ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก...พยศ

    ลำดับตอนที่ #5 : คิดไม่ตก...! 100%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 62


    เฮ้อ! อะไรกันนะ!’

                    ริมฝีปากบางพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น หญิงสาวไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เลย ร่างบางนั่งกอดหมอนพิงหัวเตียงนิ่ง ดวงตากลมโตไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้ากับการถูกใช้งานมาทั้งวันสักนิด และความคิดก็ยังคงล่องลอยและงุนงงกับเรื่องที่ได้ฟังมา

                    เที่ยงคืน!

                    หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาข้างหัวเตียงเป็นรอบที่สามในเวลาเพียงห้านาที ในใจยามนี้หาความสงบไม่ได้เลย มือบางอยากจะเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือโทร.หาชายหนุ่มอีกคนเหลือเกิน...ชานนท์

                    อาหารเย็นวันนี้หมดความอร่อยและไม่มีความสุขเลยตั้งแต่พิภพพูดถึงจุดประสงค์ของการนัดกัน และมันก็ทำให้คนที่พาเธอมานิ่งเงียบไป ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลยถ้าไม่จำเป็น

                    เธอไม่แปลกใจสักนิดเมื่อนึกถึงสีหน้าของชานนท์ เพราะเรื่องที่ธานินทร์กับพิภพพูดนั้นเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป

                    แต่งงาน!

    แม้ว่าพิภพกับธานินทร์ไม่ได้บังคับให้เธอแต่งงานกับชานนท์ เพียงแค่อยากให้ลองคิดทบทวนเรื่องนี้ดู ทว่าหญิงสาวก็สามารถเดาความในใจของทั้งสองท่านได้ไม่ยากเลย และชานนท์เองก็คงไม่กล้าที่จะปฏิเสธผู้ให้กำเนิดเป็นแน่

                    “โอ๊ย!

                    หญิงสาวส่ายหน้าไปมาอย่างคนคิดไม่ตก เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เพียงแค่ปฏิเสธออกไปก็จบ แต่เธอก็ยังรีๆ รอๆ คอยสังเกตปฏิกิริยาของชายหนุ่ม และเมื่อจะเอ่ยปากถาม ผู้เป็นบิดาก็ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถามเลย

                    เมื่อเหยียบเข้ามาในบ้าน พิภพก็ขอตัวไปพักผ่อนทันที ราวกับรู้ถึงเจตนาของลูกสาว ทำให้หญิงสาวต้องมานั่งกระวนกระวายใจอยู่เพียงลำพังอย่างนี้

                    เพลงพิณไม่สามารถดาดเดาความคิดของชายหนุ่มได้ สำหรับตัวเธอเองนั้น แม้จะไม่ได้รักใคร่หรือผูกพันกับชานนท์ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจที่จะใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายคนนี้ เพราะเขาก็จัดว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมคนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ฐานะ หรือการศึกษาก็ตาม

                    เอายังไงดีนะ

     

                    เช้าวันรุ่งขึ้น เพลงพิณเดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยท่าทางเหม่อลอย สืบเนื่องมาจากการอดนอน และความคิดยังคงวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน

                    ชานนท์มองหญิงสาวด้วยสายตาเรียบเฉย ท่าทางเป็นปกติเหมือนทุกวัน คือยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่คนที่เข้ามาใหม่กลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางย่าง

                    เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ

                    ริมฝีปากบางอยากจะเอ่ยถามเพื่อย้ำความแน่ใจ เพราะสิ่งที่ชานนท์คิดคงเป็นเรื่องเดียวกับเธออย่างแน่นอน...

                    การแต่งงาน!

                    เอ่อ... หญิงสาวกำลังจะเอ่ยถาม แต่ความคิดบางอย่างในสมองกลับสั่งให้เธอหยุด เพราะมันเป็นเรื่องลำบากใจไม่น้อยเลย และท่าทางของชานนท์ก็ดูนิ่งเกินไป

                    ดวงตาคมเงยสบตาหญิงสาวเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นคงนักจากเธอ เขารู้ดีว่ามันชวนให้เกิดความรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลยเมื่อต้องมาแต่งงานกับคนที่รู้จักกันไม่ถึงหนึ่งเดือนดี

                    พี่เข้าใจนะ...ว่าเพลงรู้สึกยังไง

                    เพลง...เพลงว่าเราน่าจะยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้นะคะ เราน่าจะบอก... หญิงสาวพูดอย่างใจคิด แม้ว่าโดยปกติแล้วเธอจะเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองเหลือล้น แต่กับเรื่องที่อ่อนไหวเช่นนี้ เธอต้องใช้ความกล้าไม่น้อยเลย

                    พี่ว่าอย่าเลยดีกว่า พี่ไม่อยากทำให้คุณอากับพ่อของพี่ต้องผิดหวังน่ะ ชานนท์เอ่ยแทรกเสียงเรียบ

                    เพลงเข้าใจนะคะว่าพี่นนท์ไม่ชอบขัดใจผู้ใหญ่ แต่ว่า...เรื่องนี้...มันเป็นเรื่องใหญ่นะคะ น้ำเสียงของเพลงพิณเริ่มจะเข้มขึ้นโดยหญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว

                    พี่เองก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานหรอก พี่เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ แต่ที่จริงพี่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนเลย ชายหนุ่มตอบหน้าตาย

                    พี่นนท์! เราไม่ได้รักกัน เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...พี่นนท์คิดว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้ยังไง เพลงพิณเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางเฉยชาของชานนท์

                    พี่ทำเพื่อพ่อ! เพื่อคุณอา!” ชายหนุ่มตัดบทเมื่อเห็นท่าทางของเพลงพิณ

                    หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจเมื่อชานนท์อ้างถึงผู้มีพระคุณเพียงอย่างเดียว เขาไม่แม้แต่จะพูดถึงความรักเลยสักนิด

                    ใบหน้านวลก้มลงมองงานตรงหน้าทันที และไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากอีกเลย เพราะรู้ดีว่าไม่ว่าจะพูดอะไรออกไป ชานนท์ก็คงจะยืนยันคำตอบเดิม

                    เชอะ!’

     

                    ณ ลานจอดรถของร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หญิงสาวพยายามเดินให้พ้นจากลานให้เร็วที่สุด เพราะมันแสนจะขรุขระ เต็มไปด้วยหินที่ปูไม่เรียบ ไม่เหมาะกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมยู่ และมันก็เป็นสาเหตุให้ใบหน้านวลต้องก้มมองพื้นตลอดเวลา

    “โอ๊ย!

                    ริมฝีปากบางสบถอย่างหงุดหงิดเมื่อร่างบางชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง และมันก็ทำให้เธอเสียหลักไปเล็กน้อย

                    หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ผิดกับเขาที่มองมาด้วยรอยยิ้มขบขันแกมเอ็นดู ซึ่งก็เพิ่มอารมณ์คุกรุ่นให้เธอมากขึ้นไปอีก

                    เป็นอะไรไหมครับ ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง แต่ช่างขัดกับแววตาคมที่มองมาเสียเหลือเกิน

                    ไม่ค่ะ!” อัยราสะบัดเสียงตอบ หญิงสาวไม่รู้สึกผิดสักนิดกับการเดินชนคนแปลกหน้า เพราะสายตาของเขาไม่ได้ชวนให้เธอคิดเช่นนั้นเลย

                    มาทานข้าวร้านนี้เหรอครับ

                    ค่ะ

                    ผมก็มาทานที่นี่บ่อยนะ แต่ไม่เคยเห็นคุณเลย

                    ฉันมาไม่บ่อยน่ะค่ะ

                    อาหารที่นี่อร่อยนะครับ แล้ว... ชายหนุ่มชวนคุยไปเรื่อยโดยไม่สนใจน้ำเสียงห้วนของญิงสาวที่ตอบกลับมาเลย ราวกับเพียงพอใจกับการได้พูดคุยกับหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเท่านั้น

                    ฉันขอตัวนะคะ เพื่อนฉันรอน่ะค่ะ

                    ผมก็นัดเพื่อนไว้เหมือนกันครับ เดินไปด้วยกันเลยดีกว่า

                    “น่ารำคาญจัง!

                    อัยราพึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงแสดงท่าทียียวนและชวนคุยราวกับรู้จักกันมานานนับปีอย

                    ร่างบางรีบเดินให้พ้นจากผู้ชายแปลกหน้าคนนี้ แต่ด้วยความสูงที่แตกต่างกัน ทำให้เขาเดินตามเธอทันได้อย่างไม่ยากเย็น

                    และด้วยความที่ไม่ทันระวัง รองเท้าส้นสูงจึงเข้าไปติดในซอกหิน ทำให้หญิงสาวเสียหลักอีกครั้ง แต่ร่างสูงที่ก้าวตามมาก็คว้าร่างบางได้ทันพอดี

                    หญิงสาวตกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มแปลกหน้า ใบหน้านวลแอบอิงกับอกกว้างอย่างไม่ตั้งใจ มือหนาก็กระชับที่ต้นแขนขาวอย่างพอดิบพอดี

                    อัยรารับรู้ถึงความใกล้ชิดได้อย่างไม่ยากเมื่อเธอได้ยินถึงเสียงหัวใจของคนตัวใหญ่ และก็พลอยทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นผิดจังหวะไปเหมือนกัน

                    มือบางรีบผลักอกกว้างเมื่อสามารถเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ใบหน้านวลมีสีแดงเรื่อปรากฏขึ้นจนเธอไม่กล้าสบสายตาคมที่จ้องมองมา

                    ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงติดตลกและทำหน้าทะเล้น

                    บ้า!” อัยราแหวใส่เพื่อแก้อาการเก้อเขิน  

                    ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นท่าทางของอัยรา หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อนึกถึงร่างนุ่มในอ้อมกอดเมื่อครู่

                    อัย! พี่เว!”

                    ใบหน้านวลของอัยราหันไปมองตามเสียงเรียกที่ค่อนข้างดัง แล้วเธอก็ยิ่งต้องหน้าแดงหนักกว่าเดิมเมื่อคนที่เรียกนั้นเป็นเพื่อนรักของเธอนั่นเอง

                    รู้จักกันด้วยเหรอ เพลงพิณถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนชิดติดกัน

                    เปล่า ฉันมาของฉันคนเดียว อัยราตอบด้วยน้ำเสียงค่อนข้างกระด้าง แล้วหันไปค้อนชายหนุ่ม

                    เพลง ชายหนุ่มแปลกหน้าเรียกเพลงพิณด้วยความสนิทสนม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้น เขาเพียงต้องการย้ำให้อัยรารู้เท่านั้นว่าเขาก็รู้จักกับเพลงพิณเช่นกัน

                    อัยราทำหน้าเหลอหลา ผิดกับชายหนุ่มที่ดูสนุกและชอบอกชอบใจที่ได้แกล้งอัยราเหลือเกิน ในขณะที่คนที่งุงงงกลับเป็นเพลงพิณ

                    ปกติแล้วอัยราเป็นคนอ่อนหวาน นุ่มนวล ไม่น่าจะเป็นคนชอบต่อปากต่อคำหรือว่ากล่าวพาดพิงใครเลย แล้วทำไมกับเวทัส เธอจึงได้มีท่าทีเยี่ยงนี้

                    พี่เวไปแกล้งอะไรเพื่อนเพลงหรือเปล่าคะ เพลงพิณทำเสียงเขียวเป็นเชิงดุชายหนุ่มตรงหน้า แต่แววตากลมโตกลับเป็นประกายสดใส

                    เพลงรู้จักผู้ชายคนนี้ด้วยเหรอ อัยราพูดแทรกขึ้นทันที

                    ใช่ครับ เรารู้จักกัน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว และบ้านก็อยู่ใกล้กันด้วย เวทัสตอบคำถามแทนเมื่อเห็นว่าน้ำเสียงของผู้ถามนั้นดูจะระรานมากกว่าเป็นมิตร

                    ฉันถามเพื่อนฉัน!”

                    แต่ผมอยากตอบ

                    ไม่มีมารยาท!”



    ต่ออออออออออออออออค่าาาาาาา



    ใครกันที่ไม่มีมารยาท เมื่อกี้เพลงถามผม คุณยังถามแทรกขึ้นมาเลย ชายหนุ่มเถียงอย่างไม่ลดละ และจ้องมองใบหน้าหวานด้วยสายตายียวนและท้าทาย

                    พอได้แล้ว ทั้งสองคนนั่นแหละ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้ เพลงมีเรื่องอยากจะปรึกษาน่ะค่ะ เลยเรียกพี่เวกับอัยมาคุยกัน ไม่อยากให้มาทะเลาะกันเองน่ะ เพลงพิณตัดบทและเดินนำคนทั้งสองเข้าไปในร้านอาหาร

                    เพลงพิณเลือกมุมที่คนไม่จอแจนัก แม้ว่าใบหน้าจะเจือไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลมโตไม่ได้ดูสดใสเหมือนกับท่าทางเลย

                    หลังจากที่สั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว คนต้นเรื่องก็มองหน้าเพื่อนสาวและพี่ชายข้างบ้านด้วยแววตาขอความเห็นใจ แล้วก็เล่าเรื่องการแต่งงานทันที

                    เวทัสและอัยราดูท่าทางจะแปลกใจระคนงุนงงกับการตัดสินใจของชานนท์ และเห็นใจเจ้าสาวจำเป็นอย่างเพลงพิณไม่น้อยเลย

                    ฉันกำลังลังเล เพราะฉันไม่อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักกัน แต่ดูเหมือนพี่นนท์จะไม่รู้สึกอะไรเลย เขาบอกแค่ว่าไม่อยากปฏิเสธพ่อเขากับพ่อฉัน หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย พลางใช้ช้อนเขี่ยอาหารไปมา

                    ฉันเข้าใจแกนะ แต่ถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ แกลองยืดเวลางานแต่งงานออกไปก่อนดีไหมล่ะ พยายามหาข้ออ้างมาถ่วงเวลา หรือว่าทำอะไรก็ได้ อัยราแนะนำ

                    แต่พี่ว่าเพลงน่าจะตัดสินใจให้มันเด็ดขาดไปเลยดีกว่า บอกพ่อไปเลยว่าจะแต่งหรือไม่แต่ง

                    เพลงพิณรับฟังทั้งสองคำแนะนำด้วยความลังเลใจ ใบหน้านวลมองเพื่อนที่นั่งด้านข้างและชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามสลับไปมา โดยปราศจากคำพูดใดๆ

                    ดวงตากลมโตฉายแววหวั่นไหวระคนเคียดแค้นออกมาแวบหนึ่ง แต่หญิงสาวก็ซ่อนมันไว้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้ากว่าการสังเกตของเวทัส

                    พี่ว่าที่เพลงยังคิดไม่ตกน่ะคงเพราะมีสาเหตุอื่นด้วยมั้ง เวทัสจ้องมองผู้หญิงที่เขาเอ็นดูเหมือนน้องสาวด้วยแววตาแน่วนิ่ง พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างรู้ทัน

                    เพลง...เพลง... หญิงสาวเกิดอาการพูดตะกุกตะกักขึ้นมาทันทีเมื่อเวทัสพูดจี้ใจดำ

                    แกอย่าบอกฉันนะว่ามันเกี่ยวกับน้องสาวคนละแม่ของแก อัยรารีบพูดแทรกขึ้น ใบหน้านวลฉายแววตำหนิและเป็นห่วงเพื่อนสาวขึ้นมาทันที

                    ผู้ตกเป็นจำเลยได้แต่นั่งก้มหน้ามองจานข้าว เพราะคนทั้งสองต่างคาดการณ์ได้ถูกต้อง เธอไม่ได้อยากแต่งงาน แต่อีกใจหนึ่งนั้นต้องการให้ไพลินกับรตีเป็นเดือดเป็นแค้น

                    เพื่อนเพลงพูดถูกใช่ไหม เวทัสสรุปพลางมองน้องสาวด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ  

                    เพลงกำลังคิดอยู่น่ะค่ะ แล้วก็รอดูท่าทีของสองแม่ลูกนั่นด้วยว่ากำลังคิดจะทำอะไรกันอยู่ หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย สีหน้าหมองลง เหมือนกำลังถูกครูตำหนิ

                    พี่คงห้ามไม่ได้ถ้าเพลงอยากจะทำ แต่พี่อยากเตือนว่ามันอันตรายเท่านั้นแหละ เวทัสพูดเสียงนุ่ม  

                    เพลงพิณพยักหน้าอีกครั้ง และยิ้มให้คนทั้งสองอย่างขอบคุณ ทว่าภายในใจนั้นยังคงลังเลและคิดไม่ตกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×