอ่ยเสียงหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างบางยังคงไม่ยอมสงบนิ่ง

    ชายฉกรรจ์จัดการเข้าไปใกล้ แต่ดูเหมือนว่ามนตราจะรบรวมความกล้ายกเท้าคู่ไปยังท้องของเขา ทำเอาคนถูกกระทำถึงกับสบถเสียงเครียด และทำการตอบแทนด้วยการชกไปที่ท้องน้อยหนึ่งครั้ง

    “โอ้ย!! ไอ้พวกหน้าตัวเมีย รังแกผู้หญิง!!” มนตราตะโกนกลับไปทั้งที่ในใจนั้นเจ็บแสนเจ็บ จุกแสนจุก และยังกลัวแสนกลัวมากกว่าเดิมอีก

    “ยังปากเก่งอีกนะสาวน้อย..เดี๋ยวสักพักก็จะไม่มีโอกาสปากเก่งแล้วนะ”

    มนตรายังคงจ้องตาชายตรงหน้าโดยไม่ฉายความหวาดหวั่น ทั้งที่ภายในความรู้สึกนั้นตรงกันข้าม ทว่าเจ้าตัวก็กลบความหวาดหวั่นไว้ด้วยน้ำเสียงที่กระด้างดุดัน

    “ปล่อยฉัน!! ปล่อยฉันนะ!! ไอ้พวกหมาหมู่!!”

    “เก่งนักนะ... เฮ้ย...มึงลากมันมา เดี๋ยวเราจะได้ทำอะไรสนุกๆแล้วโว้ย” เสียงเหี้ยมเอ่ยพร้อมหัวเราะก้องกังวาน ท่าทางมีแต่ความกักขฬะ

    “เฮ้ย...รังแกผู้หญิงแบบนี้ ไม่ใช่ผู้ชายเลยนะ” คนที่อยู่ในมุมมืดเอ่ยขึ้นก่อนจะถีบที่กลางหลังของคนออกคำสั่งอย่างรวดเร็วและรุนแรง

    หญิงสาวหันไปตามเสียงของบุคคลที่ก้าวเข้ามา ความดีใจที่มีเพิ่มเป็นเท่าทวีเมื่ออัศวินขี่ม้าขาวไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนแต่เป็นผู้ชายที่มนตราคิดถึงเสมอมา

    ชายหนุ่มอีกคนรีบปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระเพื่อไปจัดการกับคนที่ก้าวเข้ามา และเมื่อเกิดเหตุการณ์สองรุมหนึ่ง แพทริกหากลับพลาดพลั้งเสียท่า เมื่อถูกจับไว้โดยคนหนึ่ง และคนหนึ่งชกที่ใบหน้าและท้องโดยไม่ยั้งมือ

    มนตรามองซ้ายมองขวาหาลู่ทางช่วย เธอเหลือบไปเห็นไม้ขนาดพอมือ เธอไม่รอช้ารีบวิ่งไปหยิบทันทีและฟาดไปยังไหล่เปล่าเปลือยของผู้ร้ายสุดกำลัง

    มีดที่กำลังจะแทงเข้าจุดสำคัญพลาดเฉียดไปโดนแขนแข็งแรงของแพทริกเป็นรอยยาว แม้จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผล แต่ก็ยังไม่รุนแรงถึงแก่ชีวิต

    “โอ๊ย!! อีบ้า” ชายที่กำลังชกไปที่แก้มคมคายสบถเสียงดังลั่น และหันมามองร่างบางที่ยกไม้เตรียมสู้

    แพทริกใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระแทกไปที่เท้าของอันธพาลเต็มแรงก่อนใช้ศอกกระทุ้งไปยังท้องอีกครั้งเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ

    ปิ๊น!!  ปิ๊น!!

    เสียงแตรรถเก๋งดังสนั่นไปทั่วบริเวณกว้างพร้อมกับไฟสูงของรถที่กระพริบเป็นจังหวะเพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือ ส่งผลให้ชายสองคนนั้นรีบวิ่งหนีไปอีกทาง

    “คุณ!! คุณเป็นอะไรมากไหมคะ” มนตรารีบถลาไปหายังร่างสูงทันที เมื่อเห็นรอยเลือดไหลออกที่มุมปาก

    “เจ็บสิคุณ... โอ๊ะ!!” แพทริกเสียงห้วน แล้วใช้มือหนาเรียวเช็ดเลือด

    ชายหนุ่มรู้สึกว่าร่างกายของเขาบอบช้ำไปทั้งตัว ช่วงท้องยังคงจุกจากการถูกทำร้าย รวมไปถึงใบหน้าที่เขียวช้ำไปเพราะถูกหมัดหนักหลายครั้ง

    “ฉัน...ขอบคุณคุณมากนะ...อุ้ย...เลือดคุณไหลด้วยน่ะค่ะ เอ่อ..” มนตราละล้าละลัง เธอยังคงกล้าๆกลัว เนื่องจากท่าทีของเขายังคงบูดบึ้ง โดยที่ในใจนั้นห่วงแสนห่วง

    “ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกน่า แผลแค่นี้ไกลหัวใจ เชิญกลับบ้านไปได้แล้ว” เขาไล่เสียงเข้ม

    “ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบฉันนะคะ แล้วก็เข้าใจว่าคุณช่วยเพราะว่ามนุษยธรรม ฉันเองก็อยากจะตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยฉันไว้เหมือนกัน ไม่อยากติดเหมือนกันค่ะ” สาวน้อยรวบรวมพลังใจทั้งหมดเอ่ยให้คนบาดเจ็บฟัง

    “ไม่เป็นไร ผมไม่ถือว่าเป็นบุญคุณ!!” เขาย้อนกลับพร้อมกับหันหลังเดินห่างไป

    “ถ้าคุณไม่ให้ฉันตอบแทน ฉันคงต้องโทรบอกแม่กับยายคุณให้มาช่วยคุณแทนแล้วค่ะ”

    ชายหนุ่มหยุดชะงักตัวอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังกลับมามองแม่หมอสาวที่ยังคงจ้องมองมา ใบหน้านวลที่แน่นิ่งแฝงไว้ด้วยความท้าทายและความเชื่อมั่นชัดเจน จนทำให้เขารู้สึกว่าเธอนั้นพูดจริง แพทริกจึงจำใจต้องทำตามสิ่งที่มนตราพูด เพราะเขาไม่อยากให้คนที่บ้านกังวลเกินกว่าที่ควรจะเป็น

    “ฉันจะพาคุณไปหาหมอนะคะ เดี๋ยวเอารถคุณจอดไว้ที่นี่ก็ได้ค่ะ แล้วเดี๋ยวให้คนที่บ้านคุณมาเอา” มนตราพูดต่อไปเมื่อเห็นท่าทางที่เริ่มสงบลงของคนตัวโต

    ใบหน้าคมคายพนักหน้าแทนคำตอบ เขาไม่ได้อยากได้ความหวังดีหรือความห่วงใยจากผู้หญิงตรงหน้าแม้แต่นิด ทว่าเขาจำต้องทำตาม

    ยัยหมอดูจอมจุ้นเอ้ย!!

    มนตราขับรถพาคนเจ็บมายังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เธอขับรถด้วยความระทัดระวังกลัวทำให้คนที่นั่งข้างสะเทือนหรือได้รับการกระทบกระเทือนเพิ่มปากขึ้น

    “ขับแบบนี้จะถึงโรงพยาลไหมล่ะคุณ!!” แพทริกเสียงเข้ม หันมองสารถีคนสวยตาขวาง

    ร่างบางอดไม่ได้ที่จะหมันไส้คนตัวโต เขามองความหวังดีของเธอเป็นเรื่องน่ารำคาญ ดังนั้นหญิงสาวจึงเหยียบไปที่คันเร่งเพื่อให้รถขับเคลื่อนได้ดั่งใจคนป่วย

    “เฮ้ย!! คุณประชดผมใช่ไหมเนี่ย” เสียงทุ้มเข้มถามอีกครั้ง

    “ฉันแค่ตามใจคนขับค่ะ” แม่หมอสาวตอบหน้าตาย ก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างพอใจและขบขันที่ได้เห็นใบหน้าคมคายแสดงความตกใจออกมาบ้าง แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ตาม

    “ให้มันจริงเถอะคุณมนตรา!!” เขากระแนะกระแหนกลับมาอีกครั้ง แล้วจากนั้นจึงเบือนสายตาไปมองยังข้างทางที่มีรถยนต์วิ่งเพียงไม่กี่คัน

    มนตราอดแปลบที่หัวใจไม่ได้ เมื่อเห็นถึงความห่างเหินบวกกับสายตาที่ดูแคลน แต่เจ้าตัวก็ซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉยได้แนบเนียน และยังคงขับรถต่อไปเงียบเงียบ

    อ่อนแอกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้วนะ...

     

    ภายในห้องฉุกเฉินแพทริกถูกสั่งให้นอนนิ่งบนที่นอนผู้ป่วย ใบหน้าคมคายยังคงนิ่งเฉยกึ่งหงุดหงิด ทว่าเพียงแค่มือยางของนางพยาบาลใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์แต้มไปที่ต้นแขน ชายหนุ่มผู้แข็งแรงถึงกับสะดุ้งทันที

    แม้ว่าจะไม่มีเสียงร้องออกมาจากริมฝีปากหนา ทว่าใบหน้านั้นก็เหยเกเพราะความแสบของยาที่ทาลงมา ซึ่งทำให้สาวน้อยที่มองมาอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม

    “หัวเราะอะไรน่ะ!!” แพทริกตวาดเสียงดัง

    “ฉันก็มีเรื่องให้อารมณ์ดีบ้างไม่ได้หรือไงคะ” มนตราย้อนถามและยังคงยิ้มดังเดิม

    “เรื่องอะไรล่ะ...”

    “ฉันเก็บไว้รู้คนเดียวค่ะ” เธอลอยหน้าลอยตาตอบพร้อมกับยักคิ้ว

    “คุณกำลังกวนประสาทผมใช่ไหม คุณมนตรา!!”

    “ฉันเปล่านะคะ..คุณคิดมากไปเองต่างหากค่ะ”

    แพทริกมองแม่หมอสาวตาขวาง ทว่าในความเครียดขรึมที่เขาแสดงออกมานั้นกลับแฝงไปด้วยความสบายใจและเป็นธรรมชาติ เขาไม่ต้องปั้นหน้านิ่งขรึมตลอดเวลา

    “เสร็จแล้วค่ะ” พยาบาลสาวแทรกระหว่างบทสนทนาของทั้งคู่ ก่อนจะแสดงความขบขันทางริมฝีปาก

    ชายหนุ่มมองค้อนมนตรา เขารู้สึกหัวเสียและขายหน้าคนที่อยู่รอบตัวขึ้นมา เมื่อสิ่งที่เขาทำนั้นคือการต่อล้อต่อเถียงด้วยเรื่องไร้สาระไม่มีความเป็นผู้ใหญ่สักนิด

    มนตรายังคงยิ้มอีกครั้ง เป็นอีกหนึ่งมุมมองที่เธอได้เห็นจากแพทริก ท่าทางของเขาราวกับเด็กยามที่ถูกทำแผล และท่าทางก็ดูดื้อรั้นไม่ชอบใจยามที่ถูกจับได้

    ฝากไว้ก่อนเถอะ...ยัยแม่หมอตัวแสบ

     

    กริ๊ง!! กริ๊ง!!

    ทำไมไม่รับนะ...

    ใบหน้าที่จัดจ้านจากเครื่องสำอางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ความไม่ไว้ใจและความหงุดหงิดผสมปนเปเข้าไปในความรู้สึกเต็มไปหมด เพราะโดยปกติแพทริกไม่มีทางที่จะหายไปไม่ติดต่อมาหลังจากที่ส่งเธอถึงคอนโดแล้ว

    แวะไปไหนหรือเปล่า!!

    โสรยาพึมพำซ้ำไปซ้ำมา หลังจากที่แยกจากกันก็สองสามชั่วโมงแล้ว ทุกครั้งชายหนุ่มจะติดต่อกลับมาทุกครั้ง ทุกค่ำคืน แต่วันนี้กลับหายไปอย่างผิดปกติ

    มือบางเรียวต่อถึงคนตัวสูงอีกครั้ง และคราวนี้เจ้าตัวถึงกับยิ้มออกเมื่อมีปลายสายกดรับ ทว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น โสรยาก็ต้องตกใจจนตัวชา

    “สวัสดีค่ะ เอ่อ...คือ คุณแพทริกเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ”

    “แก...แก...แกเป็นใคร!!” เสียงแหลมตวาดกลับไป ความหึงหวงแล่นเข้ามาทำให้ใบหน้านวลแดงจัด มอบางเรียวสั่นไหวด้วยความโกรธ ซึ่งโสรยาแทบจะไม่สามารถระงับอารมณ์ร้อนได้เลย

    “เอ่อ...ฉัน... อ้อ...คุณแพทริกมาพอดีเลยค่ะ รอสักครู่นะคะ”

    มนตรายื่นมือถือส่งให้กับชายหนุ่มที่ยังคงงงงวย และเขาถึงกับชะงักเมื่อเห็นว่าใครโทรมา ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาปวดหัวมากไปอีกคือเมื่อเห็นถึงปลายสายโวยวายเสียงดังสนั่น

    “เดี๋ยวผมโทรกลับนะ”

    หลังจากที่จัดการตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง เป้าหมายของเขาคือการหันมาจัดการกับคนตรงหน้าที่ยังคงทำหน้าใสซื่อไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่เธอได้ทำ

    “คุณมนตรา คุณสร้างปัญหาให้ผมอีกแล้วนะ!!”

    “ฉันแค่เห็นว่ามันดังหลายครั้งแล้ว ก็กลัวว่าคนที่โทรมาจะเป็นห่วง ฉันก็เลยหวังดีรับให้น่ะค่ะ” หญิงสาวอธิบายเสียงจริงจัง หน้าตาเธอยังคงยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้เรื่องใหญ่โต

    แพทริกยังคงส่งสายตาเคร่งเครียด เขาอยากจะบริภาษเธอด้วยถ้อยคำแรงๆที่ทำให้ “คู่ควง” ของเขาเข้าใจผิด ทว่าริมฝีปากบางก็สวยกลับมาเสียก่อน

    “ฉันอธิบายให้แฟนคุณฟังได้นะคะ...เอ่อ..ฉันขอโทษค่ะ” หญิงสาวส่งเสียงเบาหวิว

    “ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้ เรากลับกันได้แล้ว!!” เขาตัดบท แล้วเดินนำคนตัวเล็กไปยังลานจอดรถของโรงพยาบาลทันที

    มนตราถอนหายใจให้กับตัวเองที่ทั้งดีใจและเสียใจในคราวเดียวกัน เธอได้เจออัศวินขี่ม้าขาว แต่ก็ได้รู้ว่าอัศวินเธอมีคนข้างกายเสียแล้ว

    เฮ้อ!!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×