คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ หมอดูสาว...
บทนำ
เฮ้อ... เหนื่อยจัง...!!
เสียงบ่นพึมพำออกมาจากริมฝีปากบางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอหย่อนตัวลงบนโซฟาสีครีมอย่างอ่อนแรงพร้อมกับปิดเปลือกตาคู่สวยลงอย่างช้าช้าเพื่อผ่อนคลายความอ่อนล้า
หกเดือนมาแล้วที่มนตรายังคง “ตกงาน” เธอพยายามเฝ้าเวียนหาสัมภาษณ์งานหลายต่อหลายแห่ง แต่ทุกที่ที่เธอไปนั้นกลับยังคงไร้เสียงตอบรับใดทั้งสิ้น
หลักฐานการสมัครงานยังคงวางอยู่บนโต๊ะรับแขกโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ให้ความสนใจกับมันสักเท่าไร เนื่องด้วยความท้อแท้ใจที่ก่อเกิดขึ้นในจิตใจ
ป๊อก!!
“โอ๊ย!!” มนตราตะโกนลั่นเมื่อรู้สึกถึงเสียงที่กระทบลงบนศีรษะ เจ้าตัวลูบไล้ลงไปยังจุดเกิดเหตุอย่างมีโมโห และลืมตามองอาวุธนั้นอย่างหงุดหงิด
“มัวแต่นั่งอมทุกข์อยู่นั่นแหละ... แกนั่งหน้าเครียดอย่างนี้ แกก็ไม่ได้งานหรอกเว้ย” แก้วตาตะโกนเสียงดังและเดินมาก้มเก็บลูกแก้วที่ตกลงพื้นอย่างไม่เดือดร้อน
“แกจะไม่ให้ฉันเซ็งได้ไงล่ะ ฉันอุตส่าห์ร่ำเรียนมา แต่กลับมานั่งตกงานแบบนี้”
“แต่แกยังมีรายได้จากการดูหมอนะ แกจะเครียดทำไม ใจเย็นๆสิ!!”
มนตราพยักหน้าไปตามที่เพื่อนรักพูด เธอควรจะดีใจกับ “อาชีพ” ที่สามารถทำให้เธอเลี้ยงตัวได้ แต่กระนั้นเธอยังอยากใช้ความสามารถจากการจบจากอักษรศาสตร์มากกว่า
มนตรากับแก้วตาอาศัยอยู่ในซอยแห่งหนึ่งของใจกลางเมือง แก้วตาเปิดร้านกาแฟและขายขนมเค้ก โดยที่มนตรานั้นคอยเป็นแม่หมอดูดวงให้กับผู้คนที่สนใจ
ความแม่นยำของมนตราดังกระฉ่อนไปภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้รายได้ที่เธอหามาได้นั้นมากมายเกินกว่าที่เธอคาดคิดไว้ในช่วงแรก
“นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องทำงานอีกนะ” แก้วตายังคงรบเร้าเมื่อเห็นมนตรายังคงนั่งเฉย
มนตราพาตัวเองขึ้นไปยังห้องนอน และพยายามไม่คิดฟุ้งซ่านถึงเรื่องอาชีพที่เธอทำอยู่ในปัจจุบัน ถ้าเธอไม่เห็นถึงสายตาคมคู่นั้นเมื่อครั้งยังศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย เธอคงไม่ห่อเหี่ยวหัวใจมากขนาดนี้
หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองให้ลืม แต่เจ้าตัวยังคงจำได้ติดตากับเวลาเสี้ยวนาทีที่เกิดขึ้น โดยที่เจ้าตัวเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้คิดถึงและจำฝังใจกับการกระทำของคนคนนั้น
อย่าไปใส่ใจเลยนะ...มนตรา..
ก๊อก!! ก๊อก!!
คนในห้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตู ในตราหันมองซ้ายขวาอย่างตกใจ มนตรารีบกระวีกระวาดออกจากที่นอนนุ่มโดยเร็ว เพื่อไปยังต้นเสียงที่ยังคงดังไม่ยอมหยุด
“แกจะเคาะทำไมเนี่ย มันเพิ่งเจ็ดโมงเช้าเองนะ!!” หญิงสาวตะโกนใส่คนตรงหน้าอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเหลือบหันไปเห็นนาฬิกาที่วางข้างหัวเตียง
“เจ็ดโมงอะไรของแก จะสิบโมงเช้าแล้วต่างหาก!!” แก้วตาตะโกนกลับไปพร้อมกับยื่นข้อมือที่สวมใส่นาฬิกาเรือนสวยให้เพื่อนสาวได้เห็น
“เฮ้ย!! แกไปเปิดร้านรอได้เลย เดี๋ยวฉันตามลงไป ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวสิบห้านาที” แม่หมอพูดพร้อมกับขจัดความงุนงงทิ้งไป
“ให้ไวเลยนะ ลูกค้าเริ่มมากันแล้ว”
มนตราปิดประตูแทนการโต้เถียง เจ้าตัวรีบวิ่งและจัดแจงกับร่างกายตัวเองด้วยความรวดเร็ว และในใจอดไม่ได้ที่จะพาลโกรธคนที่ทำให้เธอครุ่นคิดตลอดทั้งคืน
คนบ้า...!!
ชั้นล่างของตัวบ้านที่ถูกดัดแปลงเป็นร้านกาแฟ แม้จะเป็นเพียงร้านตึกแถว แต่ก็ยังคงจัดไว้อย่างน่ารัก มีเก้าอี้โซฟาสีสดใสตั้งอยู่ชิดกำแพงสามชุด โดยที่กลางร้านก็เป็นโต๊ะรับแขกขนาดกะทัดรัด และภายในร้านยังคงมีหนังสือวางไว้ตามมุมต่างๆเพื่อให้หยิบอ่านได้บวกกับมีกลิ่นหอมของเจลน้ำหอมที่ชวนให้คนที่เข้ามานั้นสดชื่น
กรุ๊งกริ๊ง!!
เสียงประตูร้านดังขึ้นพร้อมกับร่างหญิงวัยกลางคน ท่าทางของเธอบ่งบอกถึงฐานะและความมั่งคั่งได้เป็นอย่างดี เมื่อชุดที่ใส่และเครื่องประดับที่สวมคอนั้นดูมีราคาและมูลค่าเหลือเกิน
“ฉันมาขอพบคุณมนตราค่ะ” น้ำเสียงเรียบออกมาจากริมฝีปากสีแดงพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“เอ่อ...สักครู่นะคะ” แก้วตาพยักหน้าและขมวดคิ้วสงสัย ไม่คาดคิดว่าคนมีเงินและยังคงใส่ชุดผ้าไหมบวกกับการแต่งแต้มเครื่องสำอางนั้นจะก้าวเข้ามาในร้านธรรมดาของเธอ แต่ไม่ทันที่เจ้าตัวจะก้าวไปยังชั้นบน เพื่อนรักของเธอก็ลงมาพอดิบพอดี
“อ้อ...มนตรามาแล้วค่ะ”
มนตราส่งยิ้มให้กับหญิงกลางคน เธอมองรูปร่างที่สมส่วนนั้นและมองไปยังริ้วรอยที่ถูกปิดด้วยเครื่องสำอาง เมื่อเห็นเธอคนนั้นมองมาอย่างไม่กระพริบ
“สาวและสวยกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลยนะ”
“คุณรู้จักฉันเป็นการส่วนตัวด้วยหรือคะ” มนตราถามกลับไป ท่าทางเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไรนักเมื่อถูกวิจารณ์
“เปล่าค่ะ ฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณมามาก เลยมีเรื่องอยากจะมาปรึกษาน่ะ” ภัทราเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา อดไม่ได้ที่จะแปลกใจที่หมอดูผู้เลื่องชื่อจะดูเด็กเหลือเกิน
มนตราพยักหน้าพร้อมกับผายมือไปยังเก้าอี้รับแขกที่ตั้งในสุดของร้าน ร่างบางเดินนำไปพร้อมกับหย่อนตัวลงที่เก้าอี้รับแขก และจัดเตรียมสำรับไพ่ไว้บนผ้าปูบนโต๊ะ เธอเข้าใจความหมายของคำว่า “ปรึกษา” นั้นดี
“เอ่อ...ขอทราบชื่อด้วยค่ะ”
“ภัทรา เกียรติกิตติกุล เกิดวันที่ XXX...”
มนตราฟังแล้วรู้สึกคุ้นหูไม่น้อยเลย เธอเคยได้เห็นถึงนามสกุลนี้จากบ้านหลังใหญ่ที่อยู่สุดซอย และยิ่งทำให้แม่หมออย่างเธออดสงสัยไม่ได้ว่าผู้หญิงสมบูรณ์แบบอย่างนี้จะมีปัญหาด้วยหรือไร
“เดี๋ยวคุณภัทราสับไพ่ด้วยมือข้างซ้ายตามจำนวนอายุนะคะ...”
มนตรามองไพ่ที่วางเรียงกันสิบใบแล้วเงียบไปสักครู่หนึ่ง โดยที่คุณภัทราเองก็เลือกที่จะเงียบเพื่อสังเกตอาการและท่าทางของแม่หมอผู้เลื่องชื่อคนนี้
“คุณภัทราคะ ฉันมองจากไพ่ตรงหน้า อยากให้คุณระวังเรื่องการเจ็บป่วยของคนในบ้านค่ะ”
คนที่ฟังอยู่เบิกตากว้างก่อนจะจ้องไปยังใบหน้านวลสวยที่ยังคงสงบนิ่งยามที่เป็น “แม่หมอ” เพราะสิ่งที่ภัทราหนักใจก็คือเรื่องที่มนตรากล่าวออกมานั่นเอง
“ค่ะ แม่ของฉันเดินไม่ได้มาสองเดือนแล้ว ฉันตะเวนหาหมอมาทุกที่ พึ่งหมอดูมาก็มาก แต่ก็ยังคงอาการไม่ดีขึ้น” ภัทราเสียงเบาลง ความมั่นใจที่แสดงมาในตอนแรกถูกกลบด้วยความเสียใจทันที
“เอ่อ... ฉันขอดูฮวงจุ้ยที่บ้านก่อนนะคะ ถ้าไม่สะดวกคุณภัทราถ่ายรูปมาให้ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวพูดเสียงสั่นไม่น้อย เธอกลัวว่าคนตรงหน้าจะคิดไปว่าเธอต้องการปลอกลอกหรือเป็นมิจฉาชีพ
“ฉันยินดีให้คุณมนตราเข้าไปที่บ้านฉันได้ค่ะ” ภัทรารีบตอบเร็ว เธอเข้าใจถึงความรู้สึกของมนตราทันที
“คุณพร้อมเมื่อไร บอกฉันมาแล้วกันค่ะ”
“ตอนนี้ค่ะ” ภัทราพูดเร็วอีกครั้ง เธอไม่รีรอและพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ของเธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง
มนตราตกใจกับการตัดสินใจที่รวดเร็ว แต่เจ้าตัวก็ตอบตกลงเช่นกัน เจ้าตัวไม่ต้องการให้ใครมาดูแคนหรือกล่าวหาว่าเธอเป็นนักต้มตุ๋น หลอกเงินกันไปวันวันเท่านั้น
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงมนตราก็ลงจากเก๋งคันหรู เธอก้าวเข้าไปยังตัวบ้านพร้อมกับหญิงวัยกลางคน เธอหยุดมองยังที่นอนขนาดหกนิ้วที่ตั้งอยู่กลางห้องก่อนใช้สายตาสอดส่องไปยังรอบตัว
“คุณภัทราคะ ฉันว่าคุณลองย้ายหัวเตียงนอนมาอีกฝากค่ะ ให้ห่างจาหน้าต่างไม่มากนัก ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนดีกว่านะคะ เปลี่ยนผ้าม่านให้เป็นสีครีม ไม่ต้องใช้ผ้าพลิ้วนะคะ...”
ภัทรารับฟังด้วยความไม่มั่นใจสักเท่าไร เธอไม่เคยคิดว่าการจัดแต่งหรือการปรับเปลี่ยนห้องนอนเพียงแค่นี้จะทำให้ดวงพรกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติ
“คุณจะเชื่อหรือไม่ มันเป็นสิทธิของคุณนะคะ ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันเรียบร้อยแล้ว” มนตรากล่าวทิ้งท้าย หลังจากหันมาส่งยิ้มให้กับผู้ป่วยที่นอนบนที่นอนสีขาว
หลังจากทำภารกิจเสร็จสิ้น มนตราก็กลับเข้ามาในร้าน โดยที่แก้วตานั้นนั่งรอด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่มนตรายังคงเงียบไม่เล่าเรื่องเหมือนทุกครั้งไป เพราะเธอถือว่ามันเป็นจรรยาบรรณของการเป็นหมอดู
“ไม่เล่าให้ฟังหน่อยหรือยะ...”
มนตราหัวเราะกับท่าทีที่ทะเล้นของแก้วตา แล้วอดไม่ได้ที่จะกังวลใจกับลางสังหรณ์ของตัวเอง เธอกำลังจะก้าวเข้าไปพัวพันกับครอบครัว “เกียรติกิตติกุล” ทีละนิด
ความคิดเห็น