คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ไม่ชอบหน้า 100%
เพลงพิณมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้ชิดพิภพ
ไม่รู้ว่านานเท่าไรแล้วที่ไม่มีโอกาสได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นบิดา และได้สัมผัสถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเขา
เพราะทุกครั้งที่เธออยู่กับพิภพ ต้องมีทั้งรตีและไพลินเข้ามาร่วมวงด้วยเสมอ จนเธอกลายเป็นส่วนเกิน
ใบหน้านวลฉายชัดไปด้วยความยินดี เสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะ
ไม่ใช่ว่างานตรงหน้านั้นชวนให้ขบขัน หากเป็นเพราะเธอรู้สึกอารมณ์ดีเสียเหลือเกิน
แต่ถึงแม้จะแสดงกิริยาทีเล่นทีจริง แต่เพลงพิณก็พยายามเรียนรู้และตั้งใจฟังสิ่งที่พิภพสอนโดยไม่ปริปากบ่นสักคำ
เพียงแค่หันไปเห็นแววตาของบิดาที่ส่งผ่านความรักใคร่มาให้
แฟ้มเอกสารตรงหน้าหรือเรื่องอะไรๆ ก็ไม่สามารถทำให้หญิงสาวเกิดอาการเบื่อหน่ายหรือหงุดหงิดได้เลย
ก๊อกๆๆ!
“คงเป็นนนท์น่ะ
เมื่อเช้าพ่อบอกให้คนไปตามเขามา” ชายวัยกลางคนอธิบายเมื่อเห็นสายตาของลูกสาวที่หันไปมองทางประตูอย่างรวดเร็ว
เพลงพิณฝืนยิ้ม เนื่องด้วยคิดว่าคนที่มาเยือนนั้นคงจะเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา
หญิงสาวอยากจะเห็นหน้าและท่าทีของสองคนนั้นเหลือเกิน
รตีต้องพยายามที่จะเก็บกักอารมณ์และหาทางที่จะเล่นงานเธอคืนเป็นแน่
จนเพลงพิณอยากจะให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆ เหลือเกิน
“สวัสดีครับคุณอา”
ชานนท์เอ่ยทักทายผู้อาวุโสกว่าด้วยความเคารพพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อย่างให้เกียรติ
“นั่งเลย นนท์ เพลง มานั่งด้วยกันเลยสิ”
พิภพพูดขึ้น และผายมือเป็นเชิงบอกให้เด็กทั้งสองไปนั่งที่โซฟารับแขกสีเทาอ่อนรูปตัวแอลซึ่งตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง
เพลงพิณทำตามอย่างว่าง่าย
เธอลอบสังเกตชานนท์เป็นครั้งคราว แวบแรกที่หญิงสาวหันไปมอง
เธอก็ต้องยอมรับว่าชายหนุ่มเป็นคนที่น่าสนใจ รูปร่างเขาสูงโปร่ง หน้าตาก็คมเข้ม
และมีผิวสีน้ำผึ้งที่ชวนให้ดูเข้มแข็ง
ทว่าเพลงพิณก็ไม่ได้คิดไปไกลแต่อย่างใด
เพราะสิ่งที่เธอกำลังให้ความสนใจมีเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น...คือเรื่องของรตี
“นนท์ นี่เพลง ลูกสาวของอาเอง”
ชานนท์พยักหน้าเป็นเชิงทักทาย
และยิ้มเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพลงพิณเองก็แสดงท่าทางที่ไม่ต่างจากชานนท์เท่าไรนัก
เพลงพิณไม่พอใจในท่าทีที่นิ่งเฉยของชายหนุ่มตรงหน้า
เพราะมันบ่งบอกถึงความไม่เป็นมิตร ราวกับไม่ต้องการที่จะรู้จักกัน
“เพลงเพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง
และช่วงนี้อากำลังยุ่งอยู่ด้วย ทำให้ไม่มีเวลาสอนงานให้เพลงสักเท่าไหร่
อาเลยอยากวานให้นนท์ช่วยหน่อยน่ะ” พิภพพูดต่อทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีเสียงตอบกลับจากคนทั้งสองเลย
ชานนท์แสดงท่าทีลังเลขึ้นมา เหมือนกับว่าไม่อยากที่จะสนทนาหรือร่วมงานกับเธอเลยสักนิดเดียว
แม้ว่าจะเป็นการแสดงออกเพียงแค่เสี้ยววินาที
แต่ตัวหญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเลย
‘ทำไมเขาถึงไม่ชอบฉันนะ’
“แต่ถ้าคุณนนท์ไม่สะดวกที่จะสอน
ฉันก็ไม่รบกวนค่ะ” เพลงพิณพูดตามใจคิด โดยไม่เกรงกลัวต่อชายหนุ่มแปลกหน้าสักนิด
“เพลง...ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ
นนท์ไม่ได้รังเกียจน้องใช่ไหม แล้วพ่อว่าไม่ต้องเรียกคุณหรอกมั้ง
เราคนกันเองทั้งนั้น เรียกพี่นนท์จะดีกว่าไหม จะได้สนิทกันเร็วขึ้น” พิภพยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
ชานนท์พยักหน้าตอบรับโดยอัตโนมัติ
เขาไม่กล้าปฏิเสธผู้อาวุโสตรงหน้า แต่ใบหน้าคมเข้มนั้นดูจะเจื่อนไปเล็กน้อย
“งั้นเราเริ่มกันวันนี้เลยไหมคะ
‘พี่นนท์’ เพลงอยากจะเป็นงานเร็วๆ
จะได้มาช่วยงานพ่อได้” หญิงสาวเน้นคำอย่างชัดเจน
เพื่อจะแกล้งให้ชานนท์อึดอัด
แม้จะแปลกใจกับท่าทางที่มีอคติและสายตาที่ออกจะหมางเมิน
ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเธอ และอยากที่จะรู้ถึงสาเหตุที่ทำให้ชานนท์มีท่าทีเช่นนั้น
แต่เธอก็ยังไม่อยากจะถามไถ่ในยามนี้ อยากจะรอเวลาให้อยู่กันตามลำพังเสียมากกว่า เพราะไม่ต้องการให้ผู้เป็นบิดาไม่สบายใจ
“ได้สิครับ ‘น้องเพลง’ เดี๋ยววันนี้คุณอากับคุณพ่อของพี่จะปรึกษากันเรื่องปรับเปลี่ยนบริษัท
เดี๋ยว ‘น้องเพลง’ ไปทำงานที่ห้องของพี่ดีกว่านะ” ชานนท์ตอบกลับอย่างท้าทายเช่นกัน แล้วยิ้มกับหญิงสาวด้วยท่าทีที่ยียวนไม่น้อยเลย
ช่วงบ่าย ชานนท์สั่งให้คนนำโต๊ะและเก้าอี้มาไว้ที่ห้องทำงานอีกหนึ่งชุด
โดยวางไว้ด้านขวามือของโต๊ะทำงานของเขา เพื่อให้เพลงพิณได้เข้ามาร่วมทำงานด้วย
หญิงสาวก้าวเข้าไปในห้องด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งความตะขิดตะขวงหรือเก้อเขิน
มันไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นแต่อย่างใดที่ต้องมาร่วมงานกับเพศตรงข้าม เพราะในช่วงที่เรียนหนังสืออยู่เพลงพิณก็มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับผู้คนมากหน้าหลายตาอยู่แล้ว
ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องอย่างสังเกตสังกา
การจัดห้องทำงานของชานนท์และพิภพเป็นไปในรูปแบบเดียวกัน คือไม่มีของจุกจิกวางอยู่เลย
ทุกอย่างที่อยู่ในห้องล้วนเกี่ยวข้องกับการทำงานทั้งสิ้น
“คุณนนท์คะ” เพลงพิณเรียกอย่างเป็นทางการเหมือนเดิม เพื่อที่จะแสดงให้ชายหนุ่มได้เห็นว่าแท้จริงแล้วเธอเองก็ไม่ได้ต้องการหรือพยายามหาทางที่จะสนิทสนมกับเขาเลยสักนิด
“เรียกพี่ว่า ‘พี่’ เหมือนเดิมก็ได้นะ พี่ไม่รู้ว่าเพลงกำลังคิดอะไรอยู่
แต่ถ้าคุณอามาได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่นอน และพี่ก็ไม่ต้องการให้คุณอามองพี่แปลกไปด้วย” ชานนท์พูดสวนก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยจบประโยค
“ค่ะ ‘พี่นนท์!’ พอใจหรือยังคะ”
น้ำเสียงหมั่นไส้และใบหน้านวลที่ดูเหมือนจะออกอาการหน้าเง้าหน้างอไม่ได้ทำให้ผู้ชายตรงหน้าเดือดร้อนหรือมีท่าทีที่หงุดหงิดแต่อย่างใด
เขากลับยักไหล่ขึ้นอย่างไม่เดือดร้อน
“เพลงมีอะไรจะพูดกับพี่เหรอ” ริมฝีปากหนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติ โดยไม่พยายามจะต่อล้อต่อเถียงกับท่าทางชวนหาเรื่องของหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก
“ห้องนี้น่าจะมีดอกไม้ประดับไว้บนโต๊ะรับแขกนะ
มันอาจจะทำให้ห้องนี้ดูสดชื่นและน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม”
หญิงสาวเสนอออกไป เจ้าตัวพยายามที่จะไม่ยอมเรียกชื่อตัวเองออกมา
“มันเป็นห้องทำงาน
ไม่ใช่สวนสาธารณะ! ถึงต้องการความสดชื่น” ชานนท์ตอบหน้าตาย ใบหน้าคมเข้มจ้องมองคนตรงหน้าด้วยแววตาท้าทาย
‘คุณ!’
เพลงพิณมองหน้าชานนท์ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ริมฝีปากบางนั้นเม้มเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ
คำพูดของเขานั้นจงใจที่จะหาเรื่องเธออย่างชัดเจน
แม้น้ำเสียงและท่าทางนั้นจะดูไม่มีอะไรก็ตาม
“คุณจงใจว่าฉัน!
ฉันรู้นะว่าคุณไม่ชอบฉัน” เพลงพิณพูดด้วยเสียงที่ดังกว่าปกติเมื่ออารมณ์โกรธนั้นพลุ่งพล่านขึ้นมา
เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มตรงหน้า
และหญิงสาวเองก็ไม่ต้องการร่วมงานกับคนที่ไม่ต้องการจะร่วมงานกับเธอเช่นกัน
“พี่พูดความจริง
แล้วพี่ก็ไม่ชอบให้เพลงมาตะคอกใส่พี่ด้วย”
ชานนท์เสียงเข้มขึ้นมาเช่นกัน
เพลงพิณมองคนตรงหน้าอย่างไม่สนใจ
เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นถูกต้อง แม้จะหาสาเหตุของมันไม่ได้ก็ตาม
เธอไม่ใส่ใจกับสรรพนามที่ชานนท์จงใจเรียก
เขาตั้งใจที่จะย้ำถึงคำว่า ‘พี่’ อย่างชัดเจน
แต่หญิงสาวก็ตั้งใจที่จะไม่แทนตัวเองว่า ‘เพลง’ ด้วย ในเมื่อเขาต้องการเอาชนะ เธอเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน “ฉันก็ไม่ชอบท่าทางวางก้ามและสายตาที่คุณมองฉัน” หญิงสาวแหวกลับไป “พี่ว่าเรียกตัวเองว่า
‘เพลง’ ดีกว่านะ
พี่ไม่อยากให้ใครมาได้ยินเข้า ถ้าได้ยินไปถึงหูของคุณอามันคงจะไม่ดีแน่ แล้วคุณอาอาจจะไม่พอใจที่เพลงกับพี่มีท่าทีที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน
คุณอาอาจจะลำบากใจได้” ชานนท์ย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเรียบ
แต่กลับดูนิ่งเสียจนน่ากลัว ก๊อกๆๆ! เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ทำให้หญิงสาวที่กำลังจะอ้าปากเถียงต้องหยุดชะงักลงทันที
และหันไปมองที่ประตูอย่างรวดเร็ว เพราะเกรงว่าคนที่เข้ามาจะเป็นพิภพ ประตูถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้าของห้องยังไม่ทันได้เอ่ยอนุญาต
แล้วหญิงสาวร่างบางคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง เพลงพิณมองการกระทำของหญิงสาวอีกคนด้วยรอยยิ้มที่ดูแคลน ‘ไพลิน!’ เพลงพิณจำคนที่เพิ่งเดินเข้ามาได้เป็นอย่างดี
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ
ไพลินนึกว่ามีแค่พี่นนท์คนเดียว ทุกทีพี่นนท์ทำงานในห้องนี้คนเดียว” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาและโค้งตัวลงเล็กน้อย เพลงพิณฟังน้ำเสียงของหญิงสาวตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด
เธอทราบดีว่าไพลินรับรู้ถึงการมาของเธอเรียบร้อยแล้ว
แต่ในเมื่อครั้งนี้เพลงพิณไม่ต้องการคำว่า ‘แพ้’
เธอจึงต้องเล่นไปตามบทของน้องสาวต่างมารดา “ไม่เป็นไรจ้ะ
พี่เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง ไพลินกับน้ารตีไม่อยู่บ้านเลยไม่รู้น่ะ เอ่อ...แล้วพี่ก็จะมาทำงานที่นี่ด้วยนะ
พี่นนท์จะเป็นคนสอนงานให้น่ะจ้ะ” เพลงพิณตอบด้วยน้ำเสียงหวานพลางยิ้ม
และมองคนฟังด้วยสีหน้าที่รู้เท่าทัน “เอ่อ...ค่ะ” ไพลินรับคำเสียงอ่อย “แล้วพี่ก็เอารูปรับปริญญากลับมาฝากพ่อด้วย
พี่แขวนไว้ที่ห้องรับแขกน่ะ ท่าทางพ่อดีใจมากเลยแหละ”
หญิงสาวยังคงพูดต่อไป ไพลินฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้ชานนท์ผิดสังเกต
ทว่าในใจนั้นเก็บความอิจฉาและความแค้นเคืองไว้เต็มปรี่ คาดไม่ถึงว่าเพลงพิณจะตอบกลับมาเช่นนี้ ในวัยเด็กเธอกับเพลงพิณมักจะทะเลาะกันด้วยเรื่องแย่งของกันเป็นประจำ
เมื่อใดที่รตีและพิภพเข้ามาห้าม ไพลินจะตีหน้าเศร้าและทำท่าสงบเสงี่ยมเจียมตัว
ผิดกับเพลงพิณที่โผงผางออกมา ซึ่งเป็นผลให้พิภพเอ็นดูและสงสารผู้เป็นน้องมากยิ่งขึ้น “พี่นนท์สอนงานพี่เพลงเหรอคะ
ไพลินอยากเรียนรู้ด้วยจังเลยค่ะ เผื่อจะได้มาช่วยงานบ้าง”
ไพลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มเหมือนเดิม “อืม...ก็ดีนะ พี่เองก็อยากให้ไพลินเรียนรู้งานด้วยเหมือนกัน
แต่ไพลินใกล้สอบแล้ว พี่ว่าหลังสอบเสร็จค่อยมาเรียนรู้งานดีกว่านะจ๊ะ
เมื่อวานก็ไปเที่ยวมาแล้ว เดี๋ยวไม่มีเวลาอ่านหนังสือสอบ เกรดจะตกเอานะ” เพลงพิณเอ่ยทีเล่นทีจริง “เอ่อ...พี่ก็เห็นด้วยกับเพลงนะ
พี่ไม่อยากให้ไพลินทิ้งการเรียนไปน่ะ” ชานนท์เออออกับเพลงพิณ ไพลินหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าชานนท์สนับสนุนความคิดของเพลงพิณ
แต่ก็พยายามยิ้มออกมา แม้มันจะต้องฝืนความรู้สึกบ้างก็ตาม “อีกแค่ปีเดียวไพลินก็จะจบแล้ว
ถ้าไพลินเรียนจบแล้ว ไพลินจะมาทำงานที่นี่นะคะ”
ไพลินยังคงพูดต่อเพื่อโน้มน้าวให้ชานนท์เห็นพ้องกับความต้องการของเธอบ้าง “ก็ได้จ้ะ พี่ยินดีให้ไพลินมาทำงานที่นี่อยู่แล้ว” ชานนท์ยิ้มรับด้วยความเอ็นดู เพลงพิณมองท่าทีของท่าทีที่ไพลินแสดงออกถึงความต้องการที่จะเอาใจชานนท์พลางยิ้มขำจนเกือบจะเป็นดูแคลน
“เดี๋ยวพี่ขอทำงานก่อนนะจ๊ะ
คือวันนี้พี่ต้องเริ่มสอนงานเพลงด้วยน่ะ” ชานนท์เอ่ยต่อเมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มอารมณ์ดีขึ้น ไพลินพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างเชื่องช้า ใจจริงหญิงสาวอยากจะนั่งอยู่ในห้องทำงานนี้ด้วย
เธอไม่ต้องการให้ชานนท์อยู่ตามลำพังกับพี่สาวต่างมารดาคนนี้ “เพลง พี่ว่าเรามาเริ่มงานกันเลยดีกว่านะ
เดี๋ยวพี่จะให้ดูโครงสร้างของบริษัทก่อนก็แล้วกัน”
ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ผิดกับใบหน้าคมคายที่ดูแน่นิ่ง “เรายังคุยกันไม่จบเลย
ฉันยังอยากรู้คำตอบนะ” หญิงสาวแหวใส่ชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสูง
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าดูเฉยเมยและไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เธออยากรู้เลยสักนิด “เพลงอยากรู้อะไรล่ะ เราไปนั่งคุยกันที่โซฟาดีกว่า” ชายหนุ่มหันกลับมาถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบสนิท
และทำเหมือนกับว่าเรื่องของเธอนั้นไร้สาระเสียเหลือเกิน “ทำไมคุณถึงไม่ชอบฉันล่ะ!” หญิงสาวถามเสียงแข็งทันทีที่หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟานุ่ม “ไม่จริง! ฉันเห็นคุณมีอคติกับฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว คุณดูลำบากใจ
อึดอัดใจที่จะสอนงานฉัน” เพลงพิณยังคงถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
เพราะโดยนิสัยแท้จริงแล้ว
หญิงสาวเป็นคนที่ไม่ยอมใคร และตรงไปตรงมา แต่ในบางครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้ารตีและไพลิน
เธอก็ต้องพยายามตีหน้าซื่อหรือเล่นละครบ้าง เหมือนที่สองคนนั้นชอบทำ ชานนท์เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
ชายหนุ่มต้องยอมรับว่าร่างบางตรงหน้านี้ช่างสังเกตไม่น้อยเลย แต่ตัวเขาก็เลือกที่จะเพียงยิ้มออกมาแทนคำตอบเท่านั้น “ทำไมคุณไม่ตอบฉันล่ะ” หญิงสาวถามอีกครั้ง “พี่ว่าเพลงอย่าไปใส่ใจเลยดีกว่านะ”
ชายหนุ่มยังคงเฉไฉไม่ยอมตอบคำถามอย่างเคย เพลงพิณนั่งมองชายหนุ่มด้วยท่าทีนิ่งเฉย
ดวงตากลมโตจ้องมองชานนท์เงียบๆ อย่างใช้ความคิด เธอกับเขาไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แล้วทำไมชานนท์จึงมีท่าทีแปลกๆ กับเธอ ‘หรือว่ามีคนใส่ความเธอกันนะ!’ “ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรคุณถึงได้มองฉันแปลกไป
แต่ฉันจะทำให้คุณดูว่าฉันก็มีความสามารถมากพอที่จะทำงานตรงนี้ได้” เพลงพิณพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าปกติ และจ้องมองคนฟังด้วยท่าทางเอาจริง ชานนท์มองเข้าไปในดวงตากลมโตนั้นด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนกว่าทุกครั้ง
ท่าทีที่แสดงออกก็เริ่มจะผ่อนคลาย ไม่แน่วนิ่งเหมือนเมื่อครู่นี้ “โอเค พี่จะรอดูแล้วกันนะ” “แต่สักวันหนึ่งฉันต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมคุณถึงได้มีอคติกับฉันตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน” หญิงสาวยังคงพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดังเดิม “แต่พี่ว่าตอนนี้เพลงเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกตัวเองก่อนดีกว่า
ไม่อย่างนั้นเราคงมีปัญหากันแน่นอนเลย” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกันเองมากยิ่งขึ้น หญิงสาวยังคงเงียบ
และจ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่แสดงความรู้สึก ที่จริงสิ่งที่ชานนท์ขอนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย
เพียงแต่เพลงพิณต้องการเอาชนะชานนท์เท่านั้นเอง “ตกลงไหม เพลง” “เอ่อ...เอาไงดีล่ะ” หญิงสาวยังคงตีรวนด้วยความสนุก “ถ้าเพลงไม่ยอม พี่ก็จะไม่สอนงานเพลงนะ”
ชานนท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวนไม่แพ้กัน ในเมื่อคนตรงหน้าทำตัวเป็นเด็ก เขาก็จะปราบเด็กด้วยวิธีการแบบนี้แหละ “ก็ได้ค่ะ ขี้โกง!” เพลงพิณรับปากเสียงอ่อย
พร้อมกับค้อนอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ “’งั้นลองเรียกให้ฟังหน่อยซิ” “ตกลงค่ะ พี่นนท์!” หญิงสาวกระแทกเสียงใส่
และสะบัดหน้าหนีอย่างไม่พอใจ ชานนท์ยิ้มให้คนตรงหน้า
เขาจะลองเชื่อใจเด็กหัวนอกคนนี้สักครั้ง สิ่งที่เขาได้ยินมาจากไพลินกับรตีอาจจะผิดก็เป็นได้
และเขาก็จะเป็นคนพิสูจน์เองว่าเธอคนนี้เป็นคนเช่นไร
“พี่ไม่ได้ไม่ชอบเพลง
พี่แค่บอกให้เพลงอย่าแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ เพราะมันจะทำให้คุณอาลำบากใจที่เราเข้ากันไม่ได้ พูดจาก็ดูห่างเหินกัน
คุณอาคงไม่สบายใจถ้ารู้อย่างนี้ เพลงเองก็น่าจะเข้าใจนะ”
ชานนท์อธิบายด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายระคนอ่อนใจ
ความคิดเห็น