คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เรียนรู้งาน... 100%
พิภพนำงานที่คั่งค้างกลับมาทำที่บ้านหลังใหญ่
เพราะเขาต้องการใช้เวลาอยู่กับลูกสาวที่ห่างกันไปนาน
“พ่อทำอะไรอยู่คะ” เพลงพิณเดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมกับแก้วนมในมือ
“พ่อดูงานอยู่น่ะ
ใกล้จะเสร็จแล้ว” พิภพตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง แม้จะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน
แต่แค่เพียงได้เห็นรอยยิ้มที่แสนจะน่ารักของลูกสาว ความเครียดนานาก็มลายหายไปสิ้น
“เพลงเอานมมาให้น่ะค่ะ
พ่อมีอะไรให้เพลงช่วยไหมคะ”
“ไม่มีหรอก ว่าแต่เพลงชอบงานโรงแรมไหมล่ะ
เรียนรู้งานกับพี่นนท์สนุกไหมลูก”
“ก็ดีค่ะ พี่นนท์ใจดี
แต่ชอบให้เพลงอ่านอะไรไม่รู้ เยอะแยะไปหมดเลย เพลงยังไม่เข้าใจเท่าไหร่น่ะค่ะ แต่จะพยายามเรียนรู้ให้เร็วขึ้นนะคะพ่อ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
“นี่แค่อาทิตย์เดียวเอง
มันต้องใช้เวลานานกว่านี้ลูก พี่นนท์ทำงานมาก่อน ต้องรู้อะไรมากกว่าอยู่แล้ว แล้วเพลงกับพี่นนท์มีปัญหาอะไรกันบ้างไหม”
“ไม่มีหรอกค่ะ จะมีก็...บางครั้งพี่นนท์ชอบดุน่ะค่ะ...เวลาที่เพลงแอบอู้บ้าง” หญิงสาวทำหน้าล้อเลียนชานนท์ให้บิดาดู
“เพลงชอบพี่นนท์ไหม” พิภพถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นเล็กน้อย แววตาคมจับจ้องริมฝีปากบางอย่างรอคอยคำตอบ
“เอ่อ...ก็ดีนะคะ
เพลงไม่ได้เกลียดหรือว่ารังเกียจอะไรพี่นนท์”
หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้เอะใจในคำถามของพิภพเลยสักนิด
“พ่อเลือกคนไม่ผิดเลย พี่นนท์สามารถดูแลลูกพ่อได้
และพ่อก็ฝากเพลงไว้กับพี่นนท์ได้อย่างไม่ต้องห่วงเลย”
เพลงพิณมองใบหน้าชายวัยกลางคนอย่างสงสัยเล็กน้อย
คำพูดที่เหมือนจะแฝงไว้ด้วยความนัยของบิดาทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่นใจ
“พ่อหมายความว่ายังไงคะ”
พิภพยิ้มให้ลูกสาวแทนคำตอบ
พร้อมยกแก้วนมขึ้นดื่มด้วยสีหน้าที่แสดงว่าอร่อยใจชื่นใจ จนเพลงพิณต้องนิ่วหน้าเหมือนเตือนถึงการสนทนาที่คั่งค้างอยู่เมื่อครู่นี้
“ไม่มีอะไรหรอก
พ่อว่าเราไปพักผ่อนกันดีกว่า” พิภพตัดบทสนทนาอย่างอารมณ์ดี แล้วก็หัวเราะขึ้นมาราวกับขบขันอะไรบางอย่างเสียเต็มประดา
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา เพลงพิณพยายามอยู่ใกล้ชิดกับบิดาและชานนท์
หญิงสาวมักจะมีรอยยิ้มที่ทำให้แม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างมารดาต้องหัวเสีย
เมื่อใดที่พิภพเอ็นดูและให้ความสำคัญกับเพลงพิณ
รตีก็มักจะชักสีหน้าและมีท่าทีไม่พอใจ แต่มันก็เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้น
จนทำให้เพลงพิณอดหัวเราะออกมาไม่ได้
เช้านี้ เพลงพิณเดินลงมาด้วยท่าทางงัวเงียเหมือนเคย
แต่เรือนร่างและใบหน้านวลนั้นยังคงสวยงามน่ามอง เครื่องแต่งกายที่สวมใส่มักจะเป็นชุดเสื้อกระโปรงติดกัน
วันนี้ก็เช่นกัน หญิงสาวเลือกชุดสีเหลืองนวล ชายกระโปรงจับจีบรอบ พร้อมกับสวมเสื้อกั๊กสีน้ำตาลเข้มทับอีกชั้น
“วันนี้มีอะไรทานบ้างจ๊ะป้า” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงียเหมือนสมองยังสั่งการไม่เต็มที่
และหย่อนตัวลงด้านขวาของหัวโต๊ะ
“ข้าวต้มกุ้งค่ะ แล้วเดี๋ยวป้าจะเตรียมโอวัลตินร้อนๆ
ให้ด้วยนะคะ จะได้สดชื่น”
“ได้ค่ะ
แต่ไม่ต้องร้อนมากนะคะ เดี๋ยวมันจะลวกปากเพลงน่ะค่ะ”
เพลงพิณก้มหน้ากินอาหารไปได้เพียงครู่เดียว
พิภพก็เดินลงมาพร้อมกับภรรยา สีหน้าของรตียามที่มองมายังร่างบางนั้นดูจะไม่พอใจเท่าไรนัก
“ตื่นเช้าจังเลยนะ เพลง”
“ค่ะ ว่าแต่น้ารตีจะทานด้วยกันไหมคะ
เพลงจะได้สั่งเพิ่มให้ เพราะเพลงสั่งไว้ให้พ่อคนเดียวค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่ดวงตากลมโตที่มองแม่เลี้ยงนั้นดูจะเต็มไปด้วยความอวดดี
“ก็ดีค่ะ ต่อจากนี้น้าจะลงมาทานอาหารเช้าด้วยทุกวันนะคะ
จะได้อบอุ่นไงคะ และดูเป็นครอบครัวมากขึ้น”
เพลงพิณไม่ได้ตอบอะไร
เธอหันไปบอกแม่บ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ แล้วก็กินอาหารตรงหน้าต่อ
“แล้วไพลินไปไหนเหรอคะ
ทำไมไม่ลงมาทานข้าวด้วยกันล่ะคะ หรือว่าเมื่อคืนจะอ่านหนังสือจนดึก เพราะเพลงเห็นไฟในห้องเปิดอยู่น่ะค่ะ” เพลงพิณถามขึ้นด้วยความที่เกรงว่าพิภพจะล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอไม่อยากจะเสวนากับแม่เลี้ยงคนนี้
“จ้ะ ไพลินอ่านหนังสือดึกทุกคืนเลยน่ะ
เห็นบอกว่าอยากจะเรียนเก่งๆ อยากจะเอาเกียรตินิยมมาฝากพ่อน่ะ เมื่อก่อนไพลินเขาคุยกับพ่อทุกคืนแหละจ้ะ” รตีพูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมและเหมือนจะเย้ยหยันอยู่ในที เพราะเพลงพิณไม่ได้เกียรตินิยม
“ค่ะ ก็ดีค่ะ แต่ก็อย่าเครียดมากนะคะ
เพราะเวลาผิดหวังแล้วมันจะเสียใจน่ะค่ะ เพลงเป็นห่วงว่าพอไพลินไม่ได้ดังหวังแล้วจะคิดสั้นน่ะค่ะ
เพราะได้ข่าวมาว่าเทอมที่แล้วไพลินเรียนได้เกรดเฉลี่ยแค่สองกว่าเองนี่คะ” เพลงพิณพูดพลางสบตารตีอย่างท้าทาย
“พ่อไม่ต้องการให้ลูกพ่อเรียนเก่งขนาดนั้นหรอก
แค่เป็นคนดีก็พอแล้วละ” พิภพพูดด้วยน้ำเสียงปกติ เพราะไม่ต้องการให้คนทั้งสองทำสงครามน้ำลายกันไปมากกว่านี้
“พ่อคะ
เพลงอิ่มแล้วค่ะ อยากไปทำงานแล้ว เพลงอยากเรียนงานกับพี่นนท์น่ะค่ะ”
พิภพยิ้มเมื่อได้ยินลูกสาวพูดถึงชานนท์
แล้วก็รีบลุกขึ้นยืน หมดความสนใจในอาหารเช้าตรงหน้าทันที
รตีจ้องมองลูกเลี้ยงด้วยท่าทีริษยา
ผิดกับเพลงพิณที่ยิ้มให้อย่างลอยหน้าลอยตา เพราะหญิงสาวรู้ดีว่ารตีต้องการให้ลูกสาวของเธอหมั้นหมายกับชานนท์
‘เด็กบ้า!’
ชานนท์จ้องมองคนที่นั่งทำงานอยู่ด้วยกันในห้องด้วยสีหน้าประหลาดใจ
เพราะใบหน้านวลที่กำลังจ้องรายรับรายจ่ายของโรงแรมเขม็งนั้นดูเคร่งเครียด ทว่าริมฝีปากบางนั้นกลับพึมพำเป็นเพลงอย่างเพลิดเพลินเสียอย่างนั้น
เพลงพิณมองรายรับของโรงแรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าพอใจ
แม้การเติบโตของโรงแรมจะไม่ได้เป็นไปอย่างรวดเร็ว
แต่ผลประกอบการก็เป็นที่น่าพอใจไม่น้อยเลย
“เพลงจะดูรู้เรื่องเหรอ
ร้องเพลงไปด้วยน่ะ วันนี้ท่าทางจะอารมณ์ดีเหลือเกินนะ”
ชานนท์เอ่ยปากแซว
“ก็คนมันมีความสุขนี่คะ”
“เอ่อ...เพลง คุณอาบอกพี่ว่าเย็นนี้ให้ไปกินข้าวข้างนอกด้วยกัน
เดี๋ยวคุณอาจะบอกคุณพ่อของพี่ด้วย”
“ได้ค่ะ ไปกันสี่คนเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
เพลงพิณเออออกับคำบอกกล่าวของชานนท์
แม้จะแปลกใจในการกระทำของผู้เป็นบิดา แต่ร่างบางก็เก็บความสงสัยไว้ไม่ได้เอ่ยถามออกไปอย่างที่ใจต้องการ
ชานนท์มองเพลงพิณเงียบๆ
เขารู้สึกพอใจที่เพลงพิณขยันขันแข็งและเอางานเอาการ แม้จะเป็นเวลาเพียงแค่อาทิตย์เดียว
แต่ชายหนุ่มก็เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจ เธอไม่ได้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อหรือทำตัวเป็นคุณหนูเลยสักนิด
และนี่ก็ทำให้อคติที่เคยมีมาก่อนจะพบเธอหายไปจนหมดสิ้น
เพลงพิณไม่ได้พยายามที่จะเจ๊าะแจ๊ะหรือหาเรื่องทำตัวใกล้ชิดชานนท์
เธอจะเข้าใกล้เขาก็ต่อเมื่อต้องถามเรื่องการทำงานเท่านั้น
ก๊อกๆๆ!
“คุณนนท์คะ
คุณธานินทร์ให้มาเรียนว่าเย็นนี้ให้คุณนนท์พาคุณเพลงไปที่ร้านอาหารก่อนค่ะ เพราะคุณธานินทร์กับคุณพิภพจะไปธุระกันก่อนน่ะค่ะ”
เลขานุการสาวเข้ามารายงานและเดินกลับออกไป
ทำให้คนที่อยู่ในห้องมองตากันด้วยความสงสัย แต่ก็เพียงครู่เดียวเพราะหลังจากนั้นคนทั้งสองก็ก้มหน้าทำงานตามเดิม
‘มีอะไรกันนะ’
ต่ออออออออออออออออออออออออออออออค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ชานนท์ขับรถเก๋งคันหรูด้วยท่าทีเรียบเฉย แต่คนที่นั่งมาด้วยกลับดูจะตรงข้ามกันเสียเหลือเกิน
ใบหน้านวลขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย ในขณะที่ริมฝีปากบางก็พึมพำอยู่ตลอดเวลา
ทิวทัศน์สองข้างทางกับรถยนต์ที่หนาแน่นบนท้องถนนไม่ได้ทำให้เธอสนใจหรือหงุดหงิดแต่อย่างใด
เพราะความคิดของเธอมุ่งไปที่เรื่องเรื่องเดียวเท่านั้น
“เป็นอะไรไป เพลง บ่นอะไรอยู่คนเดียวน่ะ” ชายหนุ่มถามพลางยิ้ม ตั้งแต่นั่งรถมาด้วยกัน ดูร่างบางจะมีคำถามอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
“พี่นนท์ไม่สงสัยบ้างหรือคะ ว่าทำไมพ่อต้องนัดเรามาทานข้าวข้างนอก
แล้วยังให้เรามากันก่อนด้วย” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด
วันนี้เพลงพิณจดจ่อกับงานตรงหน้าจนไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องอื่นๆ
ที่เข้ามาเท่าไรนัก แต่ทันทีที่หยุดเรื่องงาน เรื่องนี้ก็กลับเข้ามาในความคิดทันที
“พี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่เห็นต้องคิดอะไรให้มันยุ่งยากเลย เพราะอีกไม่นานเราก็รู้แล้ว
และพี่ก็เชื่อว่าคุณพ่อของพี่กับคุณพ่อของเพลงต้องไม่ทำอะไรที่ทำให้เราต้องเดือดร้อนหรือยุ่งยากใจหรอก” ชานนท์เปรยด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่ใส่ใจเท่าไรนัก
“ก็จริงนะคะ แต่เพลงว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย” หญิงสาวยังคงคิดต่ออย่างสงสัย
“อย่าคิดมากเลย เอาเวลาไปคิดเรื่องงานดีกว่านะ” ชานนท์ตัดบทสนทนาด้วยเสียงปนหัวเราะ พลางยกมือข้างซ้ายขึ้นลูบศีรษะและหยิกแก้มนวลคนที่นั่งข้างๆ
ด้วยความเอ็นดู
เพลงพิณเกิดอาการหัวใจเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้นเมื่อถูกมือของชายหนุ่มสัมผัส
การกระทำที่แสนจะธรรมดาในยามนี้ กลับเรียกความหวั่นไหวในใจเธอได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นับตั้งแต่วันที่จุมพิตริมฝีปากเธอ
เขาก็ไม่เคยได้สัมผัสหรือทำอะไรเกินเลยอีกเลย วันนี้ชายหนุ่มจึงเกิดความรู้สึกแปลกๆ
‘เฮ้ย! นี่เราเป็นอะไรไปนะ’
“บ้า! เพลงโตแล้วนะ”
หญิงสาวแก้อาการเขินอายด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างห้วน แล้วรีบสะบัดหน้าหนี
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะทันทีเมื่อเห็นท่าทางของเพลงพิณ
มันชวนให้เขาเอ็นดูและอยากจะอยู่ใกล้เธอตลอดเวลา
“พี่รู้หรอกน่ะว่าเพลงโตแล้ว”
คำพูดที่ดูจะแฝงไว้ด้วยความนัยทำให้หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มด้วยความขุ่นเคือง
ภาพที่ถูกชายหนุ่มจุมพิตกลับเข้ามาในความคิดอีกครั้ง
“พี่นนท์ลามก!”
ชานนท์ยิ้มให้อย่างยียวนกวนประสาท
เขาไม่ได้พูดจาอย่างนี้กับเธอบ่อยนัก แต่ที่เอ่ยออกไปก็เพราะไม่อยากให้เธอคิดเรื่องนัดวันนี้ให้ปวดหัวต่างหาก
“พี่ลามกตรงไหน”
ชานนท์ถามหน้าตาย และหันมาเลิกคิ้วให้กับใบหน้านวล
เพลงพิณค้อนชายหนุ่มและหยิกมือหนาที่กำลังจับพวงมาลัยพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มร้องออกมาเบาๆ
‘สมน้ำหน้า! คนบ้า!’
เมื่อเข้ามาในร้าน เพลงพิณก็ต้องแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าบริกรของร้านดูจะรู้จักและสนิทสนมกับชานนท์เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มเดินนำมายังเรือนไม้หลังหนึ่งที่ล้อมรอบด้วยลำธารสายเล็กๆ
ภายในมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่และเบาะรองนั่งแทนเก้าอี้ดูหรูหรา เขาดันให้เธอเข้าไปนั่งข้างในแล้วหันไปพูดกับบริกรสองสามคำ
ก่อนจะนั่งลงเคียงข้างร่างบาง
“พี่นนท์ต้องรู้แน่เลยว่าคุณอากับพ่อมีเรื่องอะไรถึงได้นัดให้เรามาวันนี้” หญิงสาวเอ่ยพลางมองใบหน้าคมคายด้วยสายตาจับผิด
“เปล่า ช่างสงสัยจังเลยนะ พ่อแค่โทร.มาจองไว้แล้วเท่านั้นเอง
แล้วพี่เองก็เคยมากินร้านนี้บ่อยน่ะ บรรยากาศมันดี ไม่วุ่นวาย”
หญิงสาวจำใจพยักหน้ายอมรับสิ่งที่เขาพูด เพราะภายในร้านแห่งนี้ก็เงียบสงบและร่มรื่นจริงอย่างที่ชานนท์บอก
“ที่นี่ดีจังเลยนะคะ ที่ออสเตรเลียก็มีร้านอาหารแบบนี้เหมือนกันค่ะ
แต่ดูไม่เป็นธรรมชาติขนาดนี้” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
ทั้งที่เธอพยายามไม่หวนคิดถึงอดีต แต่มันก็ยากเหลือเกินที่จะลบเลือนไปได้
“ถ้าเพลงชอบเดี๋ยวพี่พามาทานบ่อยๆ ก็ได้นะ”
หญิงสาวหันมามองชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
และรอยยิ้มนั้นก็ยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนเดินตรงมาหา
“มากันแล้วค่ะ คุณอากับพ่อ เพลงจะได้รู้เสียทีว่าท่านทั้งสองชวนเรามาทานข้าวทำไม”
“ยังไม่ลืมอีกเหรอเนี่ย” ชานนท์พูดกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของหญิงสาวข้างกาย
หญิงสาวนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ
โดยหารู้ไม่ว่าการกินอาหารในมื้อนี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอครั้งยิ่งใหญ่
และนำมาซึ่งความรัก ความแค้น และความสูญเสียอย่างที่เธอเองก็คาดไม่ถึง
ความคิดเห็น