ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Lover...มนตราเสน่หา

    ลำดับตอนที่ #3 : ไม่น่าไว้ใจ

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 65


     

    แอ๊ด...!!

    “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” แก้วตาทักทายเสียงหวานเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู

    “ฉันมาขอพบคุณมนตราค่ะ”

    น้ำเสียงที่ดูทรงอำนาจจนทำให้คนที่มัวแต่ปั่นกาแฟต้องหันมาสบสายตา แล้วเจ้าของร้านสาวต้องงุนงงอีกครั้งหลังจากเห็นว่าเจ้าของน้ำเสียงเป็นใคร

    “เอ่อ..ค่ะ...มีธุระอะไรไหมคะ มนกำลังอาบน้ำน่ะค่ะ”

    “ฉันรอได้ค่ะ ขอชามะนาวและเค้กส้มชิ้นนึงด้วยนะคะ” ภัทราตอบกลับก่อนจะหย่อนตัวลงที่โซฟาสีแดงสด

    แก้วตาพยักหน้าแทนคำตอบ เมื่อท่าทีของภัทราไม่ได้สนใจหรือให้ความสำคัญกับเธอเลยสักนิดเดียว เจ้าตัวจึงหันมาให้ความสำคัญกับการทำงานของเธอ

    “เฮ้ย...ไอ้แก้ว ฉันขอเอสเพรสโซ่แก้วนึงนะ รู้สึกนอนไม่ค่อยหลับน่ะ” เสียงแหลมตะโกนลงมาจากชั้นบนก่อนที่จะก้าวลงมายังชั้นล่าง

    “แกรีบลงมาเลย มีคนมารออยู่นะ” แก้วตาตะโกนกลับไปเช่นกัน โดยที่เธออดไม่ได้ที่จะแขวะไฮโซวัยกลางคน เพราหมันไส้การวางตัวที่ดูเย่อหยิ่ง

    เจ้าของร้านสาววางอาหารลงบนโต๊ะแก้ว และพยายามยิ้มแย้มให้กับแขกที่ยังคงนั่งเชิดหน้า แต่เหมือนภัทราทำแค่เพียงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้เท่านั้น

    “รอสักครู่นะคะ” แก้วตาเสียงเรียบไม่ได้ยิ้มแย้มให้แต่อย่างใด

    มนตรารีบก้าวลงมาร่วมวง ทำให้แก้วตาไม่รอช้ารีบเดินหนีไปโดยเร็วก่อนที่จะส่งสายตาเป็นนัยน์ให้เพื่อนรับรู้ถึงอารมณ์ที่เป็นในขณะนี้

    “สวัสดีค่ะคุณภัทรา คุณภัทรมีธุระกับฉันหรือคะ” หญิงสาวถามเป็นเชิงสงสัย เพราะเธอไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้พบกับคนตรงหน้าอีก

    “ฉันอยากจะเชิญคุณไปทานข้าวที่บ้านค่ะ”

    “ทานข้าว?? ทานข้าวที่บ้านคุณหรอคะ??”

    “ค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนมารับตอนสี่โมงเย็นค่ะ” ภัทราสรุป โดยไม่เปิดโอกาสให้คนถูกชวนได้คิดหรือตัดสินใจ

    เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้วภัทราก็เดินจากไป ไม่ฟังเสียงหรือรอคำตอบจากมนตราเลยสักนิด ทิ้งให้หญิงสาวยินงุนงงไม่เข้าใจกับการกระทำของหญิงกลางคน

    “อะไรกันวะแก้ว...”

    “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน คนร่ำรวยคงเป็นแบบนี้แหละ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ไม่สนใจหรอกว่าคนอื่นจะคิดอย่างไง” แก้วตาบอกด้วยอคติที่มีในส่วนลึก

    “แกไป...”

    “อย่าชวนฉันเลยนะมน ฉันไม่อยากไปเหยียบบ้านหลังใหญ่เลย รู้สึกไม่ถูกชะตากับเจ้าของบ้านว่ะ ขอโทษจริงๆนะ แต่ถ้าแกมีอะไร โทรหาฉันได้ตลอด ฉันจะรอรับสายนะ” เพื่อนรักปฏิเสธทันที ไม่รอให้มนตราได้เอื้อนเอ่ยประโยคใดออกมาพร้อมกับส่งยิ้มเป็นเชิงปลอบใจ

    “เฮ้อ...หรือว่าคุณภัทราจะเรียกฉันไปต่อว่าเรื่องดูดวง...ถ้าครั้งนี้ฉันโดนด่าอีกครั้ง ฉันจะเลิกอาชีพนี้แล้ว!!”

    “แกเคยโดนใครด่าด้วยหรอ ฉันเห็นมีแต่คนชื่นชมแก”

    “เอ่อ...แกจะสงสัยทำไม ฉันไปดูดวงให้ลูกค้าดีกว่า นั่งรอนานแล้ว” มนตรารีบเปลี่ยนเรื่อง ใบหน้านวลเกือบเปลี่ยนสีให้แก้วตาได้สังเกตเห็นและพาลอยากรู้เรื่องราวอีก

    ร่างบางรีบเดินไปให้พ้นจากสายตาของเพื่อนสาวที่มองจับผิด เธอไม่อยากให้แก้วตาหัวเราะเยาะกับความฝันที่แสนเพ้อเจ้อที่เธอคิดไปเองเพียงคนเดียว

    “เออ...อย่าลืมนัดนะแม่หมอคนสวย...” แก้วตายังคงกวนประสาทกลับมา

    “ฝากไว้ก่อนเถอะนะไอ้แก้ว” มนตราพูดทิ้งท้ายหลังจากย่นจมูกใส่เพื่อนรักด้วยความหมันไส้ ทั้งที่ในใจหวาดหวั่นอย่างบอกไม่ถูกกับการที่ต้องไปเหยียบคฤหาสน์หลังใหญ่

    จะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นไหมนะ...

     

    เอี๊ยด!!

    ทันทีที่ได้ยินเสียงรถ มนตรารีบหันใบหน้านวลไปยังนาฬิกาติดผนังทุกครั้งไป และครั้งนี้ก็เช่นกันเธอยังคงหันไปมองเวลา และเมื่อเห็นถึงเวลาเจ้าตัวกลับหวาดหวั่นกว่าปกติ

    ได้เวลาแล้วใช่ไหม...

    “ทานข้าวให้อร่อยนะจ้ะมน” แก้วตาส่งเสียงหวานให้กับร่างบางที่ก้าวเดินออกจากร้านไป

    “ยัยแก้ว!!”

    “ฉันไม่อยากให้แกเครียดน่ะ...มีอะไรก็โทรมาได้เลยนะ”

    มนตราพยักหน้าก่อนจะก้าวเดินไปยังรถคันหรูที่จอดรอด้วยความตื่นเต้น ไม่เคยคาดคิดจะต้องกลับไปเหยียบคฤหาสน์หรูหลังนั้นอีก

    เพียงไม่ถึงสิบนาที แม่หมอก็สัมผัสยังพื้นบ้านพร้อมกับสาวใช้ที่รอต้อนรับ ใบหน้าทุกคนล้วนแต่เป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใสจนทำให้คนที่มาใหม่ผ่อนคลายได้บ้าง

    “คุณภัทรารออยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ”

    ร่างบางเดินตามไป โดยไม่ลืมที่จะกวาดตามองรอบบ้าน เธอสังเกตเห็นรูปถ่ายหลายใบที่ถูกประดับบนตู้โชว์และตามผนังสีขาว และความตกใจก็กลับเข้ามาในความรู้สึกอีกครั้ง

    “เฮ้ย...!!”

    “อ้อ..คุณแพทเป็นลูกของคุณภัทราค่ะ หล่อใช่ไหมคะ ถ้าคุณมนตราเห็นตัวจริง จะบอกว่าหล่อกว่าในรูปอีกค่ะ” สาวใช้อธิบายไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนอยากเล่า

    คนฟังได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าเอ่ยถามทั้งที่อยากรู้เรื่องของผู้ชายคนนี้ใจจะขาด เธอก้าวเข้ามาใกล้เขามากเหลือเกิน จนทำให้ความหวาดหวั่นที่มีนั้นแฝงความดีใจไว้

    “เชิญนั่งค่ะ” เจ้าของบ้านกล่าวขึ้นพร้อมกับผายมือไปยังแขกที่กำลังเดินก้าวเข้ามา

    “สวัสดีค่ะ คุณภัทรา เอ่อ...คือ...ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรคะ ถึงได้เชิญฉันมาทานมื้อเย็น” หมอดูสาวถามตรงไปตรงมาด้วยน้ำเสียงที่สงสัย แต่นัยน์ตายังคงยิ้มแย้ม

    “นั่งก่อนสิ ก่อนอื่นเลยฉันต้องขอขอบคุณคุณมนตรามากที่ช่วยเรื่องฮวงจุ้ย และฉันขออนุญาตเรียกคุณว่า “หนูมน” นะคะ เพื่อเราจะได้คุ้นเคยกันน่ะค่ะ”

    มนตรายังคงงงงวยและดูท่าเธอจะงงมากกว่าที่เป็น เมื่อคำพูดของเจ้าบ้านชวนให้รู้สึกกำกวมและเป็นพิธีรีตองเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเธอจะเข้าใจ

    คนรวยเข้าใจยากจัง...

    “เดี๋ยวรอลูกชายฉันสักครู่นะหนูมน เดี๋ยวแพทก็กลับมาแล้ว” ภัทรายังคงพูดต่อ ใบหน้านั้นดูเป็นมิตรผิดกับเมื่อพบกันครั้งแรกชัดเจน

    “แพท...คุณแพท...”

    “แพทริก ไรท์ เกียรติกิตติกุล ลูกชายฉันเองจ้ะ เขาได้เชื้อพ่อมาครึ่งหนึ่ง อ้อ..ได้ยินเสียงรถ แพทคงมาถึงแล้วน่ะ”

    มนตราแทบอยากหยุดหายใจ ใบหน้านวลจ้องมองไปที่ประตู หัวใจเธอแทบจะเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้นบวกกับความกลัว

    “คุณ!!” ชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาเอ่ยเสียงแปลกใจ ทว่าใบหน้าคมคายก็ยังคงนิ่งราวกับรูปปั้นเหมือนเคย

    “รู้จักหนูมนหรือจ้ะแพท แม่จะได้ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำ”

    “เปล่าครับ/เปล่าค่ะ” สองหนุ่มสาวประสานเสียงพร้อมกัน และคนที่มีหน้าตาเหลอหลามีเพียงมนตราเท่านั้น ผิดกับอีกคนที่ส่งเสียงเรียบตามสไตล์ของเขา

    “หนูมน มนตราหมอดูคนสวยคนนี้แหละจ้ะ ที่ทำให้ยายแพทกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ภัทราเสียงหวานและมีความสุขยามเล่าเรื่องของบุพการี

    “คุณภัทราหมายความว่าอย่างไงคะ”

    “ก็ฉันเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน ย้ายเตียง ทำตามที่หนูมนบอกทุกอย่าง แล้วอีกอาทิตย์นึงแม่ของฉัน ยายของตาแพทก็กลับมาเดินได้อีกครั้งน่ะ แม้ว่าจะไม่ได้เดินได้คล่องแคล่ว แต่แกก็พอก้าวไปไหนมาไหนได้น่ะ”

    ใบหน้าของแพทริกที่นิ่งเฉยกลับกลายเป็นบึ้งตึงจนรับรู้ได้ถึงความเย็นชา มนตราที่ลอบเฝ้าสังเกตอดไม่ได้ที่จะรตกใจถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของเขา

    “ผมว่าเป็นเพราะหมอมากกว่าครับ”

    “แพทอย่าขัดแม่สิ แม่มั่นใจว่าหนูมนมีส่วนช่วยในครั้งนี้” ภัทราเถียงลูกชายสุดหล่อ เมื่อรู้สึกถูกขัดใจ

    มนตราหน้าเสียรู้สึกเสียใจไม่น้อยที่แพทริกดูถูกและมีอคติกับอาชีพหมอดูของเธอ เขายังคงเป็นเหมือนผู้ชายคนเดิมในอดีตที่จงเกลียดจงชังกับสิ่งที่เธอทำ

    “แพทไปตามยายมาทานข้าวดีกว่านะ พูดจาแบบนี้หนูมนจะอึดอัดนะ”

    แพทริกยักไหล่ไม่แคร์ ไม่ใส่ใจกับอาการของแม่หมอคนสวยสักนิด ทว่าเขาก็ทำตามที่ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างว่าง่าย เพียงเพื่อไม่ต้องการขัดใจภัทราเท่านั้น

    สงสัยจะแย่แล้ว...มนตราเอ้ย....

     

    บรรยากาศในห้องอาหารดูจะอึมครึม มนตรายังคงนั่งนิ่ง ถามคำตอบคำ มีเพียงภัทรากับดวงพรที่หัวเราะอารมณ์ดีกับทุกเรื่องที่สนทนา

    “อาหารอร่อยไหมจ้ะหนูมน” ภัทรายังคงถามต่อเนื่อง

    “อร่อยค่ะ อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ” มนตราตอบไปตามความจริง แต่เจ้าตัวกลับไม่หิวแต่อย่างใด

    “แพทพอทานได้ใช่ไหม แม่เลือกอาหารไม่เผ็ดกลัวลูกจะทานไม่ได้น่ะ”

    “ผมก็นึกว่าแม่จะสนใจคนอื่นมากกว่าผมอีกครับ” แพทริกพูดติดตลก ทว่ากลับทำให้แขกที่มาถึงกับสะดุ้งเพราะท่าทางของชายหนุ่มนั้นตั้งใจกระแนะกระแหนชัดเจน

    “ตาแพท!!” ผู้เป็นแม่ปรามเสียงขุ่น ซึ่งขัดกลับแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยความอบอุ่น

    “หนูมน... ฉันต้องขอบคุณหนูนะที่ทำให้ฉันกลับมาเดินได้อีกครั้ง” ดวงพรแทรกกลางความขัดแย้งของสองแม่ลูก ดวงหน้าของหญิงวัยเจ็ดสิบรู้สึกสดใสและมีความสุขเปี่ยมล้น

    “ฉันทำไปตามหน้าที่น่ะค่ะ ไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ” มนตราพูดเร็ว

    “ยายครับ คุณมนตราอาจจะเดาก็ได้นะครับ...เอ่อ...ผมว่าผมทานข้าวดีกว่า” แพทริกยังคงยียวนกวนประสาทคนที่ร่วมรับประทานอาหาร

     “อย่าไปถือสาหลานชายฉันเลยนะ” คนสูงวัยพูดเสียงอ่อนโยนยามที่สบตากับแขกสาวสวย

    มนตราพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มที่เหมือนจะไม่สดใสนัก เธอยังคงรู้สึกเหมือนกับเมื่อครั้งก่อนที่พบเจอกับผู้ชายคนนี้ แพทริกยังคงเป็นเหมือนคนเดิมเสมอ

    เธอก้มหน้าทานอาหารไปอย่างเงียบๆ ไม่อยากที่จะแสดงความคิดเห็นใดในเวลานี้ ภายในใจนั้น รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่สะดวกสักเท่าไรยามที่เผลอลอบมองชายหนุ่มที่นั่งร่วมโต๊ะ

    และสิ่งที่ทำให้แม่หมอรู้สึกอึดอัดใจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีก็คงเป็นสิ่งที่ภัทราเอ่ยหลังมื้ออาหารเย็น จนทำให้มนตราเกือบลืมหายใจเลยทีเดียว

    “เดี๋ยวแพทไปส่งหนูมนหน่อยนะ หนูมนอยู่หน้าปากซอยนี่เองนะ แม่จะพายายไปนั่งเล่นที่สวนหน้าบ้านก่อนนะ”

    แพทริกรับฟังด้วยท่าทางที่ไม่เดือดร้อน ไม่ได้มีท่าทีขัดใจกับคำสั่งของมารดาเลยสักนิดทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้พิศวาสชอบพอในตัวมนตรา ยิ่งเป็นเหตุทำให้เธอถึงกับอดไม่ได้ที่จะแปลกใจในการกระทำของเขา

    ต้องมีอะไรแน่นอน...

    และแล้วสิ่งที่แม่หมอสาวคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริงทุกอย่าง เพราะแพทริกเลือกที่จะเงียบตลอดการเดินทางจวบจนกระทั่งรถหยุดยังจุดหมายปลายทาง

    “คุณหมอดู..คุณอย่าคิดไปนะว่าผมอยากมาส่งคุณ” ชายหนุ่มเอ่ยประโยคแรกหลังจากที่อยู่กันตามลำพัง

    “ฉันทราบค่ะ” มนตราตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจกลับตุ้มต่อมอดไม่ได้กับความตื่นเต้นที่เกิดโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจและไม่สามารถควบคุมความหวั่นไหวที่แสนแปลกประหลาดครั้งนี้ได้เลย

    “คนในบ้านผมอาจจะชื่นชอบคุณ แต่สำหรับผม มันไม่ใช่!!”

    มนตราทำเป็นหน้านิ่ง ไม่พยายามสบสายตากับหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อ เธอไม่ได้โกรธกับสิ่งที่เขาเอื้อนเอ่ยเพราะทราบดีถึงนิสัยของแพทริก แต่กลับเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยเกิดกับใครคนไหนเลย

    “อย่าคิดหาเงินกับแม่ผมด้วยวิธีนี้เลยนะ ผมจะไม่มีวันยอมให้แม่ผมโดนหลอกเด็ดขาด!!”

    “ขอโทษนะคะคุณแพทริก ฉันแค่ดูดวงให้แม่ของคุณเท่านั้น ไม่เคยไปเรียกร้องอะไรเลยสักนิดเดียว” หญิงสาวเริ่มเปิดปากอธิบายเมื่อชายหนุ่มข้างกายยังคงไม่ยอมหยุดการเสียดสี

    “หึ!! มันเป็นแผนการของคุณน่ะสิ...พวกหลอกลวง!!”

    มนตรากำมือเข้ามากันแน่น ความรู้สึกโกรธกึ่งเสียใจไหลปะปนเข้ามาในหัวใจ ใบหน้านวลพยายามฝืนใจไม่ให้ถ่ายทอดความเจ็บปวดออกมาทางแววตาให้ได้มากที่สุด

    “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” หญิงสาวตัดบทก้าวลงจากรถเก๋งคันหรูไปทันที โดยไม่หันกลับมามอง

    ร่างบางคิดไม่ถึงว่าคำพูดของชายแปลกหน้าที่เคยเจอกันจะมีอิทธิพลกับความรู้สึกในจิตใจเธอมากถึงเพียงนี้ หัวใจถูกบีบรัดอย่างรุนแรงอย่างยากที่จะควบคุม

    อาการหนักนะ...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×