ผีพรายในพระราชวังสวนดุสิต - ผีพรายในพระราชวังสวนดุสิต นิยาย ผีพรายในพระราชวังสวนดุสิต : Dek-D.com - Writer

    ผีพรายในพระราชวังสวนดุสิต

    โดย benzaha

    ยังมีเรื่อง "ผี" อยู่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นภายในรั้ววังสมัยรัชกาลที่ 5

    ผู้เข้าชมรวม

    706

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    706

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 พ.ค. 49 / 10:31 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
           ครั้งที่พระองค์ท่านย้ายวังมาประทับที่พระราชวังดุสิต ในรัชสมัยของพระองค์ท่านพระราชวังวสวนดุสิต ปลูกสร้างเสร็จใหม่ๆว่ากันว่าสวยงามราวเมืองสวรรค์ ภายในรอบบริเวณพระราชวังอบอวลไปด้วยหมู่ไม้ดอก ไม่ผล ร่มครึ้ม ทั่วบริเวณวัง
      ผลหมากรากมในพระราชวังแห่งนี้ออกดอก ออกผลลูกเล็กลูกใหญ่ ห้อยระย้าเต็มต้น มีทั้งฝรั่ง ทับทิม มะม่วง กระท้อน ฯลฯ เมื่อผลไม้มีมากมายเช่นนี้ก็ย่อมเป็นที่ต้องการของชาววังมือดีทั้งหลาย ทั้งๆที่เป็นของที่อยู่ในเขตพระราชฐาน ผลไม้หลายๆต้นยังถูกสอยเอาไปรับประทานเป็นจำนวนไม่น้อยและเป็นประจำจนผิดสังเกต แถมผลไม้หลายๆลูกยังพบร่องรอยของฟันแทะไว้เป็นหลักฐานอีกด้วย
      ครั้งนั้น เรื่องขโมยผลไม้ในวังกลายเป็นเรื่องใหญ่ถึงขนาด รัชกาลที่ 5 ต้องเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง และตรัสว่าไม่น่าจะใช่รอยฟันของกระรอก กระแต น่าจะเป็นรอยฟันของคนมากัดแทะเสียมากกว่า เห็นจะต้องหาตัวหัวขโมยมาลงโทษให้ได้ จึงมีการตั้งรางวัล ในการจับขโมย เป็นเงินถึง 2 ตำลึงในสมัยนั้น
      จึงกลายเป็นว่าตกกลางคืน บรรดาข้าหลวงนางกำนัลและมหาดเล็กก็ไม่ต้องหลับต้องนอนกัน เพราะต้องคอยมาดักซุ่มจับขโมยหวังเงินรางวัล และการมาซุ่มจับก็จะมาอยู่กันเป็นกลุ่มๆ หลายคืนผ่านไปก็ยังไม่มีใครท้อ เพราะต่างก็อยากจะรู้ว่าใครกันคือหัวขโมยใจกล้าผู้นั้น
      แต่ในยามดึกๆเช่นนั้นทั่วทั้งวังก็เงียบเย็น และวังเวง ทำให้พวกที่มาดักจับขโมยรู้สึกหวาดๆอยู่เหมือนกันเพราะที่วังแห่งนี้ร่ำลือกันมานานแล้วว่ามักจะมีผีเด็กไว้ผมจุกออกมาวิ่งเล่นตอนดึกอยู่บ่อยๆ ใครดวงดีก็จะได้เห็น!
      การดักจับขโมยยังคงดำเนินอยู่ ทุกคืน บางคืนก็เจอเรื่องให้ขำเมื่อต่างฝ่ายต่างมีหลายกลุ่ม หลายตำหนัก ลงมาซุ่มจับขโมยแล้วมีการสงสัยจับกันเองระหว่างพวกที่มาซุ่มจับ จนเกิดอลเวงไปทั้งวัง เพราะที่แท้แล้วไม่ใช่กลายเป็นพวกเดียวกัน และขนาดช่วยกันดักจับอยู่ทุกคืน ยังน่าประหลาดที่ผลไม้ก็ยังหายอยู่เช่นเดิม แถมบางลูกห่อกระดาษไว้อย่างดีก็ยังถูกเด็ดไปจนได้
      กระทั่งคืนหนึ่ง เล่ากันว่าเป็นคืนเดือนมืด ทั่วทั้งพระราชวังเงียบสงัด แต่พวกชาววังก็ยังซุ่มล่าหัวขโมยอยู่เช่นเดิม ชาววังกลุ่มหนึ่งมาแอบซุ่มอยู่ใกล้ต้นฝรั่งซึ่งกำลังออกผลเต็มต้น ใกล้จะสุกเก็บกินได้แล้ว และต้นนี้เองเป็นต้นเดียวกับที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 เคยทอดพระเนตรพบรอยแทะทิ้งไว้
      คืนนั้นพอดึกสงัดก็ปรากฏมีเสียงประหลาด พร้อมมีเงาดำๆวิ่งผ่านไปทางต้นฝรั่ง ทำให้ชาววังผู้ล่าหัวขโมยใจเต้นระทึก คาดว่าจะต้องเป็นหัวขโมยที่หวังจะจับแน่แล้ว จึงพากันแอบซุ่มมอง ทันใดก็เห็นเจ้าของร่างนั้นปีนขึ้นไปบนต้นฝรั่งนั่งกัดฝรั่งเคี้ยวกินอย่างกระหายหิว พวกล่าจับหัวขโมยพากันดีใจกรูเข้าไปล้อมรอบโคนต้นฝรั่ง หวังจะดูหน้าหัวขโมยให้ชัดๆซะที ต่างจึงพากันร้องเรียกขู่ให้หัวขมายลงมาจากต้นฝรั่ง เจ้านั่นก็ยังไม่ยอมลงมา ร้องเรียกอยู่นานจนในที่สุดเงาดำบนต้นก็กระโดดตูมลงมา ข้าหลวงชายพากันตะครุบจับแต่ก็จับไม่ได้เพราะตัวลื่นเป็นเมือกแถมยังว่องไว ปราดเปรียว ผิดปกติมนุษย์ธรรมดา
      ฉับพลันทันใดก่อนที่ใครจะคาดคิดเจ้าหัวขโมยรายนี้ก็กระโจนพรวดเดียวลงไปในสระอโนดาตภายในพระราชวัง แล้วจมหายไม่ขึ้นมาอีกเลย งานนี้ทุกคนเลยชวดเงินรางวัล เพราะไม่มีใครสามารถจับขโมยที่ไวดุจปรอทคนนี้ได้เลย นอกจากจะจับไม่ได้แล้ว แม้แต่หน้าก็ยังไม่มีใครได้เห็น มีสิ่งเดียวที่ทุกคนสัมผัสได้คือ กลิ่นตัวที่สาปรุนแรง คล้ายกลิ่นคนตาย ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่หัวขโมยโดดหายลงไปในน้ำแล้ว ทุกคนจึงได้สติว่า ถูก "ผีหลอก" แล้วพากันวิ่งหนีร้องเสียงดังลั่นขวัญกระเจิง

       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×