คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบกัน...
เมื่อไรจะได้งานสักทีเนี่ย!!
มนตราพึมพำกับตัวเองหลังจากช่วยเพื่อนรักเก็บร้านเรียบร้อยแล้ว อาชีพหมอดูที่เธอทำนั้นแม้จะเป็นอาชีพที่ทำให้เธอมีรายได้ดี แต่กระนั้นเจ้าตัวยังคงอยากมีงานประจำเป็นหลักเป็นแหล่งเสียมากกว่า
“จะเครียดทำไมไอ้มน...แกก็ลองดูดวงตัวเองสิ ไม่เห็นจะยากเลย” แก้วตานั่งลงข้างคนที่มัวแต่พึมพำและทำหน้าอมทุกข์อยู่นานสองนาน
“ฉันกลัวน่ะ...”
“คุณมนตรา...คุณแก้ปัญหาให้คนมาเยอะแยะ แต่เรื่องของตัวเองคุณกลับกลัว!!”
มนตราหยิกไปที่แขนเรียวขาวอย่างหมันไส้กับท่าทางยียวนกวนประสาท ทว่าเธอก็รู้ดีแก้วตาต้องการให้เธอผ่อนคลายหายเครียดกับเรื่องงานเสียที
“เออ...ดูก็ได้” มนตราตอบรับคำท้าทาย
มือบางเรียวจัดแจงสับไพ่และวางเรียงลงบนผ้าปูโต๊ะด้วยความเชื่องช้าและใจเย็น โดยที่เจ้าตัวไม่วอกแวกและเรียกสมาธิให้อยู่กับตัวเองมากที่สุด ทั้งที่ใจกลับตุ้มต่อมไม่เป็นจังหวะ
ใบหน้านวลมองดูหน้าไพ่ที่เปิดออกมาแล้วแทบจะหยุดหายใจ เมื่อไพ่ที่ปรากฏออกมาเป็นเรื่องราวที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยสักนิดเดียว
“ไม่จริงมั้ง...!!” หมอดูสาวร้องเสียงหลง
“อะไรของแกวะ” แก้วตาสะดุ้งพร้อมกับสำลักนมที่กำลังดื่ม เมื่อเห็นหน้าตาที่เลิ่กลั่กระคนตื่นกลัวปะปนกัน
“เอ่อ..สงสัยฉันคงสมาธิไม่พอมั้ง ไพ่เลยออกมาแปลกๆน่ะ”
“แกช่วยอธิบายให้มันเข้าใจง่ายหน่อยได้ไหม ฉันไม่เข้าใจเว้ย”
“ไพ่ของฉันบอกว่า ฉันกำลังจะได้แต่งงานภายในไม่ช้าน่ะ ไม่มีเรื่องการงานขึ้นเลยแก้ว แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีแม้กระทั่งเจ้าบ่าวเลย สงสัยจะดูผิดแน่เลย” มนตราพูดเสียงแหลมสูงราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เธอทำนาย
“เฮ้ย..หรือว่าฉันจะได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวแล้ว...ดีใจกับแกด้วยจริงๆนะ” แก้วตายังคงนึกสนุกกับสิ่งที่มนตราพูด
“แกก็เพ้อเจ้อใหญ่แล้ว สงสัยฉันคงไม่มีสมาธิในการดูดวงมากกว่า” มนตราตัดบท ก่อนจะส่ายศีรษะไปมาเพื่อขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไปจากความคิด
แก้วตายังคงขบขันโดยไม่สนใจหน้าตาหงุดหงิดเง้างอดของเพื่อนรักแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะตักเค้กก้อนใหญ่ใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
“ฉันไม่คุยกับแก้แล้วแก้ว ขึ้นห้องดีกว่า”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย ฉันเห็นโวยวายแล้วก็ทำหน้ายักษ์ใส่ฉัน อ้อ...แกจะรีบขึ้นไปฝันถึงสามีในอนาคตหรอ”
“ไอ้แก้ว ฝากไว้ก่อนเถอะนะ!!” มนตราทิ้งท้ายแล้วก้าวไปยังห้องนอน ท่าทางยังคงเจ็บใจและหมันไส้เพื่อนตัวแสบเหมือนดังเดิม
มนตรานั่งพิงพนักที่นอนนุ่มเพื่อครุ่นคิดถึงผลการทำนายของเธอ แล้วภาพของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ปรากฏเข้ามาในความรู้สึกทันที ทว่าใบหน้าที่มองมายังคงเป็นรอยยิ้มที่เหยียดหยาม
โอ๊ย!! คิดอะไรของเธอกันเนี่ย มนตรา
ริมฝีปากบางบ่นพึมพำกับตัวเองอย่างสับสนและครุ่นคิด ภาพเรื่องราวของผู้ชายคนนั้นก็ปรากฏเข้ามา เขายังคงเป็นความทรงจำที่ไม่มีทางจางหาย โดยที่เธอและเขาไม่ได้รู้จักกันสักนิดเดียว
ไม่มีทางเป็นเขาหรอก
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่สาวใช้สามคนกำลังวิ่งวุ่นจัดแจงเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ผ้าม่าน โดยมีเจ้านายคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด
ใบหน้านวลของหญิงกลางคนมองไปรอบห้องด้วยความพอใจ เธอจัดแจงทุกอย่างตามที่มนตราแนะนำไว้ทุกอย่าง แม้ตอนแรกเธอจะไม่เชื่อสักเท่าไร แต่ภัทราก็อยากลองทำตามคำแนะนำและทำทุกวิถีทางเพื่อจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมากับดวงพรบ้าง
“ทำอะไรอยู่ครับแม่...” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยมาจากประตูห้องนอน
ภัทราหันไปมองตามเสียงพร้อมกับส่งยิ้มออกมา ท่าทางเธอเต็มไปด้วยความดีใจและความสุขท่วมท้นที่ได้เห็นชายหนุ่มปรากฏตัวที่นี่
“แพทกลับมาจากอเมริกาทำไมไม่บอกแม่ล่ะ แม่จะได้ให้คนไปรับ” น้ำเสียงตำหนิเอ่ยออกมาจากผู้เป็นแม่ ทว่าช่างขัดกับดวงตากลมที่เป็นประกายเสียเหลือเกิน
“”ผมอยากให้แม่ Surprise น่ะครับ คิดถึงแม่ที่สุดเลย” เขายังคงออดอ้อนเหมือนเด็ก ทั้งที่อายุในปีนี้ก็เลยเลขสามมาเรียบร้อยแล้ว
“แม่ก็คิดถึงแพทนะ เดี๋ยวแพทไปรอแม่ข้างล่างก่อนนะ เดี๋ยวแม่ให้เด็กจัดห้องนี้เสร็จแล้วจะให้ไปทำห้องแพทนะ”
“แม่จัดห้องยายใหม่หรอครับ แบบเก่าผมว่าก็สวยดีแล้วนะ”
“แม่ไปดูดวงมาน่ะ หมอทักมาว่าถ้าเปลี่ยนที่นอน จัดห้องใหม่ ยายจะกลับมาเดินได้อีกครั้งน่ะ” ภัทราอธิบายเสียงเรียบ และเดินไปตรวจตราความเรียบร้อย
แพทริกขมวดคิ้วเป็นเชิงสงสัย เขาไม่เคยเชื่อเรื่องนี้และมองว่าเป็นความงมงาย ดังนั้นจึงเกิดอคติขึ้นมาภายในจิตใจทันที ทว่าเขาเองไม่ได้แย้งหรือโต้เถียงการกระทำของมารดา เพราะเห็นว่าเป็นความสุขของท่าน
ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินลงมายังห้องรับแขกโอ่โถงช้างล่าง เพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นเคืองในใจ และพาลตั้งท่ารังเกียจ “หมอดู” ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
แพททริกเดินทางไปเรียนปริญญาโทด้านการจัดการจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง เพื่อกลับมาทำหน้าที่ดูแลกิจการส่วนตัวของผู้เป็นพ่อ และดูแลแม่กับยายให้สุขสบาย
ชายหนุ่มมีเชื้อสายไทย-อเมริกัน ทำให้เขามีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว นัยน์ตาสีน้ำตาล ทว่าเขาเป็นคนไม่มีรอยยิ้มสักเท่าไรนัก ยกเว้นยามที่สนทนากับคนในครอบครัวเท่านั้น
“รอนานไหมจ้ะ...ลูกรัก”
“ไม่นานครับ เอ่อ... ผมขอไปขับรถเล่นหน่อยนะครับ คิดถึงเมืองไทย หายไปตั้งสองปีน่ะครับ”
“ให้แม่ไปเป็นเพื่อนไหมล่ะ หรือว่ามีสาวไปเป็นเพื่อนด้วยแล้วจ้ะ” ภัทราแซวลูกชาย หลังจากได้ยินกิตติศัพท์มานานถึงความเจ้าชู้ของแพทริก
“ผมไปคนเดียวครับแม่ ไม่มีนัดกับใครหรอกครับ ผู้ชายอย่างผมใครจะมาสนใจ” ชายหนุ่มตอบกลับมาหลังจากหัวเราะขบขันกับคำถามของมารดา
“ไม่ต้องมาโกหกแม่เลยนะ ชื่อเสียงความเป็นเพล์บอยของแกดังจะตาย”
แพทริกหัวเราะแทนคำตอบ เพราะผู้ชายอย่างเขาไม่เคยหัวเราะหรือตามง้อผู้หญิง ทว่าที่ทุกคนให้ความสนใจเขาเป็นเพราะหน้าตาและฐานะ รวมไปถึงความนิ่งเฉยชวนน่าค้นหาต่างหาก
ผู้เป็นแม่ช่างรู้และเข้าใจเขาเป็นที่สุด เขาไม่เคยไปไหนมาไหนเพียงลำพังเลยสักครั้ง และครั้งนี้เขาก็มีนัดกับดาราสาวชื่อดังอีกต่างหาก เธอโทรมาหลังจากที่เขาหย่อนตัวนั่งที่ห้องรับแขกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
คนที่โทรหาแพทริกกำลังนั่งจิบชาอยู่ภายในห้างใหญ่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางเข้ม ริมฝีปากที่แต่งแต้มแดงสดกระตุกยิ้มเป็นเชิงพอใจ
โสรยาเป็นคู่ควงคนล่าสุดก่อนที่แพทริกจะเดินทางไปต่างประเทศ หลายต่อหลายครั้งที่เธอมักประกาศและแสดงตัวให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอและเขา
คุณไม่มีทางลืมโสได้หรอก...แพท
โครม!!
มนตราที่กำลังเลี้ยวรถออกจากร้านหลังเล็กถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปะทะที่ดังขึ้น เธอรีบจัดแจงลงไปดูคู่กรณีและแผลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากความเหม่อลอยทำให้หญิงสาวไม่ทันระวัง เธอลืมหันไปมองขวามือซึ่งเป็นด้านในของซอยและเป็นผลให้ไม่ทันได้เห็นรถที่วิ่งตรงออกมาสักนิดเดียว
“ซวยแล้วไง...”
ใบหน้านวลมองรอยขูดที่เกิดระบริเวณกันชนหน้าของเธอกับเก๋งคันหรู เจ้าตัวถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นรอยแผลไม่ใหญ่โตเป็นเพียงรอยถลอกนิดเดียว
เจ้าของรถเก๋งเปิดประตูและก้าวมายืนข้างหลังร่างบางที่จดจ้องกับรอยแผลเป็น ทำให้มนตราเผลอเหยียบไปที่รองเท้าของอีกคนโดยไม่ตั้งใจ
“ว้าย..!! ขอโทษค่ะ”
ท่าทางที่ตกใจและลนลานบวกกับสติสัมปชัญญะที่ไม่ค่อยมีเท่าไรนักทำให้ยามที่เธอหมุนตัวกลับไปมองคู่กรณีนั้นเสียหลัก แต่โชคดีที่เจ้าตัวคว้าเชิ้ตชายหนุ่มไว้ได้อย่างพอเหมาะ
มือหนาเรียวโอบเอวมนตราไว้เพื่อไม่ให้ล่วงหล่นลงไป ความใกล้ชิดจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นกายของกันและกันทำให้หญิงสาวถึงกับใจสั่นเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ไม่เป็นไรใช่ไหมคุณ” เสียงทุ่มเอ่ยถามตามมารยาทและปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ไม่ให้โอกาสสาวน้อยคิดฝันไปไกลแม้เพียงสักนาทีเดียว
“เอ่อ...ไม่เป็นอะไรค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงสั่นไปเล็กน้อย ทั้งที่ไม่ได้ใกล้ชิดกับเขาแล้วก็ตาม
ใบหน้านวลเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของรถเก๋ง หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น โลกทั้งโลกดูเงียบสงัดไปชั่วขณะ เพราะคนตรงหน้าคือผู้ชายที่อยู่ในใจเธอตลอดเวลา เธอยังจำได้ถึงความเย็นชาและลักษณะของเขาได้เป็นอย่างดี
“มน...แกดูให้ฉันหน่อยสิ ฉันจะเรียนจบไหม เดี๋ยวฉันเลี้ยงข้าวแกก็ได้นะ...ดูให้ฉันแปปเดียวเอง...”
“พวกหลอกลวง...” เสียงทุ้มเอ่ยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขัดจังหวะการสนทนาของเธอกับเพื่อนในขณะที่เธอกำลังนั่งเล่นใต้ตึกของคณะ ทำให้มนตราต้องหันไปมองถึงต้นเสียง แต่ที่เธอได้กลับมาคือความเย้ยหยันเท่านั้นเอง
แม้จะเป็นเพียงคำพูดเพียงไม่มีคำ แต่ก็ทำให้เธอไม่มีวันลืม โดยที่มนตราก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าทำไมต้องจดจำและใส่ใจผู้ชายคนนี้
“คุณ...คุณ...!!”
“เอ่อ...ขอโทษค่ะ คือฉัน...ฉันไม่ทันระวังน่ะ เดี๋ยวฉันเรียกประกันมาเคลียร์ให้นะคะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ” มนตราตอบกลับเร็วและตื่นจากภวังค์ หลังจากได้ยินเสียงทุ้มเริ่มเข้ม
ชายหนุ่มตรงหน้าถอนหายใจค่อนข้างแรง บ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายและอารมณ์ที่ไม่สู้ดีสักเท่าไร เขามองที่ใบหน้านวลตรงหน้าพร้อมกับส่ายหน้าอย่างช้าช้าอย่างเอือมระอา
“ผมมีธุระ...ช่างเถอะ!!” เขาตัดบท ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้วุ่นวายมากไปกว่านี้
มนตราพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ น้ำเสียงที่ต้องการเอื้อนเอ่ยดูจะเหือดแห้งไปเสียแล้ว เธอไม่เคยคาดคิดจะได้มาพบเจอกับเขาคนนี้อีกครั้ง และยังเป็นการเจอกันในช่วงจังหวะที่ไม่ดีและดูเหมือนเขาจะจำเธอไม่ได้เลย
การออกไปทำธุระในครั้งนี้ของเธอดูจะไม่รื่นรมสักเท่าไร เมื่อหัวใจเริ่มห่อเหี่ยวไม่สดใสเสียแล้ว เธอไม่รู้สึกดีใจสักนิดที่ต้องมาเจอกับเขาในสภาพนี้
ร่างบางรีบจัดแจงจ่ายค่าโทรศัพท์ในห้างสรรพสินค้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่มีอารมณ์ที่จะเดิน Shopping หรือดูเสื้อผ้าเหมือนทุกครั้งไป เนื่องจากยังคงเจ็บใจกับอุบัติเหตุเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมา
โอ๊ย!!
การจ้ำอ้าวโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ระวัง ทำให้ไปชนกับผู้คนที่พากันเดินเที่ยวขวักไขว่จนได้ มนตราแทบจะกรี๊ดร้องออกมาให้กับความซวยของตัวเองที่เกิดต่อเนื่อง
“ว้าย!! ไม่ระวังเลยหรือไง เห็นไหมว่าน้ำหกใส่เสื้อฉันหมดแล้ว” เสียงแหลมสูงดังออกมาโดยที่มนตราไม่ทันได้ตั้งตัวแม้แต่นิด ไม่มีโอกาสที่จะเงยหน้าสบตาเลย
“ฉัน...ฉันขอโทษนะคะ” มนตราเอ่ยเสียงเบา ใบหน้าที่รู้สึกผิดเงยสบตาคนตรงข้าม และทำให้หญิงสาวต้องยืนนิ่งงัน เมื่อภาพที่เธอเห็นคือดาราสาวชื่อดังและคนข้างกายก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล คู่กรณีของเธอนั่นเอง
ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีตกใจ เขาทำราวกับไม่รู้จักเธอ ไม่ได้มีท่าทีเดือดร้อน ยังคงเป็นเหมือนมนุษย์หินที่มีเพียงหน้าเดียว ไร้ซึ่งรอยยิ้มและมิตรภาพ
“ขอโทษแล้วเสื้อฉันจะหายเปียกไหมล่ะ!!”
“ฉันขอโทษจริงๆค่ะ” มนตรายังคงยืนยันคำเดิม อารมณ์ความรู้สึกในใจยิ่งย่ำแย่มากไปกว่าเดิม เมื่อเห็นเขามากับสาวสวยดีกรีนางเอกดัง
“ซุ่มซ่าม ไม่ระวัง แกรู้ไหมเสื้อฉันตัวนึงราคาเท่าไร!!” โสรยายังคงโวยวาย
“ฉันรู้ว่าฉันผิดที่ไม่ระวัง แต่ถ้าคุณเห็นฉันแล้วทำไมคุณไม่หลบล่ะคะ” มนตราเสียงเรียบเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เธอรู้สึกรำคาญถึงท่าทางของคนตรงหน้าเหลือเกิน
“แกผิดแล้วแกยังกล้าเถียงอีกหรือไง!!”
“พอเถอะนะโส” คนที่มาด้วยพูดแทรกการสนทนาของหญิงสาวทั้งสอง แม้น้ำเสียงนั้นจะดูปกติ ไม่มีการตะคอกหรือตวาด ทว่าก็ทำให้โสรยาสงบลงง่ายดาย
“ก็ได้ค่ะ โสเห็นแก่คุณนะคะ!!”
มนตรามองสองหนุ่มสาวเดินลับตาไป และรีบขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่เริ่มวิ่งวนเข้ามา ภาพของหน้าไพ่ที่เธอดูดวงให้ตัวเองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ไม่มีทางใช่เขาหรอกนะ...ยัยมนตรา
ความคิดเห็น