ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : ทารกน้อยเริ่มเติบใหญ่
บทที่ 3 : ทารกน้อยเริ่มเติบใหญ่
วันเวลาผ่านพ้นไปได้ถึง 4 ปีแล้ว นับจากที่สองปู่หลานได้อาศัยอยู่ภายในถ้ำหินอ่อน ทุกๆวันกิจวัตรประจำวันของท่านผู้เฒ่าคือ การนำเห็ดศิลามาป้อนให้ทารกน้อยได้ดื่มกินเป็นอาหาร พอตกกลางคืนก็จะอุ้มทารกน้อยมานอนที่เตียงหยกหิมะหมื่นปี เพื่อทำการชักนำฤทธิ์ยาของเห็ดศิลาให้สำแดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างถึงที่สุด ทำแบบนี้เป็นประจำทุกค่ำเช้า เป็นเวลากว่า 4ปีแล้ว
ส่วนพยัคฆ์ขาวและวานรเผือก ท่านผู้เฒ่าได้บอกกล่าวกับพวกมันว่า ให้ไปใช้ชีวิตตามปกติของพวกมันเถิด ถ้ามีอะไรจะเป็นฝ่ายเรียกหาพวกมันเอง หลังจากนั้นทั้งพยัคฆ์ขาวและวานรเผือกก็กลับไปสู่ชีวิตตามปกติของพวกมัน แต่ก็ยังแวะเวียนมาหาตัวผู้เฒ่าหยางและทารกน้อยอยู่บ้าง ทั้งแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนหรือแม้กระทั่งนำผลไม้มาให้ท่านผู้เฒ่าและทารกน้อยได้กินกัน
หลังจากที่ผู้เฒ่าหยางและหลงเอ๋อได้มาอาศัยอยู่ในถ้ำใต้หุบเหวลึกแห่งนี้ เป็นเวลากว่า4ปีแล้ว วันเวลาที่ผ่านมา ท่านผู้เฒ่าลำบากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่แห่งนี้ไม่ได้มีอะไรเลย ตอนลงมาก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วย การที่ตนคิดจะสั่งสอนความรู้ในด้านต่างๆให้หลงเอ๋อได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีตำราต่างๆ พร้อมประกอบการอธิบายของตน จึงจะครบถ้วนสมบูรณ์ความ เวลานี้ทารกน้อยก็ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว พูดคุยกันรู้เรื่องแล้วเนื่องจากความเป็นอัจฉริยะจึงเรียนรู้ที่จะพูดคุยสนทนาได้อย่างรวดเร็ว ท่านผู้เฒ่าจึงตัดสินใจที่จะขึ้นจากหุบเหวที่ลึกสุดหยั่งนี้เพื่อไปดำเนินการซื้อขายสิ่งที่จำเป็น โดยมิต้องสงสัยเลยว่าผู้เฒ่าหยางขึ้นมาจากหุบเหวที่ลึกขนานนั้นได้อย่างไร เพราะวิชาตัวเบาที่เป็นเอกในยุทธภพนั้นเอง
แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ท่านผู้เฒ่าถึงกับต้องเป็นกังวลเป็นอย่างหนัก คือเรื่องของวันเกิดของหลงเอ๋อ เพราะตนไม่รู้วันเวลาที่ทารกน้อยถือกำเนิดมา แต่จากที่ดูแล้วเนื่องจากตัวทารกน้อยเองก็ดูเหมือนกับว่าจะเพิ่งเกิดได้ไม่นานเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากการกำหนดวันเกิดของตน คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงที่ทารกน้อยถือกำเนิด ท่านผู้เฒ่าจึงตัดสินใจกำหนดให้วันที่ตนเองนั้นได้พบเจอกับทารกน้อยเป็นวันเกิด ส่วนที่กำหนดวันเกิดให้หลงเอ๋อนั้น ก็เพื่อที่จะได้นับอายุของทารกน้อยได้ จะได้ไม่เป็นปัญหาในภายภาคหน้า
ส่วนที่ตัดสินใจกำหนดให้วันที่ตนเองพบเจอกับหลงเอ๋อเป็นวันเกิดนั้น เนื่องจาก วันนั้นก็ถือเป็นการถือกำเนิดใหม่ของทารกน้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรอดชีวิตจากเปลวเพลิง หรือการได้ชื่อแซ่ใหม่ และที่สำคัญคือการที่ได้ร่างกายและสมองที่เป็นอัจฉริยะ เหมาะแก่การร่ำเรียนศาสตร์ทุกแขวงวิชา ทั้งบุ๋น บู๊
การที่ผู้เฒ่าหยางได้ตัดสินใจขึ้นมานั้น ก็เพราะตนจะได้นำข้าวของมีค่าที่อยู่ภายในถ้ำหินอ่อนออกมาขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินในตัวเมือง เพื่อจะได้นำเงินที่ได้มาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ให้แก่ตัวมันเองและหลงเอ๋อ พอถึงตัวเมืองผู้เฒ่าหยางก็ได้นำอัญมณี ไข่มุก รวมถึงทองคำแท่งไปขาย ส่วนหนึ่งนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าหรือจำพวกร้านขายอัญมณีเครื่องประดับ อีกส่วนหนึ่งนำไปแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินโดยตรงเลย เมื่อเสร็จสิ้น ผู้เฒ่าหยางก็กลายเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งไปเลยทีเดียว หลังจากนั้นมหกรรมในการซื้อของ ของผู้เฒ่าหยางก็เกิดขึ้น
ส่วนข้าวของที่ตนซื้อนั้น มีทั้งสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ ข้าวสารอาหารแห้ง และรวมไปถึงเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยน จนตอนนี้สิ่งของที่ตนได้ซื้อนั้นมีเป็นคันรถแล้ว จึงต้องจ้างวานให้สำนักคุ้มกันภัยมาช่วยขนของไปส่ง ที่ตัวมันเองซื้อของเพลินจนถึงขนาดที่ว่า กว่าจะรู้ตัวก็มีข้าวของเต็มเป็นคันรถแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนตัวท่านผู้เฒ่าเองนั้นก็ใช้จ่ายเงินทองเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว บวกกับตัวมันไม่ได้เดินซื้อของอย่างนี้มาเนินนานมากแล้ว จนเกิดความเพลิดเพลินในการใช้จ่าย โดยที่ตัวมันเองได้บอกกับคนของสำนักคุ้มกันภัยไปว่าบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของตนได้ตกลงไปตายในหุบเหวแห่งนี้ จึงคิดที่จะนำสิ่งของรวมถึงข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้ไปเซ่นไหว้ให้แก่บุคคลอันเป็นที่รักของตน
เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่ความสงสัยว่า เหตุใดจึงต้องนำข้าวของมาส่งที่หน้าหุบเหวแห่งนี้เพราะไม่น่าจะมีผู้ใดอาศัยอยู่ เนื่องจากบ้านเรือนสักหลังก็ไม่มี ผู้เฒ่าหยางจึงได้แต่งเรื่องบอกกล่าวเช่นนั้นไป แต่ก่อนที่จะได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปหุบเหวนั้น ท่านผู้เฒ่าก็ไม่ลืมแวะไปที่ร้านขายตำรา เพื่อจัดซื้อตำราไปสอนแก่หลงเอ๋อน้อยของเรา
เมื่อไปถึงท่านผู้เฒ่าได้กล่าวถามกับเถ้าแก่ร้านค้าตำราว่า
" นี้เถ้าแก่ ร้านท่านมีตำราเกี่ยวกับด้านไหนบ้างหรือ " เมื่อกล่าวจบก็มองไปทางเถ้าแก่ซึ่งเป็นชายชราเช่นเดียวกับตน แต่แลดูแก่กว่าตนเองมาก เมื่อได้เห็นดังนั้น ผู้เฒ่าหยางจึงคิดในใจ ดูแก่กว่าข้าอีกนะเนี่ยเถ้าแก่ผู้นี้ แต่ดูถ้าแล้วจะอายุน้อยกว่าข้า แต่กับดูแก่ชราราวกับอายุเป็นร้อยปีซะอย่างนั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
" ตำราในร้านของเรานั้นมีทุกอย่างนั้นแหละ นายท่านต้องการแบบไหนหละ " เมื่อได้ยินลูกค้าถาม เถ้าแก่ร้านขายตำราก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
" อืมมมมม ถ้างั้นข้าขอเหมาหมดทั้งร้านของท่านเลยก็แล้วกันนะ ว่ามาเลยราคาเท่าไหร่ "
ท่านผู้เฒ่าผู้มากด้วยทรัพย์ในขนาดนี้ได้กล่าวออกไป ราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
... . .. . !! !
เถ้าแก่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง นิ่งค้างไปเลยทีเดียว แต่ชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แล้วกล่าวถามออกมาด้วยเสียงที่เจือปนอาการตกตะลึงอยู่ไม่น้อยว่า
" ท่ า า ท่านแน่ใจนะว่า จ ะ จะ จะซื้อทั้งร้าน ?? "
" ก็แน่ใจหนะสิ ถึงได้บอก ทำไมหรือ หรือว่าท่านจะไม่ขาย ?? " ท่านผู้เฒ่าตอบกลับ
" เอ่อ อ อ ก็เปล่า ข้าแค่ตกใจมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ต้องขออภัยท่านด้วย นายท่าน " เถ้าแก่รีบตอบกลับ เพราะกลัวว่าจะเสียลูกค้ารายใหญ่ไป
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี ว่ามาเลย ว่าตำราทั้งหมดในร้านของท่านมันเท่าไหร่กัน ข้าเองก็ยิ่งรีบๆอยู่ " ผู้เฒ่าหยางเร่งเถ้าแก่ร้านขายตำรา
" ได้ได้ได้ ข้าจะรีบจัดให้เดี๋ยวนี้ . . ... . .. . ทั้งหมด 150 ตำลึงทอง ขอรับนายท่าน"
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เฒ่าหยางก็นำตั๋วเงินที่ได้ไปแลกมา ยื่นให้กับเถ้าแก่ไปทั้งสิ้น 175 ตำลึงทอง " เอา !! นี้ รับไป " เถ้าแก่ร้านขายตำรา รับมาก็ตรวจนับดู
" เอ๊ะ !! นะ นะนี นี้มันเกินมาตั้ง 25 ตำลึงนะ นายท่าน " เถ้าแก่พูดอย่างตกใจ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เกินหรอก อีก 25 ตำลึงนั้น ข้าให้เป็นค่าขนส่งหนะ ข้าจะให้เถ้าแก่ นำไปส่งให้ข้าที่หน้าหุบเหวลึก ท่านคงรู้จักนะ " ท่านผู้เฒ่ากล่าว
" ข้ารู้จัก หุบเหวที่อยู่ทางด้านใต้ของหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปใช่มั้ยหละ ?? " เถ้าแก่ร้านตอบกลับ พร้อมถามให้แน่ใจ
" ใช่แล้วหละ ที่นั้นแหละ แต่ว่าขอให้เถ้าแก่ส่งไปตอนกลางคืนนะ คืนนี้ยามสามแล้วกัน ข้าจะไปรออยู่ที่นั้น แล้วก็ไม่ต้องถามเหตุผลนะ แล้วอีกอย่างตอนไปส่งก็อย่าให้ใครเห็นละ ข้าไม่อยากมีปัญหา "
" อ้อ อีกอย่าง ถ้าท่านบิดพลิ้วไม่ยอมไปส่งของตามที่ตกลงกันไว้ และมีผู้อื่นล่วงรู้ว่าเถ้าแก่ขนของไปที่ไหน ท่านจะเป็นเหมือนสิ่งนี้ !! จำไว้หละเถ้าแก่ หือ หือ หือ " ผู้เฒ่าหยางกล่าวกำชับพร้อมกับซัดฝ่ามือไปยังกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ กระถางต้นไม้รวมถึงดินที่อยู่ในกระถาง ถึงกับแตกละเอียดเป็นผุยผงบอก โดยไม่มีเสียงดังซักกระพี้เดียว
เมื่อเถ้าแก่เห็นดังนั้นก็ถึงกับเหงื่อตก พร้อมกับรีบกล่าวตอบรับอย่างสุภาพทันที ด้วยความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เพราะตนก็อายุยังไม่มากเท่าไร เพียงแค่ 55 ปีเท่านั้นเอง ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย จึงไม่อยากตายจากไปก่อนเวลาอันควร (เนื่องจากยังไม่มีภรรยา)
" ได้ขอรับ ได้ขอรับ ข้าจะทำให้เรียบร้อยเป็นอย่างดี จะไม่มีผู้ใดรับรู้เด็ดขาด "
" ดี งั้นที่เหลือข้าก็ฝากไว้ด้วยแล้วกัน ส่วนถ้ามีหนังสืออะไรใหม่ๆหรือที่น่าสนใจ ก็ฝากท่านเก็บไว้ด้วยแล้วกันนะ หวังว่าเราคงจะได้ซื้อขายกันไปอีกนาน " เมื่อผู้เฒ่าหยางกล่าวจบก็เดินออกไปจากร้านทันที แต่ที่ยังได้ยินเสียงของเถ้าแก่ที่กล่าวลากับตนเองอยู่ดี
" ขอรับ ข้าก็หวังเช่นนั้นขอรับ ขอบพระคุณมากขอรับนายท่าน " หลังกล่าวจบ เถ้าแก่ก็ถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงทันที เห้อออออออออ เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนของเถ้าแก่ดังออกมา
วันเวลาผ่านพ้นไปได้ถึง 4 ปีแล้ว นับจากที่สองปู่หลานได้อาศัยอยู่ภายในถ้ำหินอ่อน ทุกๆวันกิจวัตรประจำวันของท่านผู้เฒ่าคือ การนำเห็ดศิลามาป้อนให้ทารกน้อยได้ดื่มกินเป็นอาหาร พอตกกลางคืนก็จะอุ้มทารกน้อยมานอนที่เตียงหยกหิมะหมื่นปี เพื่อทำการชักนำฤทธิ์ยาของเห็ดศิลาให้สำแดงประสิทธิภาพออกมาได้อย่างถึงที่สุด ทำแบบนี้เป็นประจำทุกค่ำเช้า เป็นเวลากว่า 4ปีแล้ว
ส่วนพยัคฆ์ขาวและวานรเผือก ท่านผู้เฒ่าได้บอกกล่าวกับพวกมันว่า ให้ไปใช้ชีวิตตามปกติของพวกมันเถิด ถ้ามีอะไรจะเป็นฝ่ายเรียกหาพวกมันเอง หลังจากนั้นทั้งพยัคฆ์ขาวและวานรเผือกก็กลับไปสู่ชีวิตตามปกติของพวกมัน แต่ก็ยังแวะเวียนมาหาตัวผู้เฒ่าหยางและทารกน้อยอยู่บ้าง ทั้งแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนหรือแม้กระทั่งนำผลไม้มาให้ท่านผู้เฒ่าและทารกน้อยได้กินกัน
หลังจากที่ผู้เฒ่าหยางและหลงเอ๋อได้มาอาศัยอยู่ในถ้ำใต้หุบเหวลึกแห่งนี้ เป็นเวลากว่า4ปีแล้ว วันเวลาที่ผ่านมา ท่านผู้เฒ่าลำบากเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากที่แห่งนี้ไม่ได้มีอะไรเลย ตอนลงมาก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาด้วย การที่ตนคิดจะสั่งสอนความรู้ในด้านต่างๆให้หลงเอ๋อได้นั้น จำเป็นที่จะต้องมีตำราต่างๆ พร้อมประกอบการอธิบายของตน จึงจะครบถ้วนสมบูรณ์ความ เวลานี้ทารกน้อยก็ได้เติบโตขึ้นมาแล้ว พูดคุยกันรู้เรื่องแล้วเนื่องจากความเป็นอัจฉริยะจึงเรียนรู้ที่จะพูดคุยสนทนาได้อย่างรวดเร็ว ท่านผู้เฒ่าจึงตัดสินใจที่จะขึ้นจากหุบเหวที่ลึกสุดหยั่งนี้เพื่อไปดำเนินการซื้อขายสิ่งที่จำเป็น โดยมิต้องสงสัยเลยว่าผู้เฒ่าหยางขึ้นมาจากหุบเหวที่ลึกขนานนั้นได้อย่างไร เพราะวิชาตัวเบาที่เป็นเอกในยุทธภพนั้นเอง
แต่ก่อนหน้านั้น ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ท่านผู้เฒ่าถึงกับต้องเป็นกังวลเป็นอย่างหนัก คือเรื่องของวันเกิดของหลงเอ๋อ เพราะตนไม่รู้วันเวลาที่ทารกน้อยถือกำเนิดมา แต่จากที่ดูแล้วเนื่องจากตัวทารกน้อยเองก็ดูเหมือนกับว่าจะเพิ่งเกิดได้ไม่นานเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากการกำหนดวันเกิดของตน คลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงที่ทารกน้อยถือกำเนิด ท่านผู้เฒ่าจึงตัดสินใจกำหนดให้วันที่ตนเองนั้นได้พบเจอกับทารกน้อยเป็นวันเกิด ส่วนที่กำหนดวันเกิดให้หลงเอ๋อนั้น ก็เพื่อที่จะได้นับอายุของทารกน้อยได้ จะได้ไม่เป็นปัญหาในภายภาคหน้า
ส่วนที่ตัดสินใจกำหนดให้วันที่ตนเองพบเจอกับหลงเอ๋อเป็นวันเกิดนั้น เนื่องจาก วันนั้นก็ถือเป็นการถือกำเนิดใหม่ของทารกน้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการรอดชีวิตจากเปลวเพลิง หรือการได้ชื่อแซ่ใหม่ และที่สำคัญคือการที่ได้ร่างกายและสมองที่เป็นอัจฉริยะ เหมาะแก่การร่ำเรียนศาสตร์ทุกแขวงวิชา ทั้งบุ๋น บู๊
การที่ผู้เฒ่าหยางได้ตัดสินใจขึ้นมานั้น ก็เพราะตนจะได้นำข้าวของมีค่าที่อยู่ภายในถ้ำหินอ่อนออกมาขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินในตัวเมือง เพื่อจะได้นำเงินที่ได้มาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ให้แก่ตัวมันเองและหลงเอ๋อ พอถึงตัวเมืองผู้เฒ่าหยางก็ได้นำอัญมณี ไข่มุก รวมถึงทองคำแท่งไปขาย ส่วนหนึ่งนำไปขายให้กับร้านรับซื้อของเก่าหรือจำพวกร้านขายอัญมณีเครื่องประดับ อีกส่วนหนึ่งนำไปแลกเปลี่ยนเป็นตั๋วแลกเงินโดยตรงเลย เมื่อเสร็จสิ้น ผู้เฒ่าหยางก็กลายเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งไปเลยทีเดียว หลังจากนั้นมหกรรมในการซื้อของ ของผู้เฒ่าหยางก็เกิดขึ้น
ส่วนข้าวของที่ตนซื้อนั้น มีทั้งสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ ข้าวสารอาหารแห้ง และรวมไปถึงเสื้อผ้าไว้ผลัดเปลี่ยน จนตอนนี้สิ่งของที่ตนได้ซื้อนั้นมีเป็นคันรถแล้ว จึงต้องจ้างวานให้สำนักคุ้มกันภัยมาช่วยขนของไปส่ง ที่ตัวมันเองซื้อของเพลินจนถึงขนาดที่ว่า กว่าจะรู้ตัวก็มีข้าวของเต็มเป็นคันรถแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนตัวท่านผู้เฒ่าเองนั้นก็ใช้จ่ายเงินทองเป็นว่าเล่นอยู่แล้ว บวกกับตัวมันไม่ได้เดินซื้อของอย่างนี้มาเนินนานมากแล้ว จนเกิดความเพลิดเพลินในการใช้จ่าย โดยที่ตัวมันเองได้บอกกับคนของสำนักคุ้มกันภัยไปว่าบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของตนได้ตกลงไปตายในหุบเหวแห่งนี้ จึงคิดที่จะนำสิ่งของรวมถึงข้าวสารอาหารแห้งเหล่านี้ไปเซ่นไหว้ให้แก่บุคคลอันเป็นที่รักของตน
เพื่อที่จะได้ไม่เป็นที่ความสงสัยว่า เหตุใดจึงต้องนำข้าวของมาส่งที่หน้าหุบเหวแห่งนี้เพราะไม่น่าจะมีผู้ใดอาศัยอยู่ เนื่องจากบ้านเรือนสักหลังก็ไม่มี ผู้เฒ่าหยางจึงได้แต่งเรื่องบอกกล่าวเช่นนั้นไป แต่ก่อนที่จะได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปหุบเหวนั้น ท่านผู้เฒ่าก็ไม่ลืมแวะไปที่ร้านขายตำรา เพื่อจัดซื้อตำราไปสอนแก่หลงเอ๋อน้อยของเรา
เมื่อไปถึงท่านผู้เฒ่าได้กล่าวถามกับเถ้าแก่ร้านค้าตำราว่า
" นี้เถ้าแก่ ร้านท่านมีตำราเกี่ยวกับด้านไหนบ้างหรือ " เมื่อกล่าวจบก็มองไปทางเถ้าแก่ซึ่งเป็นชายชราเช่นเดียวกับตน แต่แลดูแก่กว่าตนเองมาก เมื่อได้เห็นดังนั้น ผู้เฒ่าหยางจึงคิดในใจ ดูแก่กว่าข้าอีกนะเนี่ยเถ้าแก่ผู้นี้ แต่ดูถ้าแล้วจะอายุน้อยกว่าข้า แต่กับดูแก่ชราราวกับอายุเป็นร้อยปีซะอย่างนั้น ฮ่า ฮ่า ฮ่า
" ตำราในร้านของเรานั้นมีทุกอย่างนั้นแหละ นายท่านต้องการแบบไหนหละ " เมื่อได้ยินลูกค้าถาม เถ้าแก่ร้านขายตำราก็ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
" อืมมมมม ถ้างั้นข้าขอเหมาหมดทั้งร้านของท่านเลยก็แล้วกันนะ ว่ามาเลยราคาเท่าไหร่ "
ท่านผู้เฒ่าผู้มากด้วยทรัพย์ในขนาดนี้ได้กล่าวออกไป ราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
... . .. . !! !
เถ้าแก่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกตะลึง นิ่งค้างไปเลยทีเดียว แต่ชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แล้วกล่าวถามออกมาด้วยเสียงที่เจือปนอาการตกตะลึงอยู่ไม่น้อยว่า
" ท่ า า ท่านแน่ใจนะว่า จ ะ จะ จะซื้อทั้งร้าน ?? "
" ก็แน่ใจหนะสิ ถึงได้บอก ทำไมหรือ หรือว่าท่านจะไม่ขาย ?? " ท่านผู้เฒ่าตอบกลับ
" เอ่อ อ อ ก็เปล่า ข้าแค่ตกใจมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง ต้องขออภัยท่านด้วย นายท่าน " เถ้าแก่รีบตอบกลับ เพราะกลัวว่าจะเสียลูกค้ารายใหญ่ไป
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจดี ว่ามาเลย ว่าตำราทั้งหมดในร้านของท่านมันเท่าไหร่กัน ข้าเองก็ยิ่งรีบๆอยู่ " ผู้เฒ่าหยางเร่งเถ้าแก่ร้านขายตำรา
" ได้ได้ได้ ข้าจะรีบจัดให้เดี๋ยวนี้ . . ... . .. . ทั้งหมด 150 ตำลึงทอง ขอรับนายท่าน"
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้เฒ่าหยางก็นำตั๋วเงินที่ได้ไปแลกมา ยื่นให้กับเถ้าแก่ไปทั้งสิ้น 175 ตำลึงทอง " เอา !! นี้ รับไป " เถ้าแก่ร้านขายตำรา รับมาก็ตรวจนับดู
" เอ๊ะ !! นะ นะนี นี้มันเกินมาตั้ง 25 ตำลึงนะ นายท่าน " เถ้าแก่พูดอย่างตกใจ
" ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่เกินหรอก อีก 25 ตำลึงนั้น ข้าให้เป็นค่าขนส่งหนะ ข้าจะให้เถ้าแก่ นำไปส่งให้ข้าที่หน้าหุบเหวลึก ท่านคงรู้จักนะ " ท่านผู้เฒ่ากล่าว
" ข้ารู้จัก หุบเหวที่อยู่ทางด้านใต้ของหมู่บ้านที่ถูกทำลายไปใช่มั้ยหละ ?? " เถ้าแก่ร้านตอบกลับ พร้อมถามให้แน่ใจ
" ใช่แล้วหละ ที่นั้นแหละ แต่ว่าขอให้เถ้าแก่ส่งไปตอนกลางคืนนะ คืนนี้ยามสามแล้วกัน ข้าจะไปรออยู่ที่นั้น แล้วก็ไม่ต้องถามเหตุผลนะ แล้วอีกอย่างตอนไปส่งก็อย่าให้ใครเห็นละ ข้าไม่อยากมีปัญหา "
" อ้อ อีกอย่าง ถ้าท่านบิดพลิ้วไม่ยอมไปส่งของตามที่ตกลงกันไว้ และมีผู้อื่นล่วงรู้ว่าเถ้าแก่ขนของไปที่ไหน ท่านจะเป็นเหมือนสิ่งนี้ !! จำไว้หละเถ้าแก่ หือ หือ หือ " ผู้เฒ่าหยางกล่าวกำชับพร้อมกับซัดฝ่ามือไปยังกระถางต้นไม้ขนาดใหญ่ กระถางต้นไม้รวมถึงดินที่อยู่ในกระถาง ถึงกับแตกละเอียดเป็นผุยผงบอก โดยไม่มีเสียงดังซักกระพี้เดียว
เมื่อเถ้าแก่เห็นดังนั้นก็ถึงกับเหงื่อตก พร้อมกับรีบกล่าวตอบรับอย่างสุภาพทันที ด้วยความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก เพราะตนก็อายุยังไม่มากเท่าไร เพียงแค่ 55 ปีเท่านั้นเอง ยังใช้ชีวิตไม่คุ้มค่าเลย จึงไม่อยากตายจากไปก่อนเวลาอันควร (เนื่องจากยังไม่มีภรรยา)
" ได้ขอรับ ได้ขอรับ ข้าจะทำให้เรียบร้อยเป็นอย่างดี จะไม่มีผู้ใดรับรู้เด็ดขาด "
" ดี งั้นที่เหลือข้าก็ฝากไว้ด้วยแล้วกัน ส่วนถ้ามีหนังสืออะไรใหม่ๆหรือที่น่าสนใจ ก็ฝากท่านเก็บไว้ด้วยแล้วกันนะ หวังว่าเราคงจะได้ซื้อขายกันไปอีกนาน " เมื่อผู้เฒ่าหยางกล่าวจบก็เดินออกไปจากร้านทันที แต่ที่ยังได้ยินเสียงของเถ้าแก่ที่กล่าวลากับตนเองอยู่ดี
" ขอรับ ข้าก็หวังเช่นนั้นขอรับ ขอบพระคุณมากขอรับนายท่าน " หลังกล่าวจบ เถ้าแก่ก็ถึงกับทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงทันที เห้อออออออออ เสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนของเถ้าแก่ดังออกมา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น