“มาแล้วหรือลูกแพร ดูซิผอมลงไปเยอะเลยลูกวันนี้แม่เตรียมกับข้าวที่ลูกชอบไว้เยอะเลยนะค่ะ” คุณหญิงแม่พูดด้วยความดีใจพลางจับรัตติกรเข้าไปกอดจูบด้วยความเอ็นดู “ยัยหนูจำอะไรได้บ้างรึยังล่ะลูก” คุณพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆถามขึ้น “ยังเลยค่ะ” แพรพิไลพูดด้วยใบหน้าเศร้าๆ “แพรเค้ายังจำไม่ได้จริงๆครับคุณพ่อคุณแม่แต่ผมก็พยายามช่วยเล่าเรื่องต่างๆให้ฟังเผื่อเธอจะจำอะไรได้บ้าง” บุรินทร์ต้องพูดโกหกออกไปเพื่อให้ท่านทั้งสองสบายใจ หลังจากคุยกันอยู่พักใหญ่ก็ทานอาหารกลางวันโดยที่รัตติกรเข้าไปช่วยทำอาหาร “คุณหนูแพรออกเหย้าออกเรือนไม่เท่าไหร่ดูสิค่ะทำกับข้าวเก่งขึ้นเยอะเลยนะค่ะ” แม่บ้านกล่าวชมรัตติกรกับคุณหญิง “นั่นสิแม่อิ่ม เมื่อก่อนทำอะไรก็ไม่เป็นก่อนแต่งงานก็เข้าคราสทำอาหาร คราสแม่บ้านแต่ก็ดูไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เก่งขึ้นเยอะเลยสงสัยได้เป็นแม่บ้านเต็มตัวแล้ว ” คุณหญิงกล่าวยิ้มๆ รัตติกรจึงยิ้มตอบแล้วถามขึ้น “เมื่อก่อนหนูแย่ขนาดนั้นเลยหรอค่ะคุณแม่” รัตติกรพูดขณะปรุงอาหาร “ไม่ได้แย่อะไรหรอกลูกแต่หนูไม่เคยทำมากกว่าค่ะ บอกว่าเดี๋ยวเล็บหักทำไม่อร่อยด้วยเลยไม่ทำ” “แล้วตอนหนูแต่งงานกับคุณบุรินทร์เราอยู่กันยังไงค่ะ” รัตติกรถามด้วยความสงสัย “ก็บุรินทร์นั่นแหละลูกที่เป็นคนทำทั้งงานบ้านและก็เรื่องกับข้าวแม่บอกให้เอาแม่บ้านจกที่นี่ไปก็ไม่ยอม บอกว่าอยากทำเพื่อลูกเอง ดูซิบุรินทร์เค้ารักลูกของแม่มากแค่ไหน” รัตติกรยืนฟังสักพักแล้วก็เงียบไป เพราะบุรินทร์บอกเธอว่าทำงานบ้านไม่เป็น ทำไมจะต้องโกหกเธอด้วย แต่บุรินทร์คงจะรักแพรพิไลมากแพรพิไลเองก็รักบุรินทร์มากเช่นกันแต่ด้วยเคราะห์กรรมอันใดจึงทำให้รัตติกรต้องเข้ามาในชีวิตพวกเขาสองคนแล้วทำให้หัวใจเธอเองต้องเจ็บปวดเพียงนี้ “คุณค่ะวันนี้ลูกสาวเราทำกับข้าวเองคุณลองชิมดูสิค่ะ อร่อยทั้งนั้นเลย” คุณหญิงกล่าวยอลูกสาว “จริงหรอคุณ ไหนพ่อลองชิมดูซิลูกสาวพ่อทำกับข้าวอร่อยแค่ไหน” ว่าแล้วก็เลือกตักแกงข่าไก่เข้าปากแล้วยิ้มๆ “อร่อยจริงๆด้วย ลูกสาวพ่อเก่งขึ้นเยอะเลยนะตั้งแต่ออกเรือนไปเนี่ย พ่อบุรินทร์คงจะอ้วนขึ้นเยอะเลยนะมีเมียทำกับข้าวเก่งแบบนี้” คุณพ่อกล่าวกับบุรินทร์พร้อมกับเสียงหัวเราะ “ครับคุณพ่อ” บุรินทร์รับคำสั้นๆเพราะไม่ว่ารัตติกรจะทำกับข้าวเก่งแค่ไหนเขาก็ไม่ค่อยมีโอกาสจะอยู่กินด้วยเท่าไรนัก เพราะเขาเองก็กลัวใจตัวเองเหมือนกันจึงไม่กล้าอยู่กับรัตติกรสองต่อสองคอยหาแต่เรื่องออกจากบ้านอย่างเดียว เมื่อทานข้าวเสร็จบ่ายแก่ๆก็พากันออกมาที่สนานหน้าบ้านมาทานของว่างกัน “แม่ว่าลูกสองคนไปเที่ยวฮันนีมูลกันดีมั๊ยลูกเพราะตั้งแต่แต่งงานมาก็ยังไม่เคยไปฮันนีมูลกันเลย ถือโอกาสนี้ให้หนูแพรไปพักผ่อนด้วยเผื่ออะไรจะดีขึ้น” “พ่อว่าก็ดีนะ คุณแม่เค้าเตรียมแพ็คเก็จไว้ให้แล้วดูซิ” คุณพ่อเบ้ไปทางคุณแม่เมื่อเห็นโบชัวร์สถานที่พักผ่อนต่างๆมากมาย “ผมแล้วแต่แพรครับ” บุรินทร์โยนมาให้รัตติกรตัดสินใจ “เอ่อ ยังไงก็ได้ค่ะ” รัตติกรเลือกที่จะตอบแบบเลี่ยงๆเพราะเธอกลัวว่าบุรินทร์อาจจะไม่อยากไป “แม่ว่าให้แม่ตัดสินใจดีกว่านะ แม่ว่าไปที่หัวหินดีมั๊ยลูกพ่อบุรินทร์มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั่นไม่ใช่หรอจ๊ะ” “ครับคุณแม่เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าค่อยไปก็แล้วกันนะครับ” บุรินทร์พูด “จ๊ะๆแม่ว่าก็ดีเหมือนกัน” พ่อแม่ของแพรพิไลยิ้มด้วยความมีเลศนัย บุรินทร์เองก็พอจะเดาๆออกแล้วว่าทั้งสองท่านคงอยากมีหลานแน่ เขาเองก็อยากมีลูกแต่ถ้ารัตติกรเป็นแพรพิไลเขาคงมีลูกไปนานแล้ว แต่นี่เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับรัตติกรเลย รัตติกรนั่งฟังยิ้มๆโดยที่เธอไม่ทันได้คิดไปถึงเรื่องนั้นเลย จวนจะค่ำทั้งสองคนจึงขอตัวกลับบ้าน เมื่อบุรินทร์ขับรถมาถึงบ้านทันทีที่กำลังจะเดินเข้าบ้านไป รัตติกรก็เรียกบุรินทร์ “คุณบุรินทร์หยุดก่อน” รัตติกรร้องเรียก “มีอะไร” “ทำไมคุณต้องโกหกฉันด้วยว่าคุณทำงานบ้านไม่เป็น” บุรินทร์หันมายิ้มๆก่อนจะตอบกวนประสาทของรัตติกรว่า “ผมไม่อยากทำเลยโกหกก็แค่นี้เอง” บุรินทร์พูดด้วยท่าทางกวนๆทำให้รัตติกรไม่พอใจ “ดีงั้นต่อไปนี้ฉันก็จะไม่ทำงานบ้านเพราะว่าฉันไม่อยากทำ หญ้าที่หน้าบ้านก็ให้มันรกท่วมบ้านไปเลย กับข้าวก็หากินเองแล้วกันนะ” รัตติกรเองก็ตอบกวนๆไปเช่นเดียวกัน “นี่เธอ งั้นแสดงว่าหญ้าหน้าบ้านเธอก็เป็นคนตัดรวมทั้งกิ่งพวกนั้นด้วยใช่มั๊ย” บุรินทร์ถามด้วยความตกใจเพราะไม่นึกว่ารัตติกรจะทำได้ “ก็ใช่น่ะสิ ฉันไม่ทำจะให้ใครทำคุณรึไง” “ผมก็นึกว่าคุณจ้างคนมาทำสวนซะอีก” บุรินทร์พูดเพราะทึ่งในตัวของรัตติกรเพราะไม่คิดว่าเธอจะเก่งกล้าสามารถถึงเพียงนี้ “ไม่อ่ะ ทำเองก็ได้ว่างๆ” รัตติกรพูดแล้วเดินเข้าบ้านไปโดยไม่สนใจบุรินทร์ที่ยืนยิ้มๆอยู่หน้าบ้าน “คุณบุรินทร์เสร็จรึยังสายแล้วนะ” รัตติกรพูดเมื่อขนของเข้าไปในรถ “ยังเลยรัตติกรมาช่วยเก็บกระเป๋าให้หน่อยสิ” “อะไรนะ อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่เก็บของอีกมัวทำอะไรอยู่นะ” รัตติกรพูดแล้ววิ่งเข้าไปในห้องเห็นบุรินทร์กำลังแต่งตัวอยู่ “คุณทำอะไรอยู่ทำไมไม่เก็บกระเป๋า” รัตติกรยืนเท้าเอวถามเขาอยู่วันนี้เขาใส่เสื้อลายดอกสีฟ้าน้ำทะเลกับกางเกงขาสั้นดูแปลกตา เพราะทุกครั้งรัตติกรเห็นแต่เขาในชุดทำงาน “คุณช่วยเก็บให้ผมหน่อยสิ ผมจัดกระเป๋าไม่เป็น” “โกหก คุณไม่ทำเองต่างหาก” รัตติกรพูดเพราะรู้ทันคนอย่างเขาดีไม่ว่าอะไรก็ตามมักจะให้เธอทำให้เสมอ จนบางครั้งเธอก็ต้องวุ่นว่ายเพราะเขาคนเดียว รัตติกรเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่ในตู้แล้วเลือกเก็บเสื้อผ้า 4-5 ชุดมาพับใส่กระเป๋า “เสื้อผ้าคุณจัดเสร็จหมดแล้วชุดชั้นในคุณจัดใส่กระเป๋าเอง แล้วก็รีบลงไปได้แล้ว” รัตติกรพูดแล้ววางกระเป๋าลงที่ข้างๆเขาถ้าจะให้เธอเก็บกางเกงให้เธอก็คงอายตายแน่ๆเพราะเวลาซักเธอก็จับยัดลงเครื่องซักผ้าหมด “จะอายอะไรเก็บให้หน่อยสิ เวลาซักผ้าพับผ้าคุณยังทำให้ผมเลย” “ไม่ทำเอง” รัตติกรพูดแล้วรีบเดินออกไปเพราะไม่อยากทำต่อหน้าเขาเธอก็อายเหมือนกัน รัตติกรยืนรอบุรินทร์อยู่ที่รถครู่หนึ่งก็เห็นบุรินทร์ถือกระเป๋าเดินทาง
ความคิดเห็น