"จอดข้างหน้าเลยค่ะพี่"
พิชญาภรณ์ กระซิบบอกคนขับรถแท็กซี่ล่วงหน้าราวๆ ห้าสิบเมตรก่อนถึงที่หมาย ขณะที่มือขาวบางรูดซิปกระเป๋าถือเพื่อหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายค่าโดยสาร
หลังๆ มานี้การเดินทางกลับระยะทางสั้นๆ จากที่ทำงานถึงที่พักของเธอใช้เวลายาวนานเหลือเชื่อ สาเหตุก็เพราะพระพิรุณจอมเกเรที่หมั่นโปรยปรายลงมาทักทายช่วงสี่ซ้าห้าโมงเย็นเป็นประจำแทบทุกวัน หนักบ้างเบาบ้างแล้วแต่อารมณ์ฟ้า มันบ่อยเสียจนเธอแอบคิดเล่นๆ ไปว่าพระพิรุณท่านคงจะกำลังกิ๊กกับสาวออฟฟิศคนใดคนหนึ่งเข้ากระมัง จึงได้หมั่นขยันออกมารับเจ้าหล่อนตอนใกล้ๆ เลิกงานแบบนี้
ร่างเพรียวลมในชุดสาวทำงานสมัยใหม่กระถดเลื่อนตัวก้าวออกจากรถ ชายกระโปรงสั้นเนื้อเบาสั่นพลิ้วไหว ทิ้งกลิ่นหอมอ่อนหวานกำจายในรถเป็นครั้งสุดท้าย
“ปัง!!!”
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์!!!”
พิชญาภรณ์สะดุ้งสุดตัวกับเสียงตะโกนอื้ออึงทันทีที่เธอก้าวเข้าไปในห้อง กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งเธอก็ตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนเสียแล้ว นี่อย่าบอกนะว่า...
ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว ความรู้สึกผสมผสานระหว่างตื่นเต้นระคนตื้นตัน สายตากวาดมองคนไปรอบๆ ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่เค้กขนาดสามปอนด์สีสันสวยงามตรงหน้า
เมื่อทุกคนร้องเพลงจบ เธอที่ได้แต่ยิ้มกริ่มจึงก้มลงเป่าเค้กจนดับสนิท
“แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะจ๊ะพู่กัน ขอให้สวยๆ รวยๆ เฮงๆ ตลอดปีและตลอดไป”
“ขอให้สมหวังในทุกๆ เรื่องนะคะคุณเพื่อน”
หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าพู่กันยิ้มแก้มแทบปริ
“แก่ขึ้นอีกปีแล้วนะเจ้”
“น้ำลายกระเด็นลงไปบ้างรึเปล่าน่ะ ฮ่าๆๆๆ”
เจ้าของวันเกิดยังคงยิ้ม...นึกอยากมีตุ๊กตาวูดูสักตัวอยู่ในมือ
เจ้าพวกนี้นี่!
...........................
กรทอง วาดลิปสติกสีนู้ดประกายทองบนเรียวปากได้รูป นัยน์ตาสีน้ำตาลคมโตเพ่งมองแล้วเม้มปากเบาๆ เพื่อเกลี่ยสีของลิปสติกให้เป็นเนื้อเดียวกับริมฝีปาก เฉดสีโทนร้อนอันหรูหรานี้ช่วยขับผิวสีน้ำผึ้งของเธอให้เปล่งประกาย
เธอหันซ้ายขวาสำรวจความเรียบร้อย กิริยานั้นทำให้เรือนผมหยักศกบางส่วนเลื่อนไหลลงไประหน้าหน้าอกอิ่มที่โผล่พ้นชุดแซ็คเกาะอกเน้นส่วนสัด
ความเย้ายวนที่ฉายชัดในกรอบกระจกทำให้หญิงสาวยิ้มพอใจน้อยๆ กับตัวเอง เธอย่อตัวลงสวมรองเท้าส้นสูง ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าถือ...
“ลูกค้า” ของเธอกำลังรอคอยอยู่
...........................
ผ่านไปร่วมชั่วโมง ห้องชุดที่เต็มไปด้วยผู้คนและดูมีชีวิตชีวาเมื่อครู่ก็เงียบสงัดลงทันทีที่เจ้าของห้องส่งแขกคนสุดท้ายเสร็จ ไม่มีใครอยากกลับดึกเกินไปนักเพราะพรุ่งนี้ยังเป็นวันทำงานซึ่ง พิชญาภรณ์ก็เข้าใจดี สำหรับคนที่อาศัยอยู่ใจกลางเมืองเช่นนี้ย่อมรู้ดีว่าเพียงแค่เพื่อนๆ ยอมฝ่าฝนกับรถติดมาทำเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้ให้ตัวเองแค่นี้ก็น่าปลื้มใจจนเธอไม่นึกอยากเรียกร้องอะไรอีก
หญิงสาวหยิบถุงพลาสติกออกมา เทสิ่งที่อยู่ข้างในลงชามเล็กๆ จนเกือบเต็มก่อนที่จะเดินไปเปิดฝากรงสุนัข
“ปุ๊กลุกๆ มากินข้าวเร้ว”
พอมเมอเรเนียนขนสีน้ำตาลอมส้มส่งเสียงเห่าทักทาย หางกระดิกถี่รัวอย่างกระตือรือร้น อาการกระโดดยุกยิกไปมานั้นก็ดูไฮเปอร์ฯไม่แพ้น้ำเสียง หญิงสาวได้แต่เอียงคอมองมันกินอาหารเม็ดอย่างอารมณ์ดี
ในใจนึกขอบคุณเพื่อนๆ เป็นครั้งที่ร้อยที่ทำให้วันนี้ของเธอไม่เงียบเหงาเลยสักนิด
ทุกคนคงจะนึกเป็นห่วง ที่ระยะหลังๆ มานี้เธอมีเรื่องหนักใจให้ต้องครุ่นคิดมากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัว...โดยเฉพาะตั้งแต่พ่อแม่เธอรู้ว่าผู้หญิงใจร้ายคนนั้นทิ้งให้เธออาศัยอยู่ในห้องนี้ตามลำพัง
โอ้ย อย่าๆๆๆ อย่าไปคิดถึงมันอีกเชียวนะพู่กัน
พิชญาภรณ์รีบห้ามตัวเอง เธอไม่อยากนึกถึงเรื่องซึมเศร้าในวันเกิด จึงพยายามเปลี่ยนใจหันมานึกถึงรูมเมทคนสนิทที่แต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กินกับสามีที่ซิดนีย์แทน ที่จริงตอนนั้นเธอก็ต้องอยู่คนเดียวแล้วยังผ่านมันมาได้อย่างสบายๆ แท้ๆ
น่าเสียดาย วันนี้ถ้ามีหล่อนอยู่ที่นี่คงมีสีสันมากขึ้นนับร้อยเท่า
พิชญาภรณ์กำลังคิดเพลินๆ กับตัวเอง เสียงกริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นพอดี
“ค่า....ใครคะ?”
พิชญาภรณ์ก้าวยาวๆ ไปที่หน้าประตู ในใจคิดว่าน่าจะเป็นพวกเพื่อนๆ ของเธอคนใดคนหนึ่งลืมของทิ้งไว้แน่ๆ จนกระทั่งเธอมองลอดออกไปแล้วเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย มือที่กำลังปลดกลอนประตูจึงชะงักค้างอยู่กับที่ด้วยความลังเล
“...คุณพิชญาภรณ์ใช่ไหมคะ?”
หญิงสาวแปลกหน้าทักขึ้น คงเห็นว่าเธอเงียบไปนาน
“มีธุระอะไรเหรอคะ?”
น้ำเสียงเจ้าบ้านสาวมีความระแวดระวังกว่าเดิม ฝ่ายนั้นยิ้มนิดๆ
“คุณปิยะจิตต์ให้ดิฉันนำของขวัญมาส่งค่ะ”
พิชญาภรณ์เลิกคิ้ว อีกฝ่ายอ้างถึงชื่อเพื่อนสนิทที่เธอเพิ่งจะนึกถึงอยู่เมื่อกี้นี้เอง
ราวกับเจ้าตัวจะรู้ว่าเธอนึกถึงอย่างไรอย่างนั้นแหละ แล้วของขวัญนั่นมันคืออะไรกันนะ?
ความอยากรู้อยากเห็นของเธอเพิ่มสูงขึ้น พอๆ กับที่ความคลางแคลงลดน้อยลง ทันใดนั้น จู่ๆ เธอก็กลัวขึ้นมาว่าหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้จะเกิดนึกรำคาญที่เธอปล่อยให้ยืนรอนานๆ แล้วเปลี่ยนใจเดินจากไปเสียก่อน จึงรีบเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว
แล้วเธอก็ได้พบเจ้าของเสียงที่หน้าประตูเมื่อครู่ หญิงสาวหน้าตาดี ผิวสีน้ำผึ้ง ในชุดกระโปรงรัดรูปสีดำ ดูหรูหราแถมยังเซ็กซี่สุดๆ นัยน์ตาคมโตที่เข้ากันกับโหนกแก้มเรียวสูงนั้นอยู่เหนือเธอขึ้นไปเกือบสิบเซ็นต์ฯ หล่อนลดระดับสายตาลงเล็กน้อยเพื่อสบตากับเธอ
Was it her face that invaded your mind?
Her kind isn’t that hard to find
She lets you think that you found her first
That’s how she works, her sick and twisted gypsy curse...
“สวัสดีค่ะ”
พิชญาภรณ์กระพริบตาปริบๆ รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันใด ผู้หญิงคนนี้รู้จักเพื่อนของเธอด้วยรึ? หรือว่าเพื่อนของเธอไปจ้างนางแบบที่ไหนมากันล่ะนี่? ดูยังไงๆ หล่อนก็ไม่น่าจะใช่พนักงานร้านขายดอกไม้หรืออะไรแบบนั้นสักหน่อยนี่นา
“เอ่อ...สวัสดีค่ะ”
“คุณพิชญาภรณ์รึเปล่าคะ?”
หญิงสาวพยักหน้า หล่อนยิ้มกว้างขึ้น
“คุณปิยะจิตต์ให้ฉันมาหาคุณค่ะ”
เมื่อเห็นผู้มาเยือนยืนเลิกคิ้วอยู่อย่างนั้น พิชญาภรณ์จึงนึกขึ้นได้
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ เข้ามาข้างในก่อนสิคะ” เจ้าบ้านสาวว่าแล้วผายมือเชิญหล่อนเข้ามาข้างใน สองตาละเอียดถี่ถ้วนยังไม่วายกวาดมองหาสิ่งที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นของขวัญ แต่กลับไม่เห็นอะไรที่ใกล้เคียงเลย
แปลกจัง
“คุณบอกว่าคุณมีของขวัญจากเพื่อนของฉันใช่ไหมคะ?” เธอถามขณะปิดประตู
ทว่าเมื่อหันกลับไป สิ่งแรกที่พิชญาภรณ์ได้รับรู้ ก็คือใบหน้า ลมหายใจ และ...รสจูบที่เธอไม่รู้จักมาก่อน
“...!!!”
วินาทีที่หลังแนบบานประตู พิชญาภรณ์ก็รู้สึกตัวและพยายามเปิดปากประท้วง แต่หล่อนคนนั้นกลับสอดลิ้นเข้ามาอย่างช่ำชอง ให้หญิงสาวสะดุ้งหลับตาปี๋ ในใจลึกๆ รู้สึกอยากตอบโต้แต่ก็สับสนว่าควรจะทำอย่างไร เพราะเป็นคนขี้เกรงใจทำให้เธอไม่กล้าสัมผัสถูกเนื้อตัวของคนแปลกหน้านั้นแม้ในยามที่ตัวเองกำลังตกเป็นรองอยู่เช่นนี้
การบุกรุกของผู้มาเยือนกำลังทำให้เธอหูอื้อและหายใจขัด หัวใจในร่างบอบบางเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายสั่นเทิ้มจนถึงจุดที่เธอคิดว่าตัวเองคงจะทนยืนต่อไปไม่ไหว
ตอนนั้นเอง หญิงสาวแปลกหน้าผละถอนตัวออกไป พร้อมกับกระซิบที่ริมหู...
“คืนนี้ ฉันเป็นของขวัญของคุณค่ะ”
...........................
“นี่มันไม่ตลกนะ!”
พิชญาภรณ์กระซิบโวยวายกับเพื่อนสาวผ่านแอพพลิเคชั่นทางมือถือ ใบหน้าในเงามืดที่อยู่อีกฟากขยับยุกยิกครู่หนึ่งก็สว่างวาบขึ้น เห็นได้ชัดว่าปิยะจิตต์กำลังหลับอยู่ตอนที่เธอโทรไป แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่เกิดความรู้สึกอยากจะเกรงใจแม้สักนิด
“--โวยวายอะไรของหล่อนเนี่ย...--” ตามมาด้วยเสียงหาวหวอด
“เธอส่งของขวัญ!...เธอส่งของขวัญอะไรมาให้ฉันฮะ” พิชญาภรณ์เผลอตัวขึ้นเสียง ก่อนจะรีบลดเสียงลงเป็นกระซิบตามเดิม ฝ่ายนั้นหัวเราะเสียงดัง
“--นี่เธอลงทุนหนีเข้ามาโทรหาฉันในห้องน้ำเรอะ ฮ่าๆๆ พู่กันเอ๊ยยยย--”
“บริต ขอร้อง อย่าทำให้ฉันโกรธ”
น้ำเสียงของเธอจริงจังขึ้น ทำให้ฝ่ายนั้นชะงักไปชั่วขณะ
“--อย่าบอกนะว่าโกรธจริง--”
“โกรธจริงสิ นี่เธอเป็นบ้าอะไรถึงได้จ้าง ผหญงยงว่า มาหาฉันถึงห้องแบบนี้ยะ”
“--แหมะ พูดไทยชัดๆ หน่อยคุณเพื่อน ฮ่ะๆๆ นี่! ผู้หญิงอย่างว่าที่หล่อนพูดถึงน่ะสุดยอดนะยะ ระดับนี้คัดมาอย่างดี รับประกันความพึงพอใจ เฉพาะค่าตัวนี่สูงลิ่วขนาดไหนหล่อนคงนึกไม่ถึงเลยล่ะ เอาเถอะน่ะพู่กัน ฉันน่ะหวังดีนะ ไม่อยากให้เพื่อนรักต้องเหงาในคืนแบบนี้คนเดียว เรื่องพรรค์นี้ก็ใช่ว่าหล่อนจะไม่เคยใช่มะ สมัยนี้ผู้หญิงก็แห่ซื้อบริการกันให้ว่อนไปหมดแล้ว เลิกกลัวแล้วเอ็นจอยชีวิต ฉันจะกลับไปนอนล่ะ เดี๋ยวกิลแบรต์เค้าตื่นมาไม่เจอฉันแล้วจะหัวใจสลาย--”
“นี่! เดี๋ยว!”
“--อ้อ อีกอย่างนึง เอเจนซี่ของหล่อนน่ะเข้มงวดเรื่องความพึงพอใจลูกค้ามาก มีการตรวจสอบอย่างดี ถ้าเธอไล่หล่อนกลับคืนนี้หล่อนจะโดนไล่ออก อย่าลืมล่ะ--”
“ฮะ อะไรนะ? เฮ้ย บริต เดี๋ยว! ฉันไม่-”
--Call with Piyajitt L’ Orient ended today 23.04--
พิชญาภรณ์มือสั่น กดทุ่มโทรออกอีกครั้ง
--Call with Piyajitt L’ Orient ended today 23.05
..........กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด..........
เมื่อพิชญาภรณ์โซซัดโซเซออกจากห้องน้ำ “หล่อน” ยังคงนั่งรออยู่ที่โซฟา ใบหน้าสวยสะดุดตานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
แม้จะอายจนไม่อาจสบตาหล่อนตรงๆ ได้ แต่หญิงสาวไม่ถือโกรธหล่อนเลยสักนิด สุดท้ายแล้วหล่อนก็แค่ไปทำตามหน้าที่ แต่ดันโชคร้ายถูกมอบหมายให้มาเจอลูกค้าแบบเธอ...โดยการจ้างวานของเพื่อนสติเสียของเธอเข้าให้
เจ้าบ้านสาวถอนใจเฮือก เธอคงต้องทำอะไรซักอย่าง
“เอ่อ คุณ...”
หล่อนตอบทันที “ชื่อกรทองค่ะ...หรือเรียกแค่กรเฉยๆ ก็ได้”
“คุณกรคะ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี แต่ว่าฉันไม่...”
“เอ่อ...ฉันมีผลตรวจร่างกายมาด้วยค่ะ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น”
หล่อนพูดด้วยสีหน้าราวกับขอความเห็นใจ คำพูดนั้นทำให้สายตาของพิชญาภรณ์เบนไปที่เรือนร่างสมบูรณ์แบบนั้นอีกครั้ง ถ้าว่ากันตามจริงแล้ว เธอไม่คิดหรอกว่าจะมีลูกค้าสักกี่คนที่ยังสนใจเรื่องสุขอนามัยอยู่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าหล่อน
“ขอบคุณนะคะ แต่ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ คุณน่ะดูดีเพอร์เฟคสุดๆ แล้ว ฉันเองต่างหากที่ไม่พร้อม ฉันทำใจไม่ได้จริงๆ ค่ะ เพราะงั้นได้โปรดกลับไปเถอะนะ”
สีหน้ากรทองสลดลงเมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย
“กลับ...เหรอคะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้ามีใครถามฉันจะรับรองให้คุณเอง”
หล่อนส่ายหน้า ท่าทางทรมานใจเต็มที
“ทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ฉันควรต้องกลับไปกับรถบริษัทที่รออยู่เท่านั้น ในตอนเช้าด้วย ไม่อย่างนั้นพวกนั้นจะคิดว่าคุณไม่พอใจฉัน แล้วก็จะไล่ฉันออก”
พิชญาภรณ์ตาโต ถึงจะพอรู้จากเพื่อนสาวมาบ้าง แต่พอมาได้ยินจะๆ ก็ยังไม่อยากเชื่อหูอยู่ดี
“เรื่องจริงเหรอเนี่ย ใจร้ายจังเลย”
กรทองได้แต่ก้มหน้านิ่ง ลำพังตัวเธอไม่มีอำนาจต่อรองอะไร ถ้าสุดท้ายแล้วลูกค้าอย่างพิชญาภรณ์ยืนยันที่จะตัดสินใจแบบเดิม เธอก็คงได้แต่ยอมรับชะตากรรม
ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าบ้านสาวก็พูดขึ้น
“ถ้าแค่...” น้ำเสียงนั้นลังเล “แค่ให้อยู่ด้วยจนถึงเช้าก็โอเคแล้วใช่ไหม?”
ในห้องนอนที่มีผนังกั้นเป็นสัดเป็นส่วน หญิงสาวร่างบางยังเอาแต่ครุ่นคิดกังวลไปต่างๆ นานา เธอไม่เคยให้คนแปลกหน้ามาค้างที่บ้านมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่เพื่อนของเธอส่งมาก็เถอะ คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นหน้าสวยๆ แบบนั้นหล่อนอาจจะเป็นผู้ร้ายย่องเบาหรือจี้ชิงทรัพย์ ซึ่งก็นับว่าโชคดีที่เธอไม่ได้มีของมีค่าอะไรข้างนอกนั้นนอกจากทีวีจอแอลซีดีขนาดเท่าฝาบ้าน ที่อย่างไรเสียหล่อนก็คงไม่มีปัญญาขนมันไปได้อยู่แล้ว
แล้วถ้าเกิดว่า หล่อนไม่ได้สนใจของมีค่า แต่ว่าเป็นคนร้ายโรคจิตล่ะ? เป็นพวกทรมานร่างกาย? หรือแม้แต่พวกฆ่าข่มขืน(?) แล้วตัวเล็กๆ ผอมแห้งคัพเออย่างเธอจะไปมีปัญญาเอาแรงที่ไหนมาสู้
นึกถึงตรงนี้ เจ้าของบ้านเริ่มจะรู้ตัวว่าตนเองออกจะกังวลเกินกว่าเหตุไปเสียแล้ว ไม่รู้ทำไมยิ่งพยายามไม่คิดก็ยิ่งกลัว รู้สึกหนาวไปถึงสันหลังจนเธอต้องขดตัวซุกเข้าไปในผ้าห่ม
นึกแปลกใจ ว่าแต่ทำไมแอร์ที่ห้องมันหนาวขนาดนี้ล่ะ?
จริงสินะ เป็นเพราะฝนตกหลายชั่วโมงเลยทำให้อากาศเย็นไปหมด แอร์ที่นี่ก็ค่อนข้างแรง ขนาดเธอมีผ้าห่มนวมยังรู้สึกหนาวแบบนี้ แล้วอีกคนที่มีแค่ผ้าบางๆ คลุมร่างกายจะเป็นอย่างไรบ้าง?
พิชญาภรณ์ลงจากเตียง ค่อยๆ ย่องทั้งๆ ชุดนอน ออกจากห้องไปหาคนที่นอนอยู่ ร่างระหงนั้นหลับด้วยท่าทางที่ดูก็รู้ว่าพยายามขดตัวเข้าหาออุ่นจากพนักพิง ต้นแขนหล่อนเย็นเยียบจนพิชญาภรณ์รู้สึกสงสาร
ทันทีที่ผ้าห่มสัมผัสกับผิวกาย กรทองที่หลับอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น สายตาที่งุนงงที่จ้องมองมายังเจ้าบ้านสาวนั้นมีแวววูบไหวแปลกๆ ที่ทำเอาผู้ให้รู้สึกเก้อเขินจนต้องหลบตา
“ขอโทษที่ทำให้ตื่นค่ะ ราตรีสวัสดิ์นะ”
ร่างบางขยับจะลุก ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายจับมือของเธอเอาไว้
“ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ...” หล่อนกระซิบเสียงแหบอย่างคนเพิ่งตื่น ทว่าสติสัมปชัญญะยังอยู่ครบ “ไม่อย่างนั้นคุณจะห่มอะไร”
“ฉันก็มีของฉันแหละ ไม่เป็นไรหรอก”
หล่อนหัวเราะเบาๆ
“คนใจดีแบบคุณ ถ้ามีก็คงเอามาให้ฉันตั้งแต่แรกแล้ว”
คำพูดดักคอสั้นๆ ที่ลอดออกมานั้นราวกับเสียงกระซิบ แต่มันกลับกระทบใจพิชญาภรณ์จนพูดอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
“คุณพูดเหมือนกับรู้จักฉัน”
“ไม่แน่นะคะ บางที...ฉันอาจจะรู้จักคุณมากกว่าที่คุณคิด”
กรทองพูดพลางบีบมือเล็กในอุ้งมือของตัวเองเบาๆ การกระทำนั้นทำให้พิชญาภรณ์รู้สึกตัวสั่นนิดๆ แต่ไม่ใช่จากความหนาว
“เรื่องแบบนั้น มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“คุณคงจะเคยชินกับระบบคิดซับซ้อน จนลืมไปว่าการสื่อสารง่ายๆ อย่างสัมผัสทางกายหรือแม้แต่การกระทำนั้นบ่งบอกตัวตนของเราได้แม่นยำแค่ไหน”
“ฉัน...”
ถึงตอนนี้พิชญาภรณ์ยิ่งสับสนจนรู้สึกมึนงง ปล่อยให้อีกฝ่ายรั้งตัวเธอเข้าไปหา
“มาทางนี้เถอะค่ะ ปล่อยให้ร่างกายเย็นนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ความอบอุ่นที่อยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาคล้ายจะมีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด
จะเป็นเพราะผ้าห่ม? หรือเพราะอ้อมกอดอ่อนโยนของหล่อน พิชญาภรณ์ก็สุดจะคาดเดา รู้แต่เพียงว่ามันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นลึกๆ ในอก
กรทองประคองใบหน้าหวานไว้ในอุ้งมือ ยามได้เพ่งพิศก็ให้รู้สึกชื่นชมในผิวอันขาวใสนั้น ในระยะห่างอันน้อยนิดเช่นนี้ทำให้เธอได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ความตื่นเต้นอันเก็บซ่อนไว้ไม่มิดของอีกฝ่ายกำลังกระตุ้นเร้าให้เธออดใจไว้ไม่ไหว โน้มตัวเข้าไปใกล้...จุมพิตหล่อนแผ่วเบา
This is her favorite game to play...
She’s got you stumbling, stumble-st-st-stumbling
Talks with a grin 'cause she’s got no shame
Enjoy the fame, bringing down the family name
พิชญาภรณ์กระพริบตา บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไรกับจูบนี้ เธอรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง และเธอไม่ควรปล่อยใจไปกับความใกล้ชิดที่อาจจะนำพาไปสู่อะไรๆ ที่เธอจะต้องมานึกเสียใจภายหลัง
แต่ลึกๆ อีกใจหนึ่งเธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เมื่อครู่นี้เธอแอบหวังให้มันเกิดขึ้น
ช่างน่าแปลกใจจริง
“คุณสวยจังเลยค่ะ” กรทองกระซิบ หล่อนมองลึกลงไปในดวงตาคู่หวานราวกับจะค้นหาความลับที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
พิชญาภรณ์ยิ้มเขิน “คุณต่างหากค่ะที่สวย ฉันน่ะก็แค่หน้าจืดๆ แถมไม่ได้แต่งหน้าอีกต่างหาก”
สาวผิวน้ำผึ้งแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดนั้น แล้วดึงเธอไปจูบอีกครั้ง
จูบเร่าร้อนราวกับจะกลืนกิน ที่ทำให้ร่างบางแทบลืมหายใจ
“เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ ฉันก็แทบไม่อยากละสายตาแล้วค่ะ”
กรทองกระซิบเสียงเบาหวิว ในขณะที่พิชญาภรณ์หายใจหอบ พยายามเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงของตัวเอง
แต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
ความคิดของพิชญาภรณ์สะดุดลงเมื่อกรทองเริ่มเปลี่ยนไปซุกไซร้ที่ซอกคอขาวเนียน ลมหายใจอุ่นจนร้อนที่ระรดบนผิวทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่ และเมื่อริมฝีปากอิ่มนั้นไต่ไปถึงใบหู เสียงครางอย่างอดกลั้นก็เล็ดลอดออกมาจากปากบาง ชุดสวยที่สวมใส่คงทำให้กรทองรู้สึกไม่ถนัด หล่อนจำใจผละจากเนื้อนวลที่อยู่ตรงหน้าแล้วลุกขึ้นรูดซิปชุดกระโปรงของตัวเอง สายตาสวยคมคู่นั้นจับจ้องที่ใบหน้าหวานของพิชญาภรณ์ขณะที่มือเรียวบรรจงปลดเปลื้องชุดที่พันธนาการออกช้าๆ
She can swallow knives, she can swallow lives
Golden black stare but the night of your demise
Try to runaway with the gypsy woman
Here today then gone for good
Can’t get away with a gypsy woman
Thought no one would know your secrets down below
หล่อนไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย แม้แต่ตอนที่กำจัดผ้าชิ้นเล็กอีกสองส่วนที่เหลือ
พิชญาภรณ์ถอนใจดังเฮือก หัวใจเต้นถี่ระรัวกับภาพที่เห็น ของขวัญชิ้นนี้ช่างมีร่างกายที่กระชับแข็งแรงและส่วนสัดเร้าใจจนน่าริษยา
กรทองทอดกายลงข้างหญิงสาวหน้าหวาน กลิ่นกายของหล่อนหอมกรุ่นยิ่งขึ้นมือ่ไม่มีสิ่งใดมากีดขวางอำพราง หล่อนจูบเธอครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่รู้เบื่อ ก่อนจะลามเรื่อยไปถึงเนินอกขาวเนียน หล่อนสูดและหอมราวผิวสาวราวกับเป็นอากาศสำหรับหายใจ
พิชญาภรณ์ครางเสียงสั่น ไฟปรารถนาในร่างกายกำลังถูกโหมให้ลุกโชน เธอรู้สึกถึงมือเรียวที่ไล้ขึ้นมาตามโคนขาและสะโพกผ่านกางเกงนอนขาสั้นเนื้อบางเบา หล่อนไม่เพียงลูบเปล่าๆ แต่กลับใช้ปลายเล็บครูดเบาๆ กระตุ้นผิวไวสัมผัสไปเรื่อย หนักบ้างเบาบ้างจนเธอรู้สึกปั่นป่วนรัญจวนไปทั่วทั้งบริเวณนั้นและใกล้เคียง
แม้จะสวมชุดนอนอยู่จนครบทั้งบนล่าง แต่พิชญาภรณ์รู้สึกไม่ต่างจากเปลือยเปล่ายามที่มือคู่นั้นหยอกล้ออยู่บนร่างกายเธอ สัมผัสของกรทองไม่อาจเรียกได้ว่าอ่อนโยน...แต่ก็ปราศจากซึ่งความรุนแรง เป็นการลงน้ำหนักที่มากพอจะกระตุ้นอารมณ์ดิบในร่างกายของคนได้
“ชอบเสียงของคุณจัง” หล่อนกระซิบ
คำพูดที่ทำให้พิชญาภรณ์นึกสงสัยว่าหล่อนยังได้ยินไม่เพียงพอหรืออย่างไร เพราะในวินาทีถัดมามือข้างหนึ่งของหล่อนได้สอดหายไปใต้เสื้อ เรียกเสียงร้องจากเธออีกระลอก
But you can’t go, can’t go with her
Can’t go, can’t go with her
Can’t go, can’t go with her
Can’t go....the gypsy woman
...........................
โทรศัพท์มือถือส่งเสียงปลุกดังรบกวนอยู่ข้างๆ หู พิชญาภรณ์นิ่วหน้า คว้ามันมากดปุ่มปิดเสียง รู้สึกเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะตื่น
ทำไมถึงได้เพลียแบบนี้นะ? หรือว่าจะไม่สบาย จะขอลาป่วยเสียดีไหมนี่?
ว่าแต่ว่า...ทำไมเธอมานอนอยู่ที่โซฟาได้ล่ะ?
หญิงสาวพยายามระลึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ไม่นานนักภาพความทรงจำที่น่าประทับใจก็เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่กระบวนการรับรู้ พิชญาภรณ์เบิกตาโพลง
“ผู้หญิงคนนั้น!!!”
เธอเหลียวซ้ายและขวา พยายามมองหาร่องรอยของหญิงสาวแปลกหน้าที่มีชื่อว่ากรทอง เธอวิ่งเข้าไปดูในห้องนอน ห้องน้ำ ระหว่างที่ตามหาเธอก็ตรวจดูพวกของมีค่าไปด้วย
ดูเหมือนเธอจะไปแล้ว
เธอถอนใจยาวโล่งอก โอเค อย่างน้อยของทุกอย่างก็ยังอยู่ครบ...
ครบ...หรือเปล่านะ?
หญิงสาวหันไปสำรวจดูตัวเองในกระจก แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง
ทั่วตัวของเธอมีแต่รอยลิปสติกสีประกายทองกระจายเป็นหย่อมๆ โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย กับ ต้นขาด้านใน ไม่ต้องเสียเวลานึกเธอก็รู้ได้ทันทีว่ารอยแบบที่ว่าไปอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร.......แค่คิดตามพิชญาภรณ์ก็ถึงกับหน้าร้อนผ่าว
หญิงสาวไม่ทันสังเกตว่าตรงที่เธอวางโทรศัพท์มือถือทิ้งไว้นั้น กำลังมีไฟกระพริบจากสายเรียกเข้าที่ถูกปิดเสียงไว้
..........................
ร่างสูงของกรทองเด่นสะดุดตาในชุดสูทของอาร์มานี่ เธอกำลังนั่งอยู่ในคาเฟ่ติดกระจกในอาคารสำนักงานหรูหราแห่งหนึ่ง บนโต๊ะมีแก้วเอสเปรสโซกับนิตยสารโพซิชั่นนิ่งวางเคียงกัน ในมือมีอุปกรณ์สื่อสารหน้าจอสัมผัสที่เธอกำลังใช้งานอยู่
(ไม่รับสาย สงสัยยังไม่ตื่น)
ไม่นานนักข้อความใหม่ก็แสดงขึ้นมาบนหน้าจอ
(--ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?--)
(ตามนั้น)
(--เก่งนี่ นึกว่าจะถูกตะเพิดออกมาซะอีก--)
(ก็เกือบแหละ 5555)
(--นางเหมือนที่คิดไหม--)
(สวย หวาน ใจดี ขี้ตื่น โอเคเลย O_~b)
(เหมือนจะผอมกว่าในรูปนิดหน่อย)
(เป็นนัดบอดที่อีโรติกมาก)
(--มาถึงขั้นนี้แล้วห้ามเปลี่ยนใจนะ--)
(สบายใจเถอะ ถ้ารู้สึกว่าไม่ใช่ก็คงไม่ปล่อยให้เลยเถิดขนาดนี้หรอก)
(เธอรู้จักฉันดีไม่ใช่เหรอ)
(--ไม่อยากให้นางต้องหนีเสือปะจระเข้--)
(--เพราะเป็นเธอถึงกล้าใช้แผนนี้ไงล่ะ--)
(ใช่สิ แผนนั่น)
(คิดมาได้เนอะ งานนี้ฉันมีแววโดนตบเห็นๆ)
(--ถ้าไม่ทำแบบนี้อีกห้าปีสิบปีก็จีบไม่ติดหรอก--)
(--นิสัยแปลกๆ ของนางล่ะ แอนตี้คนมาจีบ แต่ใจอ่อนกับคนที่มีอะไรด้วย--)
(--ยังกะนางเอกละครน้ำเน่า--)
(เลยต้องใช้ไม้นี้สินะ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัว อย่างอื่นไว้ทีหลัง)
(--ใช่สิ ฉันต้องทำให้เธออยู่ในฐานะเดียวกันกับ “มัน” ซะก่อน--)
(--พู่กันจะได้ลืม จะได้เลิกอาลัยอาวรณ์ “มัน” ซะที--)
(--วุ้ย พูดถึงมันแล้วของขึ้น--)
(ต้องลงทุนเป็นถึงคุณโสเลยอ่ะ แรง)
(--จะได้ยั่วถนัดๆ หน่อยไง--)
(--พูดแล้วก็อยากเห็นคุณกรทองในคราบคุณโสจริงๆ นะฮ๊าฟฟฟฟ 5555--)
(-*-)
(รุ่น Limited Edition หาดูไม่ได้แล้วย่ะ)
(--จร้าคุณองคุลีทอง เอ๊ย กรทอง 55555--)
(ชิส์ เลิกคุย เดี๋ยวจะขึ้นไปประชุมแล้ว)
(คืนนี้หารือกันอีกที ท่านจูกัดเหลียง)
(--Roger that--)
F-I-N
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น