คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไม่น่าไว้ใจ
แอ๊ด...!!
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” แก้วตาทักทายเสียงหวานเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
“ฉันมาขอพบคุณมนตราค่ะ”
น้ำเสียงที่ดูทรงอำนาจจนทำให้คนที่มัวแต่ปั่นกาแฟต้องหันมาสบสายตา แล้วเจ้าของร้านสาวต้องงุนงงอีกครั้งหลังจากเห็นว่าเจ้าของน้ำเสียงเป็นใคร
“เอ่อ..ค่ะ...มีธุระอะไรไหมคะ มนกำลังอาบน้ำน่ะค่ะ”
“ฉันรอได้ค่ะ ขอชามะนาวและเค้กส้มชิ้นนึงด้วยนะคะ” ภัทราตอบกลับก่อนจะหย่อนตัวลงที่โซฟาสีแดงสด
แก้วตาพยักหน้าแทนคำตอบ เมื่อท่าทีของภัทราไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญกับเธอเลยสักนิดเดียว เจ้าตัวจึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานของเธอ
“เฮ้ย...ไอ้แก้ว ฉันขอเอสเพรสโซ่แก้วนึงนะ รู้สึกนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” เสียงแหลมตะโกนลงมาจากชั้นบนก่อนที่จะก้าวลงมายังชั้นล่าง
“แกรีบลงมาเลย มีคนมารออยู่นะ” แก้วตาตะโกนกลับไปเช่นกัน โดยที่เธออดไม่ได้ที่จะแขวะไฮโซวัยกลางคน เพราหมันไส้การวางตัวที่ดูเย่อหยิ่ง
เจ้าของร้านสาววางอาหารลงบนโต๊ะแก้ว และพยายามยิ้มแย้มให้กับแขกที่ยังคงนั่งเชิดหน้า แต่เหมือนภัทราทำแค่เพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เท่านั้น
“รอสักครู่นะคะ” แก้วตาเสียงเรียบไม่ได้ยิ้มแย้มให้แต่อย่างใด
มนตรารีบก้าวลงมาร่วมวง ทำให้แก้วตาไม่รอช้ารีบเดินหนีไปโดยเร็วก่อนที่จะส่งสายตาเป็นนัยน์ให้เพื่อนรับรู้ถึงอารมณ์ที่เป็นในขณะนี้
“สวัสดีค่ะคุณภัทรา คุณภัทรมีธุระกับฉันหรือคะ” หญิงสาวถามเป็นเชิงสงสัย เพราะเธอไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้พบกับคนตรงหน้าอีก
“ฉันอยากจะเชิญคุณไปทานข้าวที่บ้านค่ะ”
“ทานข้าว?? ทานข้าวที่บ้านคุณหรอคะ??”
“ค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนมารับตอนสี่โมงเย็นค่ะ” ภัทราสรุป โดยไม่เปิดโอกาสให้คนถูกชวนได้คิดหรือตัดสินใจ
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วภัทราก็เดินจากไป ไม่ฟังเสียงหรือรอคำตอบจากมนตราเลยสักนิด ทิ้งให้หญิงสาวยินงุนงงไม่เข้าใจกับการกระทำของหญิงกลางคน
“อะไรกันวะแก้ว...”
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนร่ำรวยคงเป็นแบบนี้แหละ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดอย่างไง” แก้วตาบอกด้วยอคติที่มีในส่วนลึก
“แกไป...”
“อย่าชวนฉันเลยนะมน ฉันไม่อยากไปเหยียบบ้านหลังใหญ่เลย รู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าของบ้านว่ะ ขอโทษจริงๆนะ แต่ถ้าแกมีอะไร โทรหาฉันได้ตลอด ฉันจะรอรับสายนะ” เพื่อนรักปฏิเสธทันที ไม่รอให้มนตราได้เอื้อนเอ่ยประโยคใดออกมาพร้อมกับส่งยิ้มเป็นเชิงปลอบใจ
“เฮ้อ...หรือว่าคุณภัทราจะเรียกฉันไปต่อว่าเรื่องดูดวง...ถ้าครั้งนี้ฉันโดนด่าอีกครั้ง ฉันจะเลิกอาชีพนี้แล้ว!!”
“แกเคยโดนใครด่าด้วยหรอ ฉันเห็นมีแต่คนชื่นชมแก”
“เอ่อ...แกจะสงสัยทำไม ฉันไปดูดวงให้ลูกค้าดีกว่า นั่งรอนานแล้ว” มนตรารีบเปลี่ยนเรื่อง ใบหน้านวลเกือบเปลี่ยนสีให้แก้วตาได้สังเกตเห็นและพาลอยากรู้เรื่องราวอีก
ร่างบางรีบเดินไปให้พ้นจากสายตาของเพื่อนสาวที่มองจับผิด เธอไม่อยากให้แก้วตาหัวเราะเยาะกับความฝันที่แสนเพ้อเจ้อที่เธอคิดไปเองเพียงคนเดียว
“เออ...อย่าลืมนัดนะแม่หมอคนสวย...” แก้วตายังคงกวนประสาทกลับมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะนะไอ้แก้ว” มนตราพูดทิ้งท้ายหลังจากย่นจมูกใส่เพื่อนรักด้วยความหมันไส้ ทั้งที่ในใจหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูกกับการที่ต้องไปเหยียบคฤหาสน์หลังใหญ่
จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหมนะ...
เอี๊ยด!!
ทันทีที่ได้ยินเสียงรถ มนตรารีบหันใบหน้านวลไปยังนาฬิกาติดผนังทุกครั้งไป และครั้งนี้ก็เช่นกันเธอยังคงหันไปมองเวลา และเมื่อเห็นถึงเวลาเจ้าตัวกลับหวาดหวั่นกว่าปกติ
ได้เวลาแล้วใช่ไหม...
“ทานข้าวให้อร่อยนะจ้ะมน” แก้วตาส่งเสียงหวานให้กับร่างบางที่ก้าวเดินออกจากร้านไป
“ยัยแก้ว!!”
“ฉันไม่อยากให้แกเครียดน่ะ...มีอะไรก็โทรมาได้เลยนะ”
มนตราพยักหน้าก่อนจะก้าวเดินไปยังรถคันหรูที่จอดรอด้วยความตื่นเต้น ไม่เคยคาดคิดจะต้องกลับไปเหยียบคฤหาสน์หรูหลังนั้นอีก
เพียงไม่ถึงสิบนาที แม่หมอก็สัมผัสยังพื้นบ้านพร้อมกับสาวใช้ที่รอต้อนรับ ใบหน้าทุกคนล้วนแต่เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใสจนทำให้คนที่มาใหม่ผ่อนคลายได้บ้าง
“คุณภัทรารออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ”
ร่างบางเดินตามไป โดยไม่ลืมที่จะกวาดตามองรอบบ้าน เธอสังเกตเห็นรูปถ่ายหลายใบที่ถูกประดับบนตู้โชว์และตามผนังสีขาว และความตกใจก็กลับเข้ามาในความรู้สึกอีกครั้ง
“เฮ้ย...!!”
“อ้อ..คุณแพทเป็นลูกของคุณภัทราค่ะ หล่อใช่ไหมคะ ถ้าคุณมนตราเห็นตัวจริง จะบอกว่าหล่อกว่าในรูปอีกค่ะ” สาวใช้อธิบายไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนอยากเล่า
คนฟังได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าเอ่ยถามทั้งที่อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้ใจจะขาด เธอก้าวเข้ามาใกล้เขามากเหลือเกิน จนทำให้ความหวาดหวั่นที่มีนั้นแฝงความดีใจไว้
“เชิญนั่งค่ะ” เจ้าของบ้านกล่าวขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังแขกที่กำลังเดินก้าวเข้ามา
“สวัสดีค่ะ คุณภัทรา เอ่อ...คือ...ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรคะ ถึงได้เชิญฉันมาทานมื้อเย็น” หมอดูสาวถามตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่สงสัย แต่นัยน์ตายังคงยิ้มแย้ม
“นั่งก่อนสิ ก่อนอื่นเลยฉันต้องขอขอบคุณคุณมนตรามากที่ช่วยเรื่องฮวงจุ้ย และฉันขออนุญาตเรียกคุณว่า “หนูมน” นะคะ เพื่อเราจะได้คุ้นเคยกันน่ะค่ะ”
มนตรายังคงงงงวยและดูท่าเธอจะงงมากกว่าที่เป็น เมื่อคำพูดของเจ้าบ้านชวนให้รู้สึกกำกวมและเป็นพิธีรีตองเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะเข้าใจ
คนรวยเข้าใจยากจัง...
“เดี๋ยวรอลูกชายฉันสักครู่นะหนูมน เดี๋ยวแพทก็กลับมาแล้ว” ภัทรายังคงพูดต่อ ใบหน้านั้นดูเป็นมิตรผิดกับเมื่อพบกันครั้งแรกชัดเจน
“แพท...คุณแพท...”
“แพทริก ไรท์ เกียรติกิตติกุล ลูกชายฉันเองจ้ะ เขาได้เชื้อพ่อมาครึ่งหนึ่ง อ้อ..ได้ยินเสียงรถ แพทคงมาถึงแล้วน่ะ”
มนตราแทบอยากหยุดหายใจ ใบหน้านวลจ้องมองไปที่ประตู หัวใจเธอแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นบวกกับความกลัว
“คุณ!!” ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาเอ่ยเสียงแปลกใจ ทว่าใบหน้าคมคายก็ยังคงนิ่งราวกับรูปปั้นเหมือนเคย
“รู้จักหนูมนหรือจ้ะแพท แม่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำ”
“เปล่าครับ/เปล่าค่ะ” สองหนุ่มสาวประสานเสียงพร้อมกัน และคนที่มีหน้าตาเหลอหลามีเพียงมนตราเท่านั้น ผิดกับอีกคนที่ส่งเสียงเรียบตามสไตล์ของเขา
“หนูมน มนตราหมอดูคนสวยคนนี้แหละจ้ะ ที่ทำให้ยายแพทกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ภัทราเสียงหวานและมีความสุขยามเล่าเรื่องของบุพการี
“คุณภัทราหมายความว่าอย่างไงคะ”
“ก็ฉันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน ย้ายเตียง ทำตามที่หนูมนบอกทุกอย่าง แล้วอีกอาทิตย์นึงแม่ของฉัน ยายของตาแพทก็กลับมาเดินได้อีกครั้งน่ะ แม้ว่าจะไม่ได้เดินได้คล่องแคล่ว แต่แกก็พอก้าวไปไหนมาไหนได้น่ะ”
ใบหน้าของแพทริกที่นิ่งเฉยกลับกลายเป็นบึ้งตึงจนรับรู้ได้ถึงความเย็นชา มนตราที่ลอบเฝ้าสังเกตอดไม่ได้ที่จะรตกใจถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา
“ผมว่าเป็นเพราะหมอมากกว่าครับ”
“แพทอย่าขัดแม่สิ แม่มั่นใจว่าหนูมนมีส่วนช่วยในครั้งนี้” ภัทราเถียงลูกชายสุดหล่อ เมื่อรู้สึกถูกขัดใจ
มนตราหน้าเสียรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่แพทริกดูถูกและมีอคติกับอาชีพหมอดูของเธอ เขายังคงเป็นเหมือนผู้ชายคนเดิมในอดีตที่จงเกลียดจงชังกับสิ่งที่เธอทำ
“แพทไปตามยายมาทานข้าวดีกว่านะ พูดจาแบบนี้หนูมนจะอึดอัดนะ”
แพทริกยักไหล่ไม่แคร์ ไม่ใส่ใจกับอาการของแม่หมอคนสวยสักนิด ทว่าเขาก็ทำตามที่ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างว่าง่าย เพียงเพื่อไม่ต้องการขัดใจภัทราเท่านั้น
สงสัยจะแย่แล้ว...มนตราเอ้ย....
บรรยากาศในห้องอาหารดูจะอึมครึม มนตรายังคงนั่งนิ่ง ถามคำตอบคำ มีเพียงภัทรากับดวงพรที่หัวเราะอารมณ์ดีกับทุกเรื่องที่สนทนา
“อาหารอร่อยไหมจ้ะหนูมน” ภัทรายังคงถามต่อเนื่อง
“อร่อยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” มนตราตอบไปตามความจริง แต่เจ้าตัวกลับไม่หิวแต่อย่างใด
“แพทพอทานได้ใช่ไหม แม่เลือกอาหารไม่เผ็ดกลัวลูกจะทานไม่ได้น่ะ”
“ผมก็นึกว่าแม่จะสนใจคนอื่นมากกว่าผมอีกครับ” แพทริกพูดติดตลก ทว่ากลับทำให้แขกที่มาถึงกับสะดุ้งเพราะท่าทางของชายหนุ่มนั้นตั้งใจกระแนะกระแหนชัดเจน
“ตาแพท!!” ผู้เป็นแม่ปรามเสียงขุ่น ซึ่งขัดกลับแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“หนูมน... ฉันต้องขอบคุณหนูนะที่ทำให้ฉันกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ดวงพรแทรกกลางความขัดแย้งของสองแม่ลูก ดวงหน้าของหญิงวัยเจ็ดสิบรู้สึกสดใสและมีความสุขเปี่ยมล้น
“ฉันทำไปตามหน้าที่น่ะค่ะ ไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ” มนตราพูดเร็ว
“ยายครับ คุณมนตราอาจจะเดาก็ได้นะครับ...เอ่อ...ผมว่าผมทานข้าวดีกว่า” แพทริกยังคงยียวนกวนประสาทคนที่ร่วมรับประทานอาหาร
“อย่าไปถือสาหลานชายฉันเลยนะ” คนสูงวัยพูดเสียงอ่อนโยนยามที่สบตากับแขกสาวสวย
มนตราพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มที่เหมือนจะไม่สดใสนัก เธอยังคงรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งก่อนที่พบเจอกับผู้ชายคนนี้ แพทริกยังคงเป็นเหมือนคนเดิมเสมอ
เธอก้มหน้าทานอาหารไปอย่างเงียบๆ ไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นใดในเวลานี้ ภายในใจนั้น รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่สะดวกสักเท่าไรยามที่เผลอลอบมองชายหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะ
และสิ่งที่ทำให้แม่หมอรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีก็คงเป็นสิ่งที่ภัทราเอ่ยหลังมื้ออาหารเย็น จนทำให้มนตราเกือบลืมหายใจเลยทีเดียว
“เดี๋ยวแพทไปส่งหนูมนหน่อยนะ หนูมนอยู่หน้าปากซอยนี่เองนะ แม่จะพายายไปนั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านก่อนนะ”
แพทริกรับฟังด้วยท่าทางที่ไม่เดือดร้อน ไม่ได้มีท่าทีขัดใจกับคำสั่งของมารดาเลยสักนิดทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พิศวาสชอบพอในตัวมนตรา ยิ่งเป็นเหตุทำให้เธอถึงกับอดไม่ได้ที่จะแปลกใจในการกระทำของเขา
ต้องมีอะไรแน่นอน...
และแล้วสิ่งที่แม่หมอสาวคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริงทุกอย่าง เพราะแพทริกเลือกที่จะเงียบตลอดการเดินทางจวบจนกระทั่งรถหยุดยังจุดหมายปลายทาง
“คุณหมอดู..คุณอย่าคิดไปนะว่าผมอยากมาส่งคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยประโยคแรกหลังจากที่อยู่กันตามลำพัง
“ฉันทราบค่ะ” มนตราตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกลับตุ้มต่อมอดไม่ได้กับความตื่นเต้นที่เกิดโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่สามารถควบคุมความหวั่นไหวที่แสนแปลกประหลาดครั้งนี้ได้เลย
“คนในบ้านผมอาจจะชื่นชอบคุณ แต่สำหรับผม มันไม่ใช่!!”
มนตราทำเป็นหน้านิ่ง ไม่พยายามสบสายตากับหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ เธอไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เขาเอื้อนเอ่ยเพราะทราบดีถึงนิสัยของแพทริก แต่กลับเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยเกิดกับใครคนไหนเลย
“อย่าคิดหาเงินกับแม่ผมด้วยวิธีนี้เลยนะ ผมจะไม่มีวันยอมให้แม่ผมโดนหลอกเด็ดขาด!!”
“ขอโทษนะคะคุณแพทริก ฉันแค่ดูดวงให้แม่ของคุณเท่านั้น ไม่เคยไปเรียกร้องอะไรเลยสักนิดเดียว” หญิงสาวเริ่มเปิดปากอธิบายเมื่อชายหนุ่มข้างกายยังคงไม่ยอมหยุดการเสียดสี
“หึ!! มันเป็นแผนการของคุณน่ะสิ...พวกหลอกลวง!!”
มนตรากำมือเข้ามากันแน่น ความรู้สึกโกรธกึ่งเสียใจไหลปะปนเข้ามาในหัวใจ ใบหน้านวลพยายามฝืนใจไม่ให้ถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาทางแววตาให้ได้มากที่สุด
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” หญิงสาวตัดบทก้าวลงจากรถเก๋งคันหรูไปทันที โดยไม่หันกลับมามอง
ร่างบางคิดไม่ถึงว่าคำพูดของชายแปลกหน้าที่เคยเจอกันจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกในจิตใจเธอมากถึงเพียงนี้ หัวใจถูกบีบรัดอย่างรุนแรงอย่างยากที่จะควบคุม
อาการหนักนะ...
ความคิดเห็น