คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แรกพบสบตา
อลันจ้องมองหน้างามที่ยืนสั่นอยู่ตรงหน้าและพยายามแกะมือที่เขาจับต้นแขนไว้ให้ปล่อยออก “กรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะ” จันทร์เจ้าพูดขึ้นเมื่อเริ่มเจ็บและไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาทำกริยาลุ่มล่ามกับเธอแบบนี้ “ผมจะปล่อยก็ได้ แต่คุณต้องบอกมาก่อนว่าคุณทำงานอยู่แผนกไหน” อลันเลิกคิ้วถามเพราะเห็นว่าเธอมีเข็มกลัดของบริษัทติดอยู่ที่ปกเสื้อและพนักงานในบริษัททุกคนต้องมี “ฉันอยู่แผนกบัญชี ปล่อยได้รึยัง” จันทร์เจ้าพูดไปดิ้นไปพยายามให้มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กหลุดซะที “อ่อ งั้นเดือนเดือนนี้คุณรับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวก็พอ” อลันพูดอย่างเป็นต่อ และไม่รู้เพราะอะไรที่เป็นเหตุผลให้เขาหักเงินเดือนเธอเหลือเพียงครึ่งเดียว “อะไรนะค่ะ คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะ จะให้ฉันไหว้ก็ยอม” จันทร์เจ้าได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าชาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้ดีว่าเขาเป็นใครแต่ทำไมแค่เดินชนถึงกับหักเงินเดือนเลยหรอ มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย “ไหว้เลยหรอ แต่ไม่ดีกว่า ฉันอยากให้เธอกราบฉันเดี๋ยวนี้ !” เสียงเข้มสั่งออกมาโดยไม่รู้สึกอะไร อลันยังแกล้งจันทร์เจ้าต่อไปเพราะดูหน้าสวยๆเวลาตกใจ ตื่นกลัวมันดูน่ารักน่าเอ็นดู แม้แววตาที่มองมาที่เขาจะมีแต่ความเย่อหยิ่ง ความไม่ยอมคนก็ตาม ยิ่งเธอแสดงว่าเธอต่อต้านเขาเท่าไหร่เขายิ่งอยากเอาชนะมากขึ้น “กราบเลยหรอค่ะ” จันทร์เจ้ามีสีหน้าลังเล ในชีวิตเธอไม่เคยก้มหัวให้ใครมากมายขนาดนี้ “เธอได้ยินไม่ผิดหรอก หรือเธอจะไม่กราบก็ได้นะแต่เงินเดือนเดือนนี้เธอเอาไปแค่ครึ่งเดียวก็พอ” เสียงทรงพลังและทีท่ายียวนในความรู้สึกของจันทร์เจ้ายังดำเนินต่อไป “มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลยซักนิด ฉันไม่ตั้งใจวิ่งชนคุณ แล้วฉันก็ขอโทษแล้วด้วยคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยซักนิดเดียว คุณจะมาทำกับฉันแบบนี้มันจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอ” จันทร์เจ้ายังเถียงเสียงสั่นไม่ยอมหยุด จะให้เธอกราบเขาที่หน้าบริษัทต่อหน้าคนหลายสิบคนที่เดินผ่านไปมาและเหล่าบรรดาลูกน้องของเขาอีกโขยงหนึ่ง และตอนนี้สายตาของคนที่เดินผ่านไปมาต่างมองดูการเถียงกันระหว่างพนักงานต๊อกต๋อยกับผู้บริหารบริษัท “โอเค เธอไม่กราบ งั้นก็ถือว่าเงินเดือนเดือนนี้ก็เอาไปครึ่งหนึ่ง” อลันพูดเสร็จและกำลังจะก้าวขายาวๆออกไป “ก็ได้ ฉันกราบคุณก็ได้” เสียงสั่นของจันทร์เจ้าตอบกลับมา หน้าเธอตอนนี้แดงเพราะโกรธจัดแต่เธอจะให้เขาหักเงินเดือนนี้ไม่ได้เธอต้องมีเงิน เพื่อไปรักษาน้ำผึ้งที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เธอยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อลมหายใจของอีกคนที่ต้องดำเนินต่อไป “ก็ดี” อลันพูดแล้วหันหลังกลับมาเห็นจันทร์เจ้านั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า จันทร์เจ้าก้มหน้านิ่งภายในใจแสนแค้นหนักหนา ค่อยๆพนมมือกระพุ่มไหว้ อลันมองดูนิ้วเรียวงามอย่างหลงใหล จันทร์เจ้าค่อยๆก้มลงกราบที่เท้าของอลันท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาและบางคนก็หยุดยืนดู “ฉันกราบคุณแล้ว หวังว่าคุณคงไม่ผิดคำพูด” จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ทั้งโกรธและอาย เธอกลัวเหลือเกินว่าเธอจะร้องไห้ให้เขาเห็น เธอพยายามเข้มแข็ง ไม่อยากให้เขารังแกเธอไปมากกว่านี้ “หึหึ ฉันทำตามคำพูดอยู่แล้ว” พูดเสร็จอลันก็เดินผิวปากออกไปสร้างความหมั่นไส้ให้แก่จันทร์เจ้านัก เธอค่อยๆลุกขึ้นและก้มหน้าเดินหนีจากสายตาที่จับจ้องมายังเธอที่เหมือนตัวตลก
“จันทร์เจ้า พี่ได้ยินว่าเราทะเลาะกะทายาทเจ้าของบริษัทนี้หรอ” เสียงรำไพ รุ่นพี่ที่ทำงานพูดขึ้นเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินเข้ามา “ค่ะ” จันทร์เจ้าตอบรับแล้วก็ก้มหน้าต่อไปป่านนี้ชื่อของเธอคงดังไปทั้งบริษัทและตึกนี้แล้ว “ตายๆๆ หายะนะมาเยือนเราแล้ว” รำไพยังพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นต่อไป
“เรื่องมันจบแล้วค่ะพี่ไพ จันทร์ขอโทษเค้าแล้ว” จันทร์เจ้าพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่ริมสุด สายตาทุกคู่จับจ้องบางคนก็สงสารบางคนก็หมั่นไส้ในความเย่อหยิ่งของเธอ
อลันนั่งรถมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภาพใบหน้าของพนักงานลอยอยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดเวลา ใบหน้าเรียวแบบสาวเอเชีย ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ปากบางที่เถียงเขาฉอดๆดวงตาที่บางครั้งเศร้าสร้อยแต่บางครั้งก็หยิ่งยะโส แสดงถึงการไม่ยอมคนของเธอและนั่นทำให้อลันอยากเอาชนะ และภายในห้วงคำนึงเขาคิดไว้แล้วว่าเขาหาแม่พันธุ์ที่จะมาผลิตลูกให้เขาได้แล้ว “ช่วยเอาประวัติของพนักงานที่เถียงกับฉันเมื่อกี๊ให้ด้วย ฉันต้องการด่วนที่สุด” อลันสั่งเลขาที่นั่งอยู่เบาะหน้า “ครับท่าน” เสียงเลขารับปาก อลันได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ‘เธอเสร็จฉันแน่สาวน้อย’ อลันคิดในใจแล้วค่อยๆหลับตาลง หลังจากรถจอดหน้าโรงงานอีกแห่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองของกรุงเทพ อลันตั้งใจมาตรวจงานที่นี่และบ่ายเขาค่อยกลับไปที่บริษัท อลันลงจากรถและเข้าตรวจงานที่โรงงานสักพักใหญ่ก่อนจะเดินทางกลับขณะนั่งอยู่ในรถเลขาเขาก็ยื่นเอกสารที่อลันสั่งให้หาให้ “ได้ประวัติของเธอมาแล้วครับ” อลันรับซองสีน้ำตาลมาเปิดดู “ชื่อศศิธร ชื่อเล่นจันทร์เจ้า ทำงานแผนกบัญชี พึ่งเรียนจบหรือนี่ เป็นเด็กกำพร้าซะด้วย สู้ชีวิตน่าดูนะเธอเนี่ยย” อลันเปิดดูข้อมูลคร่าวๆที่ได้มา ภายในใจก็หมายมั่นว่าไม่ยากเลยซักนิดที่จะทำให้เธอมีลูกให้เขา “ช่วยเช็คประวัติละเอียดของเธอให้ฉันด้วย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ นายรู้นะว่าฉันหมายถึงอะไร” อลันสั่งแล้วยื่นซองเอกสารคืนให้ “ครับท่าน” เลขารับคำคิดในใจว่านายเจอแม่ของลูกแล้วแน่ๆ
จันทร์เจ้าเดินทางไปเยี่ยมน้ำผึ้งหลังเลิกงานแล้ว เห็นน้ำผึ้งนอนคุยกะคนไข้เตียงข้างๆอยู่สีหน้าดูสดใสขึ้นกว่าเดิม “อ้าวจันทร์มาแล้วหรอ” น้ำผึ้งเอ่ยทักเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินเข้ามา “อื้ม ผึ้งเป็นไงบ้าง ทำไมป่วยหนักขนาดนี้ไม่บอกจันทร์บ้าง” จันทร์เจ้าพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ “จันทร์รู้แล้วหรอ ผึ้งไม่อยากให้จันทร์เป็นห่วง ผึ้งไม่อยากเป็นภาระของจันทร์” “ผึ้งพูดแบบนั้นได้ยังไงเรามีกันอยู่สองคนนะผึ้งถ้าผึ้งเป็นอะไรไปจันทร์จะอยู่ยังไง จันทร์จะหาเงินมารักษาผึ้งให้หาย” “เงินตั้งมากมายจันทร์จะเอามาจากไหน เราไม่มีปัญญาไปกู้เขาหรอกนะ” น้ำผึ้งพูดอย่างหมดปัญญา “ไม่กู้หรอกจ้า เราก็ทำงานไง ผึ้งจำรุ่นพี่ที่มหาลัยที่ชวนเราไปเป็นพริตตี้ได้มั๊ยจ๊ะ จันทร์จะลองไปทำงานนี้ดู ครั้งนึงได้เงินตั้งเยอะแน่ะ” “ไม่เอานะจันทร์ผึ้งไม่ให้จันทร์ไปทำงานแบบนั้นหรอก” น้ำผึ้งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมากที่เพื่อนจะต้องไปโชว์เนื้อโชว์หนังแบบนั้น เธอรู้ดีว่าจันทร์เจ้าไม่ชอบงานนี้เลยซักนิดแต่ที่ทำก็เพราะเธอ “ถ้าจันทร์ไม่ทำแล้วเราจะเอาเงินมาจากไหนล่ะผึ้ง จันทร์รู้ว่าผึ้งเป็นห่วง แต่จันทร์ไม่มีทางเลือก” จันทร์เจ้าพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน น้ำผึ้งหลับตาลงเป็นเพราะเธอคนเดียวจันทร์เจ้าถึงต้องลำบาก เธอรู้สึกเกลียดตัวเองจังเลย
“ขอบคุณมากค่ะพี่เกื้อ ค่ะๆๆ อาทิตย์หน้าจันทร์ไปได้ค่ะ ค่ะๆ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ” จันทร์เจ้าพูดโทรศัพท์รุ่นพี่ที่เรียนด้วยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว น้ำผึ้งออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านตามปกติ แต่ต้องกินยาและฉีดยาทุกสามเดือน และค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่รักษาก็ไม่น้อยเลย ทำให้จันทร์เจ้าเร่งหางานทำตัวเป็นเกลียว และวันนี้เธอก็ได้งานเป็นพริตตี้ที่งานเปิดตัวรถยนต์ยุโรปที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า ค่าตอบแทนที่ได้ทำให้จันทร์เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้เลย
ความคิดเห็น