คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เปิดศึก!
ตอนที่
1
ห้าโมงครึ่ง!
ใบหน้านวลก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วก็กลับทำหน้าบึ้งตึง
ความหงุดหงิดดูจะเพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อมองเวลาแต่ละนาทีที่กำลังผ่านไป
ตลอดเวลาที่นั่งบนรถแท็กซี่ เธอแทบจะอยู่ไม่เป็นสุขเอาเสียเลย
เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างบางเดินทางออกมาจากท่าอากาศยาน
ทว่าก็ยังไม่ถึงครึ่งทางของจุดหมายเลย รถแต่ละคันบนถนนเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน
‘อะไรกันนักหนาเนี่ย!’
เพลงพิณบ่นกับตัวเองในใจแทบจะทุกนาที
หญิงสาวไม่เคยชินกับการจราจรที่จอแจและแออัดเช่นนี้เลย เกือบห้าปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเมืองไทย
หญิงสาวหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าเมื่อนึกถึงภาพวันวานที่ผ่านมา
ช่วงชีวิตที่อยู่ในเมืองไทยนั้น เธอแทบจะไม่รู้จักคำว่าความสุขเลยก็ว่าได้
พิภพ ผู้เป็นบิดาแต่งงานใหม่กับรตีหลังจากที่มารดาของเธอเสียชีวิตไปเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
และก็ทำให้เพลงพิณต้องมีน้องสาวต่างมารดาอีกหนึ่งคน
ในตอนแรกรตีพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะทำให้พิภพใส่ใจไพลิน
ผู้เป็นลูกสาว ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ เพราะพิภพเอ็นดูลูกสาวคนเล็กเหลือเกิน
จนบางครั้งทำให้เพลงพิณเกิดอาการน้อยใจ
ยามที่เผชิญหน้ากันตามลำพัง แม่เลี้ยงที่ภายนอกดูแสนจะจิตใจดีก็กลับกลายเป็นแม่มดใจร้ายได้ไม่ยากเลย
แต่คนอย่างเพลงพิณไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด
ในวัยเด็กเธออาจจะคิดไปว่ารตีเพียงแค่รักเธอน้อยกว่าลูกสาวของตัวเอง
แต่เมื่อวันเวลาผ่านล่วงเลยไป รตีก็แสดงธาตุแท้ให้เพลงพิณเห็น
เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมฯ ปีที่หก
เพลงพิณตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งในตอนแรกพิภพก็ไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าไร แต่ด้วยความรักและเกรงว่าเพลงพิณจะมีปมเรื่องของรตี
พิภพจึงตามใจลูกสาวคนนี้ทุกอย่าง
ไพลินซึ่งอายุน้อยกว่าเพลงพิณสองปีเฝ้ามองการกระทำของบิดาด้วยความอิจฉา
แต่หญิงสาวก็พยายามฝืนทำหน้ายิ้มแย้ม
เพลงพิณมองการกระทำของสองแม่ลูกด้วยความดูแคลนและหยามหยัน
เพราะรู้ดีว่าพิภพไม่มีทางขัดใจเธออย่างแน่นอน
แม้ว่าจะได้รับความรักความเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดาเต็มเปี่ยม
แต่หญิงสาวกลับรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน และเหงาใจในบางเวลา จนทำให้เบื่อหน่ายการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย
และตัดสินใจเดินทางไปเรียนต่อเมืองนอก
วันนี้เพลงพิณตัดสินใจเดินทางกลับมาเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวหรือคิดจะยอมแพ้รตี
โรงแรม P&N
ซึ่งเป็นธุรกิจที่บิดามารดาของเธอร่วมหุ้นกับธานินทร์ เพื่อนรัก
ตอนนี้คงกำลังใกล้เวลาที่จะส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปมาทำหน้าที่ดูแลแทน
และหญิงสาวคงยอมไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาทำหน้าที่นี้
ในอดีตหญิงสาวอาจจะเด็กและไม่มีพิษสงมากพอที่จะทำให้รตีเกรงใจ
ซ้ำยังหาเรื่องเธออยู่ร่ำไป แต่บัดนี้เพลงพิณโตพอที่จะสู้รบปรบมือกับแม่เลี้ยงเลี้ยงอย่างรตีแล้ว
‘ฉันกลับมาแล้ว!’
เปลือกตากลมโตลืมขึ้นมาอย่างช้าๆ
เมื่อรู้สึกถึงแรงขับเคลื่อนของรถ ใบหน้านวลหันไปมองทิวทัศน์ข้างทางด้วยท่าทีที่เฉยเมย
ไม่ได้รู้สึกชื่นชมในความเจริญของเมืองกรุงเลยสักนิด
เพลงพิณยังคงจำสีหน้าเย้ยหยันของรตีได้เป็นอย่างดี
รตีมักจะแสดงอาการเช่นนั้นทุกครั้งที่อยู่ลับหลังพิภพ และมันก็สร้างความเจ็บใจให้หญิงสาวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“เฮ้อ!”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่ายเมื่อรอบข้างเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
และความรู้สึกนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น เมื่อนึกถึงแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดา
“ตอนเย็นรถมันก็ติดแบบนี้แหละ คนเลิกงาน
เด็กเลิกเรียน อยู่นานๆ ไปเดี๋ยวก็ชิน” คนขับแท็กซี่เปรยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของผู้โดยสาร
“ค่ะ ฉันไม่ได้มาเสียนาน ไม่คิดว่ากรุงเทพฯ
จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” หญิงสาวตอบรับการสนทนาด้วยเสียงเอื่อยๆ
เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
“เดี๋ยวเลี้ยวแยกหน้าก็ถึงแล้วครับ”
เพลงพิณพยักหน้ารับพร้อมกับหันไปมองข้างทางอีกครั้ง
บ้านหลังใหญ่สีขาวยังคงคุ้นตา ความสวยงามของตัวบ้านและต้นไม้ที่ถูกจัดไว้อย่างลงตัวยังคงดูน่ารื่นรมย์เหมือนเดิม
ร่างบางก้าวลงจากรถ
กระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ถูกวางไว้ข้างตัวอย่างไม่ใส่ใจ เพราะในยามนี้ภาพตรงหน้านี้เท่านั้นที่สามารถเรียกความสนใจของเธอได้
‘บ้านของฉัน!’
ติ๊งต่องๆๆ!
นิ้วเรียวกดออดอย่างไม่เร่งรีบ
ดวงตากลมโตมองกวาดไปรอบ ๆ อย่างเชื่องช้าราวกับกำลังทบทวนเรื่องราวในอดีต
ในซอยนี้มีบ้านเพียงไม่กี่หลัง
ไม่ใช่เพราะว่ามีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าแต่อย่างใด เพียงแต่อาณาเขตของบ้านแต่ละหลังนั้น
กว้างใหญ่กว่าบ้านทั่วๆ ไปเท่านั้น
รอยยิ้มจางจางปรากฏออกมาอย่างอัตโนมัติเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีต
ความทรงจำในบ้านอาจจะไม่ดีเหมาะแก่การจดจำ
แต่ทว่ารอบบ้านนั้นมีแต่สิ่งที่ประทับใจเต็มไปหมด
หญิงสาวหยุดสายตาที่บ้านหลังถัดไปด้วยความสุขใจ
เพราะบ้านหลังนั้นทำให้เธอได้รู้จักกับคำว่าความอบอุ่น และมีพี่ชายที่แสนดีอย่างเวทัส
ชายหนุ่มที่มีอายุเกือบจะสามสิบปีแล้ว
แต่ท่าทางและการกระทำของเขาช่างตรงข้ามกับอายุเหลือเกิน เพราะนิสัยที่ทะเล้น
ตลกขบขัน และดูจะมองโลกในแง่ดีเกินกว่าคนทั่วไป
“คุณเพลง!”
ร่างบางสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอ
ใบหน้านวลหันไปมองด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย แต่เพียงไม่กี่วินาทีใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏรอยยิ้ม
“วัน เรียกเสียงดังจัง
ฉันตกใจหมดเลย” เพลงพิณเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิกแกมหยอก ก่อนจะเดินผ่านประตูเข้าไป
วันเป็นคนสวนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่หญิงสาวยังแบเบาะ
บิดามารดาของวันเป็นคนเก่าคนแก่ของครอบครัว จึงทำให้เพลงพิณสนิทสนมกับคนสวนคนนี้เป็นธรรมดา
ร่างบางเดินเข้าสู่ตัวบ้านด้วยท่าทีสงบ
ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ ยังคงถูกจัดวางไว้ที่เดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือรูปคู่ของพิภพและรตีที่ติดเด่นเป็นสง่าอยู่บนผนัง
เพลงพิณกัดริมฝีปากด้วยความเจ็บใจเมื่อเห็นรูปตรงหน้า
เธอไม่มีทางปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มายึดครองบ้านหลังนี้อย่างแน่นอน
‘คอยดูฉันบ้างก็แล้วกัน’
“เพลง!” พิภพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าฉาบด้วยรอยยิ้มกว้าง
เพลงพิณโผเข้ากอดผู้เป็นบิดาด้วยความคิดถึงเช่นกัน
แม้ว่าใจจะไม่พอใจคนอื่นอยู่ แต่ผู้ชายตรงหน้านี้คือคนสำคัญเสมอสำหรับเธอ
“เพลงคิดถึงพ่อค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่แตกต่างจากพิภพสักเท่าไร
พร้อมกับหอมที่แก้มของชายวัยกลางคนเพื่อตอกย้ำความคิดถึง
“พ่อรอเพลงมาตั้งนาน
มีเรื่องมากมายที่อยากจะเล่าให้เพลงฟังน่ะ”
“เพลงก็เหมือนกันค่ะ”
สองพ่อลูกสนทนากันด้วยสีหน้าและท่าทางที่เป็นสุข
หญิงสาวสบายใจเป็นพิเศษที่ยังไม่ต้องเผชิญหน้ากับสองแม่ลูก เพราะตอนนี้มีเพียงพิภพเท่านั้นที่อยู่ในบ้าน
“เพลงรับปริญญาแล้วค่ะ
เพลงอยากติดรูปเอาไว้ในบ้านน่ะค่ะพ่อ”
“ได้สิ แล้วทำไมไม่บอกพ่อล่ะ
พ่อจะได้บินไปหา หรือว่าแอบซ่อนใครไว้” ผู้เป็นบิดาเอ่ยหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี
“เปล่าค่ะ
เพลงเห็นพ่องานยุ่งน่ะค่ะ...พ่อคะ เพลงขอเอารูปที่เพลงรับปริญญาติดไว้...เอ่อ...ตรงนั้น...ได้ไหมคะ”
หญิงสาวพูดและชี้ไปที่รูปคู่ของบิดาของเธอกับรตี
พิภพนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อรู้ถึงความต้องการของลูกสาว
แต่ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนและท่าทางเอาอกเอาใจ ทำให้พิภพต้องพยักหน้าตามใจเช่นเคย
“พ่อเอารูปของพ่อกับน้ารตีไปไว้ที่ห้องของพ่อก็ได้นี่คะ”
เพลงพิณยังคงทำเสียงใสซื่อ
“เอ่อ...ได้จ้ะ วันนี้รตีกับไพลินไปงานเลี้ยงที่ต่างจังหวัดน่ะ
แต่พ่อไม่อยากไป เป็นโชคดีของพ่อที่ได้อยู่เจอเพลง”
“เพลงก็ดีใจค่ะ” เพลงพิณอ้อนอีกครั้ง
ดวงตากลมเป็นประกายในขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากด้วยความพอใจ
‘ฉันจะเปิดศึกแล้วนะ!’
เพลงพิณนอนเล่นอยู่ในห้องนอนอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นว่าห้องที่อยู่ในยามนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และมันเคยเป็นห้องที่ไพลินอยากได้ตลอดมา
ความกว้างใหญ่ของห้องไม่ได้สำคัญอะไรสักนิดเดียว
แต่สิ่งที่เพลงพิณต้องการคือการทำให้สองแม่ลูกไม่มีความสุข ให้สมกับที่ทั้งสองเคยรังแกเธอไว้
‘ฉันเกลียดแก
รู้ไว้เลยนะ นังเพลงพิณ แกมันเป็นส่วนเกินของบ้านหลังนี้!’
คำพูดนี้ยังคงก้องอยู่ในหูของเธออย่างชัดเจน
ใบหน้านวลจำได้ดีถึงรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของรตียามที่เธอพูดคุยกับพิภพ
แม้ในอดีตเพลงพิณจะไม่สามารถตอบโต้รตีได้
แต่วันนี้เธอโตพอจะมาทวงศักดิ์ศรีคืนแล้ว
“ฮัลโหล อัย ฉันถึงเมืองไทยแล้ว
เดี๋ยววันหลังเรานัดกินข้าวกันนะ” เพลงพิณพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและท่าทางที่ร่าเริง
“ได้สิ ถึงบ้านแล้วไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม
เพลง คุณรตีกับเพลงไม่ได้...” อัยราถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล
ซึ่งตรงกันข้ามกับคนโทร.มาอย่างสิ้นเชิง
อัยราเป็นคนเรียบร้อย กิริยามารยาทนั้นก็นุ่มนวล
แตกต่างจากเพลงพิณที่ทั้งขวานผ่าซากและไม่ยอมคนเลยสักนิดเดียว แต่ด้วยความที่เติบโตและเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมฯ
ทำให้ทั้งสองเข้าใจกันเป็นอย่างดี
“ไม่หรอก อัย ฉันอารมณ์ดี
ไม่ได้มีเรื่องกับใครเลยนะ อย่าคิดมากเลยจ้ะ”
“ฉันว่ามันดูจะสดใสเกินเหตุไปหน่อย
เพลงคงไม่ได้คิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกนะ”
เพลงพิณหัวเราะแทนคำตอบ
เธออดไม่ได้ที่จะขบขันในความแสนดีของเพื่อนสาว
สีหน้าของอัยรามักจะเหมือนคุณครูที่คอยว่ากล่าวตักเตือนเด็กดื้ออย่างเพลงพิณอยู่เสมอ
“ฉันไปนอนดีกว่า ง่วงแล้ว”
เพลงพิณตัดบทพลางวางสาย ใบหน้ายังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
เธอแทบจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ไม่ไหว...
‘อยากเห็นหน้ายายรตีจังเลย’
เพลงพิณตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ด้วยใบหน้าที่แจ่มใส
การเดินทางไม่ได้ทำให้เธอเพลียเลย ตรงกันข้าม เธอยังคงรู้สึกสบายอกสบายใจเสียเหลือเกิน
ร่างบางนั่งลงที่ด้านข้างของโต๊ะอาหาร
พลางกล่าวทักทายผู้เป็นบิดาที่นั่งอยู่หัวโต๊ะอย่างยิ้มแย้ม ข้าวต้มซึ่งเป็นอาหารเช้าก็ดูจะเอร็ดอร่อยเหลือเกิน
“พ่อคะ เดี๋ยวเพลงไปช่วยพ่อทำงานนะคะ”
พิภพมองหน้าลูกสาวอย่างแปลกใจ
เพราะเท่าที่เป็นพ่อเป็นลูกกันมา เพลงพิณไม่เคยให้ความสนใจโรงแรม P&N
เลยสักนิดเดียว แต่ทำไมวันนี้จึงได้ดูแปลกไป
“พ่ออย่ามองเพลงอย่างนั้นสิคะ เพลงเรียนบริหารมาก็เพื่อจะมาช่วยดูแลกิจการที่เรากับคุณลุงธานินทร์ร่วมกันก่อตั้งขึ้นมา
พ่อไม่ดีใจเหรอคะ” หญิงสาวออดอ้อนเหมือนอย่างเคย เพื่อให้พิภพคลายความคลางแคลงใจ
ผู้เป็นบิดายิ้มกว้างทันทีเมื่อเห็นถึงความตั้งใจและท่าทีที่กระตือรืนร้นของลูกสาว
พิภพพยักหน้าเออออและยอมรับความคิดของเพลงพิณทันที
“เพลงไปเป็นผู้ช่วยของพ่อก่อนได้ไหมคะ
จะได้เรียนรู้งานน่ะค่ะ”
“ดีเลย พ่อจะได้คอยดูแลและสอนงานเพลงได้”
หญิงสาวพยักหน้าและก้มหน้ากินอาหารเช้าต่อ
ที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้อยู่เมืองไทย แต่เธอก็รู้ความเคลื่อนไหวของครอบครัวตลอดเวลา
รตีไม่ชอบงานบริหาร
และไม่มีตำแหน่งอะไรในโรงแรมนี้เลย
คนที่เป็นกรรมการผู้จัดการมีเพียงธานินทร์และพิภพเท่านั้น ส่วนชานนท์ ลูกชายของธานินทร์นั้น
เป็นผู้จัดการใหญ่ของโรงแรม นอกนั้นก็เป็นตำแหน่งของคนเก่าแก่ทั้งสิ้น และทุกคนก็เป็นกำลังสำคัญที่ทำให้โรงแรมก้าวต่อไป
“เพลงอิ่มแล้วค่ะ”
พูดจบเพลงพิณก็เดินตามหลังพิภพไปยังรถเก๋งคันหรูทันที
เธอแทบจะรอให้ถึงเวลาที่รตีกลับมาไม่ไหว อยากเห็นสีหน้าของรตีเหลือเกิน
‘เราเจอกันแน่
คุณรตี’
ความคิดเห็น