คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Hunted
“คุณคิมคะ นี่ฉันจะต้องรอกระเป๋าอีกนานแค่ไหนกัน?”
ลูกค้าผู้หญิงคนนั้นพยายามใช้น้ำเสียงที่สุภาพกับฉัน
หากแต่หางเสียงและแววตากลับบ่งบอกสภาพอารมณ์แท้จริงอย่างปิดไม่มิด
เธอคงไม่พอใจที่ถูกทิ้งให้รอเสียนาน
ฉันยิ้ม อยากจะรู้สึกเห็นใจเธอมากกว่านี้เหลือเกิน
ถ้าไม่ใช่เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าในอีกไม่นานเธอจะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในคืนนี้
ทันทีที่ ‘ของขวัญ’ ที่ยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังของฉันถูกเปิดเผยออกไป
ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ฉันกระซิบความนัยตามที่ได้รับคำสั่งมา
“ขอโทษด้วยนะคะ เจ้านายของฉันกำชับไว้ว่าต้องให้คุณรอรับของสำคัญชิ้นหนึ่งก่อน”
ผู้หญิงคนนั้นดูแปลกใจมาก ตอนที่ฉันหันหลังไปสบตากับดวงแก้วสีน้ำตาลสุกใสอีกคู่ที่รออยู่
ชั่ววินาทีที่มองปราดทันเห็นแววตกประหม่า กังวล แต่ในอีกแง่หนึ่ง....ตื่นเต้น
แววตาของคนที่อยู่ในห้วงรัก
จับจูงมือเธออีกคนนั้นให้ก้าวออกไปข้างหน้า แล้วหน้าที่ของฉันก็จบลง
กลายเป็นเพียงคนนอกที่ได้แต่มองภาพจุมพิตอันแสนหวานตรงหน้าอย่างนึกริษยาอยู่ลึกๆ
จูบจากคนที่รัก จะให้ความรู้สึกแสนวิเศษเพียงใดกันนะ?
จะหวานปานน้ำผึ้ง อบอุ่นราวแสงอาทิตย์ในฤดูใบไม้ผลิ...หรือจะเร่าร้อนเหมือนถ่านไฟที่ลุกโชติช่วง....
แต่ทั้งหมดมันก็เกิดขึ้นได้เพียงในจินตนาการ
ฉันมารู้สึกตัวว่ากำลังจดจ้องมองแขกทั้งสองอย่างเสียมารยาทก็ตอนที่แขกคนอื่นๆ ได้ผ่านมาเห็นหญิงสาวทั้งสองเข้า
ต่างพากันหยุดมองมุงดูกันเป็นการใหญ่ ทำให้ฉันต้องรีบเดินออกมาโดยปิดประตูกั้นสายตาโลมเลียเหล่านั้นเอาไว้
เตือนตัวเองให้กลับมามีสมาธิกับการทำงานอย่างที่ควรจะเป็น...อีกครั้ง
เจ้าของร้านแห่งนี้หรือก็คือเจ้านายของฉัน เป็นคนที่ชอบแสดงความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
ถึงขั้นที่เรียกได้ว่าชอบ ‘จุ้นจ้าน’ ในเรื่องที่ไม่ใช่ของตัว ยิ่งถ้าเป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของบรรดาสุภาพสตรีทั้งหลายแล้ว
เธอจะยิ่งสนใจมากเป็นพิเศษ
เรื่องในครั้งนี้ก็เช่นกัน ฉันที่ถูกมอบหมายให้เป็นกามเทพจำเป็นจึงต้องตามหาตัวเจ้านาย
เพื่อรายงานผลของภารกิจที่สำเร็จลุล่วง
แล้วก็มาพบเธอกำลังพูดคุยรับรองแขกโต๊ะหนึ่งอยู่
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ฉันเริ่มลังเลที่จะรอให้เธอเสร็จธุระ
ดูท่าว่าแขกโต๊ะนี้จะใช้เวลานานกว่าที่คิด และคงจะเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
เพราะเจ้านายกำลังยืนตัวตรงไหล่ตั้ง บ่งบอกว่าเธอต้องระมัดระวังในสิ่งที่พูดมากเป็นพิเศษ
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ ฉันขยับเข้าไปไกล้มากกว่าเดิมโดยอาศัยม่านบังตาเป็นเครื่องป้องกันบุคคลฝั่งตรงข้าม
จนได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ที่แม้จะไม่ดังนักแต่ก็พอจับใจความได้
หัวใจของฉันร่วงหล่นลงไปอยู่แทบเท้า
นำเสียงเยือกเย็นนั้น เสียงที่ฉันไม่มีวันลืม.... เธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
“คุณคงจะรู้นะคะว่านี่เป็นเรื่องสำคัญมาก นักสืบที่เราจ้างมายืนยันว่าเขาเห็น “เธอ” ทำงานอยู่ที่นี่เมื่อสัปดาห์ก่อน”
น้ำเสียงเรียบๆ นั้นเต็มไปด้วยความกดดันและคาดหวัง จนฉันรู้สึกกังวลแทนเจ้านายขึ้นมาทันที
ถึงแม้ฉันจะเคยขอร้องให้เธอทำเหมือนว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่หากมีคนมาตามหา
แต่อีกใจหนึ่งก็ไม่อยากให้เธอต้องเดือดร้อนไปด้วย
“ดิฉันเกรงว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันกระมังคะ คนในรูปนี้ไม่ใช่คนของเรา แต่ที่นี่ก็มีพนักงานหญิงสาวๆ ชาวเกาหลีหลายคน
ทั้งรูปร่างหน้าตา และอายุก็ใกล้เคียงกัน บางทีคนของคุณอาจจะสับสนเธอกับพนักงานคนใดคนหนึ่งเข้าก็ได้”
“แต่เขายืนยันว่าเห็นเธอคนนี้กำลังสวมเครื่องแบบพนักงานของที่นี่จริงๆ ค่ะ และเขาก็ไม่เคยทำงานพลาดเสียด้วย”
ผู้หญิงคนนั้นยังคงยืนกรานอย่างหนักแน่น
“คุณคงกำลังปกปิดตัวตนของเธอด้วยเหตุผลที่ดีบางอย่างสินะคะ แต่ดิฉันขอยืนยันว่าพวกเราจะไม่มีวันทำร้ายเธอเป็นอันขาด
เรารักและก็เป็นห่วงเด็กคนนั้นมาก ครอบครัวปาร์คเป็นครอบครัวเดียวที่เหลืออยู่ของเธอ ดังนั้นได้โปรดคืนเธอให้กับเราเถอะค่ะ”
ถ้าจะมีใครที่ยอมแพ้ง่ายๆ คนคนนั้นเห็นทีจะไม่ใช่ปาร์ค กาฮีเป็นแน่
ฉันใจเต้นแรง รู้สึกกระสับกระส่าย มือทั้งสองข้ามเย็นเฉียบราวกับคนที่เห็นความตายรออยู่ตรงหน้า
“คุณผู้หญิงคะ”
เจ้านายถอนหายใจ
“ที่ร้านเราไม่เคยจ้างหญิงสาวคนเดียวกับที่อยู่ในภาพของคุณเลยค่ะ ดิฉันเสียใจด้วยจริงๆ ที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย”
สิ่งที่ตามมาหลังจากประโยคนั้นคือความเงียบที่น่าอึดอัดระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน
ฉันแทบจะหลับตามองเห็นภาพใบหน้าสวยสง่าของพี่กาฮียามจ้องมองเจ้านายของฉัน
ราวกับจะแผดเผาเธอให้ดับดิ้นไปด้วยสายตาคมกริบคู่นั้น
จนกระทั่งในที่สุด ท่ามกลางความประหลาดใจของฉัน และ (คงจะ) ความโล่งใจของเจ้าของร้านสาว...
พี่กาฮีลุกขึ้นจากโต๊ะ
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายนะคะ”
เธอพูดเรียบๆ มือรับเสื้อโค้ทไปจากมือของเจ้านาย ก่อนจะเดินเชิดหน้าออกไปจากร้าน
โดยไม่ยอมมองหน้าหรือสบตาใครอีกเลย
ทันทีที่คล้อยหลังร่างสูงๆ นั้นไปแล้ว ฉันรีบตรงรี่เข้าไปหาเจ้านายทันทีด้วยใจอันระทึก
“เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วหรือ?”
เจ้านายฉันถามขึ้นก่อนที่จะทันได้เปิดปาก ทำเอาฉันชะงักไปชั่วอึดใจหนึ่ง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ว่าแต่เมื่อครู่นี้.....”
เจ้านายเหลือบตามองฉัน ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ออกเลยว่าคิดอะไรอยู่
“เอาเป็นว่าฉันคงจะช่วยเธอเท่าที่ทำได้ตามที่เคยสัญญาไว้ และก็จะไม่คาดคั้นเรื่องส่วนตัวของเธอด้วย”
ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นจ้องลึกลงมาในตาฉัน
“แต่ถ้าถามฉันล่ะก็... ผู้หญิงคนนั้นคงจะไม่หยุดจนกว่าจะตามตัวเธอจนพบแน่นอน ฉันคิดว่าการวิ่งหนีไปเรื่อยๆ
ไม่น่าจะใช่ทางออกที่ดีเท่าไรนักหรอกนะ”
ฉันหลบตาเธอ
ทั้งๆ ที่รู้เรื่องนั้นดีอยู่แก่ใจแล้ว แต่ฉันมันก็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งเท่านั้น
กลัวเหลือเกิน...ถ้าต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบนั้นอีก ถ้าหากว่าความจริงทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมาล่ะก็....
.
.
.
.
.
.
ฉันไขกุญแจประตูห้องพักอย่างอ่อนล้า รู้สึกเหน็ดหนื่อยทั้งกายและใจ
ความคิดยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อตอนหัวค่ำ
ถึงแม้วันนี้ฉันจะโชคดีรอดพ้นจากคนคนนั้นมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น
เจ้านายพูดถูก พี่กาฮีจะไม่หยุดจนกว่าจะตามหาฉันจนพบ เธอเป็นคนที่มุ่งมั่นแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร...
และคราวนี้เธอสืบสาวจนเข้าใกล้ตัวฉันมากจริงๆ
ถ้าวันนี้เจ้านายไม่ให้ฉันไปทำธุระที่ห้องรับรองไม่แน่ว่าอาจเป็นฉันที่เปิดประตูต้อนรับหล่อนเสียเองก็ได้
นั่นหมายความว่า... ฉันคงทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว
นี่ฉันจะต้องเผชิญกับเรื่องนี้ไปอีกนานเท่าไรกันนะ?
น้ำตาแห่งความท้อแท้ไหลออกมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่ เวลาอย่างนี้อยากให้มีใครอยู่ด้วยจริงๆ
แต่ยูจินผู้แสนดีก็ติดงานกะกลางคืนเสียอีก
ฉันเดินเข้าห้องพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย มือเอื้อมไปกดสวิตช์ไฟโดยไม่หันไปมองเพราะชินกับตำแหน่งของมันเสียแล้ว
ห้องทั้งห้องสว่างจ้า และก่อนที่จะทันได้รู้ตัว พลันความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วใบหน้าซีกซ้ายทั้งแถบ
ในเวลาเดียวกับที่เสียงจากแรงกระทบดังก้องอยู่ในโสตประสาท...
แล้วฉันก็ได้เผชิญกับสายตาเย็นชาคู่หนึ่งที่ฉันรู้จักดี
ความคิดเห็น