ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อุ้มบุญ

    ลำดับตอนที่ #2 : แรกพบสบตา

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 54


                    วันนี้จันทร์เจ้าตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปเยี่ยมอาการของน้ำผึ้ง และจะเลยไปทำงานเลย พอเดินมาที่เตียงก็เห็นน้ำผึ้งยังหลับอยู่คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่หมอให้จึงหลับลึกขนาดนี้ หายไวไวนะน้ำผึ้งจันทร์เจ้ากระซิบที่ข้างหูของเพื่อนรักและก็เขียนโน๊ตติดไว้ที่แก้วน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไป เย็นนี้จะมาเยี่ยมใหม่นะเพื่อนสาวจันทร์เจ้าจันทร์เจ้านั่งรถเมล์มาถึงหน้าบริษัทก็สายแล้ว จันทร์เจ้ารีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้าบริษัทโดยไม่ทันดูร่างของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงประตู อุ๊ยย ขอโทษค่ะ เจ็บรึเปล่าค่ะ ฉันไม่ตั้งใจ จันทร์เจ้ารีบกล่าวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่เมื่อรู้ว่าตัวเองวิ่งชนคนให้แล้ว นี่เธอเดินยังไงของเธอ ไม่ดูตาม้าตาเรือเสียงของหนุ่มฝรั่งหน้าหล่อกล่าวขึ้นอย่างโมโห ขอโทษค่ะจันทร์รีบ คุณไม่เจ็บจันทร์ขอตัวก่อนนะค่ะจันทร์เจ้ามองดูชายหนุ่มตรงหน้าว่าไม่เป็นอะไรมากก็รีบขอตัวทันทีเพราะมองเห็นรังสีแห่งความโกรธบนหน้าเขาแล้วทำให้เธอรู้สึกประหม่ากลัวอย่างมาก นี่จะไปไหน วิ่งชนฉันแล้วจะหนีง่ายๆแบบนี้มันจะไม่ง่ายไปหน่อยหรออลัน มาโทนี ชายหนุ่มหน้าหล่อ เจ้าของบริษัทแห่งนี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำเพราะแม่เลี้ยงที่เลี้ยงอลันมาแต่เล็กเป็นชาวไทยแท้ เดิมครอบครัว มาโทนี อยู่ที่อังกฤษ แต่เพราะคุณพ่อแต่งงานใหม่กับสาวชาวไทยที่ร่วมทำธุรกิจด้วยกันตั้งแต่อลันยังเด็กจึงมีบริษัทนำเข้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์จากต่างประเทศอยู่ที่เมืองไทยอีกหนึ่งแห่ง มาคราวนี้อลันตั้งใจว่าจะมาดูแลบริษัทและตั้งใจว่าจะหาแม่ของลูกที่เป็นสาวไทยดังที่คุณปู่ต้องการ แต่เขายืนกรานว่าจะไม่ขอแต่งงานกับใครเด็ดขาด แต่จะขอมีหลานให้ แต่ตั้งแต่มาถึงเขายังไม่เจอใครที่สามารถเป็นแม่พันธุ์ที่ดีให้แก่ลูกเขาได้เลย 

                      อลันจ้องมองหน้างามที่ยืนสั่นอยู่ตรงหน้าและพยายามแกะมือที่เขาจับต้นแขนไว้ให้ปล่อยออก กรุณาปล่อยฉันด้วยค่ะจันทร์เจ้าพูดขึ้นเมื่อเริ่มเจ็บและไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาทำกริยาลุ่มล่ามกับเธอแบบนี้ ผมจะปล่อยก็ได้ แต่คุณต้องบอกมาก่อนว่าคุณทำงานอยู่แผนกไหนอลันเลิกคิ้วถามเพราะเห็นว่าเธอมีเข็มกลัดของบริษัทติดอยู่ที่ปกเสื้อและพนักงานในบริษัททุกคนต้องมี ฉันอยู่แผนกบัญชี ปล่อยได้รึยังจันทร์เจ้าพูดไปดิ้นไปพยายามให้มือที่แข็งราวกับคีมเหล็กหลุดซะที อ่อ งั้นเดือนเดือนนี้คุณรับเงินเดือนแค่ครึ่งเดียวก็พออลันพูดอย่างเป็นต่อ และไม่รู้เพราะอะไรที่เป็นเหตุผลให้เขาหักเงินเดือนเธอเหลือเพียงครึ่งเดียว อะไรนะค่ะ คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะ จะให้ฉันไหว้ก็ยอมจันทร์เจ้าได้ยินดังนั้นถึงกับหน้าชาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้ดีว่าเขาเป็นใครแต่ทำไมแค่เดินชนถึงกับหักเงินเดือนเลยหรอ มันไม่ยุติธรรมกับเธอเลย ไหว้เลยหรอ แต่ไม่ดีกว่า ฉันอยากให้เธอกราบฉันเดี๋ยวนี้ !” เสียงเข้มสั่งออกมาโดยไม่รู้สึกอะไร อลันยังแกล้งจันทร์เจ้าต่อไปเพราะดูหน้าสวยๆเวลาตกใจ ตื่นกลัวมันดูน่ารักน่าเอ็นดู แม้แววตาที่มองมาที่เขาจะมีแต่ความเย่อหยิ่ง ความไม่ยอมคนก็ตาม ยิ่งเธอแสดงว่าเธอต่อต้านเขาเท่าไหร่เขายิ่งอยากเอาชนะมากขึ้น กราบเลยหรอค่ะจันทร์เจ้ามีสีหน้าลังเล ในชีวิตเธอไม่เคยก้มหัวให้ใครมากมายขนาดนี้ เธอได้ยินไม่ผิดหรอก หรือเธอจะไม่กราบก็ได้นะแต่เงินเดือนเดือนนี้เธอเอาไปแค่ครึ่งเดียวก็พอเสียงทรงพลังและทีท่ายียวนในความรู้สึกของจันทร์เจ้ายังดำเนินต่อไป มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลยซักนิด ฉันไม่ตั้งใจวิ่งชนคุณ แล้วฉันก็ขอโทษแล้วด้วยคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยซักนิดเดียว คุณจะมาทำกับฉันแบบนี้มันจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรอจันทร์เจ้ายังเถียงเสียงสั่นไม่ยอมหยุด จะให้เธอกราบเขาที่หน้าบริษัทต่อหน้าคนหลายสิบคนที่เดินผ่านไปมาและเหล่าบรรดาลูกน้องของเขาอีกโขยงหนึ่ง และตอนนี้สายตาของคนที่เดินผ่านไปมาต่างมองดูการเถียงกันระหว่างพนักงานต๊อกต๋อยกับผู้บริหารบริษัท โอเค เธอไม่กราบ งั้นก็ถือว่าเงินเดือนเดือนนี้ก็เอาไปครึ่งหนึ่งอลันพูดเสร็จและกำลังจะก้าวขายาวๆออกไป ก็ได้ ฉันกราบคุณก็ได้เสียงสั่นของจันทร์เจ้าตอบกลับมา หน้าเธอตอนนี้แดงเพราะโกรธจัดแต่เธอจะให้เขาหักเงินเดือนนี้ไม่ได้เธอต้องมีเงิน เพื่อไปรักษาน้ำผึ้งที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล เธอยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อลมหายใจของอีกคนที่ต้องดำเนินต่อไป ก็ดีอลันพูดแล้วหันหลังกลับมาเห็นจันทร์เจ้านั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า จันทร์เจ้าก้มหน้านิ่งภายในใจแสนแค้นหนักหนา ค่อยๆพนมมือกระพุ่มไหว้ อลันมองดูนิ้วเรียวงามอย่างหลงใหล จันทร์เจ้าค่อยๆก้มลงกราบที่เท้าของอลันท่ามกลางสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาและบางคนก็หยุดยืนดู ฉันกราบคุณแล้ว หวังว่าคุณคงไม่ผิดคำพูดจันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ ทั้งโกรธและอาย เธอกลัวเหลือเกินว่าเธอจะร้องไห้ให้เขาเห็น เธอพยายามเข้มแข็ง ไม่อยากให้เขารังแกเธอไปมากกว่านี้ หึหึ ฉันทำตามคำพูดอยู่แล้วพูดเสร็จอลันก็เดินผิวปากออกไปสร้างความหมั่นไส้ให้แก่จันทร์เจ้านัก เธอค่อยๆลุกขึ้นและก้มหน้าเดินหนีจากสายตาที่จับจ้องมายังเธอที่เหมือนตัวตลก

                     จันทร์เจ้า พี่ได้ยินว่าเราทะเลาะกะทายาทเจ้าของบริษัทนี้หรอเสียงรำไพ รุ่นพี่ที่ทำงานพูดขึ้นเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินเข้ามา ค่ะจันทร์เจ้าตอบรับแล้วก็ก้มหน้าต่อไปป่านนี้ชื่อของเธอคงดังไปทั้งบริษัทและตึกนี้แล้ว ตายๆๆ หายะนะมาเยือนเราแล้วรำไพยังพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นต่อไป

    เรื่องมันจบแล้วค่ะพี่ไพ จันทร์ขอโทษเค้าแล้วจันทร์เจ้าพูดแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งอยู่ริมสุด สายตาทุกคู่จับจ้องบางคนก็สงสารบางคนก็หมั่นไส้ในความเย่อหยิ่งของเธอ

                         อลันนั่งรถมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ภาพใบหน้าของพนักงานลอยอยู่ในห้วงความคิดของเขาตลอดเวลา ใบหน้าเรียวแบบสาวเอเชีย ผิวขาวเนียนน่าสัมผัส ปากบางที่เถียงเขาฉอดๆดวงตาที่บางครั้งเศร้าสร้อยแต่บางครั้งก็หยิ่งยะโส แสดงถึงการไม่ยอมคนของเธอและนั่นทำให้อลันอยากเอาชนะ และภายในห้วงคำนึงเขาคิดไว้แล้วว่าเขาหาแม่พันธุ์ที่จะมาผลิตลูกให้เขาได้แล้ว ช่วยเอาประวัติของพนักงานที่เถียงกับฉันเมื่อกี๊ให้ด้วย ฉันต้องการด่วนที่สุดอลันสั่งเลขาที่นั่งอยู่เบาะหน้า ครับท่านเสียงเลขารับปาก อลันได้ยินแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เธอเสร็จฉันแน่สาวน้อยอลันคิดในใจแล้วค่อยๆหลับตาลง หลังจากรถจอดหน้าโรงงานอีกแห่งที่ตั้งอยู่ชานเมืองของกรุงเทพ อลันตั้งใจมาตรวจงานที่นี่และบ่ายเขาค่อยกลับไปที่บริษัท อลันลงจากรถและเข้าตรวจงานที่โรงงานสักพักใหญ่ก่อนจะเดินทางกลับขณะนั่งอยู่ในรถเลขาเขาก็ยื่นเอกสารที่อลันสั่งให้หาให้ ได้ประวัติของเธอมาแล้วครับอลันรับซองสีน้ำตาลมาเปิดดู ชื่อศศิธร ชื่อเล่นจันทร์เจ้า ทำงานแผนกบัญชี พึ่งเรียนจบหรือนี่ เป็นเด็กกำพร้าซะด้วย สู้ชีวิตน่าดูนะเธอเนี่ยยอลันเปิดดูข้อมูลคร่าวๆที่ได้มา ภายในใจก็หมายมั่นว่าไม่ยากเลยซักนิดที่จะทำให้เธอมีลูกให้เขา ช่วยเช็คประวัติละเอียดของเธอให้ฉันด้วย รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ นายรู้นะว่าฉันหมายถึงอะไรอลันสั่งแล้วยื่นซองเอกสารคืนให้ ครับท่านเลขารับคำคิดในใจว่านายเจอแม่ของลูกแล้วแน่ๆ

                          จันทร์เจ้าเดินทางไปเยี่ยมน้ำผึ้งหลังเลิกงานแล้ว เห็นน้ำผึ้งนอนคุยกะคนไข้เตียงข้างๆอยู่สีหน้าดูสดใสขึ้นกว่าเดิม อ้าวจันทร์มาแล้วหรอน้ำผึ้งเอ่ยทักเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเดินเข้ามา อื้ม ผึ้งเป็นไงบ้าง ทำไมป่วยหนักขนาดนี้ไม่บอกจันทร์บ้างจันทร์เจ้าพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ จันทร์รู้แล้วหรอ ผึ้งไม่อยากให้จันทร์เป็นห่วง ผึ้งไม่อยากเป็นภาระของจันทร์” “ผึ้งพูดแบบนั้นได้ยังไงเรามีกันอยู่สองคนนะผึ้งถ้าผึ้งเป็นอะไรไปจันทร์จะอยู่ยังไง จันทร์จะหาเงินมารักษาผึ้งให้หาย” “เงินตั้งมากมายจันทร์จะเอามาจากไหน เราไม่มีปัญญาไปกู้เขาหรอกนะน้ำผึ้งพูดอย่างหมดปัญญา ไม่กู้หรอกจ้า เราก็ทำงานไง ผึ้งจำรุ่นพี่ที่มหาลัยที่ชวนเราไปเป็นพริตตี้ได้มั๊ยจ๊ะ จันทร์จะลองไปทำงานนี้ดู ครั้งนึงได้เงินตั้งเยอะแน่ะ” “ไม่เอานะจันทร์ผึ้งไม่ให้จันทร์ไปทำงานแบบนั้นหรอกน้ำผึ้งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมากที่เพื่อนจะต้องไปโชว์เนื้อโชว์หนังแบบนั้น เธอรู้ดีว่าจันทร์เจ้าไม่ชอบงานนี้เลยซักนิดแต่ที่ทำก็เพราะเธอ ถ้าจันทร์ไม่ทำแล้วเราจะเอาเงินมาจากไหนล่ะผึ้ง จันทร์รู้ว่าผึ้งเป็นห่วง แต่จันทร์ไม่มีทางเลือกจันทร์เจ้าพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน น้ำผึ้งหลับตาลงเป็นเพราะเธอคนเดียวจันทร์เจ้าถึงต้องลำบาก เธอรู้สึกเกลียดตัวเองจังเลย

    ขอบคุณมากค่ะพี่เกื้อ ค่ะๆๆ อาทิตย์หน้าจันทร์ไปได้ค่ะ ค่ะๆ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะจันทร์เจ้าพูดโทรศัพท์รุ่นพี่ที่เรียนด้วยกันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้ว น้ำผึ้งออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านตามปกติ แต่ต้องกินยาและฉีดยาทุกสามเดือน และค่าใช้จ่ายต่อครั้งที่รักษาก็ไม่น้อยเลย ทำให้จันทร์เจ้าเร่งหางานทำตัวเป็นเกลียว และวันนี้เธอก็ได้งานเป็นพริตตี้ที่งานเปิดตัวรถยนต์ยุโรปที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้า ค่าตอบแทนที่ได้ทำให้จันทร์เจ้าไม่อาจปฏิเสธได้เลย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×