ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก...พยศ

    ลำดับตอนที่ #1 : เปิดศึก!

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 62


    ตอนที่ 1

                   

    ห้าโมงครึ่ง!

                    ใบหน้านวลก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็กลับทำหน้าบึ้งตึง ความหงุดหงิดดูจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อมองเวลาแต่ละนาทีที่กำลังผ่านไป ตลอดเวลาที่นั่งบนรถแท็กซี่ เธอแทบจะอยู่ไม่เป็นสุขเอาเสียเลย

                    เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างบางเดินทางออกมาจากท่าอากาศยาน ทว่าก็ยังไม่ถึงครึ่งทางของจุดหมายเลย รถแต่ละคันบนถนนเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน

                    อะไรกันนักหนาเนี่ย!’

                    เพลงพิณบ่นกับตัวเองในใจแทบจะทุกนาที หญิงสาวไม่เคยชินกับการจราจรที่จอแจและแออัดเช่นนี้เลย เกือบห้าปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเมืองไทย

                    หญิงสาวหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าเมื่อนึกถึงภาพวันวานที่ผ่านมา ช่วงชีวิตที่อยู่ในเมืองไทยนั้น เธอแทบจะไม่รู้จักคำว่าความสุขเลยก็ว่าได้

                    พิภพ ผู้เป็นบิดาแต่งงานใหม่กับรตีหลังจากที่มารดาของเธอเสียชีวิตไปเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และก็ทำให้เพลงพิณต้องมีน้องสาวต่างมารดาอีกหนึ่งคน

                    ในตอนแรกรตีพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้พิภพใส่ใจไพลิน ผู้เป็นลูกสาว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เพราะพิภพเอ็นดูลูกสาวคนเล็กเหลือเกิน จนบางครั้งทำให้เพลงพิณเกิดอาการน้อยใจ

                    ยามที่เผชิญหน้ากันตามลำพัง แม่เลี้ยงที่ภายนอกดูแสนจะจิตใจดีก็กลับกลายเป็นแม่มดใจร้ายได้ไม่ยากเลย แต่คนอย่างเพลงพิณไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด

                    ในวัยเด็กเธออาจจะคิดไปว่ารตีเพียงแค่รักเธอน้อยกว่าลูกสาวของตัวเอง แต่เมื่อวันเวลาผ่านล่วงเลยไป รตีก็แสดงธาตุแท้ให้เพลงพิณเห็น

                    เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมฯ ปีที่หก เพลงพิณตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งในตอนแรกพิภพก็ไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไร แต่ด้วยความรักและเกรงว่าเพลงพิณจะมีปมเรื่องของรตี พิภพจึงตามใจลูกสาวคนนี้ทุกอย่าง

                    ไพลินซึ่งอายุน้อยกว่าเพลงพิณสองปีเฝ้ามองการกระทำของบิดาด้วยความอิจฉา แต่หญิงสาวก็พยายามฝืนทำหน้ายิ้มแย้ม

                    เพลงพิณมองการกระทำของสองแม่ลูกด้วยความดูแคลนและหยามหยัน เพราะรู้ดีว่าพิภพไม่มีทางขัดใจเธออย่างแน่นอน

                    แม้ว่าจะได้รับความรักความเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดาเต็มเปี่ยม แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน และเหงาใจในบางเวลา จนทำให้เบื่อหน่ายการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย และตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอก

                    วันนี้เพลงพิณตัดสินใจเดินทางกลับมาเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวหรือคิดจะยอมแพ้รตี

                    โรงแรม P&N ซึ่งเป็นธุรกิจที่บิดามารดาของเธอร่วมหุ้นกับธานินทร์ เพื่อนรัก ตอนนี้คงกำลังใกล้เวลาที่จะส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปมาทำหน้าที่ดูแลแทน และหญิงสาวคงยอมไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาทำหน้าที่นี้

                    ในอดีตหญิงสาวอาจจะเด็กและไม่มีพิษสงมากพอที่จะทำให้รตีเกรงใจ ซ้ำยังหาเรื่องเธออยู่ร่ำไป แต่บัดนี้เพลงพิณโตพอที่จะสู้รบปรบมือกับแม่เลี้ยงเลี้ยงอย่างรตีแล้ว

                    ฉันกลับมาแล้ว!’

                    เปลือกตากลมโตลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อรู้สึกถึงแรงขับเคลื่อนของรถ ใบหน้านวลหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางด้วยท่าทีที่เฉยเมย ไม่ได้รู้สึกชื่นชมในความเจริญของเมืองกรุงเลยสักนิด

                    เพลงพิณยังคงจำสีหน้าเย้ยหยันของรตีได้เป็นอย่างดี รตีมักจะแสดงอาการเช่นนั้นทุกครั้งที่อยู่ลับหลังพิภพ และมันก็สร้างความเจ็บใจให้หญิงสาวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

                    “เฮ้อ!

                    หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และความรู้สึกนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อนึกถึงแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา

                    “ตอนเย็นรถมันก็ติดแบบนี้แหละ คนเลิกงาน เด็กเลิกเรียน อยู่นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน” คนขับแท็กซี่เปรยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของผู้โดยสาร

                    “ค่ะ ฉันไม่ได้มาเสียนาน ไม่คิดว่ากรุงเทพฯ จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” หญิงสาวตอบรับการสนทนาด้วยเสียงเอื่อยๆ เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง

                    “เดี๋ยวเลี้ยวแยกหน้าก็ถึงแล้วครับ”

                    เพลงพิณพยักหน้ารับพร้อมกับหันไปมองข้างทางอีกครั้ง บ้านหลังใหญ่สีขาวยังคงคุ้นตา ความสวยงามของตัวบ้านและต้นไม้ที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัวยังคงดูน่ารื่นรมย์เหมือนเดิม

                    ร่างบางก้าวลงจากรถ กระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ถูกวางไว้ข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ เพราะในยามนี้ภาพตรงหน้านี้เท่านั้นที่สามารถเรียกความสนใจของเธอได้

                    บ้านของฉัน!’

                   

    ติ๊งต่องๆๆ!

                    นิ้วเรียวกดออดอย่างไม่เร่งรีบ ดวงตากลมโตมองกวาดไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้าราวกับกำลังทบทวนเรื่องราวในอดีต

                    ในซอยนี้มีบ้านเพียงไม่กี่หลัง ไม่ใช่เพราะว่ามีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าแต่อย่างใด เพียงแต่อาณาเขตของบ้านแต่ละหลังนั้น กว้างใหญ่กว่าบ้านทั่วๆ ไปเท่านั้น

                    รอยยิ้มจางจางปรากฏออกมาอย่างอัตโนมัติเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต ความทรงจำในบ้านอาจจะไม่ดีเหมาะแก่การจดจำ แต่ทว่ารอบบ้านนั้นมีแต่สิ่งที่ประทับใจเต็มไปหมด

                    หญิงสาวหยุดสายตาที่บ้านหลังถัดไปด้วยความสุขใจ เพราะบ้านหลังนั้นทำให้เธอได้รู้จักกับคำว่าความอบอุ่น และมีพี่ชายที่แสนดีอย่างเวทัส

                    ชายหนุ่มที่มีอายุเกือบจะสามสิบปีแล้ว แต่ท่าทางและการกระทำของเขาช่างตรงข้ามกับอายุเหลือเกิน เพราะนิสัยที่ทะเล้น ตลกขบขัน และดูจะมองโลกในแง่ดีเกินกว่าคนทั่วไป

                    “คุณเพลง!

                    ร่างบางสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ ใบหน้านวลหันไปมองด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่เพียงไม่กี่วินาทีใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏรอยยิ้ม

                    “วัน เรียกเสียงดังจัง ฉันตกใจหมดเลย” เพลงพิณเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิกแกมหยอก ก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไป

                    วันเป็นคนสวนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่หญิงสาวยังแบเบาะ บิดามารดาของวันเป็นคนเก่าคนแก่ของครอบครัว จึงทำให้เพลงพิณสนิทสนมกับคนสวนคนนี้เป็นธรรมดา

                    ร่างบางเดินเข้าสู่ตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ ยังคงถูกจัดวางไว้ที่เดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือรูปคู่ของพิภพและรตีที่ติดเด่นเป็นสง่าอยู่บนผนัง

                    เพลงพิณกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บใจเมื่อเห็นรูปตรงหน้า เธอไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มายึดครองบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน

                    คอยดูฉันบ้างก็แล้วกัน

                    “เพลง!” พิภพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มกว้าง

                    เพลงพิณโผเข้ากอดผู้เป็นบิดาด้วยความคิดถึงเช่นกัน แม้ว่าใจจะไม่พอใจคนอื่นอยู่ แต่ผู้ชายตรงหน้านี้คือคนสำคัญเสมอสำหรับเธอ

                    “เพลงคิดถึงพ่อค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากพิภพสักเท่าไร พร้อมกับหอมที่แก้มของชายวัยกลางคนเพื่อตอกย้ำความคิดถึง

                    “พ่อรอเพลงมาตั้งนาน มีเรื่องมากมายที่อยากจะเล่าให้เพลงฟังน่ะ”

                    “เพลงก็เหมือนกันค่ะ”

                    สองพ่อลูกสนทนากันด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นสุข หญิงสาวสบายใจเป็นพิเศษที่ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับสองแม่ลูก เพราะตอนนี้มีเพียงพิภพเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน

                    “เพลงรับปริญญาแล้วค่ะ เพลงอยากติดรูปเอาไว้ในบ้านน่ะค่ะพ่อ”

                    “ได้สิ แล้วทำไมไม่บอกพ่อล่ะ พ่อจะได้บินไปหา หรือว่าแอบซ่อนใครไว้” ผู้เป็นบิดาเอ่ยหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี

                    “เปล่าค่ะ เพลงเห็นพ่องานยุ่งน่ะค่ะ...พ่อคะ เพลงขอเอารูปที่เพลงรับปริญญาติดไว้...เอ่อ...ตรงนั้น...ได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดและชี้ไปที่รูปคู่ของบิดาของเธอกับรตี

                    พิภพนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ถึงความต้องการของลูกสาว แต่ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนและท่าทางเอาอกเอาใจ ทำให้พิภพต้องพยักหน้าตามใจเช่นเคย

                    “พ่อเอารูปของพ่อกับน้ารตีไปไว้ที่ห้องของพ่อก็ได้นี่คะ” เพลงพิณยังคงทำเสียงใสซื่อ

                    “เอ่อ...ได้จ้ะ วันนี้รตีกับไพลินไปงานเลี้ยงที่ต่างจังหวัดน่ะ แต่พ่อไม่อยากไป เป็นโชคดีของพ่อที่ได้อยู่เจอเพลง”

                    “เพลงก็ดีใจค่ะ” เพลงพิณอ้อนอีกครั้ง ดวงตากลมเป็นประกายในขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากด้วยความพอใจ

                    ฉันจะเปิดศึกแล้วนะ!’

                   

                    เพลงพิณนอนเล่นอยู่ในห้องนอนอย่างอารมณ์ดี เมื่อเห็นว่าห้องที่อยู่ในยามนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และมันเคยเป็นห้องที่ไพลินอยากได้ตลอดมา

                    ความกว้างใหญ่ของห้องไม่ได้สำคัญอะไรสักนิดเดียว แต่สิ่งที่เพลงพิณต้องการคือการทำให้สองแม่ลูกไม่มีความสุข ให้สมกับที่ทั้งสองเคยรังแกเธอไว้

                    ฉันเกลียดแก รู้ไว้เลยนะ นังเพลงพิณ แกมันเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้!’

                คำพูดนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของเธออย่างชัดเจน ใบหน้านวลจำได้ดีถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของรตียามที่เธอพูดคุยกับพิภพ

                    แม้ในอดีตเพลงพิณจะไม่สามารถตอบโต้รตีได้ แต่วันนี้เธอโตพอจะมาทวงศักดิ์ศรีคืนแล้ว

                    “ฮัลโหล อัย ฉันถึงเมืองไทยแล้ว เดี๋ยววันหลังเรานัดกินข้าวกันนะ” เพลงพิณพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและท่าทางที่ร่าเริง

                    “ได้สิ ถึงบ้านแล้วไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม เพลง คุณรตีกับเพลงไม่ได้...” อัยราถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล ซึ่งตรงกันข้ามกับคนโทร.มาอย่างสิ้นเชิง

                    อัยราเป็นคนเรียบร้อย กิริยามารยาทนั้นก็นุ่มนวล แตกต่างจากเพลงพิณที่ทั้งขวานผ่าซากและไม่ยอมคนเลยสักนิดเดียว แต่ด้วยความที่เติบโตและเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมฯ ทำให้ทั้งสองเข้าใจกันเป็นอย่างดี

                    “ไม่หรอก อัย ฉันอารมณ์ดี ไม่ได้มีเรื่องกับใครเลยนะ อย่าคิดมากเลยจ้ะ”

                    “ฉันว่ามันดูจะสดใสเกินเหตุไปหน่อย เพลงคงไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกนะ”

                    เพลงพิณหัวเราะแทนคำตอบ เธออดไม่ได้ที่จะขบขันในความแสนดีของเพื่อนสาว สีหน้าของอัยรามักจะเหมือนคุณครูที่คอยว่ากล่าวตักเตือนเด็กดื้ออย่างเพลงพิณอยู่เสมอ

                    “ฉันไปนอนดีกว่า ง่วงแล้ว” เพลงพิณตัดบทพลางวางสาย ใบหน้ายังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้ม เธอแทบจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว...   

    อยากเห็นหน้ายายรตีจังเลย

     

                    เพลงพิณตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยใบหน้าที่แจ่มใส การเดินทางไม่ได้ทำให้เธอเพลียเลย ตรงกันข้าม เธอยังคงรู้สึกสบายอกสบายใจเสียเหลือเกิน

                    ร่างบางนั่งลงที่ด้านข้างของโต๊ะอาหาร พลางกล่าวทักทายผู้เป็นบิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม ข้าวต้มซึ่งเป็นอาหารเช้าก็ดูจะเอร็ดอร่อยเหลือเกิน

                    “พ่อคะ เดี๋ยวเพลงไปช่วยพ่อทำงานนะคะ”

                    พิภพมองหน้าลูกสาวอย่างแปลกใจ เพราะเท่าที่เป็นพ่อเป็นลูกกันมา เพลงพิณไม่เคยให้ความสนใจโรงแรม P&N เลยสักนิดเดียว แต่ทำไมวันนี้จึงได้ดูแปลกไป

                    “พ่ออย่ามองเพลงอย่างนั้นสิคะ เพลงเรียนบริหารมาก็เพื่อจะมาช่วยดูแลกิจการที่เรากับคุณลุงธานินทร์ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา พ่อไม่ดีใจเหรอคะ” หญิงสาวออดอ้อนเหมือนอย่างเคย เพื่อให้พิภพคลายความคลางแคลงใจ

                    ผู้เป็นบิดายิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นถึงความตั้งใจและท่าทีที่กระตือรืนร้นของลูกสาว พิภพพยักหน้าเออออและยอมรับความคิดของเพลงพิณทันที

                    “เพลงไปเป็นผู้ช่วยของพ่อก่อนได้ไหมคะ จะได้เรียนรู้งานน่ะค่ะ”

                    “ดีเลย พ่อจะได้คอยดูแลและสอนงานเพลงได้”

                    หญิงสาวพยักหน้าและก้มหน้ากินอาหารเช้าต่อ ที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่เธอก็รู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัวตลอดเวลา

                    รตีไม่ชอบงานบริหาร และไม่มีตำแหน่งอะไรในโรงแรมนี้เลย คนที่เป็นกรรมการผู้จัดการมีเพียงธานินทร์และพิภพเท่านั้น ส่วนชานนท์ ลูกชายของธานินทร์นั้น เป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม นอกนั้นก็เป็นตำแหน่งของคนเก่าแก่ทั้งสิ้น และทุกคนก็เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้โรงแรมก้าวต่อไป

                    “เพลงอิ่มแล้วค่ะ”

                    พูดจบเพลงพิณก็เดินตามหลังพิภพไปยังรถเก๋งคันหรูทันที เธอแทบจะรอให้ถึงเวลาที่รตีกลับมาไม่ไหว อยากเห็นสีหน้าของรตีเหลือเกิน

                    เราเจอกันแน่ คุณรตี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×